สวัสดีจ้าาา กระทู้นี้เป็นกระทู้แบ่งปันวิธีที่เราจะรู้ทันโรคอ้วนนะคะ อย่างที่เรารู้กันดีเนอะว่าโรคอ้วนเนี่ยเป็นสิ่งที่เป็นปัญหาสุขภาพลำดับต้นๆเลยในประเทศของเรา ไม่ว่าจะเป็นเด็ก วันรุ่น วัยทำงาน แม้กระทั่งคนชราก็มีโอกาส เสี่ยง!! ที่จะเกิดโรคอ้วนนี้ได้ ถ้าเราไม่รู้จักวิธีป้องกันที่ถูกต้อง
- เริ่มแรกเลยนะคะ
เราต้องมาทำความรู้จักกับ "สาเหตุ" ที่ทำให้เกิดโรคอ้วนกันก่อนนะคะ สาเหตุของโรคอ้วน จะมีดังต่อไปนี้ค่ะ
1.
เกิดจากสาเหตุภายนอก เป็นสาเหตุใหญ่ที่ทำให้เกิดโรคอ้วนเลยนะคะ นั่นก็คือการตามใจปากมากเกินไปค่ะ กินมากตามความต้องการของร่างกาย กินจุบจิบไม่เป็นเวลา ขาดการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ นั่นแหละค่ะท่านผู้ชม!! โรคอ้วนถามหาแน่นอน
2.
เกิดจากสาเหตุภายใน พบได้จาก -ความผิดปกติของต่อมไร้ท่อ เช่น ต่อใต้สมอง ต่อมไทรอยด์ ทำให้มีไขมันตามบริเวณต้นขา และหน้าท้อง ,
- จิตใจและอารมณ์ มีคนเป็นจำนวนไม่น้อยนะคะที่การกินอาหารขึ้นอยู่กับจิตใจและอารมณ์ เช่น กินดับความโกรธ ดับความคับแค้นใจต กลุ้มใจ บุคคลเหล่านี้จะรู้สึกว่าอาหารทำให้จิตใจสงบค่ะ ซึ่งพฤติกรรมการกินแบบนี้ส่งผลร้ายแก่ร่างกายแน่นอนค่ะ
- ความไม่สมดุลระหว่างความรู้สึกอิ่มกับหิว เมื่อใดที่ความอยากเพิ่มขึ้น เมื่อนั้นการกินก็จะเพิ่มขึ้น ซึ่งถึงขั้นเรียกว่า กินจุ ในที่สุดก็อ้วนเอาๆค่ะ
3.
กรรมพันธุ์ สาเหตุนี้พบได้น้อยนะคะ กรรมพันธุ์พิสูจน์ไม่ได้ แต่ถ้าพ่อและแม่อ้วนทั้งคู่ ลูกจะมีโอกาสอ้วนได้ถึง ร้อยละ 80 เลยทีเดียว
4.
เพศ เป็นเรื่องน่าเศร้าของเพศหญิงนะคะ เพราะว่า เพศหญิงนั้นมักอ้วนกว่าเพศชาย 4 : 1 เลยค่ะ
5.
อายุ เมื่ออายุมากขึ้น โอกาสที่โรคอ้วนจะถามหาก็ง่ายขึ้น เนื่องจากพออายุมาก มีความเชื่องช้า ใช้พลังงานน้อยลง กินมากกว่าที่ใช้ หญิงและชายที่มีอายุ 35 ปีขึ้นไป มักจะอ้วนง่ายค่ะ เพราะคนวัยนี้ ยังอยู่ในวัยทำงานมาก กินมากขึ้นเพื่อชดเชยกำลังงานที่ถูกใช้ไป
****จบกันไปแล้วนะคะเกี่ยวกับสาเหตุที่ก่อให้เกิดโรคอ้วน ต่อไปเรามาทำความรู้จักกับประเภทของโรคอ้วนกันดีกว่า*******
" ประเภทของโรคอ้วน " สามารถแบ่งได้ถึง 3 ชนิดเลยนะคะ >O<
มาเริ่มกันที่ประเภทแรกกันเลยค่ะ 1.
อ้วนแบบลูกแอปเปิล หรือ อ้วนลงพุง !!! อ้วนแบบนี้ไม่น่ามองสักเท่าไหร่สำหรับคุณผู้หญิง บางคนถึงกับแยกไม่ออกกันเลยทีเดียวว่า อ้วนหรือท้อง ? อ้วนแบบลูกแอปเปิล คือคนที่มีรอบเอวใหญ่กว่ารอบสะโพกนะคะ เกิดจากมีไขมันสะสมมากในช่องท่องและอวัยวะภายใน ไขมันที่อยู่ในอวัยวะภายในนี้จะเป็นตัวการที่ทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนได้ด้วยนะคะ เช่น โรคเบาหวาน โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ โรคความดันโลหิตสูง ร้ายกาจมาก!!
2.
อ้วนแบบลูกแพร์ หรืออ้วนชนิดสะโพกใหญ่ อุ๊ต๊ะ!! ส่วนใหญ่เป็นลักษณะที่พบในเพศหญิงนะคะ โดยจะมีไขมันสะสมอยู่มากบริเวณสะโพกและน่อง อ้วนลักษณะนี้ยากต่อการลดน้ำหนัก OMG!! แต่...โอกาสที่จะเกิดโรคแทรกซ้อนต่างๆจะน้อยกว่าชนิดแรกค่ะ ^^
3.
อ้วนทั้งตัว ได้แก่คนที่มีไขมันทั้งตัวมากกว่าปกติค่ะ ไขมันจะกระจายตัวอยู่ตามส่วนต่างๆของร่างกาย มีทั้งลงพุง ไม่พอค่ะ สะโพกจะใหญ่ด้วย =-= รวมถึงมีโรคแทรกซ้อนทุกอย่างดังที่กล่าวมาแล้ว และโรคที่เกิดจากน้ำหนักตัวมากโดยตรง เช่น โรคทางไขข้อ ปวดข้อ ข้อเสื่อม (อ้วนแบบนี้โหดร้ายที่สุดค่ะ)
********** ที่พึ่งจบไปก็เป็นเกี่ยวกับประเภทของโรคอ้วนในแบบต่างๆค่ะ น่ากลัวคนละแบบนะคะ แต่ก็เป็นสิ่งที่ไม่พิศมัยเลยแม้แต่ประเภทเดียว*****
เรามาต่อกันดีกว่าค่ะ เรารู้ทั้งสาเหตุ และประเภทของโรคอ้วนกันแล้ว ต่อไปเป็ฯสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันเลยค่ะ นั่นคือ " พฤติกรรมที่เสี่ยงต่อโรคอ้วน " อย่าเลยช้าเลยดีกว่าเนอะ มาอ่านกันเลยดีกว่าว่าพฤติกรรมที่ว่านี้มีอะไรบ้าง ><
1.
พฤติกรรมการบริโภคอาหาร อาจจะเกิดจาก ความเคยชิน อิทธิพลทางการศึกษา และความเครียดนะคะ ในปัจจุบันพบว่าวัยรุ่นมีพฤติกรรมการบริโภคอาหารที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมาก เนื่องจากวัยรุ่นได้รับอิทธิพลจากความเปลี่ยนแปลงทางด้านสังคม วัฒนธรรม และความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี อาหารหลักๆที่เป็นปัญหาก็เป็นอาหารจำพวก ฟาสต์ฟู้ดหรืออาหารจานด่วน สามารถรับประทานได้ทันที สะดวกรวดเร็ว ซึ่งหารู้ไม่ว่าอาหารจานด่วนเป็นอาหารจำพวกแป้ง ไขมัน และน้ำตาลสูงมาก !!! เมื่อรับประทานเข้าไปจะทำให้เกิดภาวะโภชนาการเกิน และเกิดโรคอ้วนได้นั่นเองค่ะ
2.
พฤติกรรมการนอน OMG รู้มั้ยค่ะว่ายิ่งนอนดึกยิ่งอ้วน !! หลายคนมักจะคิดว่าตัวการความอ้วนมาจากอาหารที่รับประทาน และการไม่ออกกำลังกาย แต่จริงๆแล้วความอ้วนยังเกิดจากการพักผ่อนไม่เพียงพออีกด้วย การนอนหลับไม่เพียงพอจะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดผิดปกติ และเข้าไปทำให้ฮอร์โมนเกรลิน หรือฮอร์โมนความหิวเพิ่มสูงขึ้น จึงเป็นสาเหตุให้เราหิวบ่อยนั่นเองค่ะ ****นอนหลับให้เพียงพอกันเนอะ ไม่อ้วน และไม่กลายเป็นแพนด้าด้วย ^^
3.
พฤติกรรมความเครียด เมื่อเกิดความเครียด ทุกสิ่งทุกอย่างจะถูกกักตุนไว้ที่สมอง โดยเจ้าสมองอัญชาญฉลาดจะส่งสัญญาณไปยังต่อมแอดรินาลีน ให้หลั่งฮอร์โมนความเครียดชนิดหนึ่งออกมา นั่นคือ คอร์ติโซน ที่จะส่งสัญญาณบอกเจ้าเซลล์ไขมันในช่องท้องให้สร้างไขมันสะสมเพิ่มขึ้นเพื่อเป็นที่เก็บพลังงาน เมื่อถูกกระตุ้นให้เกิดความรู้สึกของการต่อสู้ หรือเป็นกลไกในการปกป้องตนเอง คล้ายกับการยกโอ่งหนีไฟไหม้นั่นแหละค่ะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น สมองของเราไม่สามารถแยกแยะความแตกต่างระหว่างความเครียดที่เกิดจากการเอาตัวรอดและความเครียดที่เกิดขึ้นในทุกๆวันได้ == จึงทำให้ร่างกายรู้สึกอยากอาหาร จนในที่สุดสาวกความเครียดทั้งหลายก็จะสะสมไขมันมากกว่าคนปกติ กลายเป็นหมูที่แสนดุร้ายไปเลย ^O^
******จบกันไปแล้วจ้า เกี่ยวกับพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อโรคอ้วน ใครที่กำลังเคยชินกับพฤติกรรมนี้อยู่ ต้องปรับเปลี่ยนกันด้วยนะคะ เพราะไม่อย่างงั้น เจ้าโรคอ้วนจะสวมรอยเข้ามาทำร้ายคุณ จ้ากก!!****
และแล้วเราก็มาถึงหัวข้อสุดท้ายที่ จขกท. จะเผยแพร่ให้แล้วนะคะ นั่นคือ " การรักษาโรคอ้วน " ว้าววว จะมีวิธีรักษาอย่างไงนะ มาดูกันเลยดีกว่าค่ะ
1.
ควบคุมอาหาร คนปกติเราต้องการพลังงานประมาณ 25-35 กิโลแคลอรี / น้ำหนัก 1 กิโลกรัม ดังนั้นเราสามารถคำนวณพลังงานที่ควรได้รับในแต่ละวันโดยเอาน้ำหนักคุณด้วย 25 ผลลัพธ์ที่ได้จะเป็นพลังงานทั้งหมด โดยทั่วไปถ้าหากต้องการลดน้ำหนักผู้หญิงควรได้รับพลังงานวันละ 1000-1200 กิโลแคลอรี สำหรับผู้ชายควรได้ 1200-1600 กิโลแคลลอรีค่ะ
2.
การออกกำลังกาย จะช่วยป้องกันไม่ให้น้ำหนักเพิ่มขึ้น สำหรับผู้ที่ไม่เคยออกกำลังกายนะคะ อาจจะเริ่มจากการทำตัวให้กระฉับกระเฉงค่ะ เช่น ลดเวลาดูทีวี ใช้บรรไดแทนการขึ้นบรรไดเลื่อนหรือลิฟต์ ขี่จักรยานแทนการนั่งรถ เป็นต้นค่ะ
3.
เปลี่ยนแปงพฤติกรรม การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมในการรับประทานอาหาร และออกกำลังกาย จะช่วยให้ผู้ป่วยน้ำหนักลงได้ค่ะ หากไม่เปลี่ยนพฤติกรรมจะไม่สามารถลดน้ำหนักได้เลย T-T
4.
รักษาด้วยยา ** ไม่ควรซื้อยาลดน้ำหนักมารับประทานเอง*** เนื่องจากยามีผลต่อจิตประสาท การจะเริ่มใช้ยารับประทานควบคุมอาหารและออกกำลังกาย 6 เดือนแล้วน้ำหนักไม่ลดแพทย์จึงเริ่มใช้ยาลดน้ำหนักค่ะ
แท่น แท่น แท้นนนนน จบแล้วค่ะสำหรับหลักในการรู้ทันโรคอ้วน ไม่ยากใช่มั้ยคะ วิธีง่ายๆที่เราสามารถปรับใช้ได้ในชีวิตประจำวัน อาจจะทำวันละน้อยๆแต่ทำอย่างสม่ำเสมอ เราก็สามารถห่างไกลโรคอ้วนได้แล้วค่ะ สามารถพูดคุย ติชม และถามคำถามได้นะคะ
****หากมีข้อผิดพลาด จขกท.ก็ขออภัยด้วยนะคะ****
"อย่าพึ่งท้อแท้ในสิ่งที่ยังไม่พยายาม และอย่าพึ่งหมดหวังในสิ่งที่ยังไม่เริ่มต้นนะคะ"




รู้ทันโรคอ้วน อุ๊ต๊ะ!!! ง่ายนิดเดียว
- เริ่มแรกเลยนะคะ
เราต้องมาทำความรู้จักกับ "สาเหตุ" ที่ทำให้เกิดโรคอ้วนกันก่อนนะคะ สาเหตุของโรคอ้วน จะมีดังต่อไปนี้ค่ะ
1. เกิดจากสาเหตุภายนอก เป็นสาเหตุใหญ่ที่ทำให้เกิดโรคอ้วนเลยนะคะ นั่นก็คือการตามใจปากมากเกินไปค่ะ กินมากตามความต้องการของร่างกาย กินจุบจิบไม่เป็นเวลา ขาดการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ นั่นแหละค่ะท่านผู้ชม!! โรคอ้วนถามหาแน่นอน
2. เกิดจากสาเหตุภายใน พบได้จาก -ความผิดปกติของต่อมไร้ท่อ เช่น ต่อใต้สมอง ต่อมไทรอยด์ ทำให้มีไขมันตามบริเวณต้นขา และหน้าท้อง ,
- จิตใจและอารมณ์ มีคนเป็นจำนวนไม่น้อยนะคะที่การกินอาหารขึ้นอยู่กับจิตใจและอารมณ์ เช่น กินดับความโกรธ ดับความคับแค้นใจต กลุ้มใจ บุคคลเหล่านี้จะรู้สึกว่าอาหารทำให้จิตใจสงบค่ะ ซึ่งพฤติกรรมการกินแบบนี้ส่งผลร้ายแก่ร่างกายแน่นอนค่ะ
- ความไม่สมดุลระหว่างความรู้สึกอิ่มกับหิว เมื่อใดที่ความอยากเพิ่มขึ้น เมื่อนั้นการกินก็จะเพิ่มขึ้น ซึ่งถึงขั้นเรียกว่า กินจุ ในที่สุดก็อ้วนเอาๆค่ะ
3. กรรมพันธุ์ สาเหตุนี้พบได้น้อยนะคะ กรรมพันธุ์พิสูจน์ไม่ได้ แต่ถ้าพ่อและแม่อ้วนทั้งคู่ ลูกจะมีโอกาสอ้วนได้ถึง ร้อยละ 80 เลยทีเดียว
4. เพศ เป็นเรื่องน่าเศร้าของเพศหญิงนะคะ เพราะว่า เพศหญิงนั้นมักอ้วนกว่าเพศชาย 4 : 1 เลยค่ะ
5. อายุ เมื่ออายุมากขึ้น โอกาสที่โรคอ้วนจะถามหาก็ง่ายขึ้น เนื่องจากพออายุมาก มีความเชื่องช้า ใช้พลังงานน้อยลง กินมากกว่าที่ใช้ หญิงและชายที่มีอายุ 35 ปีขึ้นไป มักจะอ้วนง่ายค่ะ เพราะคนวัยนี้ ยังอยู่ในวัยทำงานมาก กินมากขึ้นเพื่อชดเชยกำลังงานที่ถูกใช้ไป
****จบกันไปแล้วนะคะเกี่ยวกับสาเหตุที่ก่อให้เกิดโรคอ้วน ต่อไปเรามาทำความรู้จักกับประเภทของโรคอ้วนกันดีกว่า*******
" ประเภทของโรคอ้วน " สามารถแบ่งได้ถึง 3 ชนิดเลยนะคะ >O<
มาเริ่มกันที่ประเภทแรกกันเลยค่ะ 1. อ้วนแบบลูกแอปเปิล หรือ อ้วนลงพุง !!! อ้วนแบบนี้ไม่น่ามองสักเท่าไหร่สำหรับคุณผู้หญิง บางคนถึงกับแยกไม่ออกกันเลยทีเดียวว่า อ้วนหรือท้อง ? อ้วนแบบลูกแอปเปิล คือคนที่มีรอบเอวใหญ่กว่ารอบสะโพกนะคะ เกิดจากมีไขมันสะสมมากในช่องท่องและอวัยวะภายใน ไขมันที่อยู่ในอวัยวะภายในนี้จะเป็นตัวการที่ทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนได้ด้วยนะคะ เช่น โรคเบาหวาน โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ โรคความดันโลหิตสูง ร้ายกาจมาก!!
2. อ้วนแบบลูกแพร์ หรืออ้วนชนิดสะโพกใหญ่ อุ๊ต๊ะ!! ส่วนใหญ่เป็นลักษณะที่พบในเพศหญิงนะคะ โดยจะมีไขมันสะสมอยู่มากบริเวณสะโพกและน่อง อ้วนลักษณะนี้ยากต่อการลดน้ำหนัก OMG!! แต่...โอกาสที่จะเกิดโรคแทรกซ้อนต่างๆจะน้อยกว่าชนิดแรกค่ะ ^^
3. อ้วนทั้งตัว ได้แก่คนที่มีไขมันทั้งตัวมากกว่าปกติค่ะ ไขมันจะกระจายตัวอยู่ตามส่วนต่างๆของร่างกาย มีทั้งลงพุง ไม่พอค่ะ สะโพกจะใหญ่ด้วย =-= รวมถึงมีโรคแทรกซ้อนทุกอย่างดังที่กล่าวมาแล้ว และโรคที่เกิดจากน้ำหนักตัวมากโดยตรง เช่น โรคทางไขข้อ ปวดข้อ ข้อเสื่อม (อ้วนแบบนี้โหดร้ายที่สุดค่ะ)
********** ที่พึ่งจบไปก็เป็นเกี่ยวกับประเภทของโรคอ้วนในแบบต่างๆค่ะ น่ากลัวคนละแบบนะคะ แต่ก็เป็นสิ่งที่ไม่พิศมัยเลยแม้แต่ประเภทเดียว*****
เรามาต่อกันดีกว่าค่ะ เรารู้ทั้งสาเหตุ และประเภทของโรคอ้วนกันแล้ว ต่อไปเป็ฯสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันเลยค่ะ นั่นคือ " พฤติกรรมที่เสี่ยงต่อโรคอ้วน " อย่าเลยช้าเลยดีกว่าเนอะ มาอ่านกันเลยดีกว่าว่าพฤติกรรมที่ว่านี้มีอะไรบ้าง ><
1. พฤติกรรมการบริโภคอาหาร อาจจะเกิดจาก ความเคยชิน อิทธิพลทางการศึกษา และความเครียดนะคะ ในปัจจุบันพบว่าวัยรุ่นมีพฤติกรรมการบริโภคอาหารที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมาก เนื่องจากวัยรุ่นได้รับอิทธิพลจากความเปลี่ยนแปลงทางด้านสังคม วัฒนธรรม และความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี อาหารหลักๆที่เป็นปัญหาก็เป็นอาหารจำพวก ฟาสต์ฟู้ดหรืออาหารจานด่วน สามารถรับประทานได้ทันที สะดวกรวดเร็ว ซึ่งหารู้ไม่ว่าอาหารจานด่วนเป็นอาหารจำพวกแป้ง ไขมัน และน้ำตาลสูงมาก !!! เมื่อรับประทานเข้าไปจะทำให้เกิดภาวะโภชนาการเกิน และเกิดโรคอ้วนได้นั่นเองค่ะ
2. พฤติกรรมการนอน OMG รู้มั้ยค่ะว่ายิ่งนอนดึกยิ่งอ้วน !! หลายคนมักจะคิดว่าตัวการความอ้วนมาจากอาหารที่รับประทาน และการไม่ออกกำลังกาย แต่จริงๆแล้วความอ้วนยังเกิดจากการพักผ่อนไม่เพียงพออีกด้วย การนอนหลับไม่เพียงพอจะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดผิดปกติ และเข้าไปทำให้ฮอร์โมนเกรลิน หรือฮอร์โมนความหิวเพิ่มสูงขึ้น จึงเป็นสาเหตุให้เราหิวบ่อยนั่นเองค่ะ ****นอนหลับให้เพียงพอกันเนอะ ไม่อ้วน และไม่กลายเป็นแพนด้าด้วย ^^
3. พฤติกรรมความเครียด เมื่อเกิดความเครียด ทุกสิ่งทุกอย่างจะถูกกักตุนไว้ที่สมอง โดยเจ้าสมองอัญชาญฉลาดจะส่งสัญญาณไปยังต่อมแอดรินาลีน ให้หลั่งฮอร์โมนความเครียดชนิดหนึ่งออกมา นั่นคือ คอร์ติโซน ที่จะส่งสัญญาณบอกเจ้าเซลล์ไขมันในช่องท้องให้สร้างไขมันสะสมเพิ่มขึ้นเพื่อเป็นที่เก็บพลังงาน เมื่อถูกกระตุ้นให้เกิดความรู้สึกของการต่อสู้ หรือเป็นกลไกในการปกป้องตนเอง คล้ายกับการยกโอ่งหนีไฟไหม้นั่นแหละค่ะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น สมองของเราไม่สามารถแยกแยะความแตกต่างระหว่างความเครียดที่เกิดจากการเอาตัวรอดและความเครียดที่เกิดขึ้นในทุกๆวันได้ == จึงทำให้ร่างกายรู้สึกอยากอาหาร จนในที่สุดสาวกความเครียดทั้งหลายก็จะสะสมไขมันมากกว่าคนปกติ กลายเป็นหมูที่แสนดุร้ายไปเลย ^O^
******จบกันไปแล้วจ้า เกี่ยวกับพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อโรคอ้วน ใครที่กำลังเคยชินกับพฤติกรรมนี้อยู่ ต้องปรับเปลี่ยนกันด้วยนะคะ เพราะไม่อย่างงั้น เจ้าโรคอ้วนจะสวมรอยเข้ามาทำร้ายคุณ จ้ากก!!****
และแล้วเราก็มาถึงหัวข้อสุดท้ายที่ จขกท. จะเผยแพร่ให้แล้วนะคะ นั่นคือ " การรักษาโรคอ้วน " ว้าววว จะมีวิธีรักษาอย่างไงนะ มาดูกันเลยดีกว่าค่ะ
1. ควบคุมอาหาร คนปกติเราต้องการพลังงานประมาณ 25-35 กิโลแคลอรี / น้ำหนัก 1 กิโลกรัม ดังนั้นเราสามารถคำนวณพลังงานที่ควรได้รับในแต่ละวันโดยเอาน้ำหนักคุณด้วย 25 ผลลัพธ์ที่ได้จะเป็นพลังงานทั้งหมด โดยทั่วไปถ้าหากต้องการลดน้ำหนักผู้หญิงควรได้รับพลังงานวันละ 1000-1200 กิโลแคลอรี สำหรับผู้ชายควรได้ 1200-1600 กิโลแคลลอรีค่ะ
2. การออกกำลังกาย จะช่วยป้องกันไม่ให้น้ำหนักเพิ่มขึ้น สำหรับผู้ที่ไม่เคยออกกำลังกายนะคะ อาจจะเริ่มจากการทำตัวให้กระฉับกระเฉงค่ะ เช่น ลดเวลาดูทีวี ใช้บรรไดแทนการขึ้นบรรไดเลื่อนหรือลิฟต์ ขี่จักรยานแทนการนั่งรถ เป็นต้นค่ะ
3. เปลี่ยนแปงพฤติกรรม การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมในการรับประทานอาหาร และออกกำลังกาย จะช่วยให้ผู้ป่วยน้ำหนักลงได้ค่ะ หากไม่เปลี่ยนพฤติกรรมจะไม่สามารถลดน้ำหนักได้เลย T-T
4. รักษาด้วยยา ** ไม่ควรซื้อยาลดน้ำหนักมารับประทานเอง*** เนื่องจากยามีผลต่อจิตประสาท การจะเริ่มใช้ยารับประทานควบคุมอาหารและออกกำลังกาย 6 เดือนแล้วน้ำหนักไม่ลดแพทย์จึงเริ่มใช้ยาลดน้ำหนักค่ะ
แท่น แท่น แท้นนนนน จบแล้วค่ะสำหรับหลักในการรู้ทันโรคอ้วน ไม่ยากใช่มั้ยคะ วิธีง่ายๆที่เราสามารถปรับใช้ได้ในชีวิตประจำวัน อาจจะทำวันละน้อยๆแต่ทำอย่างสม่ำเสมอ เราก็สามารถห่างไกลโรคอ้วนได้แล้วค่ะ สามารถพูดคุย ติชม และถามคำถามได้นะคะ
****หากมีข้อผิดพลาด จขกท.ก็ขออภัยด้วยนะคะ****
"อย่าพึ่งท้อแท้ในสิ่งที่ยังไม่พยายาม และอย่าพึ่งหมดหวังในสิ่งที่ยังไม่เริ่มต้นนะคะ"