"อกิริยาเป็นที่สุดโลก ที่สุดแห่งสมมุติบัญญัติ"



"อกิริยาเป็นที่สุดโลก ที่สุดแห่งสมมุติบัญญัติ"

..

๐ (ศูนย์) นี่แหละ คือปัญญารอบรู้
เพราะลายกิริยา คือ ความสมมติ หรือว่าลบสมมุติลงเสียจนหมดสิ้น

ไม่เข้าไปยึดถือสมมุติทั้งหลาย

คำว่าลบ *คือทำลาย กิริยา กล่าวคือ ความสมมติ*

มีปัญหาสอดขึ้นมาว่า เมื่อทำลายสมมติหมดแล้วจะไปอยู่ที่ไหน?

แก้ว่า ไปอยู่ในที่ไม่สมมุติ คือ *อกิริยา* นั่นเอง

เนื้อความตอนนี้เป็นการอธิบายตามอาการของความจริง

**ซึ่งประจักษ์แก่ผู้ปฏิบัติโดยเฉพาะ อันผู้ไม่ปฏิบัติหาอาจรู้ได้ไม่**

ต่อเมื่อไรฟังแล้วทำตาม จนรู้เอง เห็นเองนั่นแลจึงจะเข้าใจได้

ความแห่ง ๒ บาทคาถาต่อไปว่า

พระขีณาสวเจ้าทั้งหลาย ดับโลกสามรุ่งโรจน์อยู่
คือทำการพิจารณาบำเพ็ญเพียรเป็น

ภาวิโต พหุลีกโต คือทำให้มาก เจริญให้มาก

จนจิตมีกำลังสามารถพิจารณาสมมติทั้งหลาย
ทำลายสมมติทั้งหลายลงไปได้จนเป็นอกิริยาก็ย่อมดับโลกสามได้

การดับโลกสามนั้น
ท่านขีณาสวเจ้าทั้งหลายมิได้เหาะขึ้นไปในกามโลก รูปโลก อรูปโลกเลยทีเดียว
คงอยู่กับที่นั่นเอง

แม้พระบรมศาสดาของเราก็เช่นเดียวกัน
พระองค์ประทับนั่งอยู่ ณ ควงไม้โพธิพฤกษ์แห่งเดียวกัน

เมื่อจะดับโลกสาม
ก็มิได้เหาะขึ้นไปในโลกสาม *คงดับอยู่ที่จิต *

*ที่จิตนั้นเองเป็นโลกสาม*

ฉะนั้น ท่านผู้ต้องการดับโลกสาม พึงดับที่จิตของตนๆ

จึงทำลายกิริยา คือตัวสมมุติหมดสิ้นจากจิต

ยังเหลือแต่ *อกิริยา เป็นฐีติจิต ฐีติธรรมอันไม่รู้จักตาย* ฉะนี้แล

..

หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่