สวัสดีค่ะ
เราเป็นโรค Bipolar Disorder และได้รับการรักษาต่อเนื่องมานานประมาณ 6 ปี เคยพยายามฆ่าตัวตาย 2 ครั้ง เคยต้องรักษาในวอร์ดจิตเวชในโรงพยาบาล 2 ครั้ง
เราพยายามใช้ชีวิตปกติเหมือนคนทั่วไป ทำงานเป็นมนุษย์เงินเดือน เราทำงานมาแล้ว 2 ที่ แล้วมาอยู่ที่ปัจจุบัน ซึ่งรายได้ถือว่าโอเค เราไปทำงานปกติ จนกระทั่ง 3-4 เดือนหลังมานี้ เรามักจะตื่นไปทำงานไม่ไหว ไปสายบ่อย ลาหยุดโดยไม่แจ้งบ่อย เพราะกว่าจะตื่นก็บ่ายสามโมงบ้าง ห้าโมงหกโมงเย็นบ้าง
เราบอกหมอถึงปัญหาเหล่านี้ โดยหวังว่าจะได้ปรับลดยาซึ่งมีผลให้เราง่วง แต่หมอมองว่าอารมณ์ของเรานิ่งแล้ว ขอให้เรานอนเร็วๆแทน ซึ่งจริงๆเราก็ทราบว่าผู้ป่วยควรจะนอนเร็วๆและพักผ่อนให้เพียงพอ แต่เราทำไม่ได้ เพราะที่ทำงานเราไกลจากบ้านมาก และหลังเลิกงาน เราอยากทำอะไรที่ตัวเองอยากจะทำ เช่น กินข้าวกับเพื่อน ดูหนัง เล่นเกม รวมทั้งหลายๆครั้งเราก็นอนไม่หลับ ทั้งๆที่พยายามจะนอน
หมอบอกกับเราว่า คนปกตินั้นเค้าไม่เที่ยวเล่นกันวันธรรมดา วันธรรมดาทำงานเสร็จก็กลับบ้านพักผ่อน แล้วค่อยไปเที่ยวเสาร์ อาทิตย์ ไม่รู้ว่าเพราะเราป่วยหรือว่าเราตรรกะไม่ดี เราคิดเสมอว่า "ทำไมต้องมีชีวิต ในเมื่อต้องมาเหนื่อยทำงานหาเลี้ยงชีพ" แต่เราก็พยายามทนมีชีวิตนะ เพื่อให้พ่อแม่เราสบายใจก็เท่านั้น เราจึงคิดว่า ไหนๆถ้าเราจะทนมีชีวิต ทนทำงานหาเลี้ยงชีพแล้ว ในวันๆนึง เราไม่ควรจะจมอยู่กับแค่ทำงานแล้วกลับบ้าน เราควรจะได้ทำกิจกรรมที่เราชอบ สุดท้าย ปัญหาจึงมาตกที่ว่า เรานอนดึก นอนไม่พอ ตื่นไม่ไหว
เราต้องหาหมออยู่ทุกเดือน เราก็ยังคงพยายามบอกหมอถึงปัญหาตื่นไม่ไหว หยุดงานบ่อย จนเราสงสัยว่า ทำไมเราถึงไม่มีความรับผิดชอบในการไปทำงานได้ขนาดนี้ ทั้งๆที่เรารู้ทั้งรู้ว่าสิ่งที่ทำมันไม่ถูกต้อง และจะมีผลต่างๆตามมา เราสงสัยว่ามันเป็นความคิดของเราเองที่ป่วย หรือมาจากโรคที่เราเป็นกันแน่ เราถามหมอในสิ่งที่สงสัย แต่เราไม่เคยได้รับคำตอบเลย ว่าทำไมเราถึงขาดความรับผิดชอบได้ขนาดนี้ สิ่งเดียวที่หมอบอกคือ ผมแค่กลัวคุณจะถูกไล่ออก และไม่น่าเชื่อว่ามันกำลังจะกลายเป็นจริง
มาวันนี้ เจ้านายฝรั่งเรียกเราไปคุย สาเหตุเพราะเรามาสายและหยุดงานบ่อยมาก เจ้านายดีมาก เค้าถามดีๆว่าทำไมเราหยุดงานแล้วไม่เคยแจ้ง เค้าคิดว่าเราเป็นผู้ใหญ่พอที่จะรับผิดชอบเรื่องเวลา ถามว่าทำไมเราถึงทำแบบนี้ เราตัดสินใจสารภาพเกี่ยวกับโรคที่เราเป็น ทั้งๆที่ผ่านมา กับที่ทำงานเก่า เราไม่เคยบอกใคร ไม่เคยบอกเพื่อนร่วมงาน ไม่บอกหมอที่ตรวจสุขภาพก่อนเข้างานหรือหมอที่ตรวจสุขภาพของที่ทำงาน เพราะเรากลัวมีผลต่อชีวิตการทำงานในอนาคต พอเจ้านายฝรั่งรับทราบเหตุผลด้านสุขภาพของเรา เค้าบอกว่า เค้าไม่สามารถช่วยอะไรเราได้แล้ว เพราะเรื่องไปถึงระดับ Management และ HR กำลังจะเรียกตัวเราในเร็วๆนี้ แต่เค้าคิดว่าเป็นหน้าที่เค้าที่จะต้องแจ้งให้ทราบไว้ก่อน
เจ้านายฝรั่งมีข้อเสนอแนะให้เรานิดหน่อย เค้าเสนอให้เราเตรียมเอกสารใบรับรองแพทย์มายืนยันกับ HR เผื่อหนักจะได้เป็นเบา เราบอกเจ้านายไปตามตรงว่า เราไม่เคยเปิดเผยเรื่องป่วยเลย ด้วยสาเหตุที่ว่าเรากลัวคนไม่ยอมรับ กลัวประวัติไม่ดี เจ้านายเราดีมากๆ เค้าบอกว่าผมไม่ยุ่งกับชีวิตส่วนตัวของคุณ สิ่งที่เค้าบอก เค้าแค่เสนอเท่านั้น มันขึ้นอยู่กับเรา การที่คุณป่วยก็แย่อยู่แล้ว คุณไม่น่าจะต้องเสียงานที่ทำไปอีก
ตอนนี้เราได้แต่รอว่า HR จะเรียกเราไปคุยเมื่อไหร่ เราไม่รู้ว่าเราจะทำอะไร อย่างไรดี จริงๆกระทู้นี้ เราก็ไม่รู้ว่าเรามาตั้งคำถาม หรือแค่อยากจะระบาย แถมลึกๆเราก็หวังว่าถ้ามีคำตอบดีๆ คนที่ประสบปัญหาเดียวกับเรา เค้าจะได้ประโยชน์ ที่เราพูดถึงคนที่ประสบปัญหาเดียวกับเรา หนึ่งในนั้น คือน้องชายเราเอง เค้าป่วยเป็นโรคซึมเศร้า และเพิ่งถูกเชิญให้ออกเพราะขาดงานบ่อย
ณ ขณะนี้ เราไม่อยากเจอหน้าใคร ไม่อยากกลับบ้าน แม้ว่าพ่อจะเสนอว่าจะมารับที่ทำงาน แม้ว่าน้องชายจะโทรมาชวนกินข้าว แม้ว่าเพื่อนจะชวนไปกินข้าว แม้ว่าแฟนจะบอกว่าจะเลี้ยงข้าว เราปฏิเสธทุกคน เรารู้สึกอยากอยู่คนเดียว เราไม่อยากไปเจอหน้าใครๆ แล้วไปร้องไห้มากมายต่อหน้าทุกคน แค่เราอ่านข้อความในไลน์หรือคุยโทรศัพท์เราก็ร้องไห้แล้ว เราว่าเวลาเราอยู่คนเดียวมันทำให้เราสงบ แม้ว่าลึกๆในใจจะอยากขึ้นไปชั้นบนสุดของตึกแล้วกระโดดลงมาก็ตาม
อยากถามว่า
1. คนที่ป่วยเป็นโรคทางจิตเวช เช่น ไบโพลาร์ หรือ ซึมเศร้า ควรเปิดเผยให้ที่ทำงาน หัวหน้างาน เพื่อนร่วมงาน รู้มั้ยคะ?
2. การที่ขาดงานบ่อยโดยไม่แจ้ง จะมีโทษถึงขั้นโดนไล่ออก โดยไม่ได้รับชดเชยเลยมั้ยคะ? ซึ่งกรณีเราเคยมีทัณฑ์บนเรื่องหลับในเวลางานมาแล้วด้วยค่ะ
3. การที่เราป่วย ทำให้เราไม่กลัวต่อการทำเรื่องผิดๆเหรอคะ หรือมันเป็นนิสัยก้นบึ้งของตัวเราเอง? อย่างเช่นกรณีเรา ที่รู้ทั้งรู้ว่าโดดงานไม่ดี แต่ก็ยังทำ
4. เวลาที่เราเจอเรื่องแย่ๆ เราควรอยู่คนเดียว หรืออยู่กับใครสักคนคะ?
ขอบคุณทุกท่านที่อ่านจนจบนะคะ และขอบคุณล่วงหน้าสำหรับคำตอบค่ะ
**หาก Tag ไม่ตรง ต้องขออภัยด้วยนะคะ**
เราเป็นมนุษย์เงินเดือนที่เป็น Bipolar Disorder แล้วกำลังจะถูกไล่ออก เราควรทำอย่างไรดีคะ?
เราเป็นโรค Bipolar Disorder และได้รับการรักษาต่อเนื่องมานานประมาณ 6 ปี เคยพยายามฆ่าตัวตาย 2 ครั้ง เคยต้องรักษาในวอร์ดจิตเวชในโรงพยาบาล 2 ครั้ง
เราพยายามใช้ชีวิตปกติเหมือนคนทั่วไป ทำงานเป็นมนุษย์เงินเดือน เราทำงานมาแล้ว 2 ที่ แล้วมาอยู่ที่ปัจจุบัน ซึ่งรายได้ถือว่าโอเค เราไปทำงานปกติ จนกระทั่ง 3-4 เดือนหลังมานี้ เรามักจะตื่นไปทำงานไม่ไหว ไปสายบ่อย ลาหยุดโดยไม่แจ้งบ่อย เพราะกว่าจะตื่นก็บ่ายสามโมงบ้าง ห้าโมงหกโมงเย็นบ้าง
เราบอกหมอถึงปัญหาเหล่านี้ โดยหวังว่าจะได้ปรับลดยาซึ่งมีผลให้เราง่วง แต่หมอมองว่าอารมณ์ของเรานิ่งแล้ว ขอให้เรานอนเร็วๆแทน ซึ่งจริงๆเราก็ทราบว่าผู้ป่วยควรจะนอนเร็วๆและพักผ่อนให้เพียงพอ แต่เราทำไม่ได้ เพราะที่ทำงานเราไกลจากบ้านมาก และหลังเลิกงาน เราอยากทำอะไรที่ตัวเองอยากจะทำ เช่น กินข้าวกับเพื่อน ดูหนัง เล่นเกม รวมทั้งหลายๆครั้งเราก็นอนไม่หลับ ทั้งๆที่พยายามจะนอน
หมอบอกกับเราว่า คนปกตินั้นเค้าไม่เที่ยวเล่นกันวันธรรมดา วันธรรมดาทำงานเสร็จก็กลับบ้านพักผ่อน แล้วค่อยไปเที่ยวเสาร์ อาทิตย์ ไม่รู้ว่าเพราะเราป่วยหรือว่าเราตรรกะไม่ดี เราคิดเสมอว่า "ทำไมต้องมีชีวิต ในเมื่อต้องมาเหนื่อยทำงานหาเลี้ยงชีพ" แต่เราก็พยายามทนมีชีวิตนะ เพื่อให้พ่อแม่เราสบายใจก็เท่านั้น เราจึงคิดว่า ไหนๆถ้าเราจะทนมีชีวิต ทนทำงานหาเลี้ยงชีพแล้ว ในวันๆนึง เราไม่ควรจะจมอยู่กับแค่ทำงานแล้วกลับบ้าน เราควรจะได้ทำกิจกรรมที่เราชอบ สุดท้าย ปัญหาจึงมาตกที่ว่า เรานอนดึก นอนไม่พอ ตื่นไม่ไหว
เราต้องหาหมออยู่ทุกเดือน เราก็ยังคงพยายามบอกหมอถึงปัญหาตื่นไม่ไหว หยุดงานบ่อย จนเราสงสัยว่า ทำไมเราถึงไม่มีความรับผิดชอบในการไปทำงานได้ขนาดนี้ ทั้งๆที่เรารู้ทั้งรู้ว่าสิ่งที่ทำมันไม่ถูกต้อง และจะมีผลต่างๆตามมา เราสงสัยว่ามันเป็นความคิดของเราเองที่ป่วย หรือมาจากโรคที่เราเป็นกันแน่ เราถามหมอในสิ่งที่สงสัย แต่เราไม่เคยได้รับคำตอบเลย ว่าทำไมเราถึงขาดความรับผิดชอบได้ขนาดนี้ สิ่งเดียวที่หมอบอกคือ ผมแค่กลัวคุณจะถูกไล่ออก และไม่น่าเชื่อว่ามันกำลังจะกลายเป็นจริง
มาวันนี้ เจ้านายฝรั่งเรียกเราไปคุย สาเหตุเพราะเรามาสายและหยุดงานบ่อยมาก เจ้านายดีมาก เค้าถามดีๆว่าทำไมเราหยุดงานแล้วไม่เคยแจ้ง เค้าคิดว่าเราเป็นผู้ใหญ่พอที่จะรับผิดชอบเรื่องเวลา ถามว่าทำไมเราถึงทำแบบนี้ เราตัดสินใจสารภาพเกี่ยวกับโรคที่เราเป็น ทั้งๆที่ผ่านมา กับที่ทำงานเก่า เราไม่เคยบอกใคร ไม่เคยบอกเพื่อนร่วมงาน ไม่บอกหมอที่ตรวจสุขภาพก่อนเข้างานหรือหมอที่ตรวจสุขภาพของที่ทำงาน เพราะเรากลัวมีผลต่อชีวิตการทำงานในอนาคต พอเจ้านายฝรั่งรับทราบเหตุผลด้านสุขภาพของเรา เค้าบอกว่า เค้าไม่สามารถช่วยอะไรเราได้แล้ว เพราะเรื่องไปถึงระดับ Management และ HR กำลังจะเรียกตัวเราในเร็วๆนี้ แต่เค้าคิดว่าเป็นหน้าที่เค้าที่จะต้องแจ้งให้ทราบไว้ก่อน
เจ้านายฝรั่งมีข้อเสนอแนะให้เรานิดหน่อย เค้าเสนอให้เราเตรียมเอกสารใบรับรองแพทย์มายืนยันกับ HR เผื่อหนักจะได้เป็นเบา เราบอกเจ้านายไปตามตรงว่า เราไม่เคยเปิดเผยเรื่องป่วยเลย ด้วยสาเหตุที่ว่าเรากลัวคนไม่ยอมรับ กลัวประวัติไม่ดี เจ้านายเราดีมากๆ เค้าบอกว่าผมไม่ยุ่งกับชีวิตส่วนตัวของคุณ สิ่งที่เค้าบอก เค้าแค่เสนอเท่านั้น มันขึ้นอยู่กับเรา การที่คุณป่วยก็แย่อยู่แล้ว คุณไม่น่าจะต้องเสียงานที่ทำไปอีก
ตอนนี้เราได้แต่รอว่า HR จะเรียกเราไปคุยเมื่อไหร่ เราไม่รู้ว่าเราจะทำอะไร อย่างไรดี จริงๆกระทู้นี้ เราก็ไม่รู้ว่าเรามาตั้งคำถาม หรือแค่อยากจะระบาย แถมลึกๆเราก็หวังว่าถ้ามีคำตอบดีๆ คนที่ประสบปัญหาเดียวกับเรา เค้าจะได้ประโยชน์ ที่เราพูดถึงคนที่ประสบปัญหาเดียวกับเรา หนึ่งในนั้น คือน้องชายเราเอง เค้าป่วยเป็นโรคซึมเศร้า และเพิ่งถูกเชิญให้ออกเพราะขาดงานบ่อย
ณ ขณะนี้ เราไม่อยากเจอหน้าใคร ไม่อยากกลับบ้าน แม้ว่าพ่อจะเสนอว่าจะมารับที่ทำงาน แม้ว่าน้องชายจะโทรมาชวนกินข้าว แม้ว่าเพื่อนจะชวนไปกินข้าว แม้ว่าแฟนจะบอกว่าจะเลี้ยงข้าว เราปฏิเสธทุกคน เรารู้สึกอยากอยู่คนเดียว เราไม่อยากไปเจอหน้าใครๆ แล้วไปร้องไห้มากมายต่อหน้าทุกคน แค่เราอ่านข้อความในไลน์หรือคุยโทรศัพท์เราก็ร้องไห้แล้ว เราว่าเวลาเราอยู่คนเดียวมันทำให้เราสงบ แม้ว่าลึกๆในใจจะอยากขึ้นไปชั้นบนสุดของตึกแล้วกระโดดลงมาก็ตาม
อยากถามว่า
1. คนที่ป่วยเป็นโรคทางจิตเวช เช่น ไบโพลาร์ หรือ ซึมเศร้า ควรเปิดเผยให้ที่ทำงาน หัวหน้างาน เพื่อนร่วมงาน รู้มั้ยคะ?
2. การที่ขาดงานบ่อยโดยไม่แจ้ง จะมีโทษถึงขั้นโดนไล่ออก โดยไม่ได้รับชดเชยเลยมั้ยคะ? ซึ่งกรณีเราเคยมีทัณฑ์บนเรื่องหลับในเวลางานมาแล้วด้วยค่ะ
3. การที่เราป่วย ทำให้เราไม่กลัวต่อการทำเรื่องผิดๆเหรอคะ หรือมันเป็นนิสัยก้นบึ้งของตัวเราเอง? อย่างเช่นกรณีเรา ที่รู้ทั้งรู้ว่าโดดงานไม่ดี แต่ก็ยังทำ
4. เวลาที่เราเจอเรื่องแย่ๆ เราควรอยู่คนเดียว หรืออยู่กับใครสักคนคะ?
ขอบคุณทุกท่านที่อ่านจนจบนะคะ และขอบคุณล่วงหน้าสำหรับคำตอบค่ะ
**หาก Tag ไม่ตรง ต้องขออภัยด้วยนะคะ**