บันทึกประสบการณ์ชีวิต

กระทู้นี้เล่าเรื่องที่ผ่านมาของชีวิตตัวเองที่เกิดขึ้น แค่นั้น555

ตอนยังเล็กๆอยู่ที่บ้านทำธุรกิจโรงงานธูปที่มีขนาดใหญ่เป็นแบรนที่คนรู้จักกันดี สมัยนั้นแม่เคยเล่าให้ฟังว่าผมคนเดียวมีพี่เลี้ยงถึง4คน บ้านมีฐานะถือว่าร่ำรวยมาก มีบ้านพักตากอากาศอยู่ทุกภาคของประเทศไทย พอตาผมตายลง หุ่นส่วนทั้งหลายก็โกง แต่ไม่ทราบรายละเอียดว่าอะไรอย่างไรบ้าง ตอนนั้นยังเล็กมาก ผมพอจะจำได้ก็ตอนที่เข้าอนุบาล ตอนนั้นยังมีกินร่ำรวยอยู่ ผมเรียน รร. ดีๆ ตกเย็นเดินห้าง กินไอศรีม มีของเล่นดีๆ  ยายผมลงทุนทำธุระกิจหลายๆอย่างแต่ไม่ประสบความสำเร็จ ยายผมมีลูก3คน แม่ผม ลุง  น้า ทั้ง3คน ก็ไม่ทำงานทำการ เที่ยว ติดยา ใช่เงินกันแบบละลายน้ำ จนมันหมด ขายที่ ขายบ้าน เรื่อยๆ จนหมดสิ้นทุกอย่างจนตัดสินใจย้ายมาอยู่บ้านที่สุพรรณบุรี หวังว่าจะมาตั้งรากฐาน บ้านที่นั้นเป็นบ้านไม้สักทองริมน้ำ ราคาหลักล้าน แต่กับถูกคนดูแลงัดคานไม้ไปขายหมด จนตัวบ้านไม่สามารถใช้งานได้ เลยต้องสร้างใหม่ สร้างเป็นบ้านปูนเล็กๆ ไม่มีการฉาบผนัง ไม่มีมุ่งลวด นอนแบบกลางมุ้ง ซึ่งขณะนั้นไม่เหลืออะไรอยู่แล้ว และมันเป็นช่วงที่น้องผมเกิดพอดี แม่ผมก็เอาน้องกับผมมาทิ้งให้ยายเลี้ยง ส่วนตัวเขาก็ไปเป็นนักร้องคาราโอเก๊ะในกทม. ผมอยู่กับยายและน้อง3คน ตอนนั้นทั้งบ้าน อยู่กันแบบอดยากมาก ตอนน้องผมยังไม่อดนม น้องผมต้องกินนมข้นหวานละลายน้ำร้อน ส่วนผมกับยาย กินข้าวคุกซีอิ้ว บ้างวันมีไข่ก็ต้องตั้งเตาถ่านเกือนครึ่งชม.เพื่อจะได้ทอดไข่มากินกัน ผมถูกย้ายมาเรียน รร. วัดใกล้บ้าน นานทีจะได้เงินไปกินโรงเรียน ได้ครั้งหนึ่ง ไม่เกิน5บาท ผมจำถึงความรู้สึกวันนั้นได้ทั้งหมด ว่าลำบากขนาดไหน ผมฝื่นใจบอกยาย ว่าข้าวคุกซอสมันคือของโปรด ไม่ต้องทำอย่างอื่นให้ผมกินนะ ผมแอบมองเด็กคนอื่นมีรถจักรยาน แต่ผมไม่มีปัญญาชื้อ จนผมอยู่ป.3 ย่าผมสงสารเลยรับมาเลี้ยง ได้มาเรียนที่กทม. อยู่ได้2ปี ย่าก็ตาย ทิ้งทุนการศึกษาไว้ให้ผมเรียนต่ออยู่หนึ่งก้อน ซึ่งป้าผมเก็บหมด ผมถูกเอาเปรียบกลายเป็นขี้ข้าของบ้านนั้น ส่วนพ่อผม ไม่เคยมาดูแลใยดีใดๆผมทั้งนั้น ผมอดทนกับชีวิตที่โดนกลั่นแกล้ง ค่อยต่อสู้กับคนบ้านนั้นมาตลอด รับจ๊อบทำงานสาระพัด  อยู่กับคนในบ้านนั้นมาจนจบม.3 ผมตัดสินใจกลับบ้าน จะไม่เรียนต่อ ระหว่างนั้นผมก็ทำงานทุกอย่าง ตั้งแต่ ทำโรงงาน ร้านวัสดุก่อสร้าง แบกอิฐ แบกปูน จนขายยาบ้า ขายไปขายมา เปิดโรงงานผลิตเองในบ้านกับแม่ ทำเกือบปี ได้เงินมาก้อนหนึ่ง เลยมานั้งคิดกับแม่ว่า เราควรหยุดก่อนจะไม่เหลืออะไรเลย ตอนนั้นคือมีเงินเก็บกันหลักล้าน เลยเอามาลงทุนทำธุรกิจ ช่วงที่เป็นช่วงบุกเบิก ผมกับแม่ล้มลุกคุกคลานกันมาก นอนกอดกันร้องไห้ กว่าจะฝ่าฟันกันมา พอเริ่มเข้าที่ ผมจึงขอกลับมาเรียนต่อ ปวช. และตอนนี้ก็กำลังเรียนมหาลัย ชีวิตเริ่มดีขึ้นมาก ธุรกิจที่ทำ ตอนนี้ก็ยังทุลักทุเล แต่ก็สามารถสร้างเงินได้เดือนหลักแสน ชีวิตคนเราก็ตลกดี มีขึ้นมีลง แต่มันก็อยู่ที่ความอดทนของเราด้วย พร้อมแค่ไหนที่จะฟ่าฟัน ยอมจำนนกับชีวิตหรือจะเดินต่อ จริงๆ ความลำบากผมเจออีกมากเล่าคงไม่หมด ถามว่าท้อไหม โคตรท้อ อิจฉาคนอื่นไหม โคตรอิจฉาที่มีครอบครัวที่ดี ชีวิตที่ดี แต่ทำไงได้ มันเป็นแบบนี้ ต้องสู้กับมัน พอมันผ่านไปได้ จะกลับมารักตัวเอง จะภูมิใจในตัวเอง ที่ยืนยัดสู้จนไม่มีใครหน้าไหนกล้าดูถูกอีกต่อไป จากที่ยืมเงินทั้งซอย เดินไปไหนก็โดนตราหน้า ตอนนี้ สามารถปล่อยกู้ให้คนอื่นได้ด้วย แม่ผมจากสาวคาราโอเก๊ะ กลายเป็นผู้ใหญ่ที่ทุกคนนับหน้าถือตา ถ้ามีใครที่มาอ่าน ก็ไม่รู้จะได้ประโยชน์ไหมนะ ก็ลองๆดู ชีวิตแต่ละคนก็มีเรื่องเล่า ผมก็เอาเรื่องของผมมาเล่า เล่นๆ ดู จริงๆเรื่องนี้ก็ไม่เคยเล่าให้ใครฟัง จริงมันรันทดและน่ากลัวกว่าที่เล่าอีก เอาคราวๆแค่นี้พอ 555 ขอบคุณที่เข้ามานะครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่