สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 5
ให้พูดตรงๆ เค้าก็ไม่ผิดนะ คนเราอย่าตัดสินแค่ว่าทำไมแค่มาอยู่บ้านฝ่ายชายไม่ได้มีปัญหาอะไร แล้วจะไปด่วนสรุปว่าเค้าแย่ เราว่าไม่แฟร์กับเค้านะ บางคนชอบอยู่สันโดษ ชอบอยู่บ้านที่เป็นบ้านของเราจริงๆ ไปอยู่บ้านคนอื่นรู้สึกอึดอัดอะไรแบบนี้
อย่างเราเอง แม้เราจะชอบอยู่เป็นครอบครัวใหญ่ สุดท้ายแล้วเราก็เลือก แยกบ้านมาสร้างครอบครัวตัวเอง เพราะไม่อยากให้แฟนอึดอัด แม้เค้าจะไม่เคยบ่นก็ตาม เพราะเราคิดว่ายังไงแล้ว การอยู่เป็นครอบครัวเดี่ยว มันก็น่าจะสบายใจทั้ง 2 ฝ่าย พ่อแม่เราก็เห็นด้วย
ส่วนกรณีคุณ ว่ากันตามจริงก็แค่ทัศนะคติการใช้ชีวิตไม่ตรงกันแค่นั้นเอง ไม่ได้บ่งบอกว่าใครดีใครแย่ เมื่อเข้ากันไม่ได้ก็ต้องแยกไปก็ถูกแล้ว ดีกว่าถลำลึกไปไกล จนกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ต้องฝืนใจกัน มันคงแย่กว่านี้ สรุปเราว่าดีแล้วที่รู้กันตั้งแต่ตอนนี้ ไม่เสียเวลาทั้ง 2 ฝ่าย
อย่างเราเอง แม้เราจะชอบอยู่เป็นครอบครัวใหญ่ สุดท้ายแล้วเราก็เลือก แยกบ้านมาสร้างครอบครัวตัวเอง เพราะไม่อยากให้แฟนอึดอัด แม้เค้าจะไม่เคยบ่นก็ตาม เพราะเราคิดว่ายังไงแล้ว การอยู่เป็นครอบครัวเดี่ยว มันก็น่าจะสบายใจทั้ง 2 ฝ่าย พ่อแม่เราก็เห็นด้วย
ส่วนกรณีคุณ ว่ากันตามจริงก็แค่ทัศนะคติการใช้ชีวิตไม่ตรงกันแค่นั้นเอง ไม่ได้บ่งบอกว่าใครดีใครแย่ เมื่อเข้ากันไม่ได้ก็ต้องแยกไปก็ถูกแล้ว ดีกว่าถลำลึกไปไกล จนกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ต้องฝืนใจกัน มันคงแย่กว่านี้ สรุปเราว่าดีแล้วที่รู้กันตั้งแต่ตอนนี้ ไม่เสียเวลาทั้ง 2 ฝ่าย
ความคิดเห็นที่ 6
สมมติว่าถ้าเป็นเรา เราไม่ต้องการอยู่ร่วมกับพ่อแม่ของฝ่ายไหนเลยรวมถึงพ่อแม่ของเรา ไม่ผิดอะไรที่เราคิดแบบนี้ ไม่เกี่ยวกับอกตัญญูอะไรด้วย
เรามีชีวิตอิสระของเรา และเราต้องการเป็นตัวของตัวเองในบ้านของเรา ที่ไม่ต้องมาเกร็ง รีบตื่นแต่เช้า เพื่อแสดงหใ้เห็นว่าเราเป็นภรรยาที่ดีในสายตาของพ่อแม่ของสามี และของพ่อแม่เราด้วย
เราเป็นแม่บ้านที่ทำงานคนเดียวมาตลอด ตื่นเช้า เข้านอนสาย ไม่มีใครมาจู้จี้บงการ หรือตัดสินเรา แม้แต่สามีไม่ยุ่มย่ามบงการเรา สามี ลูกๆ และเรานอนตื่นสายวันหยุด ตามสบาย ไม่มีผู้ใหญ่พ่อแม่ทางไหนมาจู้จี้ วิจารณ์ว่าขี้เกียจ เราไม่ชอบให้ผู้ใหญ่อย่างพ่อแม่เรา และพ่อแม่ของสามี(ถ้ามี) มาอาศัยอยู่ด้วย เราจะต้องวางตัวเกร็ง จะมาเดินในบ้านใส่เสื้อยืด กางเกงในไม่ได้
เราเข้าใจผู้หญิงคนนั้น ที่เขาต้องการอิสระ เป็นตัวของตัวเอง
เรามีชีวิตอิสระของเรา และเราต้องการเป็นตัวของตัวเองในบ้านของเรา ที่ไม่ต้องมาเกร็ง รีบตื่นแต่เช้า เพื่อแสดงหใ้เห็นว่าเราเป็นภรรยาที่ดีในสายตาของพ่อแม่ของสามี และของพ่อแม่เราด้วย
เราเป็นแม่บ้านที่ทำงานคนเดียวมาตลอด ตื่นเช้า เข้านอนสาย ไม่มีใครมาจู้จี้บงการ หรือตัดสินเรา แม้แต่สามีไม่ยุ่มย่ามบงการเรา สามี ลูกๆ และเรานอนตื่นสายวันหยุด ตามสบาย ไม่มีผู้ใหญ่พ่อแม่ทางไหนมาจู้จี้ วิจารณ์ว่าขี้เกียจ เราไม่ชอบให้ผู้ใหญ่อย่างพ่อแม่เรา และพ่อแม่ของสามี(ถ้ามี) มาอาศัยอยู่ด้วย เราจะต้องวางตัวเกร็ง จะมาเดินในบ้านใส่เสื้อยืด กางเกงในไม่ได้
เราเข้าใจผู้หญิงคนนั้น ที่เขาต้องการอิสระ เป็นตัวของตัวเอง
ความคิดเห็นที่ 36
งานนี้ ไม่มีฝ่ายไหนผิด
แค่ต่างความคิด ต่างการเลี้ยงดู ต่างวัฒนธรรม เท่านั้นครับ
ผมเห็นมาหลายคู่ ที่พา ผู้หญิงเข้าไปอยู่ในบ้านสุดท้าย ปัญหาแม่ผัวลูกสะใภ้ ทะเลาะกัน จนสุดท้าย ผู้ชายก็ต้องเลือกแม่...
แล้วผู้หญิงที่พาเข้าบ้านจะทำไงละครับ ? โดนเฉดหัวออกจากบ้าน หอบข้าวหอบของกลับบ้าน
คุยให้เคลียร์ตั้งแต่เริ่มๆ ดีแล้วครับ
แค่ต่างความคิด ต่างการเลี้ยงดู ต่างวัฒนธรรม เท่านั้นครับ
ผมเห็นมาหลายคู่ ที่พา ผู้หญิงเข้าไปอยู่ในบ้านสุดท้าย ปัญหาแม่ผัวลูกสะใภ้ ทะเลาะกัน จนสุดท้าย ผู้ชายก็ต้องเลือกแม่...
แล้วผู้หญิงที่พาเข้าบ้านจะทำไงละครับ ? โดนเฉดหัวออกจากบ้าน หอบข้าวหอบของกลับบ้าน
คุยให้เคลียร์ตั้งแต่เริ่มๆ ดีแล้วครับ
แสดงความคิดเห็น
ความสัมพันธ์จบเพราะบทสนทนาเรื่อง " บ้าน " และเหตุผลของผมที่ว่า " ผมคงให้พ่ออยู่คนเดียวไม่ได้ "
จริงๆก็ไม่รู้ว่าคุยกันสนิทใจตอนใหนเพราะเธอดูดีในสายตาผมนะ(ถึงแม้ว่าเธอจะบอกว่าเธอทั้งสูงทั้งผิวแทนๆแนวคนใต้และไม่ได้สวย)
แต่ผมก็บอกตลอดว่าเธออะสวยแล้ว ผมสิต้องกังวลเพราะผมไม่ได้หล่ออะไรซะมากกว่าแต่เธอก็ไม่ได้อะไรนะก็คุยด้วยอยู่
เรารู้จักกันเพราะผมไปติดต่องานที่บริษัทเธอและเธอเป็นคนทำบัญชีบริษัทผมเลยได้คุยกันบ่อยๆ จากงานเลยเรื่องส่วนตัว
เธอเป็นออดิท ผมเป็นพนักงานบริษัท เวลามันไม่ตรงกันเพราะเธอต้องออกไปตรวจข้างนอกบ่อยๆ
และต้องกลับมาออกงบหรือทำบัญชีที่สำนักงานบัญชีของเธอ เรื่องนี้ผมผู้ใหญ่พอเรื่องเวลาทำงาน
ผมไม่ซีเรียสอะไรเลย ผมก็ให้ความสบายใจเธอได้เรื่อยๆเพราะผมไม่กินเหล้า เลิกมานานแล้ว ไม่เที่ยวกลางคืนละ
อยู่บ้าน เล่นเน็ตดูหนัง ไปลดพุงบ้าง ทำอาหารกินกับเพื่อนประมาณนั้น เพราะใครที่รุ้จักผมก็รู้อยู่แล้วว่าผมไม่ได้เป็นคนเจ้าชู้
แถมยังดูอ่อนแอเรื่องพวกนี้ด้วยเพราะเคยคบแฟนเก่า 4 ปีกว่าๆไม่ได้มีอะไรกันจนเพื่อนแซว จนโดนทิ้งมันก็หาว่าเพราะไม่มีอะไรกันเลยโดนทิ้ง
ทั้งๆที่แฟนเก่าบอกไม่สะดวกที่จะทำอะไรแบบนี้กลัวจะต้องมีครั้งที่ 1 2 3 4 อะไรแบบนี้เลยไม่อยากให้รักมีแต่เรื่องแค่นี้
มากสุดเลยจูบกันแค่นั้น
จริงๆก็เหมือนไม่มีอะไร แต่ไม่นานมานี้เรานัดไปกินข้าวกันแถวๆราม แถวบ้านเธอและไม่ไกลบ้านผม มันมีตลาดนัดหน้าการกีฬาแห่งประเทศไทย
บทสนทนามันก็มีไปถึงเรื่องที่เธอมาเล่าว่า บ้านเธอกำลังตกแต่งบ้านใหม่ ทำห้องให้พี่ชายเพราะพี่ชายจะแต่งงานเลยจะขยายห้องออกไปอีกเพราะแฟนเขาจะมาอยู่บ้านนี้ด้วย ผมก็บอกว่าก็ดีนะคนเยอะดี ไม่เหงาด้วย แต่เธอก็บอกว่า ไม่รู้นะ เราอยากย้ายออกถ้าจะแต่งงานมากกว่า
อยากไปสร้างครอบครัวที่อื่นไม่ได้ชอบอยู่คนเยอะๆแบบพี่และแฟนพี่
ผมก็บอกว่างั้นก็มาอยู่บ้านผมไง มีแค่พ่อคนเดียวเอง (คือในใจผมคิดว่าจะแซะไง ถ้าใจอ่อนเมื่อไรจะได้มาขอเป็นแฟน )
แต่กลายเป็นว่า เธอบอกว่า เราอยากอยู่แบบครอบครัวมากกว่า ไม่ได้อยากอยู่ร่วมกับครอบครัวใคร
คือสายตาจริงจังนะ ผมก็เลยบอกว่า ผมคงทิ้งพ่อไม่ได้ เพราะแม่เสียแล้ว ไม่อยากให้พ่ออยู่คนเดียว
ทำไมไม่ลองคิดว่าไปบ้านผมมั้ง บ้านเธอมั้งละ เธอก็พูดตัดบทไป
สุดท้าย บรรยากาศก็ไม่ค่อยดี จนจะไปส่งเธอ เธอก็บอกไม่เป็นไรเดี่ยวนั้งแท็กซี่กลับ
แล้วมันก็พังกับความสัมพันธ์ เธอก็โทรมาคุยบอกว่า เราคิดแล้วนะว่าเราคงไปด้วยกันยาก อะไรหลายอย่างมันไม่ตรงกัน
เรามาเป็นแค่เพื่อนกันเหมือนเดิมนะไม่ต้องพัฒนาอะไรมากกว่านี้ละ ผมก็เลยโอเค
จะให้ผมคิดเป็นอื่นได้ยังไงเมื่อเราคุยกันดีมาตลอดจนวันที่เราคุยเรื่องบ้าน ถ้าไม่ใช่เรื่องนี้คงเป็นเรื่องอื่นไม่ได้แล้ว
เพราะจนปัจจุบันเธอก็ยังโสดเหมือนเดิมไม่ได้คุยกับใคร จะบอกว่าผมไม่หล่อถึงเลิก ถ้างั้นจะคุยอะไรถึง2เดือนกว่า
รวยก็ไม่ได้รวย ไปใหนกันก็ช่วยๆกันออกไม่ได้เลี้ยงอีก เธอไม่ยอมอยากให้ช่วยกันจ่าย ผมเลี้ยงแค่ครั้งแรกครั้งเดียว
ผมก็เข้าใจนะว่าผู้หญิงหลายคนไม่ได้อยากวุ่นวายกับครอบครัวใครเลย เอาจริงๆก็ไม่รุ้จะทำไงเหมือนกัน
ให้พ่ออยู่บ้านคนเดียวคงทำไม่ได้ เพราะไม่ได้มีน้องหรือพี่ ลูกคนเดียว แม่ก็เสียแล้ว ถ้าแม่ยังอยู่อาจจะแยกบ้านได้
สรุปตัดใจจากผู้หญิงคนนี้ง่ายสุด ลำบากเลย ไม่หล่อแล้วยังมีปัญหานี้อีก 5555 มึน