นี่เป็นหนังไทยเรื่องหนึ่งที่เราดูหลายรอบมากๆ และเป็นหนังไทยอันดับต้นๆที่เราชื่นชอบมาก
หลังจากทราบข่าวเรื่องการเอากลับมาสร้างใหม่เป็นซีรี่ย์ของช่อง GMM25 เรารู้สึกดีใจมากๆ แม้เราจะชอบเวอร์ชั่นภาพยนตร์มากๆ แต่เราก็ยังอยากเห็นการนำมาเล่าใหม่ในแบบยุคสมัยนี้ เราเชื่อว่าจะต้องเห็นอะไรเจ๋งๆแน่นอน และวันก่อนเราได้เห็น trailer ของซีรี่ย์นี้ เป็นฉากในห้องเรียนที่พูดถึงเรื่อง "ความรัก" ยิ่งทำให้เราอยากดูสุดๆ นั่นเลยทำให้เราคิดถึงหนังเรื่องนี้ขึ้นมา เราเลยหยิบเวอร์ชั่นภาพยนตร์กลับมาดูอีกครั้ง
นี่คือผลงาน "จากเรื่องเดิมของ ยุทธเลิศ ศรีผิวผาก" (ปัจจุบันคือ คุณยุทธเลิศ สิปปภาค)
สำหรับรอบนี้ที่เราดู มีบางอย่างที่เรารู้สึกแตกต่างไปจากรอบก่อนๆ ซึ่งมีทั้งในแง่ดีและแง่ไม่ดี พูดถึงสิ่งเรารู้สึกติดขัด คือเรารู้สึกว่าบทมีความไม่สมเหตุสมผลหลายจุด มันดูจงใจเกินไปในหลายๆฉาก ในหลายๆจังหวะ เราเลยรู้สึกไม่ค่อยจริงในบางฉาก ในส่วนการดำเนินเรื่อง การตัดต่อ เรารู้สึกไม่ค่อยสมูทเท่าที่ควร รู้สึกว่าเล่าเรื่องโดดไปโดดมาหน่อยๆ ทำให้เรารู้สึกอารมณ์ไม่ต่อเนื่อง รวมไปถึงการแสดงของ หลิว มนัสวี ที่รับบทเป็นฝุ่น เรารู้สึกเธอแสดงแข็งไปเยอะเลย เลยทำให้หลายๆซีนเรารู้สึกติดขัด รวมไปถึงพ่อ-แม่ฝุ่น ที่เรารู้สึกว่าแสดงแข็งมากๆ
แต่จุดที่เราชอบมากขึ้น คือรอบนี้เราเห็นความรู้สึกของตัวละครชัดขึ้น อาจจะเพราะเราโตขึ้นด้วย เราเลยเห็นสิ่งที่เราไม่แน่ใจในรอบก่อนๆ ซึ่งสิ่งที่เราเห็น เราว่าเจ๋งมาก รวมไปถึงการสื่อสารบางอย่างของหนัง ที่ทำได้ดีมากๆ และที่ชอบคือฉากสำคัญๆของเรื่อง นักแสดงเล่นดีมากจนมันกระทบความรู้สึกเราสุดๆ เราถึงกับน้ำตาซึมเลยในหลายๆฉากตอนช่วงท้ายเรื่อง
การแสดงของตัวละครหลักยอดเยี่ยมมากๆ (ไม่นับหลิว มนัสวี) เราชอบการแสดงของทาทา ยังมากที่สุดในบทบาทของปริม ซึ่งเป็นตัวละครที่ผมสงสัยในเรื่องความรู้สึกของตัวละครนี้มาทุกครั้งที่ได้ดูหนังเรื่องนี้ มารอบนี้ เราเห็นการแสดงของเธอบางอย่าง เราเลยรู้แล้วว่าจริงๆ เธอรู้สึกยังไงกับปืน เธอไม่ได้พูดถึงสิ่งนี้เลยในหนังเรื่องนี้ แต่เรารู้สึกได้ มีซีนดีๆของเธอเยอะมาก เราชอบซีนต้นเรื่อง ตอนที่อาร์ทต่อยเมคิน แล้วปริมปรี่เข้าไปผลักอาร์ทจนล้มลง แต่ปริมเองก็เสียใจเช่นกันกับสิ่งที่ทำลงไป เธอนั่งก้มหน้าก้มตาแทบจะร้องไห้เลย และเราชอบฉากคืนวันเกิดฝุ่น แล้วปริมไปหาปืน (น่าจะเป็นที่ในมหาลัย) แล้วปืนบอกรักปริม และฝุ่นตามมาเห็น เธอเล่นฉากนี้ดีมากๆ จังหวะที่เธอพูดว่า "ปืนรักปริมไม่ได้แล้ว" มันสุดยอดมากๆ รวมไปถึงฉากนั่งรถแท็กซี่ตอนท้ายเรื่อง ยอดเยี่ยมจริงๆ
ชาคริต แย้มนาม และ เรย์ แมคโดนัลด์ ก็แสดงได้ยอดเยี่ยมทั้งคู่ แต่ส่วนตัวเราชอบการแสดงของชาคริตมากกว่านิดหน่อย อาจเพราะบทของอาร์ท มันมีความเท่ห์เกินไปนิดหนึ่ง ฉากที่เค้านั่งพูดกับรุ่นน้องที่คณะ ก่อนจะออกจากมหาลัย เราว่ามันเท่ห์เกินไป มันดูไม่ค่อยจริง แต่โดยรวมถือว่าทำได้ดีมากนะ บทของอาร์ท มันมีความเป็นตัวของตัวเองสูงมาก แต่มันก็มีมุมน่ารัก กวนๆอยู่เช่นกัน และเรย์ ก็ทำออกมาได้พอดี และโดยรวมเราเชื่อว่าเค้าคืออาร์ท
บทปืนของชาคริตอาจจะไม่ได้ยากมากนัก และชาคริตก็ทำได้ดีมากๆ ซีนที่ดีก็คือช่วงที่บอกรักปริมนั่นแหละ
อ้น ศรีพรรรณ เล่นเป็นชมพู่ ไม่มีอะไรติดขัด เล่นได้ธรรมชาติมาก ดูๆไป ก็เล่นจังหวะคล้ายๆโอปอลล์ เหมือนกัน 55
เพลงประกอบภาพยนตร์และดนตรีประกอบเรื่องนี้ดีมากๆ "เพลงคงสักวัน" ที่ปืนร้องคู่กับปริมบนเวทีงาน Gift มันน่ารักมาก เราชอบสายตาที่ทั้งคู่ส่งให้กันบนเวที ซีนนี้ทาทา ยัง เล่นคมมาก จนทำให้อาร์ทถึงกับทนดูไม่ได้เลยทีเดียว เราชอบ "เพลงแค่เธอรักฉัน" มากๆ เราชอบความหมายของเพลง ชอบในจังหวะที่ใส่เข้ามาในหนัง "เฝ้าถามตัวเอง เรื่องเดิมๆเรื่อยมา ถ้าฉันจะรัก รักของฉันจะเป็นเช่นไร"
O-negative เป็นเรื่องราวของกลุ่มเพื่อนรัก 5 คนที่เรียนด้วยกันที่คณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร เรื่องเล่าตั้งแต่ที่พวกเค้าเริ่มรู้จักกันตั้งแต่ตอนปี 1 ไปจนถึงหลังจากที่พวกเค้าเรียนจบและทำงาน ผ่านการเล่าเรื่องของชมพู่ หนึ่งในเพื่อนกลุ่มโอ
หลังเล่าที่มาของความสัมพันธ์ของความเป็นเพื่อนของพวกเค้าได้ดีมาก เล่าผ่านช่วงเวลาของการรับน้องตอนปีหนึ่ง ซึ่งโดยส่วนตัวเราชอบประเพณีการรับน้องแบบนี้เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เราเลยเชื่อและอินเป็นพิเศษ พอดูการรับน้องในหนังเรื่องนี้ ทำให้เรานึกไปถึงช่วงปีหลังๆที่มักจะมีข่าวในทางลบกับประเพณีนี้ จนหลายคนอยากให้ยกเลิกประเพณีนี้ เรายอมรับในความคิดเห็นที่แตกต่างนะ แต่เราแค่อยากให้ได้ดูการรับน้องในหนังเรื่องนี้ แล้วคนที่อยากให้ยกเลิกประเพณีนี้ อาจเข้าใจความหมายของมันมากขึ้น เราชอบบทสนทนาตอนที่ปืนพยายามบอกให้อาร์ทให้ความร่วมมือในกิจกรรมรับน้อง
"ไม่ต้องมาพูดเลย กรูรับระบบนี้ไม่ได้จริงๆ" อาร์ทพูด
"นี่แมร่งไม่ใช่เรื่องของระบบละนะเว้ย...เรื่องของเพื่อน" ปืนบอกอาร์ท
"มีเพื่อนก่อนมีแฟนนะปริม" เป็นคำพูดที่แม่บอกปริมตั้งแต่วันแรกของการเข้าเรียนปี 1 เพราะแม่ปริมเองก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จในเรื่องความรัก สามีของเธอน่าจะไม่ใช่คนที่ดีมากนัก เธอเลยไม่อยากให้ลูกของเธอต้องเจอแบบเดียวกัน
อาจารย์พูดถึงการเรียนรู้ในมหาวิทยาลัยได้ดีมากๆ
"หัวใจของศิลปะ คือความมีเอกภาพ ผสานกลมกลืนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน พวกคุณทุกคน ทุกคนเพิ่งจะก้าวเข้ามาสู่โลกของศิลปะ จะต้องใช้เวลาเรียนรู้ อย่าเรียนรู้แต่ศิลปะ เรียนรู้ชีวิตของพวกคุณเอง นับตั้งแต่วันนี้ไปด้วย อย่าให้เวลาสี่ปีที่มีคุณค่า ผ่านไปเฉยๆ โดยที่ไม่ได้เรียนรู้อะไรเลย"
ช่วงเวลาปีหนึ่ง จบลงด้วยวันปิดประชุมเชียร์ ซึ่งบังเอิญเป็นวันเกิดชมพู่พอดี รุ่นพี่เลยเซอไพรส์วันเกิดชมพู่ด้วยเค๊กก้อนโตและให้ชมพู่อธิษฐานก่อนเป่าเทียนวันเกิด
"ขอให้รุ่นพี่รักพวกเรา ขอให้เพื่อนๆรักกัน ไม่ทะเลาะกัน แล้วเป็นเพื่อนกันอย่างงี้ตลอดไปค่ะ"
ปิดท้ายกิจกรรมรับน้องด้วยการร้องเพลงที่เพราะมากและเราขนลุกฉากนี้
หนังเล่าเรื่องตัดมาตอนที่พวกเค้าขึ้นมาอยู่ปี 4 เป็นช่วงสำคัญมากของพวกเค้า เป็นช่วงเวลาที่ความรู้สึกของพวกเค้าเริ่มจะแปรเปลี่ยนจากเพื่อน เป็นมากกว่านั้น
อาจารย์ให้คำแนะนำเกี่ยวกับวิทยานิพนธ์ที่พวกเค้าต้องทำก่อนเรียนจบ
"คุณควรตั้งประเด็นให้ชัดเจน คิดว่าวิทยานิพนธ์ก็เหมือนชีวิตจริงที่ต้องออกแบบกันหน่อย คือมีความคิดยังไง กำหนดวิธีการตามนั้น และก็ให้ได้ผลออกมาตามประเด็นที่ตั้งไว้"
"ออกแบบชีวิตจริงเหรอฮะ อาจารย์" ปืนถามขึ้นมา
"ใช่ๆ ผมเปรียบเทียบอย่างนี้เพราะเห็นว่าพวกคุณเรียนกันมาขนาดนี้แล้ว โตกันมาขนาดนี้แล้ว ควรจะออกแบบชีวิตได้ด้วยกันทุกคน ยกเว้นเรื่องความรักเท่านั้นน่ะ ความรักออกแบบตัวมันเอง"
"โอ้โห ครบกริบเลยนะอาจารย์...แต่จริงเหรอฮะ" อาร์ทถาม
"ไม่จริงเว้ย คนเราออกแบบความรักได้ว่าจะให้มันเป็นแบบไหน เราควบคุมมันได้" ชมพู่ออกความคิดเห็น
"ผมเห็นด้วยนะฮะอาจารย์" ปืนพูดบ้าง
"แล้วถ้าอย่างนั้นทำไมคนเราถึงมีความรักที่ไม่สมหวังล่ะ" ปริมตั้งคำถาม
"ว่าไงชมพู่" อาจารย์ถาม
"รักที่ไม่สมหวัง ก็คือรักที่ไม่ได้ออกแบบไว้ตั้งแต่ต้นไงคะอาจารย์" ชมพู่ตอบ
"ไม่ แล้วใครสามารถออกแบบความรักไว้ก่อนได้บ้าง" อาร์ทถามต่อ
"อือ นั่นซิ ใครออกแบบอารมณ์ของมนุษย์ได้บ้างเหรอ" ปริมเสริม
"ได้ เนาะปืนเนาะ" ชมพู่พูด
"มันไม่ได้ไงชมพู่" ปริมแย้ง
"ประมาณนึง" ปืนบอก
"แล้วใครชนะครับอาจารย์" เมคินอยากสรุป
"ไม่รู้ซิเมคิน ไปลองรักกันดูเองละกัน...ได้ผลยังไงบอกผมด้วย" อาจารย์สรุปปิดท้าย
เหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นคือคืนวันเกิดของฝุ่น ที่เพื่อนๆเตรียมงานวันเกิดเซอไพรส์ฝุ่น มันน่ารักมากๆ เป็นคืนที่มีความสุขมากๆของพวกเค้า และมาพร้อมกับกลอนที่ชมพู่แต่งมาเป็นพิเศษ
"ชั้นผูกใจไว้ที่ความมีเพื่อน
ผูกเงื่อนงดงามสื่อความหมาย
ผูกความเป็นเพื่อนในเงื่อนตาย
ผูกสายรักเพื่อนด้วยเงื่อนนี้
ต่างสายเลือดผูกได้ผูกสายร่วม
สายเลือดรวมผูกใจไว้ทุกที่
เงื่อนรักผูกไว้ผูกใยดี
โดยไม่มีเงื่อนไขอะไรเลย"
แต่ในคืนเดียวกันนั้นเอง แม่ของปริมก็ประสบอุบัติเหตุหนัก จนถึงขั้นเสียชีวิต ความสุขความทุกข์มันอยู่ห่างกันนิดเดียวเพียงเสี้ยววินาทีจริงๆ
ปืนเริ่มเกิดความรู้สึกพิเศษกับปริม ยิ่งหลังจากแม่ปริมเสีย ปืนยิ่งเป็นห่วงและอยากดูแลปริมมากยิ่งขึ้น ในขณะเดียวกัน เราก็เห็นสายตาที่พิเศษของอาร์ทที่มองไปที่ปริมเช่นกัน ขณะที่ฝุ่นเองก็เริ่มจะรู้สึกกับปืนเกินเลยกว่าคำว่าเพื่อนแล้ว
ปืนเริ่มแอบจีบปริม แต่ปริมเองที่รู้ว่าฝุ่นก็ชอบปืน ก็ไม่ได้แสดงการตอบรับอะไรออกไป ยังคบเป็นเพื่อนกันต่อไป แต่สายตาที่ทั้งสองส่งถึงกัน ตอนร้องเพลง "คงสักวัน" ด้วยกันบนเวทีงาน Gift ก็อาจแสดงความหมายได้บางอย่าง "คงมีวันหนึ่งที่ดอกไม้นั้นคงจะบาน และงดงามได้อย่างที่ตั้งใจ" อาร์ททนดูภาพนี้ไม่ได้ เลยเดินออกไปหน้ามหาลัยจนเกิดเรื่องทะเลาะวิวาท จนเป็นเหตุให้เค้าต้องออกจากการเรียนมหาวิทยาลัย
อาร์ทเป็นคนที่น่ายกย่อง เค้าเป็นตัวของตัวเอง ไม่ยอมก้มหัวให้กับสิ่งที่เค้าคิดว่าไม่ถูกต้อง เค้าเป็นคนยอมหัก แต่ไม่ยอมงอกับสิ่งที่ไม่ถูกต้อง แต่ไม่ใช่ว่าเค้าจะหัวแข็งไม่ยอมรับ ไม่ยอมเปลี่ยนอะไรเลยนะ บางอย่างที่เค้าเห็นว่ามันดี เค้าก็จะยอมเปลี่ยน เค้าฝากข้อคิดส่งต่อให้รุ่นน้องได้ดีมากๆ
"ผมใฝ่ฝันมากเลยนะที่จะได้เรียนที่นี่ และผมก็ได้เรียนที่นี่ ผมมีความสุขมากที่ได้เรียนที่นี่ อีกไม่นานผมคงต้องไปจากที่นี่ ผมมีความทรงจำที่ดี มีรุ่นพี่ที่รัก มีรุ่นน้องที่รัก ผมเกลียดระบบซีเนียริตี้มากนะ น้องๆหลายคนก็อาจจะทราบ แต่ไอ้ระบบเนี้ย มันคงมีดีอะไรของมันอยู่ ทำให้ผมเปลี่ยนใจได้ สิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตผมอ่ะเกิดขึ้นที่นี่ ได้มีเพื่อน ได้รักเพื่อน และมีเพื่อนที่รัก"
"กลุ่มโอใช่ไหมพี่"
"ใช่ กลุ่มโอ"
"พวกน้องอย่าเอาอย่างงี้นะ อย่าใช้ความรุนแรงแก้ปัญหา ผมว่าน้องๆทุกคนนะ คงโตไปเป็นรุ่นพี่ ที่รู้จักการให้ เป็นเพื่อนที่รู้จักการให้ โชคดีนะ"
ฉากที่อาร์ทไหว้รูปปั้นศาสตราจารย์ ศิลป์ พีระศรี มันทำเอาเราขนลุกเลย
อาร์ทเดินทางไปทำงานถ่ายภาพที่อเมริกา แต่ยังมีการส่งโปสการ์ดมาเล่าเรื่องราวต่างๆให้ปริมฟังอยู่ นั่นน่าจะเป็นการแสดงความรู้สึกที่เค้ามีต่อปริมในสไตล์ของเค้า
เมื่อความรักของเพื่อนมันเกินเลยขีดเส้นไป ปืนเผลอไปมีอะไรกับฝุ่นเพราะคืนนั้นเค้าเมามาก เช้าวันรุ่งขึ้นปริมมาหาเค้าตามที่สัญญาไว้ และเจอฝุ่นนอนอยู่บนเตียงในร่างเปลือย ปริมรับไม่ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้น
หลังจากนั้นปริมก็หลบหน้าปืน ส่วนปืนเองก็หลบหน้าฝุ่น ฝุ่นเสียใจมากที่ปืนหายไป ไม่ยอมรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น
(มีต่อ)
O-negative (รัก-ออกแบบไม่ได้) - เราไม่สามารถออกแบบความรักได้ ความรักออกแบบตัวของมันเอง แต่เราสามารถออกแบบการให้ได้นะ
หลังจากทราบข่าวเรื่องการเอากลับมาสร้างใหม่เป็นซีรี่ย์ของช่อง GMM25 เรารู้สึกดีใจมากๆ แม้เราจะชอบเวอร์ชั่นภาพยนตร์มากๆ แต่เราก็ยังอยากเห็นการนำมาเล่าใหม่ในแบบยุคสมัยนี้ เราเชื่อว่าจะต้องเห็นอะไรเจ๋งๆแน่นอน และวันก่อนเราได้เห็น trailer ของซีรี่ย์นี้ เป็นฉากในห้องเรียนที่พูดถึงเรื่อง "ความรัก" ยิ่งทำให้เราอยากดูสุดๆ นั่นเลยทำให้เราคิดถึงหนังเรื่องนี้ขึ้นมา เราเลยหยิบเวอร์ชั่นภาพยนตร์กลับมาดูอีกครั้ง
นี่คือผลงาน "จากเรื่องเดิมของ ยุทธเลิศ ศรีผิวผาก" (ปัจจุบันคือ คุณยุทธเลิศ สิปปภาค)
สำหรับรอบนี้ที่เราดู มีบางอย่างที่เรารู้สึกแตกต่างไปจากรอบก่อนๆ ซึ่งมีทั้งในแง่ดีและแง่ไม่ดี พูดถึงสิ่งเรารู้สึกติดขัด คือเรารู้สึกว่าบทมีความไม่สมเหตุสมผลหลายจุด มันดูจงใจเกินไปในหลายๆฉาก ในหลายๆจังหวะ เราเลยรู้สึกไม่ค่อยจริงในบางฉาก ในส่วนการดำเนินเรื่อง การตัดต่อ เรารู้สึกไม่ค่อยสมูทเท่าที่ควร รู้สึกว่าเล่าเรื่องโดดไปโดดมาหน่อยๆ ทำให้เรารู้สึกอารมณ์ไม่ต่อเนื่อง รวมไปถึงการแสดงของ หลิว มนัสวี ที่รับบทเป็นฝุ่น เรารู้สึกเธอแสดงแข็งไปเยอะเลย เลยทำให้หลายๆซีนเรารู้สึกติดขัด รวมไปถึงพ่อ-แม่ฝุ่น ที่เรารู้สึกว่าแสดงแข็งมากๆ
แต่จุดที่เราชอบมากขึ้น คือรอบนี้เราเห็นความรู้สึกของตัวละครชัดขึ้น อาจจะเพราะเราโตขึ้นด้วย เราเลยเห็นสิ่งที่เราไม่แน่ใจในรอบก่อนๆ ซึ่งสิ่งที่เราเห็น เราว่าเจ๋งมาก รวมไปถึงการสื่อสารบางอย่างของหนัง ที่ทำได้ดีมากๆ และที่ชอบคือฉากสำคัญๆของเรื่อง นักแสดงเล่นดีมากจนมันกระทบความรู้สึกเราสุดๆ เราถึงกับน้ำตาซึมเลยในหลายๆฉากตอนช่วงท้ายเรื่อง
การแสดงของตัวละครหลักยอดเยี่ยมมากๆ (ไม่นับหลิว มนัสวี) เราชอบการแสดงของทาทา ยังมากที่สุดในบทบาทของปริม ซึ่งเป็นตัวละครที่ผมสงสัยในเรื่องความรู้สึกของตัวละครนี้มาทุกครั้งที่ได้ดูหนังเรื่องนี้ มารอบนี้ เราเห็นการแสดงของเธอบางอย่าง เราเลยรู้แล้วว่าจริงๆ เธอรู้สึกยังไงกับปืน เธอไม่ได้พูดถึงสิ่งนี้เลยในหนังเรื่องนี้ แต่เรารู้สึกได้ มีซีนดีๆของเธอเยอะมาก เราชอบซีนต้นเรื่อง ตอนที่อาร์ทต่อยเมคิน แล้วปริมปรี่เข้าไปผลักอาร์ทจนล้มลง แต่ปริมเองก็เสียใจเช่นกันกับสิ่งที่ทำลงไป เธอนั่งก้มหน้าก้มตาแทบจะร้องไห้เลย และเราชอบฉากคืนวันเกิดฝุ่น แล้วปริมไปหาปืน (น่าจะเป็นที่ในมหาลัย) แล้วปืนบอกรักปริม และฝุ่นตามมาเห็น เธอเล่นฉากนี้ดีมากๆ จังหวะที่เธอพูดว่า "ปืนรักปริมไม่ได้แล้ว" มันสุดยอดมากๆ รวมไปถึงฉากนั่งรถแท็กซี่ตอนท้ายเรื่อง ยอดเยี่ยมจริงๆ
ชาคริต แย้มนาม และ เรย์ แมคโดนัลด์ ก็แสดงได้ยอดเยี่ยมทั้งคู่ แต่ส่วนตัวเราชอบการแสดงของชาคริตมากกว่านิดหน่อย อาจเพราะบทของอาร์ท มันมีความเท่ห์เกินไปนิดหนึ่ง ฉากที่เค้านั่งพูดกับรุ่นน้องที่คณะ ก่อนจะออกจากมหาลัย เราว่ามันเท่ห์เกินไป มันดูไม่ค่อยจริง แต่โดยรวมถือว่าทำได้ดีมากนะ บทของอาร์ท มันมีความเป็นตัวของตัวเองสูงมาก แต่มันก็มีมุมน่ารัก กวนๆอยู่เช่นกัน และเรย์ ก็ทำออกมาได้พอดี และโดยรวมเราเชื่อว่าเค้าคืออาร์ท
บทปืนของชาคริตอาจจะไม่ได้ยากมากนัก และชาคริตก็ทำได้ดีมากๆ ซีนที่ดีก็คือช่วงที่บอกรักปริมนั่นแหละ
อ้น ศรีพรรรณ เล่นเป็นชมพู่ ไม่มีอะไรติดขัด เล่นได้ธรรมชาติมาก ดูๆไป ก็เล่นจังหวะคล้ายๆโอปอลล์ เหมือนกัน 55
เพลงประกอบภาพยนตร์และดนตรีประกอบเรื่องนี้ดีมากๆ "เพลงคงสักวัน" ที่ปืนร้องคู่กับปริมบนเวทีงาน Gift มันน่ารักมาก เราชอบสายตาที่ทั้งคู่ส่งให้กันบนเวที ซีนนี้ทาทา ยัง เล่นคมมาก จนทำให้อาร์ทถึงกับทนดูไม่ได้เลยทีเดียว เราชอบ "เพลงแค่เธอรักฉัน" มากๆ เราชอบความหมายของเพลง ชอบในจังหวะที่ใส่เข้ามาในหนัง "เฝ้าถามตัวเอง เรื่องเดิมๆเรื่อยมา ถ้าฉันจะรัก รักของฉันจะเป็นเช่นไร"
O-negative เป็นเรื่องราวของกลุ่มเพื่อนรัก 5 คนที่เรียนด้วยกันที่คณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร เรื่องเล่าตั้งแต่ที่พวกเค้าเริ่มรู้จักกันตั้งแต่ตอนปี 1 ไปจนถึงหลังจากที่พวกเค้าเรียนจบและทำงาน ผ่านการเล่าเรื่องของชมพู่ หนึ่งในเพื่อนกลุ่มโอ
หลังเล่าที่มาของความสัมพันธ์ของความเป็นเพื่อนของพวกเค้าได้ดีมาก เล่าผ่านช่วงเวลาของการรับน้องตอนปีหนึ่ง ซึ่งโดยส่วนตัวเราชอบประเพณีการรับน้องแบบนี้เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เราเลยเชื่อและอินเป็นพิเศษ พอดูการรับน้องในหนังเรื่องนี้ ทำให้เรานึกไปถึงช่วงปีหลังๆที่มักจะมีข่าวในทางลบกับประเพณีนี้ จนหลายคนอยากให้ยกเลิกประเพณีนี้ เรายอมรับในความคิดเห็นที่แตกต่างนะ แต่เราแค่อยากให้ได้ดูการรับน้องในหนังเรื่องนี้ แล้วคนที่อยากให้ยกเลิกประเพณีนี้ อาจเข้าใจความหมายของมันมากขึ้น เราชอบบทสนทนาตอนที่ปืนพยายามบอกให้อาร์ทให้ความร่วมมือในกิจกรรมรับน้อง
"ไม่ต้องมาพูดเลย กรูรับระบบนี้ไม่ได้จริงๆ" อาร์ทพูด
"นี่แมร่งไม่ใช่เรื่องของระบบละนะเว้ย...เรื่องของเพื่อน" ปืนบอกอาร์ท
"มีเพื่อนก่อนมีแฟนนะปริม" เป็นคำพูดที่แม่บอกปริมตั้งแต่วันแรกของการเข้าเรียนปี 1 เพราะแม่ปริมเองก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จในเรื่องความรัก สามีของเธอน่าจะไม่ใช่คนที่ดีมากนัก เธอเลยไม่อยากให้ลูกของเธอต้องเจอแบบเดียวกัน
อาจารย์พูดถึงการเรียนรู้ในมหาวิทยาลัยได้ดีมากๆ
"หัวใจของศิลปะ คือความมีเอกภาพ ผสานกลมกลืนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน พวกคุณทุกคน ทุกคนเพิ่งจะก้าวเข้ามาสู่โลกของศิลปะ จะต้องใช้เวลาเรียนรู้ อย่าเรียนรู้แต่ศิลปะ เรียนรู้ชีวิตของพวกคุณเอง นับตั้งแต่วันนี้ไปด้วย อย่าให้เวลาสี่ปีที่มีคุณค่า ผ่านไปเฉยๆ โดยที่ไม่ได้เรียนรู้อะไรเลย"
ช่วงเวลาปีหนึ่ง จบลงด้วยวันปิดประชุมเชียร์ ซึ่งบังเอิญเป็นวันเกิดชมพู่พอดี รุ่นพี่เลยเซอไพรส์วันเกิดชมพู่ด้วยเค๊กก้อนโตและให้ชมพู่อธิษฐานก่อนเป่าเทียนวันเกิด
"ขอให้รุ่นพี่รักพวกเรา ขอให้เพื่อนๆรักกัน ไม่ทะเลาะกัน แล้วเป็นเพื่อนกันอย่างงี้ตลอดไปค่ะ"
ปิดท้ายกิจกรรมรับน้องด้วยการร้องเพลงที่เพราะมากและเราขนลุกฉากนี้
หนังเล่าเรื่องตัดมาตอนที่พวกเค้าขึ้นมาอยู่ปี 4 เป็นช่วงสำคัญมากของพวกเค้า เป็นช่วงเวลาที่ความรู้สึกของพวกเค้าเริ่มจะแปรเปลี่ยนจากเพื่อน เป็นมากกว่านั้น
อาจารย์ให้คำแนะนำเกี่ยวกับวิทยานิพนธ์ที่พวกเค้าต้องทำก่อนเรียนจบ
"คุณควรตั้งประเด็นให้ชัดเจน คิดว่าวิทยานิพนธ์ก็เหมือนชีวิตจริงที่ต้องออกแบบกันหน่อย คือมีความคิดยังไง กำหนดวิธีการตามนั้น และก็ให้ได้ผลออกมาตามประเด็นที่ตั้งไว้"
"ออกแบบชีวิตจริงเหรอฮะ อาจารย์" ปืนถามขึ้นมา
"ใช่ๆ ผมเปรียบเทียบอย่างนี้เพราะเห็นว่าพวกคุณเรียนกันมาขนาดนี้แล้ว โตกันมาขนาดนี้แล้ว ควรจะออกแบบชีวิตได้ด้วยกันทุกคน ยกเว้นเรื่องความรักเท่านั้นน่ะ ความรักออกแบบตัวมันเอง"
"โอ้โห ครบกริบเลยนะอาจารย์...แต่จริงเหรอฮะ" อาร์ทถาม
"ไม่จริงเว้ย คนเราออกแบบความรักได้ว่าจะให้มันเป็นแบบไหน เราควบคุมมันได้" ชมพู่ออกความคิดเห็น
"ผมเห็นด้วยนะฮะอาจารย์" ปืนพูดบ้าง
"แล้วถ้าอย่างนั้นทำไมคนเราถึงมีความรักที่ไม่สมหวังล่ะ" ปริมตั้งคำถาม
"ว่าไงชมพู่" อาจารย์ถาม
"รักที่ไม่สมหวัง ก็คือรักที่ไม่ได้ออกแบบไว้ตั้งแต่ต้นไงคะอาจารย์" ชมพู่ตอบ
"ไม่ แล้วใครสามารถออกแบบความรักไว้ก่อนได้บ้าง" อาร์ทถามต่อ
"อือ นั่นซิ ใครออกแบบอารมณ์ของมนุษย์ได้บ้างเหรอ" ปริมเสริม
"ได้ เนาะปืนเนาะ" ชมพู่พูด
"มันไม่ได้ไงชมพู่" ปริมแย้ง
"ประมาณนึง" ปืนบอก
"แล้วใครชนะครับอาจารย์" เมคินอยากสรุป
"ไม่รู้ซิเมคิน ไปลองรักกันดูเองละกัน...ได้ผลยังไงบอกผมด้วย" อาจารย์สรุปปิดท้าย
เหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นคือคืนวันเกิดของฝุ่น ที่เพื่อนๆเตรียมงานวันเกิดเซอไพรส์ฝุ่น มันน่ารักมากๆ เป็นคืนที่มีความสุขมากๆของพวกเค้า และมาพร้อมกับกลอนที่ชมพู่แต่งมาเป็นพิเศษ
"ชั้นผูกใจไว้ที่ความมีเพื่อน
ผูกเงื่อนงดงามสื่อความหมาย
ผูกความเป็นเพื่อนในเงื่อนตาย
ผูกสายรักเพื่อนด้วยเงื่อนนี้
ต่างสายเลือดผูกได้ผูกสายร่วม
สายเลือดรวมผูกใจไว้ทุกที่
เงื่อนรักผูกไว้ผูกใยดี
โดยไม่มีเงื่อนไขอะไรเลย"
แต่ในคืนเดียวกันนั้นเอง แม่ของปริมก็ประสบอุบัติเหตุหนัก จนถึงขั้นเสียชีวิต ความสุขความทุกข์มันอยู่ห่างกันนิดเดียวเพียงเสี้ยววินาทีจริงๆ
ปืนเริ่มเกิดความรู้สึกพิเศษกับปริม ยิ่งหลังจากแม่ปริมเสีย ปืนยิ่งเป็นห่วงและอยากดูแลปริมมากยิ่งขึ้น ในขณะเดียวกัน เราก็เห็นสายตาที่พิเศษของอาร์ทที่มองไปที่ปริมเช่นกัน ขณะที่ฝุ่นเองก็เริ่มจะรู้สึกกับปืนเกินเลยกว่าคำว่าเพื่อนแล้ว
ปืนเริ่มแอบจีบปริม แต่ปริมเองที่รู้ว่าฝุ่นก็ชอบปืน ก็ไม่ได้แสดงการตอบรับอะไรออกไป ยังคบเป็นเพื่อนกันต่อไป แต่สายตาที่ทั้งสองส่งถึงกัน ตอนร้องเพลง "คงสักวัน" ด้วยกันบนเวทีงาน Gift ก็อาจแสดงความหมายได้บางอย่าง "คงมีวันหนึ่งที่ดอกไม้นั้นคงจะบาน และงดงามได้อย่างที่ตั้งใจ" อาร์ททนดูภาพนี้ไม่ได้ เลยเดินออกไปหน้ามหาลัยจนเกิดเรื่องทะเลาะวิวาท จนเป็นเหตุให้เค้าต้องออกจากการเรียนมหาวิทยาลัย
อาร์ทเป็นคนที่น่ายกย่อง เค้าเป็นตัวของตัวเอง ไม่ยอมก้มหัวให้กับสิ่งที่เค้าคิดว่าไม่ถูกต้อง เค้าเป็นคนยอมหัก แต่ไม่ยอมงอกับสิ่งที่ไม่ถูกต้อง แต่ไม่ใช่ว่าเค้าจะหัวแข็งไม่ยอมรับ ไม่ยอมเปลี่ยนอะไรเลยนะ บางอย่างที่เค้าเห็นว่ามันดี เค้าก็จะยอมเปลี่ยน เค้าฝากข้อคิดส่งต่อให้รุ่นน้องได้ดีมากๆ
"ผมใฝ่ฝันมากเลยนะที่จะได้เรียนที่นี่ และผมก็ได้เรียนที่นี่ ผมมีความสุขมากที่ได้เรียนที่นี่ อีกไม่นานผมคงต้องไปจากที่นี่ ผมมีความทรงจำที่ดี มีรุ่นพี่ที่รัก มีรุ่นน้องที่รัก ผมเกลียดระบบซีเนียริตี้มากนะ น้องๆหลายคนก็อาจจะทราบ แต่ไอ้ระบบเนี้ย มันคงมีดีอะไรของมันอยู่ ทำให้ผมเปลี่ยนใจได้ สิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตผมอ่ะเกิดขึ้นที่นี่ ได้มีเพื่อน ได้รักเพื่อน และมีเพื่อนที่รัก"
"กลุ่มโอใช่ไหมพี่"
"ใช่ กลุ่มโอ"
"พวกน้องอย่าเอาอย่างงี้นะ อย่าใช้ความรุนแรงแก้ปัญหา ผมว่าน้องๆทุกคนนะ คงโตไปเป็นรุ่นพี่ ที่รู้จักการให้ เป็นเพื่อนที่รู้จักการให้ โชคดีนะ"
ฉากที่อาร์ทไหว้รูปปั้นศาสตราจารย์ ศิลป์ พีระศรี มันทำเอาเราขนลุกเลย
อาร์ทเดินทางไปทำงานถ่ายภาพที่อเมริกา แต่ยังมีการส่งโปสการ์ดมาเล่าเรื่องราวต่างๆให้ปริมฟังอยู่ นั่นน่าจะเป็นการแสดงความรู้สึกที่เค้ามีต่อปริมในสไตล์ของเค้า
เมื่อความรักของเพื่อนมันเกินเลยขีดเส้นไป ปืนเผลอไปมีอะไรกับฝุ่นเพราะคืนนั้นเค้าเมามาก เช้าวันรุ่งขึ้นปริมมาหาเค้าตามที่สัญญาไว้ และเจอฝุ่นนอนอยู่บนเตียงในร่างเปลือย ปริมรับไม่ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้น
หลังจากนั้นปริมก็หลบหน้าปืน ส่วนปืนเองก็หลบหน้าฝุ่น ฝุ่นเสียใจมากที่ปืนหายไป ไม่ยอมรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น
(มีต่อ)