“ภูมิธรรม”แนะเชตซีโร่ยึดรธน.ใหม่ เหน็บกกต. "จะได้เข้าใจหัวอกคนที่ถูกรีเซ็ตบ้าง"
http://www.matichon.co.th/news/366072
นาย
ภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ถึงการเซตซีโร่องค์กรอิสระว่า
ตามหลักการเมื่อมีรัฐธรรมนูญใหม่ก็ควรยึดหลักการของรัฐธรรมนูญใหม่เป็นหลัก แต่เวลานี้หลักการที่ดำเนินอยู่ทุกอย่างไม่เป็นไปตามกระบวนการที่ควรจะเป็น ตั้งแต่การเริ่มต้นยกเลิกรัฐธรรมนูญ องค์กรอิสระทั้งหลายก็ควรยกเลิกไปด้วย แต่ก็ยังดำเนินการอยู่ ซึ่งขณะนี้ยังไม่ชัดเจนว่าจะมีกฎกติกาดำเนินการอย่างไร เมื่อไม่ชัดเจนจะมีปัญหาว่าจะใช้อะไรให้องค์กรใดอยู่ องค์กรใดไป ถ้าหลักการที่ดีควรเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ทั้งหมด วางหลักการให้ชัดเจน มีกระบวนการที่เหมาะสมให้ทุกอย่างดำเนินการไปได้ และต้องมีเหตุผลที่จะดำเนินการ ส่วนการเพิ่มจำนวนคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)อีก 2 คนนั้น ไม่ใช่เรื่องที่เป็นปัญหาของประเทศ กกต.จะมีกี่คนก็ได้เพราะบางประเทศมีเพียง 1-2 คนก็ทำงานได้ แต่ปัญหาของประเทศคือมีระบบที่จะทำให้เขาสามารถทำหน้าที่บริสุทธิ์ ยุติธรรม ให้คนกลุ่มใหญ่รับรู้ เข้าใจไม่เกิดความระแวง ไร้ข้อโต้แย้งจะเป็นสิ่งที่ดีกว่า
นายภูมิธรรม กล่าวกรณีที่กรรมการองค์กรอิสระบางคนไม่พอใจการกำหนดคุณสมบัติและข้อจำกัดของการดำรงตำแหน่งว่า
สิ่งที่กรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.) และกกต.กำลังถกเถียงอยู่ยังไม่ได้นำหลักการมาวางให้ชัดเจน เวลานี้ต่างฝ่ายต่างทำตามอำเภอใจของตน และความเชื่อของตนเป็นหลัก เมื่อเอาความเชื่อตนเป็นหลักไม่มีความเชื่อกลางที่เหมาะสมที่เป็นหลักพื้นฐาน มันก็ตอบไม่ค่อยได้ว่าส่วนไหนควรอยู่ ส่วนไหนควรไปก็จะมีปัญหา อย่างกกต.เวลาอยากรีเซ็ตพรรคการเมืองก็พูดง่าย แต่เมื่อถึงเวลาตัวเองจะโดนก็จะได้เข้าใจหัวอกคนที่ถูกรีเซ็ตได้ดีขึ้นบ้าง ความจริงแล้วอย่ายึดติดกับตำแหน่งอำนาจ และอย่ายึดแต่ว่าตัวเองมีอำนาจจะไปกำหนดใครโดยเข้าใจหรือไม่เข้าใจความเป็นจริง ถ้าหากจะมีความเสียหายจากการจัดกระบวนการก็ควรวางระบบให้มีความต่อเนื่อง
เมื่อถามถึงแนวคิดการลงโทษประหารชีวิต ผู้ซื้อขายตำแหน่งที่จะมีในพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองนั้น นาย
ภูมิธรรม กล่าวว่า
เป็นการวางกฎเกณฑ์กติกาที่ไม่เข้าใจความเปลี่ยนแปลงของโลกและสังคม เพราะเรื่องการประหารชีวิตจะต้องเป็นการกระทำที่ร้ายแรง ทุกวันนี้ประเทศต่างๆ พยายามยกเลิกโทษประหารชีวิตเพิ่มมากขึ้น ฉะนั้นการที่เอาคนเพียงไม่กี่คน มาเป็นผู้วินิจฉัยความถูกผิดตามความทัศนะเชื่อของตนแล้วจะใช้การประหารชีวิตตัดสินนั้น เป็นวิธีคิดที่ก้าวไม่ทันโลก ซึ่งคนที่มีแนวคิดนี้คงต้องไปอบรมแนวคิดเรื่องกระบวนการยุติธรรมใหม่น่าจะเป็นประโยชน์มากกว่า
JJNY : “ภูมิธรรม”แนะเชตซีโร่ เหน็บกกต. "จะได้เข้าใจหัวอกคนที่ถูกรีเซ็ตบ้าง" - ‘นิพิฏฐ์’ แนะอย่าไล่ทุบองค์กรอิสระ
http://www.matichon.co.th/news/366072
นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ถึงการเซตซีโร่องค์กรอิสระว่า ตามหลักการเมื่อมีรัฐธรรมนูญใหม่ก็ควรยึดหลักการของรัฐธรรมนูญใหม่เป็นหลัก แต่เวลานี้หลักการที่ดำเนินอยู่ทุกอย่างไม่เป็นไปตามกระบวนการที่ควรจะเป็น ตั้งแต่การเริ่มต้นยกเลิกรัฐธรรมนูญ องค์กรอิสระทั้งหลายก็ควรยกเลิกไปด้วย แต่ก็ยังดำเนินการอยู่ ซึ่งขณะนี้ยังไม่ชัดเจนว่าจะมีกฎกติกาดำเนินการอย่างไร เมื่อไม่ชัดเจนจะมีปัญหาว่าจะใช้อะไรให้องค์กรใดอยู่ องค์กรใดไป ถ้าหลักการที่ดีควรเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ทั้งหมด วางหลักการให้ชัดเจน มีกระบวนการที่เหมาะสมให้ทุกอย่างดำเนินการไปได้ และต้องมีเหตุผลที่จะดำเนินการ ส่วนการเพิ่มจำนวนคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)อีก 2 คนนั้น ไม่ใช่เรื่องที่เป็นปัญหาของประเทศ กกต.จะมีกี่คนก็ได้เพราะบางประเทศมีเพียง 1-2 คนก็ทำงานได้ แต่ปัญหาของประเทศคือมีระบบที่จะทำให้เขาสามารถทำหน้าที่บริสุทธิ์ ยุติธรรม ให้คนกลุ่มใหญ่รับรู้ เข้าใจไม่เกิดความระแวง ไร้ข้อโต้แย้งจะเป็นสิ่งที่ดีกว่า
นายภูมิธรรม กล่าวกรณีที่กรรมการองค์กรอิสระบางคนไม่พอใจการกำหนดคุณสมบัติและข้อจำกัดของการดำรงตำแหน่งว่า สิ่งที่กรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.) และกกต.กำลังถกเถียงอยู่ยังไม่ได้นำหลักการมาวางให้ชัดเจน เวลานี้ต่างฝ่ายต่างทำตามอำเภอใจของตน และความเชื่อของตนเป็นหลัก เมื่อเอาความเชื่อตนเป็นหลักไม่มีความเชื่อกลางที่เหมาะสมที่เป็นหลักพื้นฐาน มันก็ตอบไม่ค่อยได้ว่าส่วนไหนควรอยู่ ส่วนไหนควรไปก็จะมีปัญหา อย่างกกต.เวลาอยากรีเซ็ตพรรคการเมืองก็พูดง่าย แต่เมื่อถึงเวลาตัวเองจะโดนก็จะได้เข้าใจหัวอกคนที่ถูกรีเซ็ตได้ดีขึ้นบ้าง ความจริงแล้วอย่ายึดติดกับตำแหน่งอำนาจ และอย่ายึดแต่ว่าตัวเองมีอำนาจจะไปกำหนดใครโดยเข้าใจหรือไม่เข้าใจความเป็นจริง ถ้าหากจะมีความเสียหายจากการจัดกระบวนการก็ควรวางระบบให้มีความต่อเนื่อง
เมื่อถามถึงแนวคิดการลงโทษประหารชีวิต ผู้ซื้อขายตำแหน่งที่จะมีในพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองนั้น นายภูมิธรรม กล่าวว่า เป็นการวางกฎเกณฑ์กติกาที่ไม่เข้าใจความเปลี่ยนแปลงของโลกและสังคม เพราะเรื่องการประหารชีวิตจะต้องเป็นการกระทำที่ร้ายแรง ทุกวันนี้ประเทศต่างๆ พยายามยกเลิกโทษประหารชีวิตเพิ่มมากขึ้น ฉะนั้นการที่เอาคนเพียงไม่กี่คน มาเป็นผู้วินิจฉัยความถูกผิดตามความทัศนะเชื่อของตนแล้วจะใช้การประหารชีวิตตัดสินนั้น เป็นวิธีคิดที่ก้าวไม่ทันโลก ซึ่งคนที่มีแนวคิดนี้คงต้องไปอบรมแนวคิดเรื่องกระบวนการยุติธรรมใหม่น่าจะเป็นประโยชน์มากกว่า