JJNY : 4in1 หนี้ครัวเรือนขยับขึ้น2Q│สั่งปิดอ.เมืองนครศรีธรรมราช│โอ๊คควงพท.ลุยน้ำท่วมชัยภูมิ-โคราช│สุโขทัย อาหารใกล้หมด

หนี้ครัวเรือนขยับขึ้นประมาณ 1.36 แสนล้านบาทในไตรมาส สอง 2564
https://www.thansettakij.com/money_market/498102
 
หนี้ครัวเรือนเติบโตต่อใน 2Q/2564 จาก 14.14 ล้านล้านบาท มาที่ 14.27 ล้านล้านบาท...ลูกหนี้รายย่อยที่เข้ามาตรการเพิ่มขึ้น ย้ำโจทย์สำคัญในการเร่งปรับโครงสร้างหนี้
 
ข้อมูลเงินให้กู้ยืมแก่ภาคครัวเรือนล่าสุดในไตรมาส 2/2564 ยังคงเติบโตต่อเนื่อง โดยยอดคงค้างหนี้ครัวเรือนไทยในไตรมาส 2/2564 ขยับขึ้นมาอยู่ที่ 14.27 ล้านล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 89.3% ต่อจีดีพี ชะลอลงจากระดับ 90.6% ต่อจีดีพีซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 18 ปี  ที่ทำไว้ในไตรมาส 1/2564 เนื่องจากเศรษฐกิจไทยในช่วงไตรมาสที่ 2/2564 เติบโตขึ้นในอัตราที่มากกว่าหนี้ครัวเรือน โดยจีดีพี ณ ราคาประจำปี (Nominal GDP) เติบโตถึง 10.7% YoY เทียบกับหนี้ครัวเรือนของไทยที่ขยายตัว 5.0% YoY เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน
             
อย่างไรก็ดี ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินว่า สัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อจีดีพีที่ชะลอลงในไตรมาส 2/2564 ดังกล่าวน่าจะเป็นภาวะชั่วคราว และไม่ได้หมายความว่า หนี้สินภาคครัวเรือนมีความน่ากังวลลดลง ในทางกลับกัน ยอดคงค้างหนี้สินของครัวเรือนที่ยังคงเพิ่มสูงขึ้นในระหว่างไตรมาสนั้น เป็นมาตรวัดที่สะท้อนว่า ภาระหนี้ในระดับครัวเรือนยังคงทรงตัวอยู่ในระดับสูง ไม่ต่างอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับในช่วงหลายไตรมาสที่ผ่านมา

ทั้งนี้ หนี้สินของครัวเรือนขยับขึ้นประมาณ 1.36 แสนล้านบาทในไตรมาส 2/2564 (ยอดคงค้างหนี้ครัวเรือนเพิ่มขึ้นจาก 14.14 ล้านล้านบาท มาที่ 14.27 ล้านล้านบาท) โดยหลักๆ เป็นผลมาจากการเร่งขึ้นของหนี้รายย่อย 2 ส่วน ได้แก่ 
 
1. หนี้เพื่อที่อยู่อาศัยที่ยังคงเพิ่มสูงขึ้น ทั้งในส่วนที่ปล่อยโดยธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินเฉพาะกิจ โดยในไตรมาสที่ 2/2564 มีการปล่อยสินเชื่อใหม่สำหรับกลุ่มที่มีกำลังซื้อบ้าน เป็นวงเงินรวมประมาณ 1.56 แสนล้านบาท โดยเฉพาะสินเชื่อสำหรับบ้านแนวราบและอาคารชุดตามลำดับ

 2. หนี้เพื่อการอุปโภคบริโภคในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะหนี้บัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล ซึ่งครัวเรือนน่าจะใช้เป็นช่องทางเพิ่มสภาพคล่องระยะสั้น เพื่อบรรเทาปัญหารายได้ไม่สมดุลกับภาระค่าใช้จ่าย 
             
วิกฤตโควิด-19 มีผลกระทบซ้ำเติมให้สถานะทางการเงินของครัวเรือนหลายส่วนเปราะบางมากขึ้น และลูกหนี้รายย่อยของสถาบันการเงิน (ทั้งธนาคารพาณิชย์ นอนแบงก์ และสถาบันการเงินเฉพาะกิจ) ทยอยเข้ารับมาตรการช่วยเหลือเพิ่มมากขึ้นตั้งแต่เดือนเมษายน 2564 เป็นต้นมา
 
จากข้อมูลล่าสุดของธปท. ณ เดือนกรกฎาคม 2564 มีจำนวนบัญชีสินเชื่อรายย่อยที่เข้ารับความช่วยเหลือทางการเงินจากสถาบันการเงินที่ 5.12 ล้านบัญชี คิดเป็นยอดภาระหนี้ที่ได้รับความช่วยเหลือ 3.35 ล้านล้านบาท (เพิ่มขึ้นจากจุดต่ำสุดของปีนี้ในเดือนเม.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งอยู่ที่ 4.77 ล้านบัญชีคิดเป็นยอดภาระหนี้ฯ 3.18 ล้านล้านบาท) โดยหนี้รายย่อยที่เข้ามาตรการช่วยเหลือฯ ดังกล่าว คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 23.5% ยอดคงค้างหนี้ครัวเรือนไทย ซึ่งศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินว่า สัดส่วนหนี้เข้ามาตรการเมื่อเทียบกับหนี้ครัวเรือนดังกล่าวยังคงมีแนวโน้มขยับขึ้นต่อเนื่องในระหว่างไตรมาสที่ 3/2564
 
สำหรับในช่วงที่เหลือของปี 2564 ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินว่า สัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อจีดีพีของไทยจะกลับมาเร่งสูงขึ้นในช่วงที่เหลือของปี 2564 โดยคาดว่า สัดส่วนหนี้ครัวเรือนอาจขยับขึ้นเข้าใกล้กรอบบนของตัวเลขประมาณการหนี้ครัวเรือน ซึ่งศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดการณ์ไว้ในช่วง 90-92% ต่อจีดีพี เนื่องจากหนี้สินของภาคครัวเรือนยังคงอยู่ในระดับสูง และครัวเรือนบางส่วนอาจก่อหนี้เพิ่มในช่วงต้นไตรมาสที่ 3/2564 (ซึ่งเป็นช่วงที่มีการระบาดรุนแรงของโควิด-19ในประเทศ) โดยสะท้อนจากการเร่งตัวขึ้นของสินเชื่อส่วนบุคคลทั้งที่มีหลักประกันและไม่มีหลักประกัน

ทั้งนี้ การทยอยคลายล็อกมาตรการสกัดการระบาดของโควิด-19 (ตั้งแต่ในช่วงเดือนก.ย. 2564)  ความก้าวหน้าในการฉีดวัคซีนและแนวทางการเปิดประเทศมากขึ้น น่าจะทยอยส่งผลดีต่อภาพเศรษฐกิจและสถานการณ์รายได้ของภาคครัวเรือนในระยะข้างหน้า อย่างไรก็ดี คงต้องยอมรับว่า ความสามารถในการชำระคืนหนี้ของลูกหนี้รายย่อยหลายกลุ่ม อาจยังไม่สามารถกลับมาเป็นปกติได้ทันทีในภายปีนี้ ขณะที่ข้อมูลลูกหนี้รายย่อยทยอยเข้ารับมาตรการช่วยเหลือจากสถาบันการเงินที่ยังคงเพิ่มมากขึ้น ทั้งในมิติของจำนวนบัญชีและยอดหนี้ภาระหนี้ ย้ำถึงความสำคัญของการเร่งปรับโครงสร้างหนี้เพื่อช่วยให้ภาระหนี้สอดคล้องกับสถานะทางการเงินของลูกหนี้โดยจากผลสำรวจภาวะหนี้สินและ
             
การออมของประชาชนในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลในช่วงไตรมาสที่ 2/2564 พบว่า ลูกหนี้ส่วนใหญ่ประมาณ 62.8% ในผลสำรวจฯ สนใจสมัครเข้ามาตรการช่วยเหลือของสถาบันการเงิน ขณะที่มาตรการช่วยเหลือจากสถาบันการเงินที่ตรงใจลูกหนี้มากที่สุด ส่วนใหญ่เป็นการพักชำระหนี้ (50.4%) เพราะลูกหนี้เผชิญปัญหาการขาดสภาพคล่องในระยะสั้น ซึ่งสถาบันการเงินหลายแห่งได้ดำเนินการไปแล้วในช่วงก่อนหน้านี้ ส่วนมาตรการช่วยเหลือที่ลูกหนี้ในผลสำรวจฯ ให้ความสนใจในลำดับรองลงมา ได้แก่ การลดยอดผ่อน+ยืดหนี้ให้ยาวขึ้น (20.3%) ลดค่างวด (16.0%) และรวมหนี้กับสินเชื่ออื่นเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ (9.8%) ตามลำดับ โดยเป็นที่น่าสังเกตว่ามาตรการกลุ่มหลังๆ นี้ล้วนเป็นมาตรการที่มุ่งเป้าหมายในการช่วยปรับภาระหนี้ของลูกหนี้ ให้มีความสอดคล้องเหมาะสมกับความสามารถในการหารายได้ในปัจจุบัน
 
ดังนั้นแล้ว ประเด็นสำคัญในช่วงหลังจากนี้ ก็คือ การเร่งเดินหน้ามาตรการเร่งด่วนเพื่อช่วยหล่อเลี้ยงสภาพคล่อง และปรับโครงสร้างหนี้เพื่อประคองไม่ให้ลูกหนี้กลายเป็น NPLs โดยในขณะนี้ หลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งธปท. ธนาคารพาณิชย์ และ สถาบันการเงินอื่นๆ คงอยู่ระหว่างเตรียมประเมินความเหมาะสมของมาตรการ ปรับรูปแบบให้สอดคล้องกับบริบทเศรษฐกิจ และสถานะของลูกหนี้แต่ละราย เพื่อให้สามารถเดินหน้าในเรื่องนี้ได้อย่างชัดเจน และสามารถช่วยแก้ไขปัญหาหนี้ให้กับลูกหนี้ได้อย่างยั่งยืน ซึ่งท้ายที่สุดแล้ว ย่อมเป็นผลดีต่อทั้งตัวลูกหนี้และสถาบันการเงินเจ้าหนี้
 

 
ผู้ว่าสั่งปิด อ.เมืองนครศรีธรรมราช หลังป่วย 'โควิด' พุ่งต่อเนื่อง มีผลพรุ่งนี้
https://www.khaosod.co.th/covid-19/news_6652817
 
โควิด : ผวจ.นครศรีธรรมราช สั่งปิดเมือง หลังไม่สามารถ ควบคุมการแพร่ระบาดของโรค โควิด-19 ได้ มีผลวันที่ 2 ต.ค. 64 ด้านจ.ตรัง สั่งปิดพื้นที่รอยต่อจังหวัดด้วย
   
เมื่อวันที่ 1 ต.ค. 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานสาธารณสุขจ.นครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า นายไกรศร วิศิษฏ์วงศ์ ผวจ.นครศรีธรรมราช สั่งปิดอ.เมืองนครศรีธรรมราช เพื่อให้การควบคุมโรค โควิด-19 ในเขตพื้นที่อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช เป็นไปตามแนวทางการป้องกันการควบคุมโรคระบาด และสนับสนุนการปฏิบัติงานเพื่อสอบสวนโรค
 
จำเป็นต้องมีการประกาศปิดพื้นที่เป็นการชั่วคราวในเขตอ.เมืองนครศรีธรรมราช โดยการสั่งการดังกล่าวจะมีผลตั้งแต่วันที่ 2 ตุลาคม 64 เป็นต้นไป ซึ่งจะส่งผลให้มีการปฏิบัติตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด ใน 5 ประเด็น ประกอบด้วย
 
1)จะมีการตั้งด่านปิดเป็นการชั่วคราว พื้นที่โดยรอบเขตอำเภอเมืองนครศรีธรรมราช โดยเน้นการปฏิบัติหวังผล 
 
2) มีการปิดชุมชนในเขตเทศบาลนครนครศรีธรรมราช 
 
3) ได้จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการเฉพาะกิจ ใช้สายด่วน 199 และ หมายเลขโทรศัพท์ 07-534-8118 เพื่อรับแจ้งเหตุสถานการณ์ โควิด-19 ตลอด 24 ชม.
 
4) เพิ่มโรงพยาบาลสนาม และศูนย์พักคอย โดยโรงพยาบาลเอกชน ภาคเอกชน และชมรมแพทย์แผนไทยสนับสนุน และ 5)งดหรือหลีกเลี่ยงการเดินทางเข้ามาในพื้นที่ที่เป็นสถานที่ที่มีแพร่ระบาด รวมทั้งให้สถานประกอบการและ หน่วยงาน ลดความเสี่ยง พร้อมประเมินตนเองต่อเนื่อง
นายไกรศร กล่าวต่อว่า การประกาศปิดอ.เมืองนครศรีธรรมราช ชั่วคราว นั้นเพื่อควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค โควิด-19 ในพื้นที่ หลังพบว่าในพื้นที่อำเภอเมืองมีการระบาดของโรค และมีตัวเลขผู้ติดเชื้อสูงอย่างต่อเนื่อง จำเป็นต้องมีการปฏิบัติตามมาตรการเพื่อป้องกันและควบคุมโรคอย่างเคร่งครัดเพื่อคลี่คลายสถานการณ์
 
ขอให้ประชาชนได้เข้าใจถึงความจำเป็น รวมทั้งมีการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและควบคุมโรคอย่างเคร่งครัดเพื่อความปลอดภัยของตัวเอง ครอบครัว ชุมชนและสังคม ทั้งนี้เมื่อสถานการณ์คลี่คลาย พี่น้องชาวนครศรีธรรมราช จะกลับมาใช้ชีวิตแบบวิถีใหม่เพื่อสร้างเศรษฐกิจที่ดีไปด้วยกัน
 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะเดียวกัน ทางอบต.หนองบัว จ.ตรัง สั่งปิดบางหมู่บ้านที่เป็นพื้นที่รอยต่อกับจ.นครศรีธรรมราช เนื่องจากพบว่ามีการติดเชื้อมาจากต.กะปาง อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นพื้นที่รอยต่อกับ อ.รัษฎา จ.ตรัง
 


โอ๊ค ควงพท. ลุยน้ำท่วมชัยภูมิ-โคราช มอบสิ่งของ ชาวบ้านฝากความคิดถึง 'ทักษิณ'
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_6653158
 
“พานทองแท้” ควงส.ส.เพื่อไทย ลุยน้ำท่วมชัยภูมิ-โคราช ให้กำลังใจ-มอบสิ่งของผู้ประสบอุทกภัย ชาวบ้านฝากความคิดถึง “ทักษิณ”
 
เมื่อวันที่ 1 ต.ค. พรรคเพื่อไทย (พท.) นำโดย นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา และเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ร่วมกับทีม ส.ส.ชัยภูมิ พรรคเพื่อไทย ประกอบด้วย นพ.โอชิษฐ์ เกียรติก้องชูชัย นพ.สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ และนางพรเพ็ญ บุญศิริวัฒนกุล รวมทั้งนายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตน้ำท่วมในพื้นที่อ.คอนสวรรค์ จ.ชัยภูมิ
 
โดยมอบสิ่งของจำเป็นเพื่อการอุปโภคบริโภคให้กับชาวบ้านที่ บ้านแก่งโก อ.แก้งสนามนาง จ.นครราชสีมา บ้านโนนสะอาด – กุดโดน ต.โนนสะอาด บ้านลำชีและในพื้นที่อ.เมืองชัยภูมิ
 
ทั้งนี้ มีประชาชนที่เดือดร้อนมารอ พร้อมทั้งขอถ่ายภาพเป็นที่ระลึก รวมทั้งได้บอกเล่าถึงความทุกข์ยากระหว่างที่ต้องทนกับสถานการณ์อุทกภัย พร้อมกันนี้ได้ฝากความคิดถึงไปยังอดีตนายกฯ ทักษิณด้วย
 
ด้านนายพานทองแท้ กล่าวภายหลังว่า ตนได้คุยกับคุณพ่อ (นายกฯ ทักษิณ) ถึงสถานการณ์น้ำในจ.นครราชสีมาและชัยภูมิ และเกิดความห่วงใยเพราะน้ำท่วมมา 4-5 วันแล้ว ไม่มีทีท่าจะลดลง พี่น้องประชาชนอยู่กันอย่างลำบาก ตนจึงอาสาเป็นตัวแทนครอบครัวนำความห่วงใยของอดีตนายกฯ ทักษิณ มาส่งต่อให้กับพี่น้องประชาชนชาวจ.นครราชสีมา และจ.ชัยภูมิ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่