มาจัดอันดับภาพยนตร์ในดวงใจของทุกคนกันดีกว่าค่ะ

สวัสดีค่ะ วันนี้ว่าง งานการไม่ทำ (แฮ่) เลยอยากมาจัดอันดับภาพยนตร์ทุกๆแนวที่เราชอบ แบบดูซ้ำๆก็ไม่เบื่อให้ทุกคนอ่านกันค่ะ

           อ่านเสร็จรบกวนทุกท่านช่วยแชร์ภาพยนตร์ที่คุณชื่นชอบกันด้วย เผื่อเราจะได้ไปลองหามาดูมั่ง





1. The Blue Lagoon (1980) ปีพ.ศ.2523

.....เป็นหนังที่ถือว่าเป็นแนวใหม่สำหรับสมัยนั้น พล็อตเรื่องเกี่ยวกับเด็ก 2 คน อายุประมาณ 7 ขวบ (ริชาร์ด(ผช) เอ็มเมอลีน(ผญ)) 2คนนี้เป็นญาติกันและได้โดยสารเรือใหญ่ข้ามมหาสมุทรเพื่อไปซานฟรานซิสโก  แต่เกิดเหตุไฟไหม้เรือทำให้ต้องหนีออกมาจากเรือใหญ่ โดยมาพร้อมกับพ่อครัวของเรือ สุดท้ายไปติดอยู่ที่เกาะแห่งหนึ่ง

      พ่อครัวได้สอนให้เด็กๆรู้จักสร้างบ้าน หาอาหารและการใช้ชีวิตในด้านต่างๆบนเกาะแห่งนี้  ไม่นานนักพ่อครัวก็ได้จากไปด้วยการเมาจมน้ำตาย  เด็กทั้ง2จึงต้องใช้ชีวิตกันเองบนเกาะแห่งนี้ จวบจนพวกเขาโตเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์

      เอ็มเมอลีนมีประจำเดือนครั้งแรก เธอตกใจมากว่าทำไมไม่มีแผลแต่เลือดออกมาได้

      ริชาร์ดรู้สึกว่าร่างกายตนเองเปลี่ยนไป มีขนขึ้นตามแขนขา


ตอนที่ทั้งสองเพิ่งหลงมาที่เกาะใหม่ๆ

      ทั้งสองคนเติบโตเข้าสู่วัยหนุ่มสาวด้วยการเรียนรู้มันด้วยตัวเอง ไม่มีใครบอกหรือสอนสั่ง จากความรักแบบพี่น้องเมื่อสัญชาตญาณธรรมชาติเรียกหา ความผูกพันจึงก่อเกิดเป็นความรักแบบหนุ่มสาว เกิดสัญชาตญาณในการสืบพันธุ์ จนกระทั่งเอ็มเมอลีนตั้งท้อง แต่ด้วยความที่ไม่มีผู้ใหญ่เป็นแบบอย่างหรือสั่งสอน เธอจึงไม่เข้าใจว่าที่ดิ้นๆอยู่ในท้องนั้นคืออะไร ริชาร์ดเองก็ไม่เข้าใจเช่นกัน

      จนวันหนึ่งเมื่อเอ็มเมอลีนเจ็บท้องใกล้คลอด ด้วยสัญชาตญาณ เธอเบ่งลูกออกมา สร้างความประหลาดใจให้แก่คนทั้ง2เป็นอย่างมาก

ริชาร์ด: ทำไมเธอถึงมีเด็กออกมาล่ะ

เอ็มเมอลีน: ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน


ตอนที่ทั้งสองมีลูกด้วยกัน

      หนังถ่ายทอดออกมาให้เห็นถึงความไร้เดียงสาใสซื่อและบริสุทธิ์  ในตอนแรกที่ลูกร้องไห้เพราะหิว ริชาร์ดและเอ็มเมอลีนไม่รู้ว่าเด็กทารกต้องดื่มนมจากอกแม่ พวกเขานำน้ำมะพร้าวกับผลไม้มาป้อนลูก แต่ลูกไม่หยุดร้อง ด้วยสัญชาตญาณของความเป็นแม่ เอ็มเมอลีนจึงอุ้มลูกแนบอก สุดท้ายทารกนั้นก็ดูดนมแม่ตามธรรมชาติ สร้างความฉงนงงงวยให้กับทั้ง2คนเป็นอย่างมาก

      ตัวนักแสดงถ่ายทอดอารมณ์ได้ดี เล่นได้สมจริงทั้งยังแสดงออกถึงความใสซื่อแบบเด็กได้แบบไม่มีที่ติ ฉากทะเลของหนังเรื่องนี้ก็สวยมากๆ เป็นหนังที่ดูแล้วรู้สึกว่าไม่น่าเบื่อ แต่ละฉากแต่ละตอนจะแสดงถึงการเรียนรู้การเปลี่ยนแปลงทางสรีระและอารมณ์ของเด็กทั้งสอง สาระอยู่ที่ว่า คนเราจะมีการใช้ชีวิตอย่างไรเมื่อต้องเติบโตขึ้นมาโดยไม่มีใครสอนสั่ง มีการเปลี่ยนแปลงตามธรรมชาติอย่างค่อยเป็นค่อยไป รวมถึงการเรียนรู้ในเรื่องของความรักและความผูกพันที่ค่อยๆก่อกำเนิดขึ้นทีน้อย




2. "Friends" ค.ศ.1971

.....เป็นภาพยนตร์แนวโรแมนติก-ดราม่า ซึ่งตัวหนังบอกเล่าถึงเรื่องของ พอล เด็กชายอายุ15ปี ลูกของเศรษฐีใหญ่ในมหานครปารีส ที่ไม่ค่อยได้รับความอบอุ่นจากพ่อเพราะพ่อมีภรรยาใหม่ และ มิเชล เด็กสาววัย14ปี ที่ต้องย้ายเข้ามาอยู่กับพี่สาวในปารีส

     เด็กทั้งสองคนได้มาเจอกันที่สวนสัตว์แห่งหนึ่งโดยบังเอิญ ทั้ง2พูดคุยกันถูกคอและต่างเล่าเรื่องราวปัญหาชีวิตของกันและกันให้ฟัง  ไม่นานนักทั้งสองจึงวางแผนที่จะหนีออกจากบ้านไปใช้ชีวิตกันเองในชนบท ซึ่งเป็นบ้านเก่าของพ่อมิเชลนั่นเอง

     ในตอนแรกทั้งสองตกลงกันว่าจะอยู่ด้วยกันแบบเพื่อน แยกห้องนอนกัน พอลมีหน้าที่ออกไปหาอาหารและมิเชลจะคอยอยู่ดูแลบ้าน  จากความสัมพันธ์แบบเพื่อนเริ่มพัฒนากลายเป็นความรัก ด้วยความไร้เดียงสาของทั้งสองบวกกับสัญชาตญาณธรรมชาติในการอยู่ร่วมกันของหญิงชาย นั่นทำให้มิเชลตั้งครรภ์ในที่สุด


พาลูกไปทำพิธีที่โบสถ์

      พอลออกหางานทำและได้ทำงานที่โบสถ์แห่งหนึ่ง มิเชลตั้งใจจะคลอดลูกเอง โดยไปซื้อหนังสือคู่มือการคลอดลูกมานั่งศึกษากับพอล และในที่สุดทั้งสองก็สามารถทำให้ลูกออกมาลืมตาดูโลกได้สำเร็จ หนังปิดฉากด้วยการโบกมือลาของพอลต่อมิเชลและลูก จากนั้นพอลตรงไปทำงานและถูกลูกน้องของพ่อเขาตามหาตัวเจอและจับกลับไปปารีสในที่สุด

.....ตัวหนังมีต่อภาค2
เราชอบภาพยนตร์เรื่องนี้ ไม่ใช่เพราะภาพสวยหรืออะไรนะ แต่ชอบฟีลการแสดงของเด็กทั้ง2คน คือไร้เดียงสามาก ชอบฉากอ่างอาบน้ำ ฉากที่เถียงกันและไล่กันออกจากบ้าน  ฉากที่พาลูกไปทำพิธีที่โบสถ์ ตัวหนังบ่งบอกถึงปัญหาครอบครัวของวัยรุ่นได้อย่างชัดเจน ชี้ให้เห็นถึงความคิดของวัยรุ่นว่ามีความรู้สึกกดดันและอยากเป็นอิสระ ทั้งยังแสดงถึงความรับผิดชอบที่มีต่อลูกในท้อง แม้ว่าจะไม่มีเงินมากพอก็ตามแต่พวกเขาก็ตั้งใจที่จะสร้างครอบครัวที่อบอุ่น