ไม่เคยรู้มาก่อนว่าโกยซีหมี่จะมีที่มาแบบนี้



• โกยซีหมี่ • ชื่อเดิม • โกยสิหมี่ • หรือที่ชาวจีนรู้จักกันในชื่อ • อาโกย • เนื่องจากในสมัยราชวงศ์ฮั่นแน่ เมืองจีนได้แบ่งออกเป็น 3 ม๊ก ได้แก่ ม๊กจ๊ก จ๊กม๊ก และซ๊กม๊ก โดยทั้งสามม๊กนี้ต่างผลัดกันแพ้ ชนะ สองหัว สามหาง กันไป

และด้วยความที่มีต้นกำเนิดแทบจะเรียกได้ว่ามาจากชาติเดียวกัน จึงนิยมอาหารประเภทเส้นเหมือนกัน ทัพม๊กจ๊ก นิยมบะหมี่เกี๊ยวปู ทัพจ๊กม๊ก นิยมบะหมี่เย็นตาโฟ และทัพซ๊กม๊ก นิยมผัดหมี่เหลือง

3 ม๊ก ยังคงสู้รบกันอย่างต่อเนื่อง ทุกวี่ ทุกวัน แต่ด้วยเมนูผัดหมี่เหลืองของทัพซ๊กม๊กนั้น ไม่มีน้ำซุปร้อนๆ ให้ซด ทำให้ทหารของทัพนี้ ร่ำอาหารได้เสร็จเร็วกว่าอีก 2 ม๊ก

เป็นผลให้ทัพซ๊กม๊กมีเวลาเดินทัพเข้าประชิดเมืองและตีทั้ง 2 ทัพให้พ่ายแพ้ราบคาบได้อย่างรวดเร็ว

2 ทัพแตกกระจัดกระจายกระเจิง บ้างตาย บ้างรอด ที่มีชีวิตอยู่ก็สาหัส แต่ก็ยังดิ้นรนเคลื่อนทัพที่เหลือ โดยตีลังกาม้วนหน้าขึ้นเขาไปสามพันลี้ เพื่อไปซ่อนตัวในวัดอังโคะคุจิ

ไพร่พลของทั้ง 2 ทัพมาเจอกันในวัด ซึ่งตอนนี้ไม่มีทั้งมิตรและศัตรู มีแต่เพื่อนร่วมอุดมการณ์เดียวกัน นั่นคือ ปราบทัพซ๊กม๊กให้จงได้!

ทั้ง 2 ทัพ ช่วยกันขบคิดอยู่หลายวัน ว่าเพราะอะไร ทัพซ๊กม๊กจึงเข้าประชิดเมืองได้เร็วยิ่งนัก แต่ก็ยังคิดไม่ออก จนกระทั่ง..

อาหลาง ทหารชั้นล่าง ที่พึ่งฟื้นจากพิษไข้ ได้เล่าให้ฟังว่า ขณะที่ใช้ดาบฟาดฟันกับฝ่ายตรงข้าม ตาของเขาได้เหลือบเห็นเส้นบะหมี่ผัด ติดอยู่ที่หนวดของคนที่ร่วมรบด้วย ดูมีความอุ่น เหมือนพึ่งกินเสร็จแล้วมารบ

ทำให้อาต๊ะและอาซิง สุดยอดพ่อครัวของ 2 เหล่าทัพ อุทานขึ้นมาพร้อมกัน ใช่แล้ว! กินเร็ว รบนาน!!! เราต้องทำอาหารที่ให้ทหารของเรากินได้เร็ว พกไปได้ทุกที่ เพื่อตีทัพซ๊กม๊กให้พินาศ!! ผู้คนที่อยู่ในวัดต่างโห่ร้องรับด้วยความกระหยิ่มใจ "เวววววววว..ฮูว์"

หลังจากวันนั้น 2 พ่อครัวต่างคิดค้นสูตรอาหารต่างๆ โดยยืนพื้นอาหารหลักเป็นบะหมี่เหมือนเดิม ไม่ว่าจะนำไปปิ้ง ย่าง แกง กวน (ใช้ไม้ตีกลองในวัดกวน) บด (กวนเสร็จ เอามาล้าง แล้วใช้บดต่อ) แต่รสชาติก็ไม่ดีงาม 2 พ่อครัวจนปัญญา หยิบเซียมซีขึ้นมาเขย่า ขอวิธีทำอาหารเพื่อใช้สู้กับศัตรู จากเทพอิคิวซัง

ขณะที่เขย่า มือของพ่อครัวที่มีเส้นบะหมี่ติดอยู่ ได้กระเด็นลอยคว้าง ลงไปในน้ำมันตะเกียงที่เอาไว้จุดธูป ทันใดนั้นก็ปรากฏเสียง เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ ซ่า 2 พ่อครัวรีบวิ่งไปดู แล้วพูดพร้อมกัน ทอด!!!

หมี่ทอดพร้อม ม้าพร้อม ดาบพร้อม หอกพร้อม กองทัพพร้อม ทุกคนเดินทางด้วยความฮึกเหิม เดินไป หยิบหมี่มาเคี้ยวไป พอใกล้ถึงทัพของซ๊กม๊ก ต่างยกธง พร้อมตีกลองระรัว เพื่อข่มขู่ฝ่ายตรงข้าม

แล้วสิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น ลูกปืน M16 พร้อมขีปนาวุธ ทุกรูปแบบ ต่างระดมยิงเข้าใส่ทั้ง 2 ทัพ แบบไม่ยั้ง เนื่องจากทัพซ๊กม๊กพึ่งโดนกองทัพอังกฤษซิวไปเมื่อ 2 วันก่อน

ผู้ท้ารบต่างตกใจ โยนหมี่ทอดทิ้งพร้อมวิ่งหนีกันจ้าละหวั่น สุดท้ายผู้ที่เหลือรอด มีเพียงพ่อครัวของ 2 เหล่าทัพ ด้วยความอาลัยรัก และต้องการสร้างอนุสรณ์ เผื่อมีใครเหลือรอดจากสงครามครั้งนี้ จะได้ตามหาพวกเขาพบ

ทั้ง 2 พ่อครัวจึงตัดนิ้วโป้งเท้าซ้ายไปขาย แล้วเอาเงินที่ได้ มาเปิดร้านก๋วยเตี๋ยวชื่อดังในยุคนั้นว่า "ร้านโกยสิหมี่" เพื่อระลึกว่าครั้งนึง พวกเขาได้พยายามช่วยเหลือกองทัพ อย่างสุดความสามารถ แต่ก็มิอาจทันท่วงที

นอกจากมีแค่ก้อนหมี่ทอดแล้ว "โกยสิหมี่" ของพวกเขายังมีน้ำซุปราดเพื่อเตือนว่าจริงๆ แล้ว ทัพของพวกเขานั้นชื่นชอบน้ำซุปกันแค่ไหน

ที่ร้านนี้มีเสี่ยวเอ้อประจำร้านอยู่ 1 คน บังเอิญชื่อพ้องกับทางร้านว่า อาโกย ด้วยความที่ลูกค้าแน่น เสี่ยวเอ้อมีคนเดียว อาโกย เลยโดนลูกค้าแต่ละโต๊ะ เรียกจิกหัวไม่วาง หางไม่เว้น อาโกยๆๆ อาโกยโว๊ยย อาโกย ลูกค้าใหม่ที่พึ่งเข้ามาจึงเข้าใจผิด คิดว่าอาโกย คือชื่อย่อของเมนู "โกยสิหมี่" นั่นเอง

#โกยสิหมี่มั้ย

ใครอยากต่อของหวานตามดูลิ๊งนี้จ้า
http://pantip.com/topic/34212166/desktop

http://pantip.com/topic/34216021/comment3
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่