สถาบันวิจัยเศรษฐกิจป๋วย ชี้สถิติการเป็นหนี้ พบสัดส่วนผู้มีหนี้ส่วนใหญ่อยู่ใน กทม.-ปริมณฑล ขณะที่คนอีสานครองแชมป์มีมูลหนี้มากที่สุด
นางโสมรัศมิ์ จันทรัตน์ หัวหน้ากลุ่มงานวิจัยด้านระบบการเงิน สถาบันวิจัยเศรษฐกิจป๋วยอึ๊งภากรณ์ กล่าวว่า จากข้อมูลของบริษัทเครดิตบูโร (NCB) ที่รวบรวมสถิติจากสถาบันการเงิน 89 แห่ง ชี้ให้เห็นว่า ผู้มีหนี้อยู่ที่ราว 24% ของประชากรทั้งหมดประเทศ
เมื่อพิจารณามิติด้านพื้นที่พบว่าสัดส่วนจำนวนผู้มีหนี้ต่อประชากรที่สูงส่วนใหญ่อยู่ในภาคกลาง โดยเฉพาะบริเวณกรุงเทพฯและปริมณฑล แต่หากพิจารณาด้านมูลค่าหนี้ต่อผู้มีหนี้พบว่าภาคอีสานมีระดับหนี้โดยเฉลี่ยสูงกว่าภาคอื่นๆ
ส่วนมิติด้านอายุพบว่าผู้มีหนี้ส่วนใหญ่อยู่กลุ่มช่วงอายุ 25 ถึง 35 ปี แต่ผู้มีหนี้ที่อยู่ในช่วงอายุ 35 ถึง 60 ปีจะเป็นกลุ่มที่มีระดับหนี้สูงที่สุด นอกจากนี้ยังพบว่าภาคอีสานและพื้นที่ในเขตกรุงเทพและปริมณฑลมีการขยายตัวของหนี้เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มผู้มีหนี้เดิม ซึ่งมีสัดส่วนสูงกว่าพื้นที่อื่นๆ
ส่วนมิติด้านความสามารถในการชำระหนี้จำนวนผู้ค้างชำระหนี้ (เกิน 90 วัน) คิดเป็นประมาณ 16% ของจำนวนผู้มีหนี้ทั้งหมดโดยกลุ่มดังกล่าวจะค้างชำระหนี้โดยเฉลี่ยประมาณ 3 ใน 4 ของมูลค่าหนี้รวม ทั้งนี้ กลุ่มที่ค้างชำระหนี้ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มที่อาศัยอยู่ในเขตกรุงเทพและปริมณฑล พื้นที่ภาคใต้และอยู่ในกลุ่มคนวัยทำงาน
ด้านนายอธิภัทร มุทิตาเจริญ อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่าจากผลการศึกษาหนี้ครัวเรือนพบว่า โครงการรถคันแรก ส่งผลกระต่อความสามารถในการชำระหนี้และการก่อหนี้ของครัวเรือนค่อนข้างมาก เนื่องจากลูกหนี้บางส่วนไม่มีความพร้อมในการกู้ ซึ่งสิ่งเหล่านี้บั่นทอนเสถียรภาพทางการเงินของครัวเรือนในระยะยาว เพราะผู้เข้าโครงการมีโอกาสผิดชำระหนี้มากกว่าผู้ที่ไม่เข้าร่วมโครงการ
นอกจากนี้ การผิดนัดชำระหนี้นั้นไม่ได้จำกัดเฉพาะแค่สินเชื่อรถคันแรกเท่านั้น แต่ยังกระทบต่อเนื่องไปถึงการผิดชำระหนี้ประเภทอื่นๆ อีกด้วย เช่น สินเชื่อบัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคลต่างๆ เพื่อนำมาจ่ายภาระหนี้ที่เกิดขึ้น
ทั้งนี้ หากดูการอัตราการผิดนัดชำระหนี้พบว่าอยู่ในกลุ่มรถยนต์นั่ง มากกว่ารถกระบะ เนื่องจากกลุ่มที่ซื้อรถกระบะส่วนใหญ่นำไปใช้ประกอบอาชีพ
JJNY : เศรษฐกิจดี๊ดี...สถาบันวิจัยเศรษฐกิจป๋วย ชี้คนอีสานครองแชมป์เป็นหนี้สูงสุด
นางโสมรัศมิ์ จันทรัตน์ หัวหน้ากลุ่มงานวิจัยด้านระบบการเงิน สถาบันวิจัยเศรษฐกิจป๋วยอึ๊งภากรณ์ กล่าวว่า จากข้อมูลของบริษัทเครดิตบูโร (NCB) ที่รวบรวมสถิติจากสถาบันการเงิน 89 แห่ง ชี้ให้เห็นว่า ผู้มีหนี้อยู่ที่ราว 24% ของประชากรทั้งหมดประเทศ
เมื่อพิจารณามิติด้านพื้นที่พบว่าสัดส่วนจำนวนผู้มีหนี้ต่อประชากรที่สูงส่วนใหญ่อยู่ในภาคกลาง โดยเฉพาะบริเวณกรุงเทพฯและปริมณฑล แต่หากพิจารณาด้านมูลค่าหนี้ต่อผู้มีหนี้พบว่าภาคอีสานมีระดับหนี้โดยเฉลี่ยสูงกว่าภาคอื่นๆ
ส่วนมิติด้านอายุพบว่าผู้มีหนี้ส่วนใหญ่อยู่กลุ่มช่วงอายุ 25 ถึง 35 ปี แต่ผู้มีหนี้ที่อยู่ในช่วงอายุ 35 ถึง 60 ปีจะเป็นกลุ่มที่มีระดับหนี้สูงที่สุด นอกจากนี้ยังพบว่าภาคอีสานและพื้นที่ในเขตกรุงเทพและปริมณฑลมีการขยายตัวของหนี้เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มผู้มีหนี้เดิม ซึ่งมีสัดส่วนสูงกว่าพื้นที่อื่นๆ
ส่วนมิติด้านความสามารถในการชำระหนี้จำนวนผู้ค้างชำระหนี้ (เกิน 90 วัน) คิดเป็นประมาณ 16% ของจำนวนผู้มีหนี้ทั้งหมดโดยกลุ่มดังกล่าวจะค้างชำระหนี้โดยเฉลี่ยประมาณ 3 ใน 4 ของมูลค่าหนี้รวม ทั้งนี้ กลุ่มที่ค้างชำระหนี้ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มที่อาศัยอยู่ในเขตกรุงเทพและปริมณฑล พื้นที่ภาคใต้และอยู่ในกลุ่มคนวัยทำงาน
ด้านนายอธิภัทร มุทิตาเจริญ อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่าจากผลการศึกษาหนี้ครัวเรือนพบว่า โครงการรถคันแรก ส่งผลกระต่อความสามารถในการชำระหนี้และการก่อหนี้ของครัวเรือนค่อนข้างมาก เนื่องจากลูกหนี้บางส่วนไม่มีความพร้อมในการกู้ ซึ่งสิ่งเหล่านี้บั่นทอนเสถียรภาพทางการเงินของครัวเรือนในระยะยาว เพราะผู้เข้าโครงการมีโอกาสผิดชำระหนี้มากกว่าผู้ที่ไม่เข้าร่วมโครงการ
นอกจากนี้ การผิดนัดชำระหนี้นั้นไม่ได้จำกัดเฉพาะแค่สินเชื่อรถคันแรกเท่านั้น แต่ยังกระทบต่อเนื่องไปถึงการผิดชำระหนี้ประเภทอื่นๆ อีกด้วย เช่น สินเชื่อบัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคลต่างๆ เพื่อนำมาจ่ายภาระหนี้ที่เกิดขึ้น
ทั้งนี้ หากดูการอัตราการผิดนัดชำระหนี้พบว่าอยู่ในกลุ่มรถยนต์นั่ง มากกว่ารถกระบะ เนื่องจากกลุ่มที่ซื้อรถกระบะส่วนใหญ่นำไปใช้ประกอบอาชีพ