1.คุยกับผู้หญิงนางหนึ่งในแอพผึ้งน้อยตัวเหลืองอันเลื่องชื่อทางด้านหาคู่ แต่เท่าที่สังเกตคือไม่ได้มีการคุยในทำนองเชิงชู้สาวแต่อย่างใด แต่ก็ทำให้อดระแวงไม่ได้ถึงแม้จะขอให้เขาลบแอพนั้นไปแล้ว
2.นอกจากเวลาที่ให้งานแล้วเขาก็เป็นคนที่แคร์เพื่อนค่อนข้างมาก คือ แทบจะทุกอาทิตย์ที่เพื่อนชวนไปสังสรรค์จะมีน้อยครั้งมากที่จะปฏิเสธ เราเข้าใจได้นะข้อนี้เพราะคิดว่ามันก็เรื่องปกติของผู้ชายแหละแต่มันทำให้เราเป็นกังวลว่าเขาจะเป็นอะไรหรือเปล่าเวลาขับรถกลับบ้านและกลัวว่าจะไปทำงานไม่ไหวในวันถัดไป
3.เรามักจะไปหาเขาที่บ้านบ่อยๆ เขาจึงต้องขับรถมาส่งเราที่บ้านและด้วยความเป็นห่วงเราก็บอกให้เขาส่งข้อความหาเราเมื่อกลับถึงบ้านแล้ว ... แต่ทว่ากลับมีเพียงไม่เกินสามครั้งที่เขาส่งข้อความหาเราเมื่อถึงบ้าน ทำให้เรารู้สึกว่าเขาไม่มีเวลาพอที่จะพิมข้อความส่งหาเรา(ซึ่งใช้เวลาไม่เกิน1นาทีด้วยซ้ำ)หรือไม่ใส่ใจกันแน่
4.เมื่อเขาทั้งทำงานและสังสรรค์กับเพื่อนทำให้เขาไม่ค่อยมีเวลา หลายๆครั้งก็เป็นเราที่ตามเทคแคร์เขาทั้งเรื่องงานบ้าน กวาดบ้าน ถูบ้าน ล้างจาน ซักผ้า ไปจนถึงล้างห้องน้ำ(ซึ่งเป็นบ้านของเขา) เรื่องการเรียนที่เขาเรียนเพิ่มอีกใบต้องลงทะเบียนให้ไปจนถึงดูตารางสอบและคอยแจ้งเตือนเขาเมื่อใกล้วันสอบ
5.คนทุกคนหวังผลจากสิ่งที่ทำใช่มั้ยคะ? เพียงแต่จะหวังดีหรือร้ายแค่นั้นเอง
จากการที่เราทำให้เขาเท่าที่เราจะทำให้ได้เราย่อมที่จะหวังผลกลับคืน เช่น การที่เราดูแลบ้านให้เพราะเราไม่อยากให้เขาเหนื่อยและอยากให้เขามีเวลาอยู่กับเราซึ่งก็พอจะเป็นไปตามคาดอยู่บ้างแต่มันผิดคาดตรงที่จากที่เจียดเวลามาให้เราแล้วเขาก็มีเวลาไปสังสรรค์กับเพื่อนมากขึ้นและหลายๆครั้งมันทำให้สิ่งต่างๆที่เราทำให้นั้นมันกลายเป็นหน้าที่ของเราไปโดยปริยาย ทั้งที่เราไม่จำเป็นต้องทำเลยก็ได้
6.ประเด็นนี้เพิ่งเกิดสดๆร้อนๆเลยค่ะ เมื่อสามวันที่แล้ว
เรื่องประมาณว่าเราไปเล่นมือถือของเขาแล้วเราก็เห็นเฟสมีการแจ้งเตือนหนึ่งขึ้นมาว่า "อนุมัติคำขอการเข้าร่วมกลุ่มไซด์ไลน์แล้ว" เราโกรธมากค่ะ เพราะมันไม่ใช่ครั้งแรกที่ไปเจอว่าเขาเข้าไปอยู่ในกลุ่มพรรณนี้ คือเจอไม่ต่ำกว่า4-5ครั้งซึ่งก่อนหน้าที่เวลาที่เราเจอเขาก็จะบอกว่าคนอื่นลากเข้าอย่างนู้นอย่างนี้...แล้วเราก็เชื่อ แต่ก็กดออกจากกลุ่มที่เราเจอนั้น แต่!!!มันก็ยังมีเพิ่มมาเรื่อยๆจนเราปล่อยและไม่ได้คิดมากอะไรเพราะคิดว่าคงเป็นคนอื่นลากเข้าจริงๆ
แต่สุดท้ายแล้วก็มาเจอเจ้าการแจ้งเตือนนี้ล่ะค่ะเลยทำให้เดือดสิคะ เมื่อถามเขาว่าเข้าไปทำไม(ยอมรับว่าตอนนั้นโมโหจนหลุดพูดแรงๆไปบ้าง) เขาตอบคำที่มันฟังไม่ขึ้นเลยว่า "เค้าอยากรู้ว่ามันเป็นยังไง" !!!!!!!!!!!!????? งงแรงค่ะ คือคำว่าไซด์ไลน์เนี่ยใครๆก็พอจะรู้ป่ะว่ามันเป็นงานประเภทไหน แล้วยิ่งอายุเขาก็ไม่ใช่เด็กแล้วปาไป26 มันควรรู้ได้แน่นอน
กลับมาด้านเราที่เจอทั้งแฟนตัวเองไปอยู่ในกลุ่มเฟสอันนั้นและยังมาฟังคำแก้ตัวที่ห่วยแตกที่สุดแบบนี้อีก คงไม่ต้องถามรู้สึกยังไง....โมโหสิคะคุณ
.
.
.....
..............................................
..................................................................
ก็นั่นแหละค่ะประเด็นทั้งหมดที่สาธยายมาจากที่รู้สึกว่าตัวเองเป็นของตายอยู่แล้วมาบวกกับเรื่องแบบนี้อีก มันก็มีความคิดที่จะเลิกผุดขึ้นมาในหัวแต่......ใจผู้หญิงแบบเรามันไม่ได้แข็งขนาดนั้นค่ะ ความคิดที่จะเลิกก็มี ความคิดที่ว่าตลอดเวลาที่เราคบกันเราผ่านปัญหามาด้วยกันหลายอย่าง เช่น ทางบ้านเราเนี่ยเข้มงวดมากค่ะ กว่าเขาจะผ่านด่านแม่ ด่านพี่ชาย(เกือบจะโดนพี่เราต่อยอยู่แล้ว) แต่มันก็ผ่านมาได้ ความคิดทั้งสองอย่างมันเลยตีกันอยู่ในหัว
เราเลยตัดสินใจขอห่างกับเขาแบบที่ไม่ต้องคุยกันเลย1เดือน เหตุผลคือเราอยากรู้ค่ะว่าถ้าไม่มีเราในชีวิตเขาแล้วเขาจะรู้สึกแย่บ้างมั้ย?
ถ้าผลออกมาว่าไม่เราว่าเราคงไม่เสียใจที่จะปล่อยเขาไป
ตอนนี้บอกตามตรงว่าสับสนค่ะอยากคบต่อแต่กลัวจะรับไม่ได้ถ้าเจออะไรหนักกว่านี้ อยากเลิกแต่ก็โดนความคิดที่ว่ามาสกัดอีก
ปล.เขาเป็นผู้ชายคนแรกที่เราให้ใจขนาดนี้ ที่ผ่านมายอมรับเลยค่ะว่าเคยทำเรื่องแย่ๆเลวๆกับคนดีๆไว้นี่คงเป็นกรรมมั้งคะ
ปล.2 เขาเป็นผู้ชายที่จีบผู้หญิงไม่เก่งเลยยยย อาจเพราะอยู่แต่กับเพื่อนผู้ชายตลอด สังเกตุจากที่เขามาจีบเราและตอนขอคบนี่ไม่ใช่วิถีของผู้ชายเจ้าชู้เลยค่ะ ทำให้มั่นใจเรื่องเจ้าชู้ไปได้ระดับนึง
ควรไปต่อหรือหยุดแค่นี้?
2.นอกจากเวลาที่ให้งานแล้วเขาก็เป็นคนที่แคร์เพื่อนค่อนข้างมาก คือ แทบจะทุกอาทิตย์ที่เพื่อนชวนไปสังสรรค์จะมีน้อยครั้งมากที่จะปฏิเสธ เราเข้าใจได้นะข้อนี้เพราะคิดว่ามันก็เรื่องปกติของผู้ชายแหละแต่มันทำให้เราเป็นกังวลว่าเขาจะเป็นอะไรหรือเปล่าเวลาขับรถกลับบ้านและกลัวว่าจะไปทำงานไม่ไหวในวันถัดไป
3.เรามักจะไปหาเขาที่บ้านบ่อยๆ เขาจึงต้องขับรถมาส่งเราที่บ้านและด้วยความเป็นห่วงเราก็บอกให้เขาส่งข้อความหาเราเมื่อกลับถึงบ้านแล้ว ... แต่ทว่ากลับมีเพียงไม่เกินสามครั้งที่เขาส่งข้อความหาเราเมื่อถึงบ้าน ทำให้เรารู้สึกว่าเขาไม่มีเวลาพอที่จะพิมข้อความส่งหาเรา(ซึ่งใช้เวลาไม่เกิน1นาทีด้วยซ้ำ)หรือไม่ใส่ใจกันแน่
4.เมื่อเขาทั้งทำงานและสังสรรค์กับเพื่อนทำให้เขาไม่ค่อยมีเวลา หลายๆครั้งก็เป็นเราที่ตามเทคแคร์เขาทั้งเรื่องงานบ้าน กวาดบ้าน ถูบ้าน ล้างจาน ซักผ้า ไปจนถึงล้างห้องน้ำ(ซึ่งเป็นบ้านของเขา) เรื่องการเรียนที่เขาเรียนเพิ่มอีกใบต้องลงทะเบียนให้ไปจนถึงดูตารางสอบและคอยแจ้งเตือนเขาเมื่อใกล้วันสอบ
5.คนทุกคนหวังผลจากสิ่งที่ทำใช่มั้ยคะ? เพียงแต่จะหวังดีหรือร้ายแค่นั้นเอง
จากการที่เราทำให้เขาเท่าที่เราจะทำให้ได้เราย่อมที่จะหวังผลกลับคืน เช่น การที่เราดูแลบ้านให้เพราะเราไม่อยากให้เขาเหนื่อยและอยากให้เขามีเวลาอยู่กับเราซึ่งก็พอจะเป็นไปตามคาดอยู่บ้างแต่มันผิดคาดตรงที่จากที่เจียดเวลามาให้เราแล้วเขาก็มีเวลาไปสังสรรค์กับเพื่อนมากขึ้นและหลายๆครั้งมันทำให้สิ่งต่างๆที่เราทำให้นั้นมันกลายเป็นหน้าที่ของเราไปโดยปริยาย ทั้งที่เราไม่จำเป็นต้องทำเลยก็ได้
6.ประเด็นนี้เพิ่งเกิดสดๆร้อนๆเลยค่ะ เมื่อสามวันที่แล้ว
เรื่องประมาณว่าเราไปเล่นมือถือของเขาแล้วเราก็เห็นเฟสมีการแจ้งเตือนหนึ่งขึ้นมาว่า "อนุมัติคำขอการเข้าร่วมกลุ่มไซด์ไลน์แล้ว" เราโกรธมากค่ะ เพราะมันไม่ใช่ครั้งแรกที่ไปเจอว่าเขาเข้าไปอยู่ในกลุ่มพรรณนี้ คือเจอไม่ต่ำกว่า4-5ครั้งซึ่งก่อนหน้าที่เวลาที่เราเจอเขาก็จะบอกว่าคนอื่นลากเข้าอย่างนู้นอย่างนี้...แล้วเราก็เชื่อ แต่ก็กดออกจากกลุ่มที่เราเจอนั้น แต่!!!มันก็ยังมีเพิ่มมาเรื่อยๆจนเราปล่อยและไม่ได้คิดมากอะไรเพราะคิดว่าคงเป็นคนอื่นลากเข้าจริงๆ
แต่สุดท้ายแล้วก็มาเจอเจ้าการแจ้งเตือนนี้ล่ะค่ะเลยทำให้เดือดสิคะ เมื่อถามเขาว่าเข้าไปทำไม(ยอมรับว่าตอนนั้นโมโหจนหลุดพูดแรงๆไปบ้าง) เขาตอบคำที่มันฟังไม่ขึ้นเลยว่า "เค้าอยากรู้ว่ามันเป็นยังไง" !!!!!!!!!!!!????? งงแรงค่ะ คือคำว่าไซด์ไลน์เนี่ยใครๆก็พอจะรู้ป่ะว่ามันเป็นงานประเภทไหน แล้วยิ่งอายุเขาก็ไม่ใช่เด็กแล้วปาไป26 มันควรรู้ได้แน่นอน
กลับมาด้านเราที่เจอทั้งแฟนตัวเองไปอยู่ในกลุ่มเฟสอันนั้นและยังมาฟังคำแก้ตัวที่ห่วยแตกที่สุดแบบนี้อีก คงไม่ต้องถามรู้สึกยังไง....โมโหสิคะคุณ
.
.
.....
..............................................
..................................................................
ก็นั่นแหละค่ะประเด็นทั้งหมดที่สาธยายมาจากที่รู้สึกว่าตัวเองเป็นของตายอยู่แล้วมาบวกกับเรื่องแบบนี้อีก มันก็มีความคิดที่จะเลิกผุดขึ้นมาในหัวแต่......ใจผู้หญิงแบบเรามันไม่ได้แข็งขนาดนั้นค่ะ ความคิดที่จะเลิกก็มี ความคิดที่ว่าตลอดเวลาที่เราคบกันเราผ่านปัญหามาด้วยกันหลายอย่าง เช่น ทางบ้านเราเนี่ยเข้มงวดมากค่ะ กว่าเขาจะผ่านด่านแม่ ด่านพี่ชาย(เกือบจะโดนพี่เราต่อยอยู่แล้ว) แต่มันก็ผ่านมาได้ ความคิดทั้งสองอย่างมันเลยตีกันอยู่ในหัว
เราเลยตัดสินใจขอห่างกับเขาแบบที่ไม่ต้องคุยกันเลย1เดือน เหตุผลคือเราอยากรู้ค่ะว่าถ้าไม่มีเราในชีวิตเขาแล้วเขาจะรู้สึกแย่บ้างมั้ย?
ถ้าผลออกมาว่าไม่เราว่าเราคงไม่เสียใจที่จะปล่อยเขาไป
ตอนนี้บอกตามตรงว่าสับสนค่ะอยากคบต่อแต่กลัวจะรับไม่ได้ถ้าเจออะไรหนักกว่านี้ อยากเลิกแต่ก็โดนความคิดที่ว่ามาสกัดอีก
ปล.เขาเป็นผู้ชายคนแรกที่เราให้ใจขนาดนี้ ที่ผ่านมายอมรับเลยค่ะว่าเคยทำเรื่องแย่ๆเลวๆกับคนดีๆไว้นี่คงเป็นกรรมมั้งคะ
ปล.2 เขาเป็นผู้ชายที่จีบผู้หญิงไม่เก่งเลยยยย อาจเพราะอยู่แต่กับเพื่อนผู้ชายตลอด สังเกตุจากที่เขามาจีบเราและตอนขอคบนี่ไม่ใช่วิถีของผู้ชายเจ้าชู้เลยค่ะ ทำให้มั่นใจเรื่องเจ้าชู้ไปได้ระดับนึง