***สวัสดีค่ะเพื่อนๆ ห้องราชดำเนินทุกคน***
กระทู้นี้ เป็นมุมพักผ่อน มุมนี้ไม่มีสี ไม่มีกลุ่ม.........แต่มีเสียง...................
ห้องเพลงคนรากหญ้าเปิดขึ้นมามีวัตถุประสงค์ เพื่อ
1. มีพื้นที่ให้เพื่อนๆ ได้มาพบปะ พูดคุยระหว่างกัน ในภาวะที่ต้องระมัดระวังการโพสการเมืองอย่างเคร่งครัด
2. เป็นพื้นที่ พักผ่อน ลดความเครียดทางการเมือง ให้เพื่อนๆ มีกิจกรรมสนุกๆ ร่วมกัน
3. สร้างมิตรภาพและความปรองดอง ซึ่งเราหวังให้สังคมไทยเป็นเช่นนี้ แม้นคิดต่างกัน แต่เมื่อคุยกันแล้วก็เป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม
กระทู้ห้องเพลงเป็นกระทู้เปิด มิได้ปิดกั้นผู้หนึ่งผู้ใด "ขอให้มาดี เราคือเพื่อนกัน" ซึ่งก็เหมือนกับกระทู้ทั่วไป ที่เราไม่จำเป็นต้องทราบว่า User ท่านไหนเป็นใครมาจากไหน ...ดังนั้น หากมีบุคคลใดที่มีการโพสสิ่งผิดกฎหมายและศีลธรรมอันดีของสังคมนั้น หรือสิ่งรบกวนใดๆ ในบอร์ด เป็นเรื่องส่วนบุคคล ทางห้องเพลงจึงขอแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งสิ้น
วันนี้ได้ย้อนกลับไปดูกระทู้หนึ่งในห้องเรียนคนรากหญ้าที่เคยตั้งไปเมื่อปีก่อนโน้น
http://pantip.com/topic/34235266
เรื่อง
“เท้าดอกบัว” ค่านิยม ความงาม ความเจ็บปวด และการสูญเสียอิสรภาพ แล้วเพิ่งเห็นว่าแชร์เฟส 1.3 พัน
ก็ตกใจมาก อยากจะร้องกรี๊ด รู้สึกดึใจ มีกำลังใจ และขอบคุณผู้อ่านทุกๆ ท่านเป็นอย่างสูงค่ะ งั้นมาเล่าย่อๆ อีกครั้ง
เวลาเราดูหนังจีนบางทีจะเห็นฉากที่สาวๆ ในเรื่อง (ที่ไม่ใช่พวกจอมยุทธหญิงนะ) ถือผ้าเช็ดหน้าค่อยๆ เดินกรีดกราย
โยกย้าย เยื้องย่าง บางทีดูเดินตัวเอียงไปมา จนคิดว่าเขาคงทำเพื่อให้ดูอ่อนช้อยเป็นกุลสตรีมั้ง
แต่ที่จริงแล้วเขาต้องการจะสื่อถึงการเดินแบบนั้นจริงๆ ของผู้หญิงจีนในสมัยโบราณ เพราะเธอเหล่านั้นมีเท้าดอกบัว
เท้าดอกบัว
เท้าดอกบัว (Lotus Feet หรือ Feet Binding) เป็นค่านิยมของหญิงงามชาวจีนในยุคศตวรรษที่ 10 ที่จะมัดเท้าให้มีขนาดเล็ก
มีการตั้งเกณฑ์ว่า หากเท้าผู้ใดยาวไม่เกิน 3 นิ้วจะเรียกว่าเป็นเท้าดอกบัวทองคำ ถ้ายาวกว่า 3 นิ้วแต่ไม่เกิน 4 นิ้วเรียกว่าเท้าดอกบัวเงิน
หากยาวกว่า 4 นิ้วก็จะถูกลดชั้นเป็นดอกบัวเหล็ก สรุปคือยิ่งเท้าเล็กยิ่งสวย ว่าแต่เท้ายาว 3 นิ้ว ซินเดอเรลล่าชิดซ้ายไปเลย - -"
ในสมัยนั้นผู้ที่ไม่ได้มัดเท้าหรือมีเท้าใหญ่แทบไม่มีโอกาสได้แต่งงาน และมักได้รับการดูถูกเหยียดหยาม ชายที่ร่ำรวยจะแต่งงาน
กับสตรีที่มัดเท้าเพื่อเป็นหน้าเป็นตา ส่วนสตรีที่มีโอกาสมัดเท้าก็คือพวกคุณหนู ชนชั้นสูง หรือลูกเศรษฐี
ที่มาเท้าดอกบัว ค่านิยมที่สตรีไม่ได้เป็นผู้เลือก
หลายคนคงกำลังเอาไม้บรรทัดมาวัดความยาวเท้าตัวเองแล้วล่ะ 3 นิ้วเนี่ยมันเท้าเด็กทารกชัดๆ แล้วทำไมคนจีนสมัยนั้น
ถึงมีค่านิยมมัดเท้าให้เล็กขนาดนั้นล่ะ มีหลายความเชื่อ หลายกระแส
สมัยราชวงศ์ถังใต้ มีกษัตริย์องค์หนึ่ง ทรงพระนามว่า หลี่โฮ่วจู่ มีนิสัยชอบอ่านหนังสือ มีฝีมือด้านอักษรศาสตร์ และจิตรกรรม
แต่กลับขาดความสามารถด้านการปกครองประเทศ พระองค์ทรงมีพระสนมนางหนึ่งใช้ผ้าพันเท้าให้โค้งงอดั่งพระจันทร์เสี้ยว
นางสวมถุงเท้าขาว เต้นรำอ่อนช้อยงดงามอยู่บนดอกบัวที่ทำด้วยทองคำสูง 6 ฟุต ลอยละล่องดุจเทพธิดา ทำให้นางได้รับ
ความรักใคร่เอ็นดูจากโฮ่วจู่เป็นอย่างมาก นางสนมอื่นๆ จึงทำบ้างเพราะอยากเป็นที่โปรดปรานของฮ่องเต้ จากในวังความนิยม
ก็จะยิ่งรุนแรงแพร่ระบาดไปนอกวัง คนสมัยต่อมาใช้คำ "จินเหลียน (ดอกบัวทอง)" มาบรรยายเท้าเล็กของหญิงสาว
จากนั้นเป็นต้นมา กระแสนิยมมัดเท้าภายใต้การริเริ่มของนักปกครองในสมัยศักดินา ก็ได้สืบทอดต่อๆกันมา ยุคแล้วยุคเล่า
บางกระแสก็บอกว่า การรัดเท้าเป็นแผนที่ผู้ชายสมัยนั้นคิดขึ้นได้อย่างแยบยล เนื่องจากในสมัยนั้นจักรพรรดิหรือบรรดาเศรษฐี
เกรงว่าเหล่านางสนม หรือนางบำเรอ ที่มีเท้าปกติดี จะหลบหนีได้อย่างสะดวกสบาย อย่ากระนั้นเลยจึงสร้างค่านิยมนี้ขึ้นมา
และเหมือนจะได้ผลจริงๆด้วย
ความงามผิดธรรมชาติที่แลกมาด้วยความเจ็บปวด
เพราะความเชื่อที่ว่าสตรีที่มีเท้างามจะมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี มีชายที่ร่ำรวยมาสู่ขอ หรือไม่ก็เป็นนางบำเรอของคหบดีที่ร่ำรวย
หากว่าเด็กหญิงเหล่านั้นไม่ยอมรัดเท้าตามที่พ่อ แม่ ต้องการก็จะถูกเฆี่ยนตี ดุด่า อย่างทารุณ โตขึ้นก็ไม่มีใครขอแต่งงาน
ทำให้เมื่อเด็กหญิงชาวจีนมีอายุตั้งแต่ 5 ปีขึ้นไป จะเริ่มถูกมัดเท้าด้วยผ้าไหมหรือผ้าฝ้าย อย่างแน่นหนา ผู้ที่ทำหน้าที่รัดเท้า
คือ แม่ ย่า หรือผู้ที่มีอาชีพรัดเท้าโดยเฉพาะ ส่วนมากแม่จะทำไม่ลง เพราะทนเห็นลูกเจ็บปวดทรมานไม่ไหว
หลายคนคิดว่าการมัดเท้าก็แค่ใช้ผ้ามาพันๆ แต่เปล่าเลยค่ะ มันเป็นการทรมานผู้หญิงอย่างร้ายกาจที่เดียว ขั้นตอนก็คือ
- ก่อนที่จะรัดเท้านิ้วเท้าเหล่านี้จะต้องถูกหักให้เสียรูปเสียก่อน โดยการพับนิ้วเท้าทั้ง 4 ให้ไปรวมกันที่ฝ่าเท้า?
- บางรายต้องการให้การรัดเท้าเป็นไปอย่างรวดเร็ว ก็จะบังคับให้เด็กตัวน้อยๆเหล่านี้ ไปเดินย่ำบนก้อนหิน
ซึ่งเป็นเสมือนเครื่องบดกระดูกเท้าอย่างดี
- เท้าจะถูกชโลมด้วย น้ำยาอ่อนสูตรพิเศษ ที่มีส่วนผสมของสมุนไพร และเลือดสัตว์ น้ำยานี้จะทำให้เท้าอ่อนลง
เพื่อง่ายต่อการมัดเท้าให้เล็ก
- เล็บเท้าจะถูกถอดออก เพื่อป้องกันการงอกใหม่ และป้องกันการติดเชื้อที่บริเวณนิ้วเท้า
- เขาจะใช้ผ้าแถบยาวรัดนิ้วเท้าทั้งหมด ยกเว้นนิ้วหัวแม่โป้ง
- ผ้าที่รัดเท้าตั้งแต่กระดูกยังไม่เติบโตเต็มที่ จะขัดขวางการเจริญเติบโตของกระดูกและนิ้วเท้า นานวันเข้าฝ่าเท้าก็จะยุบตัวเข้า
หลังเท้าก็โก่งงุ้ม ปลายนิ้วทั้งสี่ก็หักงอเข้าไปทางส้นเท้า
กว่ารูปเท้าจะได้รูปทรงที่ต้องการ กระดูกเท้าของเด็กหญิงที่น่าสงสารเหล่านี้หักจนนับไม่ถ้วนครั้ง
บางรายต้องตัดนิ้วเท้าทิ้ง เนื่องจากแผลเป็นหนอง ติดเชื้ออักเสบเรื้อรัง บางรายก็ต้องช็อคตายอันเนื่องมาจากความเจ็บปวด
OMG!!! เขียนกระทู้มาถึงตรงนี้รู้สึกจะเป็นลมและโชคดีเหลือเกินที่ค่านิยมดังกล่าวหมดไปแล้ว
สิ้นสุดความเชื่ออันสูงส่งของผู้ชาย หยุดฝันร้ายของผู้หญิง
ประเพณีการรัดเท้าถูกยกเลิกในศตวรรษที่ 20 พร้อมกับการล่มสลายของจักรพรรดิจีน การรัดเท้ากลายเป็นเรื่องผิดกฏหมาย
และจากการสำรวจในปี 2001 พบว่า มีหญิงชาวจีนไม่ต่ำกว่าล้านคนที่ผ่านประสบการณ์การรัดเท้าอันขื่นขมมาแล้วทั้งนั้น
เมื่อญี่ปุ่นเข้ามารุกรานจีน หญิงชาวจีนส่วนใหญ่ต้องถูกข่มขืนบ้าง ฆ่าตายบ้าง ก็เนื่องมาจากเท้าดอกบัวทองสองข้างนี้แหละ
ที่ทำให้เธอแม้แต่เดินก็ยังเดินไม่ได้เลย เรื่องจะวิ่งหนีเพื่อเอาตัวรอดก็ลืมไปได้เลย
ครั้งหนึ่งคุณยายเหล่านี้เคยได้รับคำชมเรื่องเท้าที่มีขนาดเล็กและสวยงาม โดยแลกมาด้วยความเจ็บปวด เลือดและน้ำตา
ต่อมาสังคมเปลี่ยนแปลงไป คุณยายเหล่านี้ก็ต้องแบกรับความอับอายจากมุมมองคนรุ่นใหม่ที่ว่าเท้าดอกบัวเป็นผลพวงของ
ประเพณีที่โหดร้าย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ขอบคุณแหล่งข้อมูลและภาพประกอบ
http://teen.mthai.com/variety/49551.html
http://www.meekhao.com/news/woman-in-china
http://webboard.horoworld.com/topics/9311-1-1-%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%A7.html
http://writer.dek-d.com/ritabunny/story/view.php?id=426292
http://www.oknation.net/blog/amornkrampff/2008/02/24/entry-4
...........................................................
บทสรุปและวิเคราะห์เปรียบเทียบ
1. ในยุคสมัยหนึ่งที่มีความเชื่อว่าสตรีหากต้องการมีอนาคตที่ดี เป็นที่รักใคร่ของสามี เป็นที่เชิดหน้าชูตาในสังคม
ต้องมีเท้าที่เล็ก ต้องหักกระดูกทนทุกข์กับความเจ็บปวดเพียงเพราะความกดดันทางสังคม แล้ววันนี้โลกเปลี่ยนแปลงไป
หากถามคงไม่มีใครคิดแบบนั้นแน่ๆ
แล้วทำไมปัจจุบันคนบางกลุ่มกลับยินดีถูกพันธนาการ บีบรัดสิทธิของตัวเอง ??
2. เด็กหญิงต้องทนทุกข์กับการหักกระดูกจัดให้ได้รูปแล้วพันผ้าไว้ แรกๆ เจ็บปวดเจียนตาย เมื่อเวลาผ่านไป
ผ้าที่รัดไว้ทำให้หยุดยั้งการเติบโตของโครงสร้างเท้าและกระดูก ความเจ็บปวดเริ่มกลายเป็นความเคยชิน
เท้าคงสภาพไม่โตอีกต่อไป แต่ในบั้นปลายสตรีเหล่านั้นไม่สามารถทำงาน หรือเดินเหินได้อย่างปกติ ไม่แม้แต่วิ่งหนีเอาตัวรอด
การอยู่ในสภาพกดดันที่ผิดธรรมชาติ ในระยะยาวย่อมไม่เป็นผลดีกับโครงสร้างสังคมโดยรวม
3. ค่านิยมในยุคหนึ่งซึ่งเป็นที่ชื่นชมอย่างสูง แต่ปัจจุบันกลายเป็นสิ่งหนึ่งที่สร้างความอับอาย
แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าสิ่งที่บางคนชื่นชมโดยค้านสายตาคนส่วนมากในวันนี้ วันหน้าจะได้รับมุมมองเช่นไร
โลกเราหมุนไปไม่หยุดนิ่ง สิ่งดีย่อมควรรักษาดำรงไว้ สิ่งที่ส่งผลเสีย สมควรต้องปรับปรุงแก้ไข
4. ความงามที่แท้จริงคือความงามตามธรรมชาติและคุณค่าทางจิตใจ การฝืนธรรมชาติอย่างโหดร้ายสุดท้ายจะทิ้งไว้แต่ความเจ็บปวด
เพื่อมวลชน @ห้องเพลงคนรากหญ้า: covered by The Mario
ถ้าหากฉันเกิดเป็นนกที่โผบิน...
https://www.youtube.com/watch?v=m66PQxydbRk
ห้องเพลง**คนรากหญ้า** พักยกการเมือง มุมเสียงเพลง มุมนี้ไม่มีสี ไม่มีกลุ่ม...มีแต่เสียง 14/12/2016 (เท้าดอกบัวและอิสรภาพ)
***สวัสดีค่ะเพื่อนๆ ห้องราชดำเนินทุกคน***
กระทู้นี้ เป็นมุมพักผ่อน มุมนี้ไม่มีสี ไม่มีกลุ่ม.........แต่มีเสียง...................
ห้องเพลงคนรากหญ้าเปิดขึ้นมามีวัตถุประสงค์ เพื่อ
1. มีพื้นที่ให้เพื่อนๆ ได้มาพบปะ พูดคุยระหว่างกัน ในภาวะที่ต้องระมัดระวังการโพสการเมืองอย่างเคร่งครัด
2. เป็นพื้นที่ พักผ่อน ลดความเครียดทางการเมือง ให้เพื่อนๆ มีกิจกรรมสนุกๆ ร่วมกัน
3. สร้างมิตรภาพและความปรองดอง ซึ่งเราหวังให้สังคมไทยเป็นเช่นนี้ แม้นคิดต่างกัน แต่เมื่อคุยกันแล้วก็เป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม
กระทู้ห้องเพลงเป็นกระทู้เปิด มิได้ปิดกั้นผู้หนึ่งผู้ใด "ขอให้มาดี เราคือเพื่อนกัน" ซึ่งก็เหมือนกับกระทู้ทั่วไป ที่เราไม่จำเป็นต้องทราบว่า User ท่านไหนเป็นใครมาจากไหน ...ดังนั้น หากมีบุคคลใดที่มีการโพสสิ่งผิดกฎหมายและศีลธรรมอันดีของสังคมนั้น หรือสิ่งรบกวนใดๆ ในบอร์ด เป็นเรื่องส่วนบุคคล ทางห้องเพลงจึงขอแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งสิ้น
วันนี้ได้ย้อนกลับไปดูกระทู้หนึ่งในห้องเรียนคนรากหญ้าที่เคยตั้งไปเมื่อปีก่อนโน้น http://pantip.com/topic/34235266
เรื่อง “เท้าดอกบัว” ค่านิยม ความงาม ความเจ็บปวด และการสูญเสียอิสรภาพ แล้วเพิ่งเห็นว่าแชร์เฟส 1.3 พัน
ก็ตกใจมาก อยากจะร้องกรี๊ด รู้สึกดึใจ มีกำลังใจ และขอบคุณผู้อ่านทุกๆ ท่านเป็นอย่างสูงค่ะ งั้นมาเล่าย่อๆ อีกครั้ง
เวลาเราดูหนังจีนบางทีจะเห็นฉากที่สาวๆ ในเรื่อง (ที่ไม่ใช่พวกจอมยุทธหญิงนะ) ถือผ้าเช็ดหน้าค่อยๆ เดินกรีดกราย
โยกย้าย เยื้องย่าง บางทีดูเดินตัวเอียงไปมา จนคิดว่าเขาคงทำเพื่อให้ดูอ่อนช้อยเป็นกุลสตรีมั้ง
แต่ที่จริงแล้วเขาต้องการจะสื่อถึงการเดินแบบนั้นจริงๆ ของผู้หญิงจีนในสมัยโบราณ เพราะเธอเหล่านั้นมีเท้าดอกบัว
เท้าดอกบัว
เท้าดอกบัว (Lotus Feet หรือ Feet Binding) เป็นค่านิยมของหญิงงามชาวจีนในยุคศตวรรษที่ 10 ที่จะมัดเท้าให้มีขนาดเล็ก
มีการตั้งเกณฑ์ว่า หากเท้าผู้ใดยาวไม่เกิน 3 นิ้วจะเรียกว่าเป็นเท้าดอกบัวทองคำ ถ้ายาวกว่า 3 นิ้วแต่ไม่เกิน 4 นิ้วเรียกว่าเท้าดอกบัวเงิน
หากยาวกว่า 4 นิ้วก็จะถูกลดชั้นเป็นดอกบัวเหล็ก สรุปคือยิ่งเท้าเล็กยิ่งสวย ว่าแต่เท้ายาว 3 นิ้ว ซินเดอเรลล่าชิดซ้ายไปเลย - -"
ในสมัยนั้นผู้ที่ไม่ได้มัดเท้าหรือมีเท้าใหญ่แทบไม่มีโอกาสได้แต่งงาน และมักได้รับการดูถูกเหยียดหยาม ชายที่ร่ำรวยจะแต่งงาน
กับสตรีที่มัดเท้าเพื่อเป็นหน้าเป็นตา ส่วนสตรีที่มีโอกาสมัดเท้าก็คือพวกคุณหนู ชนชั้นสูง หรือลูกเศรษฐี
ที่มาเท้าดอกบัว ค่านิยมที่สตรีไม่ได้เป็นผู้เลือก
หลายคนคงกำลังเอาไม้บรรทัดมาวัดความยาวเท้าตัวเองแล้วล่ะ 3 นิ้วเนี่ยมันเท้าเด็กทารกชัดๆ แล้วทำไมคนจีนสมัยนั้น
ถึงมีค่านิยมมัดเท้าให้เล็กขนาดนั้นล่ะ มีหลายความเชื่อ หลายกระแส
สมัยราชวงศ์ถังใต้ มีกษัตริย์องค์หนึ่ง ทรงพระนามว่า หลี่โฮ่วจู่ มีนิสัยชอบอ่านหนังสือ มีฝีมือด้านอักษรศาสตร์ และจิตรกรรม
แต่กลับขาดความสามารถด้านการปกครองประเทศ พระองค์ทรงมีพระสนมนางหนึ่งใช้ผ้าพันเท้าให้โค้งงอดั่งพระจันทร์เสี้ยว
นางสวมถุงเท้าขาว เต้นรำอ่อนช้อยงดงามอยู่บนดอกบัวที่ทำด้วยทองคำสูง 6 ฟุต ลอยละล่องดุจเทพธิดา ทำให้นางได้รับ
ความรักใคร่เอ็นดูจากโฮ่วจู่เป็นอย่างมาก นางสนมอื่นๆ จึงทำบ้างเพราะอยากเป็นที่โปรดปรานของฮ่องเต้ จากในวังความนิยม
ก็จะยิ่งรุนแรงแพร่ระบาดไปนอกวัง คนสมัยต่อมาใช้คำ "จินเหลียน (ดอกบัวทอง)" มาบรรยายเท้าเล็กของหญิงสาว
จากนั้นเป็นต้นมา กระแสนิยมมัดเท้าภายใต้การริเริ่มของนักปกครองในสมัยศักดินา ก็ได้สืบทอดต่อๆกันมา ยุคแล้วยุคเล่า
บางกระแสก็บอกว่า การรัดเท้าเป็นแผนที่ผู้ชายสมัยนั้นคิดขึ้นได้อย่างแยบยล เนื่องจากในสมัยนั้นจักรพรรดิหรือบรรดาเศรษฐี
เกรงว่าเหล่านางสนม หรือนางบำเรอ ที่มีเท้าปกติดี จะหลบหนีได้อย่างสะดวกสบาย อย่ากระนั้นเลยจึงสร้างค่านิยมนี้ขึ้นมา
และเหมือนจะได้ผลจริงๆด้วย
ความงามผิดธรรมชาติที่แลกมาด้วยความเจ็บปวด
เพราะความเชื่อที่ว่าสตรีที่มีเท้างามจะมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี มีชายที่ร่ำรวยมาสู่ขอ หรือไม่ก็เป็นนางบำเรอของคหบดีที่ร่ำรวย
หากว่าเด็กหญิงเหล่านั้นไม่ยอมรัดเท้าตามที่พ่อ แม่ ต้องการก็จะถูกเฆี่ยนตี ดุด่า อย่างทารุณ โตขึ้นก็ไม่มีใครขอแต่งงาน
ทำให้เมื่อเด็กหญิงชาวจีนมีอายุตั้งแต่ 5 ปีขึ้นไป จะเริ่มถูกมัดเท้าด้วยผ้าไหมหรือผ้าฝ้าย อย่างแน่นหนา ผู้ที่ทำหน้าที่รัดเท้า
คือ แม่ ย่า หรือผู้ที่มีอาชีพรัดเท้าโดยเฉพาะ ส่วนมากแม่จะทำไม่ลง เพราะทนเห็นลูกเจ็บปวดทรมานไม่ไหว
หลายคนคิดว่าการมัดเท้าก็แค่ใช้ผ้ามาพันๆ แต่เปล่าเลยค่ะ มันเป็นการทรมานผู้หญิงอย่างร้ายกาจที่เดียว ขั้นตอนก็คือ
- ก่อนที่จะรัดเท้านิ้วเท้าเหล่านี้จะต้องถูกหักให้เสียรูปเสียก่อน โดยการพับนิ้วเท้าทั้ง 4 ให้ไปรวมกันที่ฝ่าเท้า?
- บางรายต้องการให้การรัดเท้าเป็นไปอย่างรวดเร็ว ก็จะบังคับให้เด็กตัวน้อยๆเหล่านี้ ไปเดินย่ำบนก้อนหิน
ซึ่งเป็นเสมือนเครื่องบดกระดูกเท้าอย่างดี
- เท้าจะถูกชโลมด้วย น้ำยาอ่อนสูตรพิเศษ ที่มีส่วนผสมของสมุนไพร และเลือดสัตว์ น้ำยานี้จะทำให้เท้าอ่อนลง
เพื่อง่ายต่อการมัดเท้าให้เล็ก
- เล็บเท้าจะถูกถอดออก เพื่อป้องกันการงอกใหม่ และป้องกันการติดเชื้อที่บริเวณนิ้วเท้า
- เขาจะใช้ผ้าแถบยาวรัดนิ้วเท้าทั้งหมด ยกเว้นนิ้วหัวแม่โป้ง
- ผ้าที่รัดเท้าตั้งแต่กระดูกยังไม่เติบโตเต็มที่ จะขัดขวางการเจริญเติบโตของกระดูกและนิ้วเท้า นานวันเข้าฝ่าเท้าก็จะยุบตัวเข้า
หลังเท้าก็โก่งงุ้ม ปลายนิ้วทั้งสี่ก็หักงอเข้าไปทางส้นเท้า
กว่ารูปเท้าจะได้รูปทรงที่ต้องการ กระดูกเท้าของเด็กหญิงที่น่าสงสารเหล่านี้หักจนนับไม่ถ้วนครั้ง
บางรายต้องตัดนิ้วเท้าทิ้ง เนื่องจากแผลเป็นหนอง ติดเชื้ออักเสบเรื้อรัง บางรายก็ต้องช็อคตายอันเนื่องมาจากความเจ็บปวด
OMG!!! เขียนกระทู้มาถึงตรงนี้รู้สึกจะเป็นลมและโชคดีเหลือเกินที่ค่านิยมดังกล่าวหมดไปแล้ว
สิ้นสุดความเชื่ออันสูงส่งของผู้ชาย หยุดฝันร้ายของผู้หญิง
ประเพณีการรัดเท้าถูกยกเลิกในศตวรรษที่ 20 พร้อมกับการล่มสลายของจักรพรรดิจีน การรัดเท้ากลายเป็นเรื่องผิดกฏหมาย
และจากการสำรวจในปี 2001 พบว่า มีหญิงชาวจีนไม่ต่ำกว่าล้านคนที่ผ่านประสบการณ์การรัดเท้าอันขื่นขมมาแล้วทั้งนั้น
เมื่อญี่ปุ่นเข้ามารุกรานจีน หญิงชาวจีนส่วนใหญ่ต้องถูกข่มขืนบ้าง ฆ่าตายบ้าง ก็เนื่องมาจากเท้าดอกบัวทองสองข้างนี้แหละ
ที่ทำให้เธอแม้แต่เดินก็ยังเดินไม่ได้เลย เรื่องจะวิ่งหนีเพื่อเอาตัวรอดก็ลืมไปได้เลย
ครั้งหนึ่งคุณยายเหล่านี้เคยได้รับคำชมเรื่องเท้าที่มีขนาดเล็กและสวยงาม โดยแลกมาด้วยความเจ็บปวด เลือดและน้ำตา
ต่อมาสังคมเปลี่ยนแปลงไป คุณยายเหล่านี้ก็ต้องแบกรับความอับอายจากมุมมองคนรุ่นใหม่ที่ว่าเท้าดอกบัวเป็นผลพวงของ
ประเพณีที่โหดร้าย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
...........................................................
บทสรุปและวิเคราะห์เปรียบเทียบ
1. ในยุคสมัยหนึ่งที่มีความเชื่อว่าสตรีหากต้องการมีอนาคตที่ดี เป็นที่รักใคร่ของสามี เป็นที่เชิดหน้าชูตาในสังคม
ต้องมีเท้าที่เล็ก ต้องหักกระดูกทนทุกข์กับความเจ็บปวดเพียงเพราะความกดดันทางสังคม แล้ววันนี้โลกเปลี่ยนแปลงไป
หากถามคงไม่มีใครคิดแบบนั้นแน่ๆ
แล้วทำไมปัจจุบันคนบางกลุ่มกลับยินดีถูกพันธนาการ บีบรัดสิทธิของตัวเอง ??
2. เด็กหญิงต้องทนทุกข์กับการหักกระดูกจัดให้ได้รูปแล้วพันผ้าไว้ แรกๆ เจ็บปวดเจียนตาย เมื่อเวลาผ่านไป
ผ้าที่รัดไว้ทำให้หยุดยั้งการเติบโตของโครงสร้างเท้าและกระดูก ความเจ็บปวดเริ่มกลายเป็นความเคยชิน
เท้าคงสภาพไม่โตอีกต่อไป แต่ในบั้นปลายสตรีเหล่านั้นไม่สามารถทำงาน หรือเดินเหินได้อย่างปกติ ไม่แม้แต่วิ่งหนีเอาตัวรอด
การอยู่ในสภาพกดดันที่ผิดธรรมชาติ ในระยะยาวย่อมไม่เป็นผลดีกับโครงสร้างสังคมโดยรวม
3. ค่านิยมในยุคหนึ่งซึ่งเป็นที่ชื่นชมอย่างสูง แต่ปัจจุบันกลายเป็นสิ่งหนึ่งที่สร้างความอับอาย
แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าสิ่งที่บางคนชื่นชมโดยค้านสายตาคนส่วนมากในวันนี้ วันหน้าจะได้รับมุมมองเช่นไร
โลกเราหมุนไปไม่หยุดนิ่ง สิ่งดีย่อมควรรักษาดำรงไว้ สิ่งที่ส่งผลเสีย สมควรต้องปรับปรุงแก้ไข
4. ความงามที่แท้จริงคือความงามตามธรรมชาติและคุณค่าทางจิตใจ การฝืนธรรมชาติอย่างโหดร้ายสุดท้ายจะทิ้งไว้แต่ความเจ็บปวด
เพื่อมวลชน @ห้องเพลงคนรากหญ้า: covered by The Mario
ถ้าหากฉันเกิดเป็นนกที่โผบิน...
https://www.youtube.com/watch?v=m66PQxydbRk