สวัสดีครับ ผมมีเรื่องนึงที่เกิดขึ้นจริงกับผมที่ผมอยากเล่าให้ฟัง อาจมีการคลาดเคลื่อนเกี่ยวกับตัวเลขนะครับ แต่เนื้อหารวมๆผมไม่คิดว่ามีอะไรผิดพลาด... อยากให้เพื่อนๆพี่น้องๆที่กำลังสนใจประกันตัวนี้อยู่ พิจารณาให้ดี อย่าเป็นอย่างผมครับ มันเสียความรู้สึกและเสียเงินทองโดยใช่เปล่า...
ประมาณ 4-6 ปีที่ผ่านมา ผมได้ซื้อประกันเกี่ยวกับโรคของผู้ชายไว้ครับ ซึ่งผมก็ส่งมาตลอด ไม่ได้มีปัญหาอะไร... โดยผมจ่ายโดยการให้หักบัญชีบัตรเครดิตธนาคารสีเขียวๆ
หลังจากนั้นอีกไม่นานนัก ประมาณ ปี 2012-2013 มีพนักงานบริษัทนี้ โทรมาเสนอขายแพ็คเกจประกันสุขภาพให้กับผม ตอนแรกเหมือนมีเรื่องเข้าใจผิดกันเล็กน้อย ซึ่งผมก็เข้าใจดี ผมเลยตัดสินในซื้ออีกตัวด้วยเหตุผลที่ว่า ในแพ็คเกจนี้ มีบัตรเครดิตพร้อมเครดิตการรักษาค่าพยาบาลทั้งจากอาการป่วยและอุบัติเหตุจำนวนนึงที่ ผมสามารถใช้จ่ายค่าบริการทางการแพทย์ได้เลย และผมไม่ต้องสำรองเงินออกไปก่อน.. และผมได้บอกให้ทางเซลส์ทราบว่าที่ผมสนใจจะซื้อเพราะว่าผมไม่ต้องควักเงินของผมออกไปก่อน อย่างชัดเจน...
หลังจากนั้นไม่นาน บัตร จป. (ไม่รู้ว่ามันย่อมาจากอะไร ตอนนี้ผมสงสัยว่าไม่ใช่ "เจอปล้น" ก็ "จอมปลอม") พร้อมกรมธรรม์ของบริษัท รวมไปถึงเอกสารสำหรับการยื่นบัตรเครดิตสำหรับธนาคารข้ามทะเล... จากนั้น ผมก็ได้ถือบัตรจป. ไว้ในใจก็รู้สึกอุ่นใจเพราะถ้าเกิดอะไรขึ้น ผมไม่ต้องควักตังค์ออกสักบาท เพราะมีเครดิตจำนวนนึงที่จะช่วยให้ได้รับการรักษาจากโรงพยาบาลได้.... โดยผมได้ให้หักจ่ายผ่านบัตรเครดิตใบเดียวกัน
ประมาณเดือนมิถุนายน - กรกฏาคมปี 2015 เอ็นแขนผมพลิกเพราะอุบัติเหตุ มือขวาไม่สามารถทำอะไรได้ถนัด (พิมพ์ดีด ทานข้าว ขับรถ และอื่นๆ) ผมจึงเข้าทำการรักษาพยาบาล เมื่อถึงตอนนั้น ผมก็ถึงบางอ้อ บัตรที่ผมถือยู่นั้น สามารถใช้รักษาค่าพยาบาลผู้ป่วยนอกตามที่ระบุไว้เท่านั้น ซึ่งสิ่งที่ผมได้ทำก็คือ ผมต้องสำรองเงินตัวเองออกส่วนที่เหลือไปก่อนแล้วทำเรื่องเบิกคืนภายหลังเป็นจำนวนประมาณ 2 หมื่นกว่าบาท ตอนนั้น ผมได้ติดต่อบริษัทประกันและทางเซลส์เค้าอธิบายว่า บัตรที่ผมมีอยู่ไม่สามารถจ่ายรักษาได้ทั้งหมด เพราะมันไม่ใช่บัตรเครดิตใบนั้น
ผมได้แจ้งกับเซลส์ว่าผมไม่เคยได้รับบัตรเครดิตอะไรทั้งนั้น และถ้าผมต้องมาออกเงินก่อน มันก็ไม่ได้มีความแตกต่างอะไรจากบริษัทอื่นๆและถ้าเป็นอย่างนั้น ผมคิดว่าผมควรใช้ของบริษัทอื่นจะดีกว่า... ทางบริษัทขอให้ผมทำเรื่องเบิกคืนและยื่นเอกสารเกี่ยวกับการของบัตรเครดิตอีกรอบ ผมได้สอบถามพนักงานไปว่า ผมต้องยื่นไปในซองเดียวกันหรือว่าคนละซองเพราะว่ามันคนละเรื่องกัน ทางพนักงานบอกว่าให้ยื่นมาในซองเดียวกัน เพราะเจ้าหน้าที่จะรับเรื่องและส่งเรื่องต่อไปเอง... ซึ่งผมก็ทำตามคำแนะนำนั้น...
หลังจากนั้นอีกไม่นาน (ไม่น่าจะเกิน 3 เดือน) ผมได้รับเงินที่ผมออกไปให้ก่อนคืน แต่ผมยังไม่ได้บัตรเครดิตสำหรับการสำรองจ่ายนั้น และผมก็พยายามสอบถามพนักงานอยู่เรื่อยๆเกี่ยวกับเรื่องบัตรเครดิตใบนั้น และพนักงานก็บอกว่าจะตามเรื่องให้ (ตอนนั้นผมยังไม่รู้สึกหงุดหงิดอะไรเพราะเคยได้รับการโอนเงินที่จ่ายไปก่อนเอาไว้)
เมื่อประมาณ 6-7 เดือนที่ผ่านมานี้ ผมป่วยต้องพบแพทย์ (เกี่ยวกับ หู คอ จมูก) โดยในตอนนั้นผมก็ไปพบแพทย์ตามสมควร โดยบัตรที่ผมมีอยู่นั้น ไม่สามารถใช้จ่ายค่ารักษาได้ทั้งหมด (มีส่วนเกินมาประมาณ 2 พันกว่าบาท) สิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกหงุดหงิดมาก เพราะผมต้องสำรองออกเงินไปก่อน และต้องมาทำเรื่อง ส่งเอกสารทางไปรษณีย์ เพื่อที่จะเคลมเงินที่ผมเสียไปกับ ผมรู้สึกว่ามันเสียเวลาทำงานโดยใช่เหตุ ผมจึงติดต่อทางบริษัท เค้าบอกจะเช็คให้ ซึ่งผมก็ได้แจ้งเค้าไปว่าผมได้ส่งเอกสารทุกอย่างไปพร้อมหมดแล้วตอนที่ผมทำเรื่องเคลมปีที่แล้ว ถ้าเอกสารไม่ถึงมือเจ้าหน้าที่ ผมก็ไม่น่าจะได้รับเงินเคลมของผม.... ผมได้ฝากให้พนักงานตามเรื่องให้ แต่ก็ไม่มีความคืบหน้าอะไร.. แต่ผมก็ยังให้ทางบริษัทหักเงินจากบัตรเครดิตอยู่เรื่อยๆ ตามปรกติ และผมก็เริ่มจะลืมๆเรื่องบัตรเครดิตที่ผมควรได้ไป..
หลังจากนั้นไม่นาน ผมได้ทำบัตรเครดิตธนาคารสีเขียวหายและได้แจ้งอายัดพร้อมขอใบใหม่ไป ซึ่งแน่นอน บริษัทประกันไม่สามารถหักยอดจากบัตรเครดิตผมได้ ผมได้แจ้งกับพนักงานว่าผมไม่ยินดีที่จะให้หมายเลขบัตรเครดิตผม ถ้าผมยังไม่ได้บัตรเครดิตที่ผมควรได้ (เพราะนั่นเป็นสิ่งที่พนักงานบอกว่าผมจะได้ถ้าผม เลือกซื้อแพ็คเกจกับเค้า) พนักงานได้ถามย้อนกลับมาที่ผมว่าผมได้ส่งเอกสารเกี่ยวกับกับการยื่นขอบัตรเครดิตหรือไม่ ซึ่งผมก็ได้แจ้งกลับไปว่า แน่อนครับ ผมต้องยื่นไปแล้ว และทางบริษัทก็น่าจะได้รับแล้วเพราะผมยื่นไปพร้อมกับการเคลมเงินที่ผ่านมาเมื่อปีที่แล้ว... ผมให้พนักงานไปตรวจสอบมาว่าผมจะได้บัตรเครดิตเมื่อไหร่ เพราะนั่นเป็นสิ่งที่สัญญาว่าจะได้..... หลังจากนั้นไม่นานนัก (ประมาณ 1-2 สัปดาห์) พนักงานก็ได้ติดต่อมาทางผม ขอให้ผมจ่ายเบี้ยประกัน (ผมเข้าใจว่าคนละคน) ผมได้แจ้งไปเหมือนเดิมและขอให้พนักงานตรวจสอบ ปรากฏว่าพนักงานบอกว่าบริษัทประกันไม่สามารถดำเนินการอะไรได้เพราะอยู่นอกเหนือการพิจารณาของบริษัท การออกบัตรเครดิตอยู่ในอำนาจการตัดสินใจของธนาคารข้ามทะเลเท่านั้น...
ผมรู้สึกเหมือนโดนหลอกครับ เพราะผมได้แจ้งบริษัทประกันไว้แล้วว่าที่ผมยอมซื้อประกันก็เพราะผมถูกใจในบัตรเครดิตที่มียอดสำหรับการจ่ายเงินค่ารักษาพยาบาลเท่านั้น เพราะมันทำให้ผมไม่ต้องเสียเวลาออกในการเคลมเงินที่ผมต้องสำรองออกไปก่อน ผมยืนกรานที่จะไม่ให้หมายเลขบัตรเครดิต และตอนนี้บริษัทประกันสีเขียวมีบัตร จป. นั้นก็ส่งเอกสารยกเลิกกรมธรรม์ทั้งสองของผมไปแล้ว...
ผมคิดว่าผมเป็นคนใจดีนะครับ แต่ว่าการเป็นคนใจดีมันไม่ดีเลย มันจะโดนสิ่งชั่วๆเลวทรามเอาเปรียบ . . . .
ถ้าเพื่อนๆพี่ๆคนไหนใช้บริการประกันสุขภาพหรือประกันชีวิตของที่นี่อยู่ ถ้าไม่เสียดายเงินที่เสียไป ผมอยากให้ลองพิจารณาดูที่อื่นไว้บ้างก็ดีนะครับ
ส่วนเพื่อนๆ พี่ๆ คนไหนมีอะไรดีๆ มาแนะนำ หรือมีประสบการณ์ดีๆเกี่ยวกับแพ็คเกจประกันสุขภาพอะไรๆ รบกวนเล่าให้ฟังด้วยนะครับ ผมจะได้ไปลองหาอันใหม่เลือกให้ดู
ขอบคุณมากๆครับ
ซื้อประกันของสีเขียวๆ เหมือนเจอปล้นไม่ใจป้ำจริง
ประมาณ 4-6 ปีที่ผ่านมา ผมได้ซื้อประกันเกี่ยวกับโรคของผู้ชายไว้ครับ ซึ่งผมก็ส่งมาตลอด ไม่ได้มีปัญหาอะไร... โดยผมจ่ายโดยการให้หักบัญชีบัตรเครดิตธนาคารสีเขียวๆ
หลังจากนั้นอีกไม่นานนัก ประมาณ ปี 2012-2013 มีพนักงานบริษัทนี้ โทรมาเสนอขายแพ็คเกจประกันสุขภาพให้กับผม ตอนแรกเหมือนมีเรื่องเข้าใจผิดกันเล็กน้อย ซึ่งผมก็เข้าใจดี ผมเลยตัดสินในซื้ออีกตัวด้วยเหตุผลที่ว่า ในแพ็คเกจนี้ มีบัตรเครดิตพร้อมเครดิตการรักษาค่าพยาบาลทั้งจากอาการป่วยและอุบัติเหตุจำนวนนึงที่ ผมสามารถใช้จ่ายค่าบริการทางการแพทย์ได้เลย และผมไม่ต้องสำรองเงินออกไปก่อน.. และผมได้บอกให้ทางเซลส์ทราบว่าที่ผมสนใจจะซื้อเพราะว่าผมไม่ต้องควักเงินของผมออกไปก่อน อย่างชัดเจน...
หลังจากนั้นไม่นาน บัตร จป. (ไม่รู้ว่ามันย่อมาจากอะไร ตอนนี้ผมสงสัยว่าไม่ใช่ "เจอปล้น" ก็ "จอมปลอม") พร้อมกรมธรรม์ของบริษัท รวมไปถึงเอกสารสำหรับการยื่นบัตรเครดิตสำหรับธนาคารข้ามทะเล... จากนั้น ผมก็ได้ถือบัตรจป. ไว้ในใจก็รู้สึกอุ่นใจเพราะถ้าเกิดอะไรขึ้น ผมไม่ต้องควักตังค์ออกสักบาท เพราะมีเครดิตจำนวนนึงที่จะช่วยให้ได้รับการรักษาจากโรงพยาบาลได้.... โดยผมได้ให้หักจ่ายผ่านบัตรเครดิตใบเดียวกัน
ประมาณเดือนมิถุนายน - กรกฏาคมปี 2015 เอ็นแขนผมพลิกเพราะอุบัติเหตุ มือขวาไม่สามารถทำอะไรได้ถนัด (พิมพ์ดีด ทานข้าว ขับรถ และอื่นๆ) ผมจึงเข้าทำการรักษาพยาบาล เมื่อถึงตอนนั้น ผมก็ถึงบางอ้อ บัตรที่ผมถือยู่นั้น สามารถใช้รักษาค่าพยาบาลผู้ป่วยนอกตามที่ระบุไว้เท่านั้น ซึ่งสิ่งที่ผมได้ทำก็คือ ผมต้องสำรองเงินตัวเองออกส่วนที่เหลือไปก่อนแล้วทำเรื่องเบิกคืนภายหลังเป็นจำนวนประมาณ 2 หมื่นกว่าบาท ตอนนั้น ผมได้ติดต่อบริษัทประกันและทางเซลส์เค้าอธิบายว่า บัตรที่ผมมีอยู่ไม่สามารถจ่ายรักษาได้ทั้งหมด เพราะมันไม่ใช่บัตรเครดิตใบนั้น
ผมได้แจ้งกับเซลส์ว่าผมไม่เคยได้รับบัตรเครดิตอะไรทั้งนั้น และถ้าผมต้องมาออกเงินก่อน มันก็ไม่ได้มีความแตกต่างอะไรจากบริษัทอื่นๆและถ้าเป็นอย่างนั้น ผมคิดว่าผมควรใช้ของบริษัทอื่นจะดีกว่า... ทางบริษัทขอให้ผมทำเรื่องเบิกคืนและยื่นเอกสารเกี่ยวกับการของบัตรเครดิตอีกรอบ ผมได้สอบถามพนักงานไปว่า ผมต้องยื่นไปในซองเดียวกันหรือว่าคนละซองเพราะว่ามันคนละเรื่องกัน ทางพนักงานบอกว่าให้ยื่นมาในซองเดียวกัน เพราะเจ้าหน้าที่จะรับเรื่องและส่งเรื่องต่อไปเอง... ซึ่งผมก็ทำตามคำแนะนำนั้น...
หลังจากนั้นอีกไม่นาน (ไม่น่าจะเกิน 3 เดือน) ผมได้รับเงินที่ผมออกไปให้ก่อนคืน แต่ผมยังไม่ได้บัตรเครดิตสำหรับการสำรองจ่ายนั้น และผมก็พยายามสอบถามพนักงานอยู่เรื่อยๆเกี่ยวกับเรื่องบัตรเครดิตใบนั้น และพนักงานก็บอกว่าจะตามเรื่องให้ (ตอนนั้นผมยังไม่รู้สึกหงุดหงิดอะไรเพราะเคยได้รับการโอนเงินที่จ่ายไปก่อนเอาไว้)
เมื่อประมาณ 6-7 เดือนที่ผ่านมานี้ ผมป่วยต้องพบแพทย์ (เกี่ยวกับ หู คอ จมูก) โดยในตอนนั้นผมก็ไปพบแพทย์ตามสมควร โดยบัตรที่ผมมีอยู่นั้น ไม่สามารถใช้จ่ายค่ารักษาได้ทั้งหมด (มีส่วนเกินมาประมาณ 2 พันกว่าบาท) สิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกหงุดหงิดมาก เพราะผมต้องสำรองออกเงินไปก่อน และต้องมาทำเรื่อง ส่งเอกสารทางไปรษณีย์ เพื่อที่จะเคลมเงินที่ผมเสียไปกับ ผมรู้สึกว่ามันเสียเวลาทำงานโดยใช่เหตุ ผมจึงติดต่อทางบริษัท เค้าบอกจะเช็คให้ ซึ่งผมก็ได้แจ้งเค้าไปว่าผมได้ส่งเอกสารทุกอย่างไปพร้อมหมดแล้วตอนที่ผมทำเรื่องเคลมปีที่แล้ว ถ้าเอกสารไม่ถึงมือเจ้าหน้าที่ ผมก็ไม่น่าจะได้รับเงินเคลมของผม.... ผมได้ฝากให้พนักงานตามเรื่องให้ แต่ก็ไม่มีความคืบหน้าอะไร.. แต่ผมก็ยังให้ทางบริษัทหักเงินจากบัตรเครดิตอยู่เรื่อยๆ ตามปรกติ และผมก็เริ่มจะลืมๆเรื่องบัตรเครดิตที่ผมควรได้ไป..
หลังจากนั้นไม่นาน ผมได้ทำบัตรเครดิตธนาคารสีเขียวหายและได้แจ้งอายัดพร้อมขอใบใหม่ไป ซึ่งแน่นอน บริษัทประกันไม่สามารถหักยอดจากบัตรเครดิตผมได้ ผมได้แจ้งกับพนักงานว่าผมไม่ยินดีที่จะให้หมายเลขบัตรเครดิตผม ถ้าผมยังไม่ได้บัตรเครดิตที่ผมควรได้ (เพราะนั่นเป็นสิ่งที่พนักงานบอกว่าผมจะได้ถ้าผม เลือกซื้อแพ็คเกจกับเค้า) พนักงานได้ถามย้อนกลับมาที่ผมว่าผมได้ส่งเอกสารเกี่ยวกับกับการยื่นขอบัตรเครดิตหรือไม่ ซึ่งผมก็ได้แจ้งกลับไปว่า แน่อนครับ ผมต้องยื่นไปแล้ว และทางบริษัทก็น่าจะได้รับแล้วเพราะผมยื่นไปพร้อมกับการเคลมเงินที่ผ่านมาเมื่อปีที่แล้ว... ผมให้พนักงานไปตรวจสอบมาว่าผมจะได้บัตรเครดิตเมื่อไหร่ เพราะนั่นเป็นสิ่งที่สัญญาว่าจะได้..... หลังจากนั้นไม่นานนัก (ประมาณ 1-2 สัปดาห์) พนักงานก็ได้ติดต่อมาทางผม ขอให้ผมจ่ายเบี้ยประกัน (ผมเข้าใจว่าคนละคน) ผมได้แจ้งไปเหมือนเดิมและขอให้พนักงานตรวจสอบ ปรากฏว่าพนักงานบอกว่าบริษัทประกันไม่สามารถดำเนินการอะไรได้เพราะอยู่นอกเหนือการพิจารณาของบริษัท การออกบัตรเครดิตอยู่ในอำนาจการตัดสินใจของธนาคารข้ามทะเลเท่านั้น...
ผมรู้สึกเหมือนโดนหลอกครับ เพราะผมได้แจ้งบริษัทประกันไว้แล้วว่าที่ผมยอมซื้อประกันก็เพราะผมถูกใจในบัตรเครดิตที่มียอดสำหรับการจ่ายเงินค่ารักษาพยาบาลเท่านั้น เพราะมันทำให้ผมไม่ต้องเสียเวลาออกในการเคลมเงินที่ผมต้องสำรองออกไปก่อน ผมยืนกรานที่จะไม่ให้หมายเลขบัตรเครดิต และตอนนี้บริษัทประกันสีเขียวมีบัตร จป. นั้นก็ส่งเอกสารยกเลิกกรมธรรม์ทั้งสองของผมไปแล้ว...
ผมคิดว่าผมเป็นคนใจดีนะครับ แต่ว่าการเป็นคนใจดีมันไม่ดีเลย มันจะโดนสิ่งชั่วๆเลวทรามเอาเปรียบ . . . .
ถ้าเพื่อนๆพี่ๆคนไหนใช้บริการประกันสุขภาพหรือประกันชีวิตของที่นี่อยู่ ถ้าไม่เสียดายเงินที่เสียไป ผมอยากให้ลองพิจารณาดูที่อื่นไว้บ้างก็ดีนะครับ
ส่วนเพื่อนๆ พี่ๆ คนไหนมีอะไรดีๆ มาแนะนำ หรือมีประสบการณ์ดีๆเกี่ยวกับแพ็คเกจประกันสุขภาพอะไรๆ รบกวนเล่าให้ฟังด้วยนะครับ ผมจะได้ไปลองหาอันใหม่เลือกให้ดู
ขอบคุณมากๆครับ