ณ สุดปลายรัก (บทที่ 8)

ขอบคุณทุกๆ คนที่อ่านเรื่องนี้นะคะ
ขอบคุณ คุณนัน turtle_cheesecake, น้องดาว Lady Star 919, จารย์จี GTW, คุณ PuPaKae, คุณลิ ลายลิขิต, คุณ ป้าทุยบ้านทุ่ง, น้องนุ้ย ณวลี, คุณ สมาชิกหมายเลข 1065771, คุณ nasa nasa
ขอบคุณสำหรับคะแนนโหวตทุกคะแนนด้วยค่ะ

บทก่อนๆ ค่ะ

บทที่ 1 - บทที่ 2  http://pantip.com/topic/35694173
บทที่ 3  http://pantip.com/topic/35729733
บทที่ 4  http://pantip.com/topic/35740933
บทที่ 5  http://pantip.com/topic/35748337
บทที่ 6  http://pantip.com/topic/35759425
บทที่ 7  http://pantip.com/topic/35763032


บทที่ 8

    เรื่องที่ผู้แทนราษฎรของเขตจะเป็นทนายความแก้ต่างคดีฆาตกรรมให้น้องชายเธอแพร่ไปรวดเร็วเสียยิ่งกว่ากรณีที่เขายื่นคำร้องขอเป็นผู้ดูแลหลานของเธอเสียอีก เพียงวันเดียวหลังจากประกาศิตถูกจับ พาดหัวข่าวหนังสือพิมพ์ของเมืองออกมาเหมือนจะเป็นภาคต่อของครั้งก่อน

    “กรณียิ่งประหลาดระหว่างสองครอบครัวที่พัวพันกันไม่มีจบสิ้น”

    ส่วนที่เป็นรายละเอียดไม่ต่างอะไรกับเรื่องสั้นประเภทชิงรักหักสวาทมากกว่าเป็นรายงานข่าวซึ่งควรจะเสนอแต่ข้อเท็จจริง

    “...ผู้แทนราษฎรผู้มีครอบครัวแล้วทำหน้าที่เป็นทนายแก้ต่างให้น้องชายของคนรักเก่า น้องชายซึ่งถูกกล่าวหาว่าฆ่าน้องสาวของตัวเอง...”

    รัญญาอ่านได้เพียงแค่นั้นก็ต้องรีบวาง เข้าใจหรอกว่านี่เป็นฤดูกาลหาเสียงเลือกตั้ง ทุกความเคลื่อนไหวของผู้สมัครเข้าชิงสารพัดตำแหน่งในการเลือกตั้งช่วงปลายปีจะเป็นที่สนใจของผู้คน และจะมีข่าวของใครที่ดึงดูดความสนใจของผู้คนได้ดีไปกว่าข่าวเชิงชู้สาวที่เกี่ยวข้องกับนักการเมืองผู้ไม่เคยมีเรื่องเสียๆ หายๆ ใดๆ มาก่อนเลย ในฐานะผู้สอนวิชาการสื่อสารมวลชน ทำไมเธอจะไม่เข้าใจเรื่องแบบนี้

    ในเวลานี้คนซึ่งเธอห่วงความรู้สึกที่สุดคงไม่มีใครเกินภรรยาเขา ถ้าหล่อนไม่แสดงน้ำใจ เสนอตัวเข้าช่วยเหลือเรื่องหลานทั้งๆ ที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนแบบนี้ เธอก็คงไม่สนใจว่าหล่อนจะคิดอย่างไร พยายามจินตนาการว่าถ้าเธอเป็น แอชลี่ย์ บอลด์วิน ในเวลานี้เธอจะรู้สึกเช่นไร คงไม่ค่อยจะน่ารื่นรมย์สักเท่าไรนักหรอกที่รู้ว่าสามีของตัวเองเข้ามาพัวพันกับคนรักเก่าอีกครั้ง ไม่ว่าจะด้วยเหตุใดและในสถานการณ์เช่นไรก็ตาม

    แอชลี่ย์ ซัลลิแวน บอลด์วิน เข้ามาอยู่ในความสนใจของผู้คนไปภายในชั่วข้ามคืน คราวนี้ไม่ใช่ในฐานะผู้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลซึ่งเรียกได้ว่าเก่าแก่ที่สุดของเมืองเพียงอย่างเดียว แต่ด้วยเรื่องที่ผู้สื่อข่าวพยายามสร้างให้เป็นประเด็นขึ้นมา แม้เมื่อหล่อนไปร่วมงานคอนเสิร์ตประจำปีของวิทยาลัยซึ่งเรียนจบ ก็ยังมีนักข่าวตามไปคอยสัมภาษณ์ถึงที่นั่น หล่อนตอบคำถามสารพัดรูปแบบที่รัวกันเข้ามาได้ดีจนเธออดภูมิใจแทนผู้ได้ชื่อว่าเป็นสามีของหล่อนเสียมิได้

    “ไมลส์อยู่ข้างความถูกต้องเสมอค่ะ...” ทั้งสุ้มเสียงและสีหน้าสะท้อนความรู้สึกนั้นเต็มเปี่ยม

    ภาพของสาวสวยขนาดนางงามประจำรัฐต้องอายที่ปรากฎในข่าวทางโทรทัศน์ช่วงห้าทุ่มนั้นดูร่าเริงแจ่มใส ไม่มีเค้าภรรยาผู้อาจกำลังถูกสามีนอกใจตามที่สื่อพยายามชี้นำให้เห็นแม้แต่น้อย ยิ้มของหล่อนสดใสจนเธอต้องยิ้มตอบทั้งๆ ที่เป็นเพียงภาพบนจอโทรทัศน์

    “...เรารู้จักกันมาแต่เด็ก ไมลส์เป็นแบบนั้นเสมอแหละค่ะ ตั้งแต่เล็กๆ มาแล้ว เขาต้องอยู่ข้างคนอ่อนแอกว่าเสมอ เขาถึงได้ตัดสินใจเป็นอัยการและทำงานเพื่อประชาชนอย่างไรล่ะค่ะ…” น้ำเสียงหล่อนกระจ่างใสพอๆ กับแววตา

“…เขาคิดว่านั่นเป็นทางที่จะเรียกร้องหาความถูกต้องให้คนซึ่งอาจไม่มีปากเสียงให้ตัวเองได้ดีที่สุด กรณีนี้ก็เหมือนกันค่ะ ยิ่งกรณีนี้ ไมลส์คิดว่าเป็นการเข้าใจผิดกันมากกว่า บังเอิญคนที่ถูกกล่าวหาไปอยู่ผิดที่ผิดเวลา ก็เลยกลายเป็นผู้ต้องสงสัยไป”

หล่อนเน้นคำว่า 'ผู้ต้องสงสัย' เสียชัดเจน รัญญายิ้มกับตัวเองได้อีกครั้ง สำหรับภรรยาของไมล์ น้องชายเธอเป็นเพียงผู้ต้องสงสัยแค่นั้นเอง หาใช่ผู้กระทำผิดไม่ คำพูดเหล่านั้นเปรียบไปก็เหมือนใบอนุญาตให้สามีหล่อนเข้ามาแก้ต่างแทนน้องได้

    ในท่ามกลางปัญหาสารพัดสารเพที่ประดังกันเข้ามาได้ไม่หยุดหย่อน หล่อนไม่ต่างอะไรกับแสงสว่างที่สุดปลายอุโมงค์มืดมิด หล่อนเข้าใจพูด เธอว่าหล่อนเข้าใจพูด สมกับเป็นภรรยานักการเมืองผู้กำลังรุ่งและพุ่งแรงโดยแท้ ถ้าหล่อนจะกล่าวหาว่าตำรวจสร้างหลักฐานปรักปรำน้องชายเธอ นั่นก็คงทำได้ไม่ยาก แต่คงจะกลายเป็นปัญหาต่อไปไม่รู้จักจบสิ้น หรือถ้าหล่อนบอกว่าไม่เห็นด้วยที่สามีเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วย ก็คงไม่มีใครว่าอะไรเช่นกัน ตรงข้าม อาจมีคนจำนวนไม่น้อยที่เห็นอกเห็นใจ แต่ก็อาจกลายเป็นปัญหากับสามีหล่อนได้อีกเหมือนกัน

    แต่นี่หล่อนใช้คำพูดที่เป็นกลางได้อย่างน่าชื่นชม แม้จะอยู่ข้างผู้เป็นสามี หากในเวลาเดียวกันก็ไม่ปรักปรำฝ่ายซึ่งเวลานี้ถือเป็นฝ่ายตรงข้ามไปแล้วโดยปริยาย

    “...กรณีนี้ตำรวจทำหน้าที่ดีที่สุดแล้วค่ะ และไมลส์ก็เชื่อเสมอว่าผู้ซึ่งถูกกล่าวหาควรมีคนแก้ต่างให้ ยิ่งเขารู้จักทุกคนในครอบครัวนั้นมาหลายปี เขาก็คงคิดว่าหน้าที่นั้นเหมาะกับตัวเขาเองที่สุด”

    นักข่าวคนเดิมพยายามถามถึงความสัมพันธ์ในอดีตระหว่างเธอและสามีหล่อน หากหล่อนก็เลี่ยงแสดงความคิดเห็นได้อย่างแยบยล

    “ชีวิตแต่หนหลังของใครก็ปล่อยให้เป็นเรื่องของคนนั้นเถอะค่ะ” หล่อนเหน็บได้แนบเนียน คนตั้งคำถามจะรู้ตัวหรือไม่เธอไม่อาจบอกได้เพราะข่าวภาคดึกจบลงเพียงแค่นั้น

    หนึ่งในรายงานสถานการณ์ภาคเที่ยงวันรุ่งขึ้นก็เป็นเรื่องเดียวกันนี่อีก คราวนี้เป็นการถ่ายทอดสดหน้าตัวอาคารศาลซึ่งจัดแถลงข่าวอย่างเป็นทางการ เป็นเครื่องยืนยันได้อีกครั้งว่าคดีฆาตกรรมนี้เป็นที่สนใจของคนทั้งเมืองและทั้งเขตเพียงไร

    “การที่ ส.ส. บอลด์วิน รับเป็นผู้แก้ต่างให้ผู้ต้องหาคนนี้ หมายความว่าเขาไม่เชื่อว่าตำรวจได้คนร้ายตัวจริงใช่ไหมครับ จะทำให้คดีนี้อ่อนลงไหมครับ” นักข่าวซึ่งยืนอยู่หน้าสุดตะโกนถามหลังจากอัยการเขตวัยกลางคนอ่านรายงานเพียงสั้นๆ จบลง

    “ผมศึกษาข้อกล่าวหาและหลักฐานทั้งหมดแล้วด้วยตัวเอง เรื่องนี้ไม่มีการจับผิดตัวแน่ๆ” เขาตอบได้ทันควันราวเตรียมคำตอบมาล่วงหน้า
ตอบเพียงสั้นๆ หากกินความกว้างไกลแล้วชี้ไปทางนักข่าวอีกคนในบรรดาทั้งหมดที่ยกมือกันให้สลอน

    “แต่ภาพที่ ส.ส. บอลด์วิน ยืนเคียงข้างคนซึ่งถูกกล่าวหาว่าฆ่าน้องชายตัวเอง นั่นเป็นสารที่ทรงพลังมากนะครับ ไม่ทำให้ท่านหนักใจหรอกหรือ”

    คราวนี้คนถูกถามเหมือนจะสะอึกไปนิดหนึ่ง ภาพระยะใกล้ช่วยให้เห็นใบหน้าที่เปลี่ยนไป หากเพียงชั่วเสี้ยวนาทีก็ปรับสีหน้าและหาคำตอบได้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่