[CR] ลุงกับป้าแบ็คแพ็ครอบโลก ตะลุยสหรัฐ เม็กฯ เมกากลาง เมกาใต้ อัฟริกา 26ประเทศ74วัน ตอน59 ขึ้นรถผิดที่โมซัมบิก พาไปผิดประเทศ

ลุงกับป้าแบ็คแพ็ครอบโลก ตะลุยสหรัฐอเมริกา เม็กซิโก อเมริกากลาง อเมริกาใต้ และอัฟริกา 26 ประเทศ 74 วัน ตอนที่ 59 ขึ้นรถผิดคัน จากปลายทางบาบาเน่ สวาซีแลนด์ ไปจนเกือบถึงชายแดนแทนซาเนีย และ มาลาวี

https://www.youtube.com/watch?v=Qe-epvtjDAQ&index=64&list=PLNNEpgjidh3o3vU44K5Op2M1w_g3Pg5Jk


วันจันทร์ที่ 15 ส.ค. ห้องพักของเรามองเห็นทิวทัศน์ของเมือง และทะเล ท่ามกลางแสงไฟ ลุงมองลงไปข้างล่าง เห็นแท็กซี่จอดอยู่
เราเดินลงไปคิดว่า คนขับไม่อยู่ รปภ.ที่กวาดขยะอยู่หน้าโรงแรมเดินไปเคาะกระจก คนขับตื่น ป้าให้เขาอ่าน Junta...Quanto เขาทำมือ 5 นิ้ว ป้าต่อ 3 เขาลดเหลือ 4 เรารู้ราคามาจากพนง.ต้อนรับแล้ว จึงยืนยันเหมือนเดิม เขาบอกโอเค
ถนนในกรุงมาพูโต เหมือนกันทุกที่ คือ ข้างถนนมีฝุ่นเหมือนฝังท่อแล้วยังไม่ได้จัดเก็บเข้าที่ ขยะและน้ำสกปรกขังอยู่ทั่วไป คนวิ่งข้ามถนนอย่างเฉียดฉิว ไม่กลัวว่า จถูกรถชน คนขับต้องระวังตัวตลอดเวลา
จากโรงแรมที่อยู่กลางเมือง ถึงท่ารถใช้เวลา 20 นาที เขาถามว่า เราจะไปไหน ป้าส่งข้อความที่แปลในมือถือ Onibus para Mbabane เขาเอาให้คนที่ท่ารถอ่าน เขาอ่านแล้วชี้ไปที่รถมีป้ายไม่ใช่ที่เราเขียน แต่เขาบอกว่าใช่
ทีนี้มาถึงค่ารถ ป้าถามว่า เราจ่ายเป็นรันด์ได้ไหม เขาเขียนอัตราแลกเปลี่ยน 100=520 ค่ารถคนละ 1,100 พอจ่าย 100 บอกว่า ไม่พอ จ่าย 200 ก็ไม่พออีก เขาบอกว่า 2 คน 500 ป้าทำท่าว่าหมดแล้ว แต่ลุงจะควักแบงค์ 100 ป้าบอกไม่ต้อง ลุงเอาแบงค์ 50 ที่มีอยู่ในมือให้ป้า นับรวมกันทั้งหมดได้ 9 ใบ พวกเขาพยักหน้า ป้าเห็นตั้งแต่ตอนที่เขาทำท่ากดอัตราแลกเปลี่ยน ที่ทำท่าไปงั้นแหละ เพราะดูหน้าจอไม่เห็นมีอะไร
แต่เขาเห็นว่า เรามีเงิน และไม่รู้เรื่องอะไร จึงรวมหัวกัน พอได้เงิน 450 ป้าถามว่า ตั๋วล่ะ พวก เขาเรียกกระเป๋ามาเขียนตั๋ว ซึ่งก็แค่ฉีก และเขียนอะไรก็ไม่รู้เป็นขีดๆ แล้วก็ฉีกให้ 2 ใบ ป้ารู้แล้วว่าเราถูกเอาเปรียบ แต่ลุงยังไม่รู้
ลุงเห็นบาแก๊ต อยากได้ จึงขอตังค์ ป้าถามว่า จ่ายเป็นรันด์ได้ไหม แม่ค้าบอก 20 ให้ 2 อัน แทนที่จะบอก 10 ลุงส่งแบงค์ 50 ให้ ได้ทอนมา 250 ลุง บอกให้ใช้เงินให้หมด ป้ามีเงินอยู่ในกระเป๋า 700 ป้ายังงง กับ อัตราแลกเปลี่ยน แต่ลุงบอกว่าให้ใช้ให้หมด สรุปว่า ได้แอ๊ปเปิ้ล 5 ลูก คุกกี้ 1 แพ็ค ไก่ 3 ชิ้น ขนมเค้กแข็งๆ 4 อัน
ได้เห็นวิถีชีวิตของผู้คนที่ไม่ได้มีสำนึกในด้านสุขภาพอนามัย บาแก๊ตที่วางขายข้างทางใส่มาในลังไม้โปร่งๆ วางซ้อนกัน และเรียงกัน ยาวตลอดแนวข้างถนนที่ว่าง ของอย่างอื่นที่อยู่บนโต๊ะไม้ที่เป็นแผงข้างทาง คนขายกับคนซื้ออยู่กันแบบคลุกฝุ่น ถ้าฝนตก ก็ คลุกโคลน ตามข้างทางมีมะพร้าวลูกจิ๋วที่ปอกเปลือกนอกออก กองขายกับดิน อยู่ทั่วไป
มาพูโต มีอาหารการกินอุดมสมบูรณ์ ดูไม่น่ารื่นรมณ์ สำหรับเรา แต่มันเป็นเรื่องธรรมดา สำหรับพวกเขา ที่คุ้นเคยมาตั้งแต่เกิด พวกเขาดูมีความสุขกันดี สาวๆ ที่นั่งข้างหลังเราร้องเพลง เคาะจังหวะ
ดูเหมือนว่า พวกเขาใช้ชีวิตแบบเดิมๆ มีขยะก็ทิ้งออกจากตัว ไม่ได้คิดถึงสิ่งแวดล้อม จะว่า อยู่กันแบบดิบๆ ก็ไม่ใช่ เพราะพวกเขาก็อบบาแก๊ต ย่างไก่ ใส่เสื้อผ้าตามสมัยนิยม ชอบสีจัดจ้าน มีความแวววาวทั้งเสื้อผ้า และเครื่องประดับ หนุ่มสาวแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของกันอย่างเปิดเผย
ก่อนรถออก มีของขึ้นมาขายบนรถ จนแน่นทางเดิน คนมาส่งกับผู้โดยสารอยู่ปนกันจนแยกไม่ออก เราคิดว่า เราต้องไปนั่งข้างหลังแน่นอน สาวที่นั่งข้างหน้า ชี้ให้เรานั่ง ข้างหลังเธอ มีหนุ่มกับสาวอี๋อ๋อกันอยู่ มีถุงผ้าห่มวางอยู่ พอเราขอนั่ง สาวก็เอาถุงผ้าห่มออก หนุ่มก็กลับเข้าที่ แต่เขาและเธอยังคงแสดงความรักต่อกันจนได้เวลารถขยับ สาวจึงลงจากรถไป
รถออกหลัง 7 โมงเล็กน้อย ครึ่งชั่วโมงต่อมา ก็จอด มีคนวิ่งมาขายของข้างรถ ตอนใกล้ 8 โมง รถจอดให้ลงไปเข้าห้องน้ำ เราได้ยินแต่ Mbabane คนขับคงเห็นว่าเรานั่งบื้อกันอยู่ จึงพูดว่า Toilet สาวๆ ที่นั่งข้างหน้าหัวเราะกัน ป้ารู้ว่า พวกเขาขำเรา แต่ก็ฟังไม่รู้เรื่อง ตอนนี้ได้แต่กลัวว่า รถจะทิ้งเราไว้ที่ด่าน แล้วเอากระเป๋าของเราติดรถไป ลุงก็ซื้ออาหารมากมาย เอาผ้าห่มลงมาไว้ที่เบาะทั้งหมด เราต้องเตรียมพร้อมอยู่เสมอ จำไม่ได้ว่า ได้อ่านรีวิวประเทศไหน ที่รถทิ้งคน แล้วเอากระเป๋าหนีไปก็มี ครั้นจะเอากระเป๋าลงก็กลัวว่า เขาคิดว่า เราลงแล้ว ลงเลยอีก ยังไม่รู้จะเอาไงดี...คิดว่า จะเสี่ยงเอา เอาแต่เอกสารและตั๋วเครื่องบินติดตัว แต่ลุงบอกว่า ต้องเอาอาหารไปด้วย😁😁😁😁
บรรยากาศระหว่างผู้โดยสารบนเครื่องบิน ชั้นเฟิร์สคลาส กับ อีโคโนมิค คลาส แตกต่างกัน ระหว่างชั้นบน กับ ชั้นล่าง ของรถทัวร์ ปรับอากาศ ก็แตกต่างกัน แต่ บรรยากาศระหว่าง รถทัวร์ปรับอากาศ กับ รถโดยสารธรรมดา วิ่งต่างเมือง และข้ามประเทศ ยิ่งแตกต่างกันอย่างมากมาย
ยิ่งอากาศร้อนยิ่งไปกันใหญ่ ทั้งชายและหญิงหนีบเต่าเล็กบ้าง เต่าใหญ่บ้างติดรักแร้ขึ้นมาเป็นฝูง ลุงต้องใช้ยาดมช่วยหายใจ ขอให้เปิดหน้าต่างมากกว่าอีกด้าน เพื่อเอาลมไปสู้กัน ด้านเราแรงกว่า จึงพัดกลิ่นไปอีกด้าน ส่วนคนนั่งช้างหน้าต่างอย่างป้า ก็ต้องหน้าชา หัวชา เพราะรับแรงลมที่มาปะทะตลอดเวลา
เบาะด้านเรามี 3 ที่นั่ง หญิงที่นั่งข้างลุง มีญาติอีกคนหนึ่งนั่งกับพื้น ตัวเธอเล็กๆ แต่เธอพาเต่าใหญ่พิเศษขึ้นมาด้วย
ทั้งรถมีแต่เราเท่านั้นที่มีผิวสีสว่าง แต่ใส่เสื้อผ้าสีมืด ส่วนคนอื่นๆ 50% สีแดง 30% สีเขียว นอกนั้น เป็นสีสว่างอื่นๆ
มองออกไปนอกรถ มีผัก ผลไม้ตามฤดูกาล แบบเจ้าของเก็บมาขายเอง ละลานตา มะนาว มะละกอ ฟักทองอ่อน ยอดฟักทอง คะน้า กะหล่ำปลี ผักกาดขาว ผักกาดหอม มะเขือเทศ เก็บมาใหม่ๆ กล้วยลูกเล็กบ่มเอง ขายราคาถูกมาก
มีคนเอามะม่วงหิมพานต์มาขาย ป้าเจอเงินเหลือ 100 ว่าจะเอาไว้ซื้อติดไป แต่ไม่ทัน ลุงโวยวายไม่ให้รอ กลัวเงินเหลือ ใช้ซื้อกล้วย กับน้ำจนหมด เด็กขายน้ำอัดลมกระป๋องงง ที่ป้ายัดเหรียญใส่มือให้เป็นกำ แต่ของเขาหมดแล้ว ป้าทำสัญญาณมือ ว่า ให้อาไปเถอะ เขามองตาปริบๆ พวกเขาส่วนใหญ่ใสซื่อ น่ารัก แม้จะพูดกันไม่เข้าใจ
คุณอิบราฮิม บอกว่า คนโมซัมบิก มีแค่ 5% เท่านั้นที่รู้ภาษาอังกฤษ จนท.ทางหลวงมีตลอดทาง คนขับต้องใจเย็นมาก มีกรวยให้หยุดตรวจไปตลอดทาง
ถนนที่รถพาเราไป ผ่านพื้นที่ที่เหมือนวิ่งอยู่แถวๆ ทางออกประจวบคีรีขันธุ์ มีที่ราบ และภูเขาเตี้ยๆ ดินปนทราย ต้นไม้ที่มีมากที่สุด คือ มะพร้าว มะม่วงหิมพานต์ และมะม่วง ไร่อ้อย กับไร่ข้าวโพด ต้นผอมๆ
มีชุมชนปั้นอ่าง เผาดิบๆ แบบกระถางดินปลูกต้นไม้ วางขายที่ละ 4-5 ใบ ชุมชนเผาอิฐ และชุมชนทำซีเมนต์บล็อค
บ้านเรือนสร้างง่ายๆ ก่ออิฐ หรือ ซีเมนต์บล็อค เป็นกำแพงรอหลังคา ไว้ก่อน บางบ้านคงไม่รอให้มีเงินซื้อสังกะสี ใช้อิฐทำหลังคาไปเลย
กลางทุ่งนา เห็นผู้หญิงใช้จอบขุดดิน แทนการใช้ไถ กับ ควาย หรือ รถไถ พวกเธอสวมกระโปรง หรือ ผ้าป้าย แทนกางเกง ผู้หญิงพื้นเมืองอัฟริกัน เหมือนผู้หญิงในลาตินอเมริกา ที่ใช้หัวบรรทุกสิ่งของ แล้วเดินตัวปลิว ถ้ามีลูกก็มัดติดหลัง
เขาล่ามแพะติดต้นไม้ไว้เป็นจุดๆ เห็นสาวน้อยคนหนึ่ง พยายามดึงเชือกที่ล่ามแพะ 3 ตัว ให้เดินตาม แพะก็ห่วงกิน เพราะมันเป็นป่าละเมาะ
รถเก็บขยะจากตลาดใช้รถแทร็คเตอร์ ที่เอาใบไถออก เอากระบะพ่วงบรรทุก เหมือนในอินเดียที่ใช้บรรทุกคน และพืชผลทางการเกษตร
อ้าว!!!เกิดอะไรขึ้น รถเก๋งจอดขวางถนน หลังจากที่เมื่อสักครู่รถซ้าย วิ่งแซงรถขวาไม่พ้น จึงชนเสียงดังสนั่น แต่รถเราผ่านมาโดยไม่สนใจ ว่า จะมีการบาดเจ็บ หรือ เสียหายอะไรบ้าง
มีผู้ชาย 4 คน เดินมาส่งเสียงดังกับคนขับรถ ชี้ที่หลุมกลางถนน แล้วชี้มือให้กลับไป
เวลา 12.10 น. ผ่านไป 10 นาที คนขับรถ ถอยรถเพื่อเบี่ยงไปทางที่รถสวนไปได้ แต่ไม่ให้รถเราผ่าน มีคนไปขับรถมาขวางหน้ารถบัส
12.30 น. พวกชาวบ้านแห่กันมาเป็นกลุ่ม ยังตกลงกันไม่ได้ คนที่ท่าทางเป็นหัวหน้า ปีนล้อรถเอาโทรศัพท์ส่งให้คนขับคุย
เวลา 12.40 น. คนขับกลับรถ ขับกลับไปทางเดิม
เวลา 13.00 น.ถึงจุดที่มีจนท.ทางหลวง รถจอด รถเก๋งตามมา
เข้าไปคุยกันในสนง.
เวลา 13.20 น. กระเป๋ามาขับรถเดินหน้า
เวลา 13.40 น. คนขับกลับมาขึ้นรถ ขับต่อ ตอนนี้เราไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน ตกลงว่า เราไปเมืองหลวงชองสวาซีแลนด์หรือไม่ เพราะรถวิ่งเลียบทะเลด้านขวา แต่ตามแผนที่ ถ้ามาจากมาพูโต ลงใต้ไปสวาซีแลนด์ ทะเลอยู่ด้านซ้ายมือ 🙄🙄🙄🙄
แต่ที่แน่ๆ ตอนนี้เต่าเล็ก เต่าใหญ่ ทำให้ป้าปวดหัวจี๊ดๆ อาหารที่อยู่ในท้องใกล้จะออกมาทางปากแล้ว แต่ลุงยังเพลิดเพลินกับบรรยากาศชายทะเล บอกว่า เหมือนซอร์โซกอน ฟิลิปปินส์เลย
ทะเลสวย น้ำใส ทรายขาว หาดยาว แต่ไม่มีคนเล่นน้ำ พอรถเลียบไปใกล้ๆ จึงเห็นว่า มันเป็นทะเลหิน
เวลา 15.30 น. มีหนุ่ม Malombe ท่าทางมีความรู้ขึ้นมา เขาพูดภาษาอังกฤษได้ แต่กว่าจะสื่อสารกันเข้าใจ ก็ 16.00 น. เราไปผิดทางจริงๆ รถพาเราขึ้นเหนือ ถ้าไปเรื่อยๆ ก็จะไปถึงชายแดนมาลาวี กับแทนซาเนีย แต่รถจะไปถึงแค่ Malombe ในเวลาประมาณ 21.00 น.
เราถามเขาว่า ถ้าเราลงสถานีถัดไป เราจะมีรถกลับมาพูโตไหม เขาว่าเขาไม่แน่ใจ แล้วเขาก็ลุกขึ้น พูดกับคนขับรถ ผ่านคนอื่นๆ อีกหลายคน ว่า ผู้โดยสารญี่ปุ่น 2 คนนี้ ขึ้นรถผิดคัน แล้วพวกเขาก็ถาม และ บอกกับกระเป๋า 2-3 ครั้งแล้ว ว่า พวกเขาจะไป บาบาเน่ สวาซีแลนด์ คนอื่นๆ มองมาที่เรา
เราเตรียมตัวลงสถานีถัดไป พอถึงสถานีเราก็เดินไปที่ประตู คนขับรถส่งเสียงดัง ปิดประตูไม่ให้เราลง ป้าขอให้ล่ามหนุ่มมาพูดให้เขาเข้าใจ ว่าเราต้องการลงเพื่อเปลี่ยนรถ กลับมาพูโต แต่คนขับไม่ยอมเขาพูดเสียงดัง ป้าถามล่ามหนุ่มว่า เขาว่าอย่างไร หนุ่มบอกว่า เขาให้เราไปลงที่ Massinga เพื่อกลับมาพูโพ กับรถของบริษัท เวลาตี 5 โดยไม่คิดเงิน ลงไปก็ไม่มีรถ เพราะมันจะค่ำแล้ว ลุงยืนยันจะลง ป้าบอกล่ามหนุ่มว่า ลุงยืนยันจะลง เขาทำหน้าผิดหวัง ป้าลองพูดกับลุงอีกครั้ง พอลุงรู้ว่า จะได้กลับฟรี ก็เปลี่ยนใจ เดินกลับขึ้นมา
เราเดินกลับไปนั่งที่เดิม ป้ายถัดไปมีหนุ่มคนหนึ่ง เอาของลงไปวางข้างล่าง แล้วกลับขึ้นไปอุ้มแม่ที่เดินไม่ได้ลงไป ตอนนั้นกลิ่นเต่าเริ่มเบาบาง เพราะผู้หญิงที่นั่งข้างลุงลงไปแล้วทั้งคู่ ไม่น่าเชื่อว่า คนตัวเล็กๆ ผอมๆ จะมีกลิ่นรุนแรงขนาดนั้น
พอถึง Massinga เราเตรียมพร้อม แต่ไม่เห็นคนขับว่าอย่างไร ล่ามหนุ่มที่ย้ายไปนั่งข้างหลังเรา ลุกขึ้น แต่ป้าไม่แน่ใจว่าใช่เขารึเปล่า เพราะแต่ละคนหน้าตาไม่ค่อยแตกต่าง โดยเฉพาะทรงผมสกินเฮด กับขนาดศีรษะที่เท่าๆ กัน มีแต่ลักษณะการแต่งตัวและแววตาเท่านั้นที่แตกต่าง ป้าลองเสี่ยงถามว่า เราลงสถานีนี้ใช่ไหม เขาบอกว่า ไปลงสถานีสุดท้าย
แต่ป้ายังไม่เชื่อ เพราะได้ยินคนขับรถพูดจับความได้ว่า ให้ลงที่ Massinga ตอนเช้าจะมีรถออกตอนตี 5 และได้ยินเสียงเขาคุยโทรศัพท์พูดถึง นักท่องเที่ยว กับชื่อเมือง และชือประเทศ หลังจากวางหูแล้ว เขาก็คุยเฮฮากับผู้โดยสารที่อยู่ข้างหน้า น่าจะเป็นเพราะเขาสบายใจแล้ว จึงพูดเล่นได้ และเรื่องที่เขาพูดคุย ก็คงเป็นเรื่องของเรา เพราะคนอื่นๆ ที่หัวเราะ ต่างก็มองมาที่เรา
ชื่อสินค้า:   โมซัมบิก
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่