#เหมือนจะเป็นรีวิว
#ละครไทย #ดวงใจพิสุทธิ์
ไม่ได้ดูละครแล้วนั่งน้ำตาคลอแบบนี้มานานเท่าไหร่แล้วเนี่ย เรื่องนี้ไม่ได้มีกระแส เป็นเรื่องที่มาเงียบๆกว่าเรื่องอื่น ไม่ปัง ไม่มีคนมาสครีมในเน็ตเลย แต่ว่าดันเป็นหนังที่ดีมาก
ส่วนตัวคิดว่าดีกว่าพิษสวาทที่บูมๆก่อนหน้านี้ซะอีก ดีกว่าเยอะมากด้วย ถึงจะเป็นหนังคนละแนว แต่ถูกพูดถึงในแง่ละครน้ำดีเหมือนกัน เราให้ดวงใจพิสุทธิ์ชนะขาดลอย
ประเด็นที่ละครเรื่องนี้นำเสนอมีหลายประเด็นมาก และนำเสนอได้ดีมากจริง ทั้งเรื่องความรุนแรงในเด็ก ความเอาใจใส่ภายในครอบครัว เนื้อหาทางคดีความ และที่สำคัญที่กระแทกใจที่สุด คือเนื้อหาที่น้องนักแสดงหลักต้องไปพบจิตแพทย์
เรื่องอื่นเราจะไม่พูดถึงเท่าไหร่ เพราะจริงๆตัวหนังมันทำได้ดีเกินจะสื่อออกมาภายในตัวอักษรไม่กี่ตัวบนกระทู้นี้ เป็นละครที่ทำออกมาได้อุ่นมาก อุ่นสุดๆ
ตัวละครหลักในเรื่องนี้คือเด็กหญิงคนหนึ่ง ที่สูญเสียพ่อแม่และย่าอันเป็นที่รักในเวลาไล่เลี่ยกันแล้วถูกป้าที่มีปมในตัวเองรังแกจนกลายเป็นเด็กเก็บกด ซึมเศร้า ไม่พูดจา ไม่ยิ้มแย้ม ไม่หัวเราะ ทั้งๆที่เคยเป็นเด็กที่ร่าเริงสดใสยิ้มเก่ง แต่ประเด็นมันไม่ได้อยู่ตรงนั้น ประเด็นที่เรามองคือ ตั้งแต่ต้นจนถึงกลาง หรือจริงๆก็แล่นไปจนเกือบถึงส่วนจบของเรื่อง ไม่มีใครสังเกตเห็นความผิดปกติของเด็กคนนี้เลย คิดว่าเป็นเพราะเด็กได้สูญเสียคนที่รักไปพร้อมกันเพียงอย่างเดียว ตัวละครหลายตัวที่แสดงออกว่ารักและหวังดีกับหลาน (โดยเฉพาะลุงที่เป็นสามีของป้าที่ทำร้ายเด็กคนนี้)เองก็ไม่ได้ใส่ใจหลานเท่าที่ควร จนเด็กกลายเป็นคนหวาดกลัวสังคม หวาดระแวงคนแปลกหน้า ก็ยังไม่มีใครเอะใจ
ทุกคนรักและเอ็นดู แต่ไม่มีใคร 'ใส่ใจ' ในความเป็นไปของเด็กคนนี้จริงๆเลยสักครั้ง ทุกคนคล้ายเป็นห่วง แต่ไม่ได้เอื้อมมือเข้ามาทำอะไรสักอย่าง ล้วนมีเหตุผลให้ตัวเองในการที่จะมองว่าอาการของเด็กคนนี้มาจากความสูญเสีย ลุงมองว่าตัวเองยุ่ง เอาแต่ทำงาน ไม่ใส่ใจหลาน ปล่อยให้หลานอยู่กับภรรยาที่จริงๆก็มีลูกที่ต้องดูแลสามคนอยู่แล้ว นานๆจะกลับมากอดหลานสักที อาของเด็กที่เอ็นดูและคอยซื้อของมาฝาก เห็นความไม่ปกติของเด็กบ้างแต่ก็ไม่ใส่ใจเพราะยุ่งอยู่กับเรื่องของตัวเอง และคนรับใช้ในบ้าน ที่รู้เห็นทุกอย่าง แต่ก็แค่สงสาร ไม่ได้พยายามเปลี่ยนแปลงอะไรเลย
ถ้าไม่ใช่เพราะน้าๆของเด็กมารับไปเลี้ยง เด็กคนนั้น่ากลัวกว่าจากแก้วร้าวๆก็คงจะแตกไปแล้ว กระทั่งตอนที่มาอยู่กับน้าแล้ว น้าทั้งสองก็ยังไม่ยอมรับว่าหลานมีปัญหา คิดว่าเด็กแค่สะเทือนใจเพราะความโศกเศร้า มายอมรับจริงๆว่าไม่ปกติก็ผ่านมากลางเรื่องแล้ว ทั้งตอนรับรู้แรกๆก็ไม่ยอมพาหลานไปหาหมอ เพราะคิดว่าหลานตัวเองปกติดี ไม่ได้บ้า เดี๋ยวก็หาย จนเรื่องมาถึงจุดที่ตัวเองเผลอเอาของดูต่างหน้าหลานไปทิ้ง อาการของหลานออกมากเกินกว่าที่ควรจะเป็น จึงได้ยอมพาหลานมาพบจิตแพทย์ในที่สุด
ถามว่าละครเรื่องนี้สะท้อนอะไร สำหรับเรา ละครเรื่องนี้สะท้อนค่านิยมว่าคนไทยมองคนที่พบกับจิตแพทย์ว่าเป็นคนบ้า กระทั่งคนป่วยเองก็มองตัวเองแบบนั้นจนไม่ยอมไปหาหมอ จนกระทั่งอาการไม่ไหวจริงๆแล้วถึงไป อย่างร้ายที่สุด ก็ตายไปทั้งๆที่ยังมีโอกาสรักษาหากได้พบหมอจริงๆ
ละครเรื่องนี้ทำเนื้อหาตอนที่พบหมอได้ดี ไม่ได้ทำฉากตอนพบหมอเป็นฉากน่ากลัว ไม่ได้ใส่ดนตรีระทึกกดดันคนดู แต่เป็นฉากละมุนๆที่คุณหมอพยายามพูดคุยกับเด็ก มีการถาม มีการสังเกต และมีการพูดคุยกับคนรอบข้างเรื่องอาการ และมีการแนะนำเรื่องวิธีการดูแลอย่างถูกวิธี เป็นฉากที่ทำให้คนดูรู้ว่าการพบจิตแพทย์ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด..
ตอนดูฉากพบหมอแล้วอดน้ำตาคลอไม่ได้
การเยียวยาจิตใจของผู้ป่วยที่มีความผิดปกติทางอารมณ์และจิตใจ ไม่ใช่เรื่องง่าย แถมยังเป็นเรื่องที่ต้องใช้ความอดทน ความเอาใจใส่อย่างถึงที่สุด เรื่องนี้ทำออกมาได้ดีมาก ดีมากจริงๆ มักระทั่งการปลอบโยนคนรอบข้างของผู้ป่วย ที่ต้องรับภาระกดดันหนักมากกว่าใคร ต้องการการเอาใจใส่มากไม่แพ้กัน
ฉากที่น้าเย็บตุ๊กตามาขอโทษหลาน ฉากที่อาซื้อของมาฝากแล้วขอกอดหลานด้วยความรู้สึกผิดหลังจากรู้เรื่องทั้งหมด ทำได้ดีมาก ดูแล้วมีความรู้สึกเหมือน...สังคมนี้มันยังมีที่ยืนอยู่ ยังพอมีที่ยืนให้กับคนป่วยอยู่จริงๆ ยังมีบางส่วนที่เข้าใจว่าพวกเราต้องได้รับการรักษาอยู่จริงๆ
เรื่องนี้คนดีไม่ใช่คนที่ดีไปซะทุกอย่าง ไม่ใช่คนที่มองโลกและทำดีราวกับโลกนี้มีแต่ทุ่งลาเวนเดอร์ ทุกคนในเนื้อเรื่องจริงๆก็เป็นตัวละครสีเทาๆเหมือนคนทั่วไป สามารถผิดพลาด แต่เป็นคนผิดพลาดที่พร้อมจะแก้ไข ในเรื่องจึงถือได้ว่าเป็นคนดีคนหนึ่ง
เป็นเรื่องที่แนะนำให้เพื่อนๆดู เบื่อๆช่วงไหน อยากได้อะไรมาเยียวยาหัวใจตอนเหนื่อยล้า การกอดแต่ละกอดในเรื่องนี้อาจจะช่วยปลอบโยนจิตใจได้จริงๆ
ว่าจะพิมพ์สั้นๆทำไมยาว...ไหนๆแล้วก็เลยขอเอามาแปะในพันทิปเพื่อแบ่งปันมุมมองของคนป่วยคนหนึ่ง ที่อยากขอบคุณนักแสดงและผู้จัดละครเรื่องนี้
ชอบมากๆค่ะ คล้ายได้ละครเรื่องนี้ช่วยไว้ตอนความรู้สึกกำลังดาวน์ลงจริงๆ
#อีดิดแก้ไขคำผิด
เหมือนจะเป็นรีวิว ละครไทย 'ดวงใจพิสุทธิ์' ในมุมมองของผู้ป่วยโรคซึมเศร้า
#ละครไทย #ดวงใจพิสุทธิ์
ไม่ได้ดูละครแล้วนั่งน้ำตาคลอแบบนี้มานานเท่าไหร่แล้วเนี่ย เรื่องนี้ไม่ได้มีกระแส เป็นเรื่องที่มาเงียบๆกว่าเรื่องอื่น ไม่ปัง ไม่มีคนมาสครีมในเน็ตเลย แต่ว่าดันเป็นหนังที่ดีมาก
ส่วนตัวคิดว่าดีกว่าพิษสวาทที่บูมๆก่อนหน้านี้ซะอีก ดีกว่าเยอะมากด้วย ถึงจะเป็นหนังคนละแนว แต่ถูกพูดถึงในแง่ละครน้ำดีเหมือนกัน เราให้ดวงใจพิสุทธิ์ชนะขาดลอย
ประเด็นที่ละครเรื่องนี้นำเสนอมีหลายประเด็นมาก และนำเสนอได้ดีมากจริง ทั้งเรื่องความรุนแรงในเด็ก ความเอาใจใส่ภายในครอบครัว เนื้อหาทางคดีความ และที่สำคัญที่กระแทกใจที่สุด คือเนื้อหาที่น้องนักแสดงหลักต้องไปพบจิตแพทย์
เรื่องอื่นเราจะไม่พูดถึงเท่าไหร่ เพราะจริงๆตัวหนังมันทำได้ดีเกินจะสื่อออกมาภายในตัวอักษรไม่กี่ตัวบนกระทู้นี้ เป็นละครที่ทำออกมาได้อุ่นมาก อุ่นสุดๆ
ตัวละครหลักในเรื่องนี้คือเด็กหญิงคนหนึ่ง ที่สูญเสียพ่อแม่และย่าอันเป็นที่รักในเวลาไล่เลี่ยกันแล้วถูกป้าที่มีปมในตัวเองรังแกจนกลายเป็นเด็กเก็บกด ซึมเศร้า ไม่พูดจา ไม่ยิ้มแย้ม ไม่หัวเราะ ทั้งๆที่เคยเป็นเด็กที่ร่าเริงสดใสยิ้มเก่ง แต่ประเด็นมันไม่ได้อยู่ตรงนั้น ประเด็นที่เรามองคือ ตั้งแต่ต้นจนถึงกลาง หรือจริงๆก็แล่นไปจนเกือบถึงส่วนจบของเรื่อง ไม่มีใครสังเกตเห็นความผิดปกติของเด็กคนนี้เลย คิดว่าเป็นเพราะเด็กได้สูญเสียคนที่รักไปพร้อมกันเพียงอย่างเดียว ตัวละครหลายตัวที่แสดงออกว่ารักและหวังดีกับหลาน (โดยเฉพาะลุงที่เป็นสามีของป้าที่ทำร้ายเด็กคนนี้)เองก็ไม่ได้ใส่ใจหลานเท่าที่ควร จนเด็กกลายเป็นคนหวาดกลัวสังคม หวาดระแวงคนแปลกหน้า ก็ยังไม่มีใครเอะใจ
ทุกคนรักและเอ็นดู แต่ไม่มีใคร 'ใส่ใจ' ในความเป็นไปของเด็กคนนี้จริงๆเลยสักครั้ง ทุกคนคล้ายเป็นห่วง แต่ไม่ได้เอื้อมมือเข้ามาทำอะไรสักอย่าง ล้วนมีเหตุผลให้ตัวเองในการที่จะมองว่าอาการของเด็กคนนี้มาจากความสูญเสีย ลุงมองว่าตัวเองยุ่ง เอาแต่ทำงาน ไม่ใส่ใจหลาน ปล่อยให้หลานอยู่กับภรรยาที่จริงๆก็มีลูกที่ต้องดูแลสามคนอยู่แล้ว นานๆจะกลับมากอดหลานสักที อาของเด็กที่เอ็นดูและคอยซื้อของมาฝาก เห็นความไม่ปกติของเด็กบ้างแต่ก็ไม่ใส่ใจเพราะยุ่งอยู่กับเรื่องของตัวเอง และคนรับใช้ในบ้าน ที่รู้เห็นทุกอย่าง แต่ก็แค่สงสาร ไม่ได้พยายามเปลี่ยนแปลงอะไรเลย
ถ้าไม่ใช่เพราะน้าๆของเด็กมารับไปเลี้ยง เด็กคนนั้น่ากลัวกว่าจากแก้วร้าวๆก็คงจะแตกไปแล้ว กระทั่งตอนที่มาอยู่กับน้าแล้ว น้าทั้งสองก็ยังไม่ยอมรับว่าหลานมีปัญหา คิดว่าเด็กแค่สะเทือนใจเพราะความโศกเศร้า มายอมรับจริงๆว่าไม่ปกติก็ผ่านมากลางเรื่องแล้ว ทั้งตอนรับรู้แรกๆก็ไม่ยอมพาหลานไปหาหมอ เพราะคิดว่าหลานตัวเองปกติดี ไม่ได้บ้า เดี๋ยวก็หาย จนเรื่องมาถึงจุดที่ตัวเองเผลอเอาของดูต่างหน้าหลานไปทิ้ง อาการของหลานออกมากเกินกว่าที่ควรจะเป็น จึงได้ยอมพาหลานมาพบจิตแพทย์ในที่สุด
ถามว่าละครเรื่องนี้สะท้อนอะไร สำหรับเรา ละครเรื่องนี้สะท้อนค่านิยมว่าคนไทยมองคนที่พบกับจิตแพทย์ว่าเป็นคนบ้า กระทั่งคนป่วยเองก็มองตัวเองแบบนั้นจนไม่ยอมไปหาหมอ จนกระทั่งอาการไม่ไหวจริงๆแล้วถึงไป อย่างร้ายที่สุด ก็ตายไปทั้งๆที่ยังมีโอกาสรักษาหากได้พบหมอจริงๆ
ละครเรื่องนี้ทำเนื้อหาตอนที่พบหมอได้ดี ไม่ได้ทำฉากตอนพบหมอเป็นฉากน่ากลัว ไม่ได้ใส่ดนตรีระทึกกดดันคนดู แต่เป็นฉากละมุนๆที่คุณหมอพยายามพูดคุยกับเด็ก มีการถาม มีการสังเกต และมีการพูดคุยกับคนรอบข้างเรื่องอาการ และมีการแนะนำเรื่องวิธีการดูแลอย่างถูกวิธี เป็นฉากที่ทำให้คนดูรู้ว่าการพบจิตแพทย์ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด..
ตอนดูฉากพบหมอแล้วอดน้ำตาคลอไม่ได้
การเยียวยาจิตใจของผู้ป่วยที่มีความผิดปกติทางอารมณ์และจิตใจ ไม่ใช่เรื่องง่าย แถมยังเป็นเรื่องที่ต้องใช้ความอดทน ความเอาใจใส่อย่างถึงที่สุด เรื่องนี้ทำออกมาได้ดีมาก ดีมากจริงๆ มักระทั่งการปลอบโยนคนรอบข้างของผู้ป่วย ที่ต้องรับภาระกดดันหนักมากกว่าใคร ต้องการการเอาใจใส่มากไม่แพ้กัน
ฉากที่น้าเย็บตุ๊กตามาขอโทษหลาน ฉากที่อาซื้อของมาฝากแล้วขอกอดหลานด้วยความรู้สึกผิดหลังจากรู้เรื่องทั้งหมด ทำได้ดีมาก ดูแล้วมีความรู้สึกเหมือน...สังคมนี้มันยังมีที่ยืนอยู่ ยังพอมีที่ยืนให้กับคนป่วยอยู่จริงๆ ยังมีบางส่วนที่เข้าใจว่าพวกเราต้องได้รับการรักษาอยู่จริงๆ
เรื่องนี้คนดีไม่ใช่คนที่ดีไปซะทุกอย่าง ไม่ใช่คนที่มองโลกและทำดีราวกับโลกนี้มีแต่ทุ่งลาเวนเดอร์ ทุกคนในเนื้อเรื่องจริงๆก็เป็นตัวละครสีเทาๆเหมือนคนทั่วไป สามารถผิดพลาด แต่เป็นคนผิดพลาดที่พร้อมจะแก้ไข ในเรื่องจึงถือได้ว่าเป็นคนดีคนหนึ่ง
เป็นเรื่องที่แนะนำให้เพื่อนๆดู เบื่อๆช่วงไหน อยากได้อะไรมาเยียวยาหัวใจตอนเหนื่อยล้า การกอดแต่ละกอดในเรื่องนี้อาจจะช่วยปลอบโยนจิตใจได้จริงๆ
ว่าจะพิมพ์สั้นๆทำไมยาว...ไหนๆแล้วก็เลยขอเอามาแปะในพันทิปเพื่อแบ่งปันมุมมองของคนป่วยคนหนึ่ง ที่อยากขอบคุณนักแสดงและผู้จัดละครเรื่องนี้
ชอบมากๆค่ะ คล้ายได้ละครเรื่องนี้ช่วยไว้ตอนความรู้สึกกำลังดาวน์ลงจริงๆ
#อีดิดแก้ไขคำผิด