[SR] พาชิมอาหารอิตาเลี่ยนรสชาติดั้งเดิมที่ Favola ณ โรงแรม Le Méridien Suvarnabhumi Hotel

กระทู้รีวิว

สารภาพตามตรงว่าตัวผมเองเป็นคนที่ค่อยได้ทานอาหารอิตาเลี่ยนสักเท่าไหร่ ที่เคยทานก็เป็นอาหารพื้นฐานที่หลายคนน่าจะรู้จักกันดีอยู่แล้ว พวก พิซซ่า, สปาเกตตี้ อะไรแนวๆ นี้ เมื่อได้รับคำเชิญจากทางโรงแรมเลอ เมอริเดียน สุวรรณภูมิ ให้ไปลองชิมประทานอาหารอิตาเลี่ยนที่ห้องอาหาร Favola ด้วยความที่อยากลองชิมอาหารอิตาเลี่ยนนอกเหนือจากพวกพื้นฐานที่หากินง่ายๆ เลยไม่ลังเลตอบรับคำเชิญ ตกลงไปในทันที

งานนี้กินเสร็จกลับมาบ้านค้นข้อมูลเพิ่มเติม ได้ความรู้ด้านอาหารอิตาเลี่ยนเพิ่มขึ้นพอสมควรเลย ถ้ามีข้อมูลไหนผิดพลาด ต้องขออภัยไว้ด้วย ณ ที่นี้นะครับ จะมีอะไรบ้างมาตามดูกัน
ปอลอ. วันนัดหมายฟ้าฝนไม่เป็นใจเท่าไหร่ ฝนตกหนักมาก แถมผมไปช่วงค่ำๆ ทำให้ไม่สามารถเก็บบรรยากาศรอบๆ โรงแรมมาได้ แอบเสียดาย เพราะเห็นว่าวิวรีสอร์ทและสนามกอล์ฟของที่นี่สวยอยู่


ภายในร้าน ค่อนข้างกว้าง มีให้เลือกนั่งหลายโซนทั้ง Indoor และ Outdoor แต่ละโต๊ะห่างกันพอสมควร นั่งสบายๆ ใครอยากดูเชฟทำอาหารแบบสดๆ ก็นั่งใกล้ๆ ครัวก็ได้ บางทีเราจะเห็นเชฟมาควงแป้งพิซซ่าให้ได้ชมกันด้วยนะ



บรรยากาศภายในร้านครับ ให้ความรู้สึกอบอุ่น เหมือนนั่งในห้องนั่งเล่น


เมนูที่นี่จะไม่เป็นเล่มถาวร แต่มาเป็นม้วนกระดาษ เห็นว่าเพราะเชฟที่นี่มีความอินดี้ ชอบสร้างสรรค์เมนูใหม่ออกมาเรื่อยๆ



ราคาอาหารอาจจะสูงนิดนึง แต่ส่วนใหญ่เสิร์ฟมาจานค่อนข้างใหญ่นะครับ "บางเมนู" แบ่งกันทาน 2-3 คน ได้สบายๆ


ระหว่างรออาหารก็จะมีของกินเล่นมาให้ทานเล่น อันนี้ไม่ใช่จานเรียกน้ำย่อยนะครับ มีขนมปังก้อนนึงกับ Prawn with pineapple gelatin and cocktail sauce เป็นกุ้งที่มาพร้อมกับวุ้นสัปปะรดราดซอสคอคเทลมาอร่อยดีครับ ส่วนเจ้าก้อนสีเหลืองๆ นี่เรียกว่า Polenta Concia  อันนี้ผมเพิ่งเคยทานเป็นครั้งแรก ถ้าเป็นคนที่ชอบทานข้าวโพดน่าจะชอบเจ้าก้อนนี้ ทำจากข้าวโพดบดผสม Gorgonzola Cheese ชีสตัวนี้ใครชอบทานชีสน่าจะรู้จักกันดีเพราะถือเป็นราชาแห่งบลูชีสเลย ถือเป็นของขึ้นชื่อของอิตาลี่เลยล่ะ ทีเด็ดของชีสตัวนี้อยู่ตรงที่เวลาเคี้ยวจะมีเท็กเจอร์กรุบๆ ให้ฟินเล่นด้วย แถมตัวชีสยังอร่อยมากด้วย

ออร์เดิร์ฟ



Insalata di Radicchio con Pollo e Mela Verde all’Aceto di Mele (450 บาท)
ออร์เดิร์ฟจานแรก เป็นสลัดครับ ในจานมี Red Radicchio (ผักกาดหอมแดง) คลุกกับอกไก่ที่ผ่านกรรมวิธีการปรุงที่เรียกว่า Sous Vide (ซูสวีด เป็นภาษาฝรั่งเศส หมายถึง ภายใต้ภาวะสูญญากาศ" จับวัตถุดิบใส่ถุงสูญญากาศแล้วนำลงไปแช่ในน้ำที่ควบคุมอุณหภูมิไว้ ทำให้วัตถุดิบไม่สูญเสียคุณค่าสารอาหารและไม่สูญเสียความชุ่มฉ่ำในเนื้อเลย) และยังมีแอปเปิล คลุกเคล้ากัน ราดด้วยน้ำสลัด แบบใส (Vinaigrette) ผักสดมากครับจานนี้



Piatto Misto di Speck del Cadore e Formaggio Caprino Fresco (560 บาท)
ออร์เดิร์ฟจานถัดมาเป็นสลัดแฮมสดรมควัน ทีเด็ดคือ ชีสแพะสดที่ผมว่าอร่อยมาก รสชาติคล้ายๆโยเกิร์ตแต่ว่ารสชาติอ่อนกว่ามาก มีความนมๆ ผสมเปรี้ยวนิดหน่อย ราดด้วย Balsamic Fig Cream (อันนี้ผมไม่รู้เหมือนกันว่าภาษาไทยเรียกว่าอะไร ใครรู้ช่วยบอกหน่อยนะครับ)


Polenta Bianca Cremosa con Funghi Trifolati e Granciporro(600 บาท)
ออร์เดิร์ฟจานสุดท้าย และเป็นจานที่ผมชอบที่สุดซะงั้น จานนี้คือ Polenta (เป็นอาหารพื้นเมืองของอิตาลี่ครับ ทำจากเมล็ดข้าวโพดบดแล้วนำไปต้มให้สุก รสชาติคล้ายๆ มันบดของ Sizzler) ที่ผสมด้วย Sauteed Mushroom (Sauteed เป็นวิธีการทำอาหารแบบหนึ่ง ถ้าพูดให้เห็นภาพง่ายๆ ก็คือ ผัดเร็วๆ แบบใช้น้ำมันน้อยๆ) และเนื้อปู รสชาติอารมณ์กินโจ๊กที่เนื้อเหนียวๆ รสมีความข้าวโพดเค็มเล็กๆ ถูกจริตผมมากมาย


เครื่องดื่มมีให้เลือกเพียบ สายแอลฯ น่าจะถูกใจ อันนี้ผมเลือกเบียร์มาตัวหนึ่ง เพิ่งเคยดื่มตัวนี้ครั้งแรก นุ่มคอดีครับ อิอิ

First Course


Bigoli di Bassano con Vongole Veraci (600 บาท)
จานหลักอย่างแรก เป็นสปาเกตตีผัดหอยกาบ (Spaghetti alle vongole) เมนูนี้เป็นจานยอดนิยมของอิตาลี่ สำหรับจานนี้ของร้าน Favola ผมขอยิมคำพูดของเพื่อนที่ทานด้วยกันมาใช้ เนื่องจากผมนั้นเป็นคนไม่ชอบทานอาหารประเภทเส้นสักเท่าไหร่ เห็นเพื่อนบอกว่าลวกเส้นเหนียวกำลังดี และหอยสะอาดมาก ไม่มีดินเลยแม้แต่นิดเดียว รสชาติจานนี้น่าจะถูกปากคนไทยไม่ยาก มีความเผ็ดร้อนคล้ายๆ ผัดกะเพราบ้านเรา


Peoci in Cassopipa  (800 บาท)
จานนี้เป็นหอยแมลงภู่จากทะเลเมดิเตอร์เรเนียนผัดหัวหอมในน้ำมันมะกอก จานนี้บอกตาตรงว่ากินคำแรกแล้วเฉยๆ มาก แต่กินแล้วเพลินดี อารมณ์เหมือนที่เราไม่สามารถหยุดกินขนมขาไก่ได้ง่ายๆ หอยสดดี ไม่มีกลิ่นคาว รสชาติน้ำปรุงจะออกมันๆ เค็มๆ แต่ได้รสหัวหอมมาตัดความเลี่ยน


Tomaxelle (1,200 บาท)
จานนี้ราคาโหดใช้ได้ เป็นโรลเนื้อไส้ชีสพาร์มิจาโน่ (Parmigiano-Reggiano/Parmesan) ผัดปวยเล้งและเห็ด เป็นจานเนื้อที่ให้ความรู้สึกไม่เหมือนเนื้อสักเท่าไหร่ อาจเพราะรสชีสที่แฝงมาด้วย ทำให้ผมทานแล้วคิดถึงเนื้อแกะซะงั้น จานนี้จัดว่าเด็ดทีเดียว เนื้อนุ่มมาก

Dessert




Bonet Piemontese Classico (350 บาท)
ของหวานจานนี้เป็นคัสตาร์ดช็อคโกแลต ตุ๋นมาได้นุ่มดี เนื้อคล้ายๆ ขนมหม้อแกงบ้านเราแต่ว่าจะนิ่มกว่า ความหวานกำลังดี ไม่บาดคอเกินไป ตัวคัสตาร์ดมีกลิ่น Amaretto (เครื่องดื่มแอลกฮอล์ชนิดหนึ่งของอิตาลีมีหมักด้วยแอปปริคอทและอัลมอนด์) ทำให้ได้รสชาติสไตล์ผู้ใหญ่ชอบเสริมเข้ามาด้วย แต่เด็กก็ทานได้นะ


Fragole Calde con Zabaglione alla Sambuca (350 บาท)
จานนี้เชฟเดินมาบอกว่าเป็นเมนูใหม่ที่เอาสูตรมาจากอิตาลี่แท้ๆ (Come from my Home) เลยทีเดียว เป็น Sabayon ที่ผสม Sambuca (เป็นเหล้าของ อิตาลี่ มีกลิ่นรสชเอม ชาวอิตาลี่นิยมดื่มหลังอาหารเพื่อทำให้สบายท้อง แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ) ด้านบนเป็น Pistachio Biscuits รสของแก้วนี้คล้ายๆดื่มมูสเหลว หวานเบาๆ แต่แก้ท้องอืดได้ดีจริง มิน่าเสริฟเป็นจานสุดท้ายเลย


อันนี้เป็นเชฟที่เป็นคนทำอาหารให้ผมทานในมื้อทั้งหมดนี้ครับ ถ้าจำไม่ผิดจะชื่อมาร์โก้นะครับ ระหว่างทาน จะเห็นแกเดินไปมา สอบถามความพึงพอใจกับลูกค้า บางทีก็เล่าที่มาของอาหารให้ฟัง ว่าแต่ละอย่าง มีแรงบันดาลใจในการทำจากอะไร






ผมก็ไม่ใช่คนทานอาหารอิตาลี่บ่อยๆ คงไม่กล้าบอกว่าร้านนี้ทำอาหารอิตาลี่ได้อร่อยขนาดไหน แต่ถ้าถามว่าร้านี้อาหารอร่อยไหม ผมก็ขอตอบได้ในทันทีว่าอร่อยมาก ปรุงรสชาติดี ของสดทุกอย่าง

ชมไปแล้ว มาว่าถึงข้อเสียกันบ้าง อย่างแรกเลย คือ ร้านไกลมาก ผมนั่งแท็กซี่จาก แอร์พอร์ท ลิงค์ สุวรรณภูมิ ยังร้อยกว่าบาทได้ ใครไม่มีรถส่วนตัวก้ไปลำบากหน่อย และก็ราคาอาหารบางรายการที่ค่อนข้างสูงทีเดียวครับ
ชื่อสินค้า:   อาหารอิตาเลี่ยน
คะแนน:     
**SR - Sponsored Review : ผู้เขียนรีวิวนี้ไม่ได้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง แต่มีผู้สนับสนุนสินค้าหรือบริการนี้ให้แก่ผู้เขียนรีวิว โดยที่ผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนอื่นใดในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่