รู้ทันโรคอ้วน อุ๊ต๊ะ!!! ง่ายนิดเดียว

สวัสดีจ้าาา  กระทู้นี้เป็นกระทู้แบ่งปันวิธีที่เราจะรู้ทันโรคอ้วนนะคะ  อย่างที่เรารู้กันดีเนอะว่าโรคอ้วนเนี่ยเป็นสิ่งที่เป็นปัญหาสุขภาพลำดับต้นๆเลยในประเทศของเรา  ไม่ว่าจะเป็นเด็ก  วันรุ่น  วัยทำงาน  แม้กระทั่งคนชราก็มีโอกาส เสี่ยง!!  ที่จะเกิดโรคอ้วนนี้ได้ ถ้าเราไม่รู้จักวิธีป้องกันที่ถูกต้อง  
- เริ่มแรกเลยนะคะ
         เราต้องมาทำความรู้จักกับ  "สาเหตุ"  ที่ทำให้เกิดโรคอ้วนกันก่อนนะคะ  สาเหตุของโรคอ้วน  จะมีดังต่อไปนี้ค่ะ
1.  เกิดจากสาเหตุภายนอก เป็นสาเหตุใหญ่ที่ทำให้เกิดโรคอ้วนเลยนะคะ  นั่นก็คือการตามใจปากมากเกินไปค่ะ  กินมากตามความต้องการของร่างกาย  กินจุบจิบไม่เป็นเวลา  ขาดการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ   นั่นแหละค่ะท่านผู้ชม!!  โรคอ้วนถามหาแน่นอน

2. เกิดจากสาเหตุภายใน  พบได้จาก  -ความผิดปกติของต่อมไร้ท่อ  เช่น  ต่อใต้สมอง  ต่อมไทรอยด์  ทำให้มีไขมันตามบริเวณต้นขา  และหน้าท้อง  ,  
                                                 - จิตใจและอารมณ์  มีคนเป็นจำนวนไม่น้อยนะคะที่การกินอาหารขึ้นอยู่กับจิตใจและอารมณ์  เช่น  กินดับความโกรธ    ดับความคับแค้นใจต  กลุ้มใจ  บุคคลเหล่านี้จะรู้สึกว่าอาหารทำให้จิตใจสงบค่ะ   ซึ่งพฤติกรรมการกินแบบนี้ส่งผลร้ายแก่ร่างกายแน่นอนค่ะ  
                                                 - ความไม่สมดุลระหว่างความรู้สึกอิ่มกับหิว   เมื่อใดที่ความอยากเพิ่มขึ้น  เมื่อนั้นการกินก็จะเพิ่มขึ้น  ซึ่งถึงขั้นเรียกว่า  กินจุ  ในที่สุดก็อ้วนเอาๆค่ะ

3. กรรมพันธุ์  สาเหตุนี้พบได้น้อยนะคะ  กรรมพันธุ์พิสูจน์ไม่ได้  แต่ถ้าพ่อและแม่อ้วนทั้งคู่  ลูกจะมีโอกาสอ้วนได้ถึง  ร้อยละ 80 เลยทีเดียว

4. เพศ เป็นเรื่องน่าเศร้าของเพศหญิงนะคะ เพราะว่า  เพศหญิงนั้นมักอ้วนกว่าเพศชาย  4 : 1  เลยค่ะ

5.  อายุ  เมื่ออายุมากขึ้น  โอกาสที่โรคอ้วนจะถามหาก็ง่ายขึ้น  เนื่องจากพออายุมาก  มีความเชื่องช้า  ใช้พลังงานน้อยลง  กินมากกว่าที่ใช้  หญิงและชายที่มีอายุ 35 ปีขึ้นไป  มักจะอ้วนง่ายค่ะ  เพราะคนวัยนี้  ยังอยู่ในวัยทำงานมาก  กินมากขึ้นเพื่อชดเชยกำลังงานที่ถูกใช้ไป  

****จบกันไปแล้วนะคะเกี่ยวกับสาเหตุที่ก่อให้เกิดโรคอ้วน  ต่อไปเรามาทำความรู้จักกับประเภทของโรคอ้วนกันดีกว่า*******

" ประเภทของโรคอ้วน "  สามารถแบ่งได้ถึง 3 ชนิดเลยนะคะ >O<
มาเริ่มกันที่ประเภทแรกกันเลยค่ะ  1. อ้วนแบบลูกแอปเปิล  หรือ  อ้วนลงพุง !!!  อ้วนแบบนี้ไม่น่ามองสักเท่าไหร่สำหรับคุณผู้หญิง  บางคนถึงกับแยกไม่ออกกันเลยทีเดียวว่า  อ้วนหรือท้อง ?   อ้วนแบบลูกแอปเปิล  คือคนที่มีรอบเอวใหญ่กว่ารอบสะโพกนะคะ  เกิดจากมีไขมันสะสมมากในช่องท่องและอวัยวะภายใน  ไขมันที่อยู่ในอวัยวะภายในนี้จะเป็นตัวการที่ทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนได้ด้วยนะคะ  เช่น โรคเบาหวาน  โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ  โรคความดันโลหิตสูง  ร้ายกาจมาก!!

2.  อ้วนแบบลูกแพร์  หรืออ้วนชนิดสะโพกใหญ่  อุ๊ต๊ะ!!  ส่วนใหญ่เป็นลักษณะที่พบในเพศหญิงนะคะ  โดยจะมีไขมันสะสมอยู่มากบริเวณสะโพกและน่อง  อ้วนลักษณะนี้ยากต่อการลดน้ำหนัก  OMG!!  แต่...โอกาสที่จะเกิดโรคแทรกซ้อนต่างๆจะน้อยกว่าชนิดแรกค่ะ ^^

3.  อ้วนทั้งตัว  ได้แก่คนที่มีไขมันทั้งตัวมากกว่าปกติค่ะ  ไขมันจะกระจายตัวอยู่ตามส่วนต่างๆของร่างกาย  มีทั้งลงพุง  ไม่พอค่ะ  สะโพกจะใหญ่ด้วย  =-=  รวมถึงมีโรคแทรกซ้อนทุกอย่างดังที่กล่าวมาแล้ว  และโรคที่เกิดจากน้ำหนักตัวมากโดยตรง  เช่น  โรคทางไขข้อ  ปวดข้อ  ข้อเสื่อม  (อ้วนแบบนี้โหดร้ายที่สุดค่ะ)

********** ที่พึ่งจบไปก็เป็นเกี่ยวกับประเภทของโรคอ้วนในแบบต่างๆค่ะ  น่ากลัวคนละแบบนะคะ  แต่ก็เป็นสิ่งที่ไม่พิศมัยเลยแม้แต่ประเภทเดียว*****
เรามาต่อกันดีกว่าค่ะ  เรารู้ทั้งสาเหตุ  และประเภทของโรคอ้วนกันแล้ว  ต่อไปเป็ฯสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันเลยค่ะ นั่นคือ " พฤติกรรมที่เสี่ยงต่อโรคอ้วน "  อย่าเลยช้าเลยดีกว่าเนอะ  มาอ่านกันเลยดีกว่าว่าพฤติกรรมที่ว่านี้มีอะไรบ้าง ><

1.  พฤติกรรมการบริโภคอาหาร อาจจะเกิดจาก  ความเคยชิน  อิทธิพลทางการศึกษา  และความเครียดนะคะ  ในปัจจุบันพบว่าวัยรุ่นมีพฤติกรรมการบริโภคอาหารที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมาก  เนื่องจากวัยรุ่นได้รับอิทธิพลจากความเปลี่ยนแปลงทางด้านสังคม  วัฒนธรรม  และความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี  อาหารหลักๆที่เป็นปัญหาก็เป็นอาหารจำพวก ฟาสต์ฟู้ดหรืออาหารจานด่วน  สามารถรับประทานได้ทันที  สะดวกรวดเร็ว   ซึ่งหารู้ไม่ว่าอาหารจานด่วนเป็นอาหารจำพวกแป้ง ไขมัน และน้ำตาลสูงมาก !!!  เมื่อรับประทานเข้าไปจะทำให้เกิดภาวะโภชนาการเกิน  และเกิดโรคอ้วนได้นั่นเองค่ะ

2.  พฤติกรรมการนอน  OMG  รู้มั้ยค่ะว่ายิ่งนอนดึกยิ่งอ้วน !! หลายคนมักจะคิดว่าตัวการความอ้วนมาจากอาหารที่รับประทาน  และการไม่ออกกำลังกาย  แต่จริงๆแล้วความอ้วนยังเกิดจากการพักผ่อนไม่เพียงพออีกด้วย   การนอนหลับไม่เพียงพอจะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดผิดปกติ และเข้าไปทำให้ฮอร์โมนเกรลิน  หรือฮอร์โมนความหิวเพิ่มสูงขึ้น  จึงเป็นสาเหตุให้เราหิวบ่อยนั่นเองค่ะ  ****นอนหลับให้เพียงพอกันเนอะ  ไม่อ้วน และไม่กลายเป็นแพนด้าด้วย ^^

3.  พฤติกรรมความเครียด  เมื่อเกิดความเครียด  ทุกสิ่งทุกอย่างจะถูกกักตุนไว้ที่สมอง  โดยเจ้าสมองอัญชาญฉลาดจะส่งสัญญาณไปยังต่อมแอดรินาลีน  ให้หลั่งฮอร์โมนความเครียดชนิดหนึ่งออกมา  นั่นคือ  คอร์ติโซน  ที่จะส่งสัญญาณบอกเจ้าเซลล์ไขมันในช่องท้องให้สร้างไขมันสะสมเพิ่มขึ้นเพื่อเป็นที่เก็บพลังงาน  เมื่อถูกกระตุ้นให้เกิดความรู้สึกของการต่อสู้  หรือเป็นกลไกในการปกป้องตนเอง  คล้ายกับการยกโอ่งหนีไฟไหม้นั่นแหละค่ะ  แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น  สมองของเราไม่สามารถแยกแยะความแตกต่างระหว่างความเครียดที่เกิดจากการเอาตัวรอดและความเครียดที่เกิดขึ้นในทุกๆวันได้ == จึงทำให้ร่างกายรู้สึกอยากอาหาร  จนในที่สุดสาวกความเครียดทั้งหลายก็จะสะสมไขมันมากกว่าคนปกติ  กลายเป็นหมูที่แสนดุร้ายไปเลย  ^O^
******จบกันไปแล้วจ้า  เกี่ยวกับพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อโรคอ้วน  ใครที่กำลังเคยชินกับพฤติกรรมนี้อยู่ ต้องปรับเปลี่ยนกันด้วยนะคะ  เพราะไม่อย่างงั้น  เจ้าโรคอ้วนจะสวมรอยเข้ามาทำร้ายคุณ  จ้ากก!!****

และแล้วเราก็มาถึงหัวข้อสุดท้ายที่ จขกท. จะเผยแพร่ให้แล้วนะคะ  นั่นคือ " การรักษาโรคอ้วน "  ว้าววว จะมีวิธีรักษาอย่างไงนะ  มาดูกันเลยดีกว่าค่ะ

1.  ควบคุมอาหาร  คนปกติเราต้องการพลังงานประมาณ 25-35 กิโลแคลอรี / น้ำหนัก 1 กิโลกรัม ดังนั้นเราสามารถคำนวณพลังงานที่ควรได้รับในแต่ละวันโดยเอาน้ำหนักคุณด้วย 25 ผลลัพธ์ที่ได้จะเป็นพลังงานทั้งหมด  โดยทั่วไปถ้าหากต้องการลดน้ำหนักผู้หญิงควรได้รับพลังงานวันละ 1000-1200 กิโลแคลอรี  สำหรับผู้ชายควรได้ 1200-1600 กิโลแคลลอรีค่ะ  

2.  การออกกำลังกาย จะช่วยป้องกันไม่ให้น้ำหนักเพิ่มขึ้น  สำหรับผู้ที่ไม่เคยออกกำลังกายนะคะ  อาจจะเริ่มจากการทำตัวให้กระฉับกระเฉงค่ะ  เช่น  ลดเวลาดูทีวี  ใช้บรรไดแทนการขึ้นบรรไดเลื่อนหรือลิฟต์  ขี่จักรยานแทนการนั่งรถ  เป็นต้นค่ะ

3.  เปลี่ยนแปงพฤติกรรม  การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมในการรับประทานอาหาร  และออกกำลังกาย  จะช่วยให้ผู้ป่วยน้ำหนักลงได้ค่ะ  หากไม่เปลี่ยนพฤติกรรมจะไม่สามารถลดน้ำหนักได้เลย  T-T

4.  รักษาด้วยยา ** ไม่ควรซื้อยาลดน้ำหนักมารับประทานเอง***  เนื่องจากยามีผลต่อจิตประสาท  การจะเริ่มใช้ยารับประทานควบคุมอาหารและออกกำลังกาย 6 เดือนแล้วน้ำหนักไม่ลดแพทย์จึงเริ่มใช้ยาลดน้ำหนักค่ะ

แท่น แท่น แท้นนนนน   จบแล้วค่ะสำหรับหลักในการรู้ทันโรคอ้วน  ไม่ยากใช่มั้ยคะ  วิธีง่ายๆที่เราสามารถปรับใช้ได้ในชีวิตประจำวัน  อาจจะทำวันละน้อยๆแต่ทำอย่างสม่ำเสมอ  เราก็สามารถห่างไกลโรคอ้วนได้แล้วค่ะ  สามารถพูดคุย  ติชม  และถามคำถามได้นะคะ  
****หากมีข้อผิดพลาด  จขกท.ก็ขออภัยด้วยนะคะ****

"อย่าพึ่งท้อแท้ในสิ่งที่ยังไม่พยายาม  และอย่าพึ่งหมดหวังในสิ่งที่ยังไม่เริ่มต้นนะคะ"จุ๊บๆจุ๊บๆเค้าล้อเล่นเค้าล้อเล่นยิ้ม
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่