[CR] ทริปตูดเหล็ก 7วัน 850กิโลเมตร "ไกลไม่กลัว กลัวลูกรัง" ขี่รถเครื่องวงกลมตามเข็ม เชียงใหม่-แม่ฮ่องสอน




สวนสนบ่อแก้ว แม่โถ บ้านห้วยห้อม ทุ่งดอกบัวตอง ภูชี้เพ้อ เมืองแม่ฮ่องสอน วัดพระธาตุดอยกองมู สะพานซูตองเป้ สถานีวิจัยทดสอบพันธุ์สัตว์หน่วยปางตอง ปางอุ๋ง บ้านรักไทย บ้านจ่าโบ่ บ่อน้ำพุร้อนโป่งเดือด



นี่คือสถานที่ทั้งหมดที่เราได้เดินทางไปเมื่อวันที่ 6-12 ธันวาคม 2015 คือเวลาเดียวกันนี้เมื่อปีที่แล้วค่ะ
ทำขึ้นให้เห็นภาพคร่าวๆ ว่าวงกลมนี้ อยู่ตรงไหนบ้างของแผนที่ประเทศไทยค่ะ อาจจะไม่ละเอียดและเนี๊ยบมากเท่าไหร่





มหากาพย์ "วงกลมตามเข็มนาฬิกา เชียงใหม่-แม่ฮ่องสอน" ที่เราจะพูดถึงนี้ เราเดินทางด้วย "รถเครื่อง"
ข้อดีคือ ความชิล การเอาหน้าโต้ลม อากาศเย็นๆ ได้สูดอากาศบริสุทธิ์ไปตลอดทาง อยากจอดชมวิวตรงไหนก็ลงข้างทางแล้วก็พักกันได้เลย ดื่มดำกับภาพภูเขาสูงๆ สลับซับซ้อนตรงหน้าอยู่ตลอดเวลา เป็นการท่องเที่ยวที่เหมือนคุณได้เที่ยวอยู่ตลอดเวลา เพราะทุกนาทีที่รถผ่าน วิวตรงหน้าคุณก็จะเปลี่ยนไป มันดีจริงๆค่ะ

ส่วนข้อเสียก็มีบ้าง นั่นคือ อาจตูดระบมหน่อยค่ะ ถนนบางเส้นทีเป็นลูกรังนี่ยิ่งช้ำหนัก เจ็บปวด ..... และเมื่อยขามาก จากการยันขาไม่ให้ไหลไปกองรวมกับคนขับ รถเครื่อง บรรทุกของได้น้อย นั่งไม่สบาย แต่มันก็เป็นวิถีชาวไบค์เกอร์ ที่เราได้เลือกแล้วที่จะแลกกับความไม่สะดวกสบายเท่าไหร่ ลุยค่ะ!!!


เป้าหมายปลายทางในการเดินทางวันแรกคือ คือ พอลงเครื่องบินแล้ว ไปเช่ารถก่อน แล้วขี่ไปนอนที่ อุทยานแห่งชาติแม่โถ จ.เชียงใหม่
ถนนหลวงหมายเลข 108 ที่เริ่มต้นจาก อ.เมือง จังหวัดเชียงใหม่ ไปสู่แม่โถ ทริปนี้เราวิ่งรถ เป็นวงกลมตามเข็มนาฬิกา นั่นหมายความว่า จะไม่ย้อนกลับทางเดิม แค่เริ่มต้นวันแรกก็ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง ระยะทาง 163 กิโลเมตร

......วันแรกนี่ซอฟท์สุดแล้วค่ะ พูดเลย


รถมอร์เตอร์ไซค์ซึ่งเพื่อนได้จองเอาไว้ก่อนแล้วคือ YAMAHA NMAX ทั้ง 3คัน เช็ครถ ทำเอกสาร วางมัดจำ แล้วก็ออกเดินทาง แต่กว่าจะได้ไปก็เกือบบ่ายละ

ขอแนะนำตัวละครหลักคนที่1 ที่เป็นทั้งเพื่อนกิน เพื่อนนอน และคนขับรถส่วนตัว (เพื่อนคือคนขวา)
เราว่าถ้านางผ่านทริปนี้ไปได้เนี่ย ทริปหน้านางขับรถลุยกองไฟได้สบายๆ แล้วแหละไม่มีอะไรจะโหดไปกว่านี้แล้ว
ที่ผูกอยู่ท้ายรถนั่น คือที่สูบลมและที่ปะยางชั่วคราว เผื่อเกิดกรณีฉุกเฉิน หรือแปลได้อีกอย่างนึงก็คือ ทางมันโหดมาก และห่างไกลความเจริญมากนั่นเอง เพื่อนเรารอบคอบและวางแผนมาอย่างดี



ถนนหลวงสาย 108 ช่วงก่อนถึงอุทยานออบหลวงจะ ขนานไปกับแม่น้ำ วิวสวยมากๆแบบนี้ไปตลอดทางเลย เส้นนี้จะผ่าน อุทยานแห่งชาติออบหลวง แต่เราไม่ได้แวะ เพราะกลัวค่ำซะก่อน




ขอแนะนำตัวละครเพิ่มอีก 4คน ตามนี้เลย ทั้งหมดจะมี ชาย 2คน หญิง 4คน



สวนสน บ่อแก้ว
เราไม่แวะอุทยานแห่งชาติออบหลวง ก็เพื่อเราจะมาดูพระอาทิตย์ตกที่สวนสนแทน แสงสวยกำลังดีเชียว







นี่คือทางช่วงก่อนจะถึงอุทยานแห่งชาติแม่โถ คือวิวสวยมากจนต้องหยุดรถลงมาถ่ายกันเลย  แต่แสงใกล้จะหมดแล้วใกล้ค่ำเต็มที ต้องรีบเดินทางกันต่อค่ะ




อุทยานแห่งชาติแม่โถ

กว่าจะมาถึงก็ค่ำแล้วภาพนี้จึงถ่ายตอนเช้าของอีกวัน ตอนเรามาถึงเราไม่รู้เลยว่าวิวข้างหน้าบ้านพักวิวเป็นยังไง ไฟทางก็ไม่มี ถนนก็เป็นดินลูกลัง เกือบขับเลยบ้านพักขึ้นเขาไปไกลซะแล้ว พอตื่นเข้ามาเท่านั้นแหละ สตั้นไป 10วิ กับวิวหน้าบ้านที่เปิดประตูมาเจอ

เสียดายไม่เจอทะเลหมอก แต่อากาศก็เย็นๆค่ะ ประมาณ 10กว่าองศาได้





ถึงไม่ได้เจอทะเลหมอกก็ไม่เป็นไร ไว้ไปหาเอาข้างหน้า ยังเหลืออีกตั้ง 6 วันให้ ล่าหมอก พอกินมือเช้าเสร็จ เก็บของแล้วก็ออกเดินทางกันต่อค่ะ



คืนที่2 เราจะไปนอนโฮมสเตย์ จิบกาแฟกันที่ หมู่บ้านห้วยห้อม


ซึ่งระยะทางห่างจากแม่โถเพียงแค่ 45 กิโลเมตรเท่านั้น เมื่อวานขับมาจากตัวเมืองเชียงใหม่ตั้ง 163km เปรียบเทียบกันแล้วระยะทางแค่นี้มัน "จิ๊บๆ กระจิบกระจาบ"  ขับรถชมวิวสวยๆสินะ แค่ใกล้ๆเอง กางแขนรับลม ให้ลมเย็นตีหน้า สะบัดผมสวยๆ

..................สิ่งที่กำลัง มโน บรรทัดข้างบนนั้น.......ผิด หมด........

ถึงแม้จะเป็นถนนที่ไม่ได้ลาดยาง เป็นทางเล็กๆลัดเลาะไปตามเขาเป็นสิบเป็นร้อยลูก และไม่ค่อยมีรถผ่าน แต่ถนนเส้นนี้ก็เป็นถนนหลวงที่มีหมายเลขถนนนะจ๊ะ แผนที่ยึกๆยักๆนั่น ถ้าลองซูมดูจะเห็นว่า มันไม่มีตรงไหนเป็นทางตรงๆเกิน  300 เมตรเลย โค้งพับไปพับมา ในแผนที่จะเห็นได้ว่ามีสองทาง เราเลยถามชาวบ้านตรงแยกนั้นว่าไปทางไหนดีกว่ากัน เค้าบอกว่าทางที่เราไปนั้นใกล้กว่า ซึ่งมารู้ทีหลังว่า ถนนแย่กว่าอีกทาง ที่จริงแล้วระยะทางไกลนิดหน่อยก็ไม่เป็นไร ถ้าถนนมันดีกว่า แต่เราก็ได้แต่ปลอบใจตัวเองไปว่า ไม่เป็นไรๆ ทางสวยก็โอเค

YAMAHA NMAX สปอร์ตเมติก 155cc CVT 4 วาล์ว ระบายความร้อนด้วยน้ำเต็มระบบ พร้อมกระบอกสูบไดอะซิล ทน แกร่ง บิดอัดได้เต็มอัตรานั้น ได้กลายเป็น "มอเตอร์ไซค์วิบาก" ไปเป็นที่เรียบร้อย

45กิโลเมตรนั้น เป็นทางลาดยางเพียงแค่ช่วงต้นๆ เท่านั้น นอกนั้นเป็น ลูกรังก้อนกรวดก้อนหินขนาดเล็กบ้างใหญ่บ้าง พร้อมด้วยพื้นผิวถนนแบบพื้น ผิวบนดวงจันทร์

ตลอดเวลา 3ชั่วโมงในการเดินทางนั้น ถึงแม้ว่าก้นเรา จะมีไขมันสะสมไว้เยอะมากแล้วก็ตาม แต่มันสู้ไม่ไหวจริงๆ ไหนจะกระเป๋าสัมภาระที่ผูกไว้ข้างหลัง กินที่นั่งคนซ้อน และไม่มีที่ให้เกาะ ไหนจะเบาะรถที่อยู่ๆก็เว้าปาดลงไปหาคนขับ

ในเมื่อมือไม่มีที่ให้เกาะ สิ่งเดียวที่เราจะยันตัวไว้ ไม่ให้ไหลไปกองรวมกับเพื่อนได้ นั่นคือ "การเกร็งหน้าขากับที่เหยียบเท้า" เอาไว้ เรานี่เกร็งขาคล้ายการทำคาดิโอ้ ตลอดเวลา แถมนั่งสั่นสะเทือน งึกๆๆๆ เป็นการสลายไขมันพร้อมยกกระชับกล้ามเนื้อไปในตัว.....ถรุ้ยยย!!

จนหลังๆที่หมดแรงเกร็งแล้ว ตะคริวกินไปหลายรอบแล้ว บางทีก็ไหลไปกองกับเพื่อนข้างหน้า คือ ก็สงสารคนขับนะ ขับรถก็ยาก ทางก็เลวร้าย ต้องคอยหลบก้อนหิน ถนนก็โค้งไปโค้งมา ไหนยังต้องคอยเอาตูดดันเราไว้อีก......เราขอโทษเพื่อนรัก

45กิโล 3ชั่วโมง เรียกได้ว่า ทางโหดมาก!! แต่มันก็สวยมากๆเหมือนกัน





วิวตรงไหนสวยมาก ก็จอดรถข้างทางแล้วลงไปถ่ายรูปกัน รถสวนทางนั้นไม่ต้องพูดถึง ครึ่งชั่วโมงจะมีผ่านมาสักคัน ปลอดภัยแน่นอน
..... คือก็ไม่รู้จะทาปาก ปัดแก้ม กรีดตาออกมาแต่เช้า ไปเพื่ออะไร ปิดหน้าซะมิดเลย



แม่ลาน้อย ขึ้นชื่อเรื่องการทำนาขั้นบันได คือสวยแปลกตา ไม่เหมือนการทำนาบนที่ราบ ข้างขวาเป็นลำธาร เสียงน้ำไหลดังก้องหุบเขา ยังมีฝูงวัว และกระท่อมเล็กๆ เหมือนมีใครมาเซ็ทฉากให้เรา ถ่ายรูปยังไงยังงั้นเลย สวยมากๆ


ขับกันไปเรื่อยๆ ถนนเริ่มมีหลุมมีบ่อ ก็หลบบ้าง ลงบ่อบ้าง เพราะถ้าวิวตรงไหนสวย นางก็จะไม่ค่อยมองหลุมเท่าไหร่ ตึกตักๆ กันไป


แถวนี้มีแปลงปลูกกะหล่ำปลี บนไหล่ภูเขาหลายลูก ไกลสุดลูกหูลูกตาเลย


ขับไปๆ ถนนก็แย่ลงเรื่อยๆ นั่งสั่นสะเทือนตลอดเวลา ในใจคิดอยากได้แพมเพิ้ทผู้ใหญ่ไว้ใส่ซ้อนกันสักสามชั้น
แต่ระหว่างความปวดก้น ก็ยังมีวิวสวยๆให้เราได้ดูไปตลอดทาง ไว้คลายความปวดร้าวได้บ้าง



ถนนเป็นแบบนี้เกือบตลอดทาง ขนาดไปผ่านมาเป็นปีแล้ว นั่งดูรูปแล้วปวดตูดปวดขาขึ้นมา ซะยังงั้น


พอก้นเราชาถึงที่สุดแล้ว ก็จอดพักสักครู่ หายชาแล้วลุยต่อ





วิ่งกันฝุ่นตลบ รถสวนแทบจะไม่มี ที่มีสวนใหญ่จะเป็นกะบะโฟวิลทั้งนั้น เจอรถสวนทางประมาณ 5คัน ตลอดการเดินทาง

ถามว่าขี่ยากมั๊ย? คือ ก็ไม่ได้ยากขนาดนั้น เพียงแต่หลุมเยอะ ร่องถนนก็เยอะ แถมโค้งก็เยอะต้องไปช้าๆ



คันที่3 ขี่ทิ้งห่างมากไป พอถึงทางแยกเลยเลี้ยวผิดไปอีกทาง เลยจอดรอเพื่อน เป็นการรอไปเรื่อยๆ เนื่องจากแถวนั้นไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ ถึงมีก็สัญญาณหายเป็นช่วงๆ ไม่สามารถที่จะติดต่อกันได้เลย

ระยะทางนั้นก็ใกล้จะถึงแล้ว ระหว่างรอเพื่อนคันที่สามหลงไปอีกทาง มีรถขายไอติมผ่านมาพอดี นั่งกินติมรอเพื่อนอย่างใจเย็น เดี๋ยวเพื่อนก็มาเอง ถนนก็มีอยู่ไม่กี่ทางหรอก จะไปไหนได้!!!

เมื่อเพื่อนตามมาถึงก็เดินทางต่อ มีเสียงบ่นกันเล็กน้อย นี่แหละ คันนำ ก็นำไป คันตามก็ตามไป หายไปตอนไหนไม่รู้




และในที่สุดก็ถึงซักที ไม่ไหวแล้ว ตูดและขาของเราไม่ใช่ของเราอีกต่อไป  มันชาไร้ความรู้สึกสลับกับปวด คือไม่รู้จะบรรยายความเมื่อยล้าออกมาเป็นคำได้ยังไง แต่ดีใจมากที่เห็นป้ายหมู่บ้านนี้สักที




ปล. กระทู้นี้อาจจะยาวสักหน่อย เพราะเราเลือกเอารูปมาลงจนครบทั้ง 7วันในกระทู้นี้ค่ะ
แต่ถ้าใครอยากอ่านและดูรูปแต่ละวันทั้งหมด เข้าไปดูเต็มๆในเพจได้ค่ะ
https://www.facebook.com/sandysohappy/
ชื่อสินค้า:   เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่