เรื่องสั้น…. ผ่านเสียงเพลง
ฉันรัก และหลงใหลในเสียงเพลง พอกับการขีดๆเขียนๆเรื่องสั้น วันนี้ให้นึกคลื้มอกคลื้มใจขึ้นมา เลยจัดแจงทำสิ่งที่เองชอบ และรักพร้อมๆกัน ด้วยการเขียนเรื่องสั้น ผ่านเสียงเพลง
สำหรับตัวฉันนั้น อาจจะเอียงซ้าย เอียงขวา บ้างในบางเรื่อง ยกเว้นก็แต่เสียงเพลง ที่ฉันฟังได้หมดโดยไม่เลือกที่รักมักที่ชัง ไม่ว่าจะเป็นเพลง คลาสสิก ที่ต้องปีนป่ายบันไดขึ้นไปฟัง หรือว่านั่งขัตมาตฟังเพลงลูกทุ่งบนสนามหญ้าในงานวัดข้างบ้าน
แต่หากฉันเอาทุกเพลงที่รัก และชอบมาใส่ในเรื่องนี้ทั้งหมด จากเรื่องสั้น ก็จะกลายเป็นพงศวดาร ฉันก็เลยหยิบเอามาแค่สองเพลง ถ้าเรื่องนี้เวิร์ค เดี๋ยวจะทยอยตามมาอีกหลายๆเพลงนะคะ (

)
1.รักจางที่บางปะกง
ความรักในความคิดของฉัน มันน่าจะยืนยงคงทน เป็นอมตะ ไม่ควรจะเป็นเหมือนกับยาทุกขนาน ที่มีวันหมดอายุ expiration date แนบติดมาพร้อมกับสรรพคุณ และวิธีการใช้ ยิ่งในกรณีของฉัน ที่พบกันที่ อี-ฟิตเนส เมื่อเป็นเช่นนี้มันก็ยิ่งควรจะแข็งแรง และจีรัง
เรื่องราวระหว่างฉันกับเขา เกิดขึ้นเมื่อวันจันทร์ที่แล้ว ฉันนัดกับยายแจ๋วเพื่อนซี้ไปกินอาหารในห้าง ระหว่างที่ยายแจ๋วยังไม่โผล่มา ฉันก็ยืนคิดให้วุ่น ว่าวันนี้จะไปกินอาหารร้านไหนดี เพราะร้านอาหารในห้างที่ว่า มีมากมายหลายสิบ ตำแหล เสวย S&P Sukishi Red Sun – BBQ Plaza– Tudori เป็นต้น
“อุ้ย หล่อจัง” ฉันอุทานในใจดังๆจนตัวเองสะดุ้ง เมื่อหนุ่มหน้าตาดี๊ดีในกางเกงขาสั้นสีดำเข้ารูป รองเท้าผ้าใบสีส้ม เสื้อกล้ามสีเขียวยี่ห้อไนกี้ ที่รักแร้กว้านเกือบถึงเอว ตรงอกเสื้อ มีสโลแกน ฮิต ที่เห็นทีไร เป็นต้องคิดมากทีนั้น จัส ดู อิท" (Just Do It)
เขากำลัง จะเดินผ่านฉันไป ไม่ต้องเป็นหมอดูก็รู้ว่าเขากำลังจะไป อี-ฟิตเนส ที่ตั้งอยู่ใกล้ๆ แต่อยู่ดีๆ เขากลับหยุดเดิน แล้วส่งยิ้มมาให้ ซึ่งรอยยิ้มของเขา นำมาซึ่งคำถามนั้น
ทำไมเขาจึงยิ้มให้ฉัน แทนที่จะเป็นผู้หญิงหน้าตาน่ารักที่ยืนถัดจากฉันไป เอ หรือว่าเขาจะชอบของแปลก อุ้ย ช้าไม่ได้แล้ว ฉันตะลีตะลานส่งยิ้มตอบเขาไปเร็วๆ เพราะรอยยิ้มของฉันนั่นเอง ทำให้เขาก้าวมาหยุดยืนตรงหน้า
ถ้าฉันไปบอกยายแจ๋ว หรือทุกคนว่า หอเอนเมืองปิซา ไม่เอียง แต่ตรง ฉันว่ายายแจ๋วและทุกคนอาจจะเชื่อกว่าเรื่องที่มีหนุ่มหล่อเหลา หุ่นล่ำอย่างเขา มาสนใจหญิงสาวหน้าตาพื้นๆ และหุ่นอวบอั๋นระยะสุดท้ายอย่างฉัน
“หน้าตาคุณ คุ้นๆ นะครับ เหมือนกับว่าเราเคยเจอที่ไหนมาสักแห่ง ” เขาเอ่ยกับฉันยิ้มๆ ขมวดคิ้วมองมา
คงจะเป็นในความฝันนั่นแหละค่ะ ฉันคิด แต่ไม่ได้พูด หากตอบกับเขาอย่างอ่อนหวานยิ่ง
“เหรอคะ ที่ไหนเอ่ย ” ไม่เพียงแต่ทำเสียงสวย แต่ฉันยังประดิษฐ์ท่าทางน่ารักๆ เอาสองนิ้วกรีดเส้นผมที่ลงมาปรกใบหน้าอูมๆ ทำท่าแอ๊บแบ๊ว นึกว่าตัวเองเป็น ญาญ่า อุรัสยาไปชั่วขณะ ลืมความจริงข้อนั้นไปเสียสนิท หนูญาญ่า เขาน่ารัก ผิดกับยอดหญ้า เอ๊ยตัวฉัน ไม่พูดดีกว่า พูดไปมีแต่จะเข้าตัว
เขาไม่พูด แต่เอียงคอมองฉันนิ่งๆ ตายละหรือว่าฉันจะแบ๊วจนเขาทนไม่ไหว เลยคิดจะเผ่นไปตั้งหลัก ไม่ได้นะ ฉันจะให้เขาทำอย่างนั้นไม่ได้ นานๆจะมีหนุ่มหล่อ หลงเข้ามาในชีวิตสักที จะปล่อยให้เขาหลุดมือไปง่ายๆ ไม่ได้เป็นอันขาด
“คุณเป็นเมมเบอร์ หรือว่าเป็นเทรนเนอร์ของ อี- ฟิตเนส เหรอคะ“ ฉันถามเขาจบ ก้าวไปประชิด พร้อมกับเตรียมคำถามที่สอง สาม สี่ ห้า เอาไว้ ถ้าเขาไม่ตอบฉันข้อใดข้อหนึ่ง ก็ใจร้ายไปหน่อยละ
“แค่แมมเบอร์น่ะครับ ผมตามเพื่อนผมมา ออกกำลังกายเป็นสิ่งที่ดีนะครับ ทำให้ร่างกายแข็งแรง จิตใจแจ่มใส “ เขาหยุดพูด พร้อมกับมองฉันตั้งแต่หัวจรดเท้า ซึ่งพอเขาทำอย่างนั้น ฉันก็ไม่รอช้า จัดแจงซ่อนพุง และห่วงยางรอบเอวทันที
คุณอยากจะขำ หรือหัวเราะเชิญทำตามสบายไม่ว่ากัน เพราะสิ่งที่ฉันทำ ไม่ใช่เรื่องแปลก และฉันไม่ใช่คนแรกที่ทำ ใครๆเขา ก็ทำกัน การทำให้ตัวเองดูดี มันเป็นสิ่งที่พึงกระทำมิใช่เหรอคะ
เขาไม่ทันจะพูดอะไร ริ้งโทนของเขาดังขึ้นมาเสียก่อน เพลง Danny's Song เกือบไป ฉันเกือบจะกรี๊ดร้องออกมาดังๆ เพราะเพลงนี้คือเพลงโปรดฉัน ว้ายๆกรี๊ดๆ ใจตรงกันอย่างนี้ เราต้องได้เป็นแฟนกันแน่ๆเลย ฉันทึกทักคนเดียวเงียบๆ ขืนปูดออกมาให้เขาได้ยิน ถ้าเขาเผ่นหนีเพราะตกใจ ฉันก็แห้วเท่านั้นซิคุณ
“ผมขอตัวไปก่อนนะครับ ถ้าว่างๆ แวะไปคุยกันที่ยิมซิครับ ผมจะมาเวลานี้ประจำ”
“โทษทีมาช้าไปหน่อย รถติด” ยายแจ๋วขอโทษขอโพยเมื่อเจอหน้ากัน ถ้าเป็นวันอื่น ฉันคงโวยวายที่ยายแจ๋วมาช้า แต่วันนี้เมื่อหัวใจเป็นสีชมพู ฉันยิ้มให้ยายแจ๋ว และบอกว่าไม่เป็นไร
ในระหว่างที่เราเดินตามกันเข้าไปในห้าง ยาวแจ๋วก็จารนัย ถึงร้านอาหาร รวมทั้งตั้งคำถามเอากับฉัน วันนี้เราจะกินอะไรกันดี
ฉันบอกว่าอะไรก็ได้ แต่ที่ไม่ได้บอกยายแจ๋ว ก็คือเรื่องที่ฉันวางแผน จะไปสมัครออกกำลังกายที่ อี-ฟิตเนส เพื่อจะได้เห็นเขาคนนั้น ที่ฉันชื่นชมทั้งที่ไม่รู้ชื่อแซ่ บ้านช่อง ไม่รู้กระทั่งว่าเขามีงานทำ หรือไม่
เจอเขาวันจันทร์ตอนเที่ยง เช้าวันอังคาร ฉันก็ไปสมัครเป็นสมาชิกของ อี-ฟิตเนส ดูเขาจะแปลกใจไม่น้อยเมื่อเห็นฉัน ฉันจึงรีบออกตัวกับเขา ก่อนที่เขาจะถาม
“ ตั้งใจจะมาสมัครยิมนานแล้วค่ะ แต่ไม่ว่างสักที ” พูดออกไปแล้วรู้สึกอายหน่อยๆ แต่ทำอย่างไรได้ละคุณ ขืนบอกเหตุผลที่แท้จริง มาสมัครที่นี่เพราะอยากเจอหน้าเขา เขาจะได้หัวเราะฉันตายเท่านั้น
“วิเศษไปเลย “ เขาเอ่ยยิ้มๆ
“ค่ะ วิเศษจริงๆ” ฉันตอบสั้นๆ เพราะต้องพูดไป แขม่วพุงไป พอลมหายใจมาติดเเหง็กที่หน้าอก ก็เริ่มหายใจไม่สะดวก คิดอะไรไม่ออก และถ้าขืนเป็นอย่างนี้ต่อแค่ไม่กี่วิ เผลอๆฉันอาจจะต้องโดยสารรถแอมบูแล้นซ์ก็ได้
“ขอตัวก่อนนะคะ แล้วเจอกันค่ะ” ฉันเลยขอตัวเขาไปเข้าห้องน้ำ ไปถึงก็ไปยืนหายใจฟืดๆที่หน้ากระจก พร้อมกับถามตัวเอง ยังมีวิธีเก็บพุง กับห่วงยางรอบเอว ที่ดีและเข้าท่ากว่านี้อีกไหม
“วันนี้ ออกกำลังกายเสร็จแล้ว ไปทานข้าวเย็นกันนะครับ ผมอยากจะเลี้ยงข้าวคุณ และมีเรื่องสำคัญจะพูดกับคุณด้วย สำคัญมาก ”
“ได้ซิค่ะๆ ไม่มีปัญหา” ฉันตอบหนักแน่น ถ้าฉันปฏิเสธคำชวนเขา ก็บ้าเท่านั้นแหละคุณ แต่เอ เรื่องสำคัญที่เขาว่า อย่าบอกนะว่าเขาต้องสารภาพรักฉัน ต้องใช่แน่ๆ เพราะที่ผ่านมา ทุกครั้งที่เจอกัน เขามีท่าทีอึดอัด หลายครั้งหลายหน เขาทำท่าจะพูด จะบอกอะไรกับฉัน แต่ก็ไม่พูด เอาแต่ทำหน้าเครียดๆ
ร้านที่เขาพาฉันไป ไม่ใช่ร้านหนึ่งร้านใดในห้าง หรือว่าร้านแถวๆฟิตเนต แต่เขาพาฉันไปที่ร้านอาหารซีฟู้ด แถวบางประกง ที่เขาบอกกับฉัน ระหว่างทางที่ขับรถมาว่า ร้านนี้อาหารอร่อย บรรยากาศเงียบๆไม่พลุกพล่าน
เรานั่งที่โต๊ะติดแม่น้ำ ลมเย็นพัดเอื่อย ในร้านขณะนั้นมีลูกค้ามีอยู่แค่ไม่กี่โต๊ะ บรรยากาศเหมาะมาก กับการที่เขาจะบอกรักกับฉัน ซึ่งถ้าเขาเอ่ยปากกับฉันละก็ ฉันก็จะไม่ทำท่าแอ๊บแบ๊ว แต่กระโดดเข้าหอมแก้มเขาแทนคำว่า ขอบคุณนะคะ ที่รักฉัน
สั่งเครื่องดื่มเรียบร้อย ระหว่างที่เครื่องดื่มยังไม่มาเราก็เปิดเมนูไปพลางๆ พอเครื่องดื่มมา จะได้สั่งอาหารกัน นี่ถ้ามากับยายแจ๋วละก็ ฉันจะสั่งกุ้งเผา ปลาเผา สั่งโป๊ะแตก อย่างแซบๆมากิน แต่เพราะเขาไม่ใช่ยายแจ๋ว ฉันคงจะสั่งสลัดแทนอาหารรสจัดที่ตัวเองชอบ เรื่องของเรื่อง เพราะอยากจะดูดีในสายตาเขา เหมือนอย่างทุกครั้งที่เรากินข้าวด้วยกัน แม้รวมกันกับครั้งนี้จะแค่สองครั้งก็ตาม
“มาร้านอาหารซีฟู้ด ห้ามสั่งสลัดเด็ดขาด ไม่งั้นผมโกรธจริงๆด้วย” เขาดักคอ ทำเอาฉันปลาบปลื้มน้ำตาเกือบไหล ถ้าเขาไม่ใส่ใจ คงจะไม่พูดอย่างนี้
*“ขอบคุณนะคะ แหม คุณใจดีจังเลย “ฉันตอบเขินๆ แขม่วพุงสุดฤทธิ์ ทั้งที่มีโต๊ะบัง โบราณว่า กันไว้ดีกว่าแก้ เชื่อโบราณได้ดีทุกคน
ระหว่างที่เครื่องดื่มยังไม่มา เขาที่มีท่าทีอึดอัด ก็เอ่ยกับฉันขึ้นมาว่า
“เรื่องสำคัญที่ผมบอกว่า จะบอกคุณ มัน เอ่อ คือ ” เขาอึกอัก ถอนใจยาว
“มีอะไร พูดมาเถอะค่ะ ฉันพร้อมแล้วที่จะฟัง ไม่ต้องเกรงใจ” ฉันบอกเขาไปพร้อมกับ แขม่วพุงไปด้วย เริ่มต้นอาทิตย์หน้า ฉันจะเพิ่มเวลาออกกำลังกายให้ตัวเอง จากวันละสิบห้านาที มาเป็นชั่วโมงหรือมากกว่านั้น เพื่อหุ่นจะได้งามเวลาสวมชุดเจ้าสาว ฉันจินตนาการไปไกล ไกลขนาดที่ตัวฉันเองก็คิดไม่ถึงเหมือนกัน
เขารวบรวมกำลังใจอยู่ครู่ ก่อนจะโพล่งออกมา
“คุณยังจำได้ไหม ครั้งแรกที่เราพบกัน ผมบอกว่า หน้าตาคุณคุ้นๆ ที่เป็นอย่างนั้น ก็เพราะบริษัทคุณอยู่ติดกับบริษัทผม ผมเลยเจอคุณที่ร้านอาหารคุณดาที่ตั้งอยู่ข้างบริษัทของเราหลายครั้ง”
“คะ”ฉันทำเสียงนั้นออกมางงๆ มองหน้า
“แต่ผมไม่ทันได้พูด เพื่อนก็โทรเข้ามาเสียก่อน วันต่อมาผมก็ไม่ได้บอกคุณอีก เพราะถ้าไม่ลืม ก็ยุ่ง” เขาหยุดพูด ถอนใจยาว ในขณะที่ฉันกลั้นใจฟังเขา ที่ยิ้มนิดๆก่อนจะกล่าวต่อไปช้าๆเนิบๆ
“และเพราะไปทานอาหารร้านคุณดานั่นเอง ผมจึงได้เห็นคุณกับเพื่อนคนสวยของคุณ คนที่หุ่นสูงๆ ผิวขาวหน้าคมคล้ายแขก ไว้ผมยาว เชื่อไหมครับ ผมเห็นเธอครั้งแรก ก็ตกหลุมรักเธอดังโครม”
“เหอ” ฉันร้องออกมาดังๆ เพราะตกใจ ปล่อยพุงที่แขม่วอย่างสุดฤทธิ์ออกมา แต่ก็เพียงชั่ววินาทีสั้นๆเท่านั้น พอรู้ตัวก็รีบแขม่วต่อ หูเราอาจจะเฝื่อน ฟังผิดไปแน่ๆ ปลอบใจตัวเองไปมาอย่างไม่ค่อยมั่นใจนัก
“ผมอยากจะพูดเรื่องนี้กับคุณหลายครั้ง อยากจะขอร้องให้คุณเป็นแม่สื่อให้ผม นะครับ ช่วยผมหน่อย เพราะถ้าผมกล้ากว่านี้ ผมก็คงเดินไปบอกเจ้าตัวเขาแล้ว ไม่บอกผ่านคุณ นึกว่าเห็นใจคนกำลังมีความรักเถอะนะครับ ”
“พรืด”
“เอ๊ะ เสียงอะไรเหรอครับ” เขาร้องถาม มองหาที่มาของต้นเสียง ซึ่งถ้าฉันพูดได้ก็จะบอกกับเขา ไม่ต้องไปหาที่ไหนให้ยุ่งยาก พุงฉันเอง แหละคุณ คิด แต่ไม่ได้พูด จับต้นชนปลายไม่ถูกเพราะสับสน หัวใจแตกออกเป็นเสี่ยงๆ เพราะความจริงที่ได้รับ แต่เคราะห์กรรมของฉันไม่หยุดลงเพียงนั้น แต่มันยังซัดกระหน่ำเข้ามาอีกละลอก เมื่อจู่ๆ เพลงนั้นลอยมาจากบาร์ เพื่อมากดขยี้ใจของฉันจนแปลกราญ ราวกับก้นบุหรี่ในจานรอง
“รักจางที่บางปะกง”
ทำไมต้องมาเปิดเพลงนี้ ตอนนี้ด้วย คนกำลังช้ำใจ เจ็บว๊อย โอ้ย ปิดๆๆๆ ไม่อยากฟัง
ก่อนที่ความเศร้าจะกัดกร่อนใจฉันมากไปกว่านั้น พนักงานเสิร์ฟก็นำเครื่องดื่มมาเสิร์ฟ พร้อมกับถามว่าจะสั่งอะไรดี เขาโน้มตัวมาบอกฉันยิ้มๆ
“อยากทานอะไร สั่งเลยนะครับ ไม่ต้องเกรงใจ มื้อนี้ผมเป็นเจ้ามือ เลี้ยงไม่อั้น”
ฉันไม่ได้พูดอะไรกับเขา หากยิ้มอย่างเยือกเย็นให้เขา หันไปทางพนักงานเสิร์ฟเร็วๆ สั่งอาหารให้ตัวเอง
“ปลาแรดทอดกระเทียม โป๊ะแตก หอยแมลงภู่นึ่ง กุ้งอบเกลือ หอยหลอดผัดฉ่า ยำปลาหมึก เนื้อปูผัดผงกระหรี่ ข้าวไม่เอาเป็นถ้วยนะคะ แต่ขอเป็นโถ แค่นี้ก่อนนะคะ ถ้านึกอะไรได้จะสั่งเพิ่มทีหลัง “ ฉันสั่งอย่างใจนึก ไม่สนใจเขาที่มองมาอย่างฉงน สั่งเสร็จก็เมินหน้าออกไปที่ผืนน้ำ ฟังเพลงรักจางที่บางประกง อย่างหม่นหมอง และสลดหดหู่ใจอย่างที่สุด
2.
ปรารถนา
ฉันกำลังปัดฝุ่น และหยากไย่ในห้องน้ำชั้นบน ทั้งที่เพิ่งจะทำไปไม่กี่วันก่อน เบื่อ เซ็ง แต่ก็ต้องทำเพราะมันเป็นบ้านของฉัน ถ้าฉันไม่ทำ ใครจะทำ ฉันก็เลยทำความสะอาดไปร้องร้องเพลงไป จากโน้ต และทำนองที่ทุ้มอยู่ในใจฉัน แก้เซ็ง
*หากแม้นเลือกเกิด เองได้
คนทุกคนเลือกเกิดอย่างไร
ก็ตามใจเขา ปรารถนา
แต่ตัวฉัน นั้นขอตั้ง สัจจะวาจา
ถึงชาตินี้ ชาติหน้า ปรารถนาเกิดมาใกล้คุณ
บทเพลงรักอันซาบซึ้ง ที่แต่งโดย*ครูเบญจมินทร์ ที่กล่าวถึงผู้ชายคนหนึ่งกล่าวถึงรู้สึกที่มีต่อผู้หญิงคนหนึ่งอออกมาออกมาอย่างงดงาม และซาบซึ้ง จนบางครั้งฉันร้องไป น้ำตาเจ้ากรรมดันซึมออกมาโดยไม่รู้ตัว
ฉันฟังเพลงนี้ครั้งแรก กับยายครั้งยังเป็นเด็กน้อย ยายชอบ ทูล ทองใจ และยายชอบเพลงนี้ ซึ่งแม้ตอนหลังยายจะชอบทูลทองใจน้อยลง เพราะแอบไปเทใจให้ไพรวัลย์ ลูกเพชร แต่ฉันก็ยังชอบเพลงนี้ ด้วยเหตุผลสองข้อ
เรื่องสั้น…. ผ่านเสียงเพลง
ฉันรัก และหลงใหลในเสียงเพลง พอกับการขีดๆเขียนๆเรื่องสั้น วันนี้ให้นึกคลื้มอกคลื้มใจขึ้นมา เลยจัดแจงทำสิ่งที่เองชอบ และรักพร้อมๆกัน ด้วยการเขียนเรื่องสั้น ผ่านเสียงเพลง
สำหรับตัวฉันนั้น อาจจะเอียงซ้าย เอียงขวา บ้างในบางเรื่อง ยกเว้นก็แต่เสียงเพลง ที่ฉันฟังได้หมดโดยไม่เลือกที่รักมักที่ชัง ไม่ว่าจะเป็นเพลง คลาสสิก ที่ต้องปีนป่ายบันไดขึ้นไปฟัง หรือว่านั่งขัตมาตฟังเพลงลูกทุ่งบนสนามหญ้าในงานวัดข้างบ้าน
แต่หากฉันเอาทุกเพลงที่รัก และชอบมาใส่ในเรื่องนี้ทั้งหมด จากเรื่องสั้น ก็จะกลายเป็นพงศวดาร ฉันก็เลยหยิบเอามาแค่สองเพลง ถ้าเรื่องนี้เวิร์ค เดี๋ยวจะทยอยตามมาอีกหลายๆเพลงนะคะ (
1.รักจางที่บางปะกง
ความรักในความคิดของฉัน มันน่าจะยืนยงคงทน เป็นอมตะ ไม่ควรจะเป็นเหมือนกับยาทุกขนาน ที่มีวันหมดอายุ expiration date แนบติดมาพร้อมกับสรรพคุณ และวิธีการใช้ ยิ่งในกรณีของฉัน ที่พบกันที่ อี-ฟิตเนส เมื่อเป็นเช่นนี้มันก็ยิ่งควรจะแข็งแรง และจีรัง
เรื่องราวระหว่างฉันกับเขา เกิดขึ้นเมื่อวันจันทร์ที่แล้ว ฉันนัดกับยายแจ๋วเพื่อนซี้ไปกินอาหารในห้าง ระหว่างที่ยายแจ๋วยังไม่โผล่มา ฉันก็ยืนคิดให้วุ่น ว่าวันนี้จะไปกินอาหารร้านไหนดี เพราะร้านอาหารในห้างที่ว่า มีมากมายหลายสิบ ตำแหล เสวย S&P Sukishi Red Sun – BBQ Plaza– Tudori เป็นต้น
“อุ้ย หล่อจัง” ฉันอุทานในใจดังๆจนตัวเองสะดุ้ง เมื่อหนุ่มหน้าตาดี๊ดีในกางเกงขาสั้นสีดำเข้ารูป รองเท้าผ้าใบสีส้ม เสื้อกล้ามสีเขียวยี่ห้อไนกี้ ที่รักแร้กว้านเกือบถึงเอว ตรงอกเสื้อ มีสโลแกน ฮิต ที่เห็นทีไร เป็นต้องคิดมากทีนั้น จัส ดู อิท" (Just Do It)
เขากำลัง จะเดินผ่านฉันไป ไม่ต้องเป็นหมอดูก็รู้ว่าเขากำลังจะไป อี-ฟิตเนส ที่ตั้งอยู่ใกล้ๆ แต่อยู่ดีๆ เขากลับหยุดเดิน แล้วส่งยิ้มมาให้ ซึ่งรอยยิ้มของเขา นำมาซึ่งคำถามนั้น
ทำไมเขาจึงยิ้มให้ฉัน แทนที่จะเป็นผู้หญิงหน้าตาน่ารักที่ยืนถัดจากฉันไป เอ หรือว่าเขาจะชอบของแปลก อุ้ย ช้าไม่ได้แล้ว ฉันตะลีตะลานส่งยิ้มตอบเขาไปเร็วๆ เพราะรอยยิ้มของฉันนั่นเอง ทำให้เขาก้าวมาหยุดยืนตรงหน้า
ถ้าฉันไปบอกยายแจ๋ว หรือทุกคนว่า หอเอนเมืองปิซา ไม่เอียง แต่ตรง ฉันว่ายายแจ๋วและทุกคนอาจจะเชื่อกว่าเรื่องที่มีหนุ่มหล่อเหลา หุ่นล่ำอย่างเขา มาสนใจหญิงสาวหน้าตาพื้นๆ และหุ่นอวบอั๋นระยะสุดท้ายอย่างฉัน
“หน้าตาคุณ คุ้นๆ นะครับ เหมือนกับว่าเราเคยเจอที่ไหนมาสักแห่ง ” เขาเอ่ยกับฉันยิ้มๆ ขมวดคิ้วมองมา
คงจะเป็นในความฝันนั่นแหละค่ะ ฉันคิด แต่ไม่ได้พูด หากตอบกับเขาอย่างอ่อนหวานยิ่ง
“เหรอคะ ที่ไหนเอ่ย ” ไม่เพียงแต่ทำเสียงสวย แต่ฉันยังประดิษฐ์ท่าทางน่ารักๆ เอาสองนิ้วกรีดเส้นผมที่ลงมาปรกใบหน้าอูมๆ ทำท่าแอ๊บแบ๊ว นึกว่าตัวเองเป็น ญาญ่า อุรัสยาไปชั่วขณะ ลืมความจริงข้อนั้นไปเสียสนิท หนูญาญ่า เขาน่ารัก ผิดกับยอดหญ้า เอ๊ยตัวฉัน ไม่พูดดีกว่า พูดไปมีแต่จะเข้าตัว
เขาไม่พูด แต่เอียงคอมองฉันนิ่งๆ ตายละหรือว่าฉันจะแบ๊วจนเขาทนไม่ไหว เลยคิดจะเผ่นไปตั้งหลัก ไม่ได้นะ ฉันจะให้เขาทำอย่างนั้นไม่ได้ นานๆจะมีหนุ่มหล่อ หลงเข้ามาในชีวิตสักที จะปล่อยให้เขาหลุดมือไปง่ายๆ ไม่ได้เป็นอันขาด
“คุณเป็นเมมเบอร์ หรือว่าเป็นเทรนเนอร์ของ อี- ฟิตเนส เหรอคะ“ ฉันถามเขาจบ ก้าวไปประชิด พร้อมกับเตรียมคำถามที่สอง สาม สี่ ห้า เอาไว้ ถ้าเขาไม่ตอบฉันข้อใดข้อหนึ่ง ก็ใจร้ายไปหน่อยละ
“แค่แมมเบอร์น่ะครับ ผมตามเพื่อนผมมา ออกกำลังกายเป็นสิ่งที่ดีนะครับ ทำให้ร่างกายแข็งแรง จิตใจแจ่มใส “ เขาหยุดพูด พร้อมกับมองฉันตั้งแต่หัวจรดเท้า ซึ่งพอเขาทำอย่างนั้น ฉันก็ไม่รอช้า จัดแจงซ่อนพุง และห่วงยางรอบเอวทันที
คุณอยากจะขำ หรือหัวเราะเชิญทำตามสบายไม่ว่ากัน เพราะสิ่งที่ฉันทำ ไม่ใช่เรื่องแปลก และฉันไม่ใช่คนแรกที่ทำ ใครๆเขา ก็ทำกัน การทำให้ตัวเองดูดี มันเป็นสิ่งที่พึงกระทำมิใช่เหรอคะ
เขาไม่ทันจะพูดอะไร ริ้งโทนของเขาดังขึ้นมาเสียก่อน เพลง Danny's Song เกือบไป ฉันเกือบจะกรี๊ดร้องออกมาดังๆ เพราะเพลงนี้คือเพลงโปรดฉัน ว้ายๆกรี๊ดๆ ใจตรงกันอย่างนี้ เราต้องได้เป็นแฟนกันแน่ๆเลย ฉันทึกทักคนเดียวเงียบๆ ขืนปูดออกมาให้เขาได้ยิน ถ้าเขาเผ่นหนีเพราะตกใจ ฉันก็แห้วเท่านั้นซิคุณ
“ผมขอตัวไปก่อนนะครับ ถ้าว่างๆ แวะไปคุยกันที่ยิมซิครับ ผมจะมาเวลานี้ประจำ”
“โทษทีมาช้าไปหน่อย รถติด” ยายแจ๋วขอโทษขอโพยเมื่อเจอหน้ากัน ถ้าเป็นวันอื่น ฉันคงโวยวายที่ยายแจ๋วมาช้า แต่วันนี้เมื่อหัวใจเป็นสีชมพู ฉันยิ้มให้ยายแจ๋ว และบอกว่าไม่เป็นไร
ในระหว่างที่เราเดินตามกันเข้าไปในห้าง ยาวแจ๋วก็จารนัย ถึงร้านอาหาร รวมทั้งตั้งคำถามเอากับฉัน วันนี้เราจะกินอะไรกันดี
ฉันบอกว่าอะไรก็ได้ แต่ที่ไม่ได้บอกยายแจ๋ว ก็คือเรื่องที่ฉันวางแผน จะไปสมัครออกกำลังกายที่ อี-ฟิตเนส เพื่อจะได้เห็นเขาคนนั้น ที่ฉันชื่นชมทั้งที่ไม่รู้ชื่อแซ่ บ้านช่อง ไม่รู้กระทั่งว่าเขามีงานทำ หรือไม่
เจอเขาวันจันทร์ตอนเที่ยง เช้าวันอังคาร ฉันก็ไปสมัครเป็นสมาชิกของ อี-ฟิตเนส ดูเขาจะแปลกใจไม่น้อยเมื่อเห็นฉัน ฉันจึงรีบออกตัวกับเขา ก่อนที่เขาจะถาม
“ ตั้งใจจะมาสมัครยิมนานแล้วค่ะ แต่ไม่ว่างสักที ” พูดออกไปแล้วรู้สึกอายหน่อยๆ แต่ทำอย่างไรได้ละคุณ ขืนบอกเหตุผลที่แท้จริง มาสมัครที่นี่เพราะอยากเจอหน้าเขา เขาจะได้หัวเราะฉันตายเท่านั้น
“วิเศษไปเลย “ เขาเอ่ยยิ้มๆ
“ค่ะ วิเศษจริงๆ” ฉันตอบสั้นๆ เพราะต้องพูดไป แขม่วพุงไป พอลมหายใจมาติดเเหง็กที่หน้าอก ก็เริ่มหายใจไม่สะดวก คิดอะไรไม่ออก และถ้าขืนเป็นอย่างนี้ต่อแค่ไม่กี่วิ เผลอๆฉันอาจจะต้องโดยสารรถแอมบูแล้นซ์ก็ได้
“ขอตัวก่อนนะคะ แล้วเจอกันค่ะ” ฉันเลยขอตัวเขาไปเข้าห้องน้ำ ไปถึงก็ไปยืนหายใจฟืดๆที่หน้ากระจก พร้อมกับถามตัวเอง ยังมีวิธีเก็บพุง กับห่วงยางรอบเอว ที่ดีและเข้าท่ากว่านี้อีกไหม
“วันนี้ ออกกำลังกายเสร็จแล้ว ไปทานข้าวเย็นกันนะครับ ผมอยากจะเลี้ยงข้าวคุณ และมีเรื่องสำคัญจะพูดกับคุณด้วย สำคัญมาก ”
“ได้ซิค่ะๆ ไม่มีปัญหา” ฉันตอบหนักแน่น ถ้าฉันปฏิเสธคำชวนเขา ก็บ้าเท่านั้นแหละคุณ แต่เอ เรื่องสำคัญที่เขาว่า อย่าบอกนะว่าเขาต้องสารภาพรักฉัน ต้องใช่แน่ๆ เพราะที่ผ่านมา ทุกครั้งที่เจอกัน เขามีท่าทีอึดอัด หลายครั้งหลายหน เขาทำท่าจะพูด จะบอกอะไรกับฉัน แต่ก็ไม่พูด เอาแต่ทำหน้าเครียดๆ
ร้านที่เขาพาฉันไป ไม่ใช่ร้านหนึ่งร้านใดในห้าง หรือว่าร้านแถวๆฟิตเนต แต่เขาพาฉันไปที่ร้านอาหารซีฟู้ด แถวบางประกง ที่เขาบอกกับฉัน ระหว่างทางที่ขับรถมาว่า ร้านนี้อาหารอร่อย บรรยากาศเงียบๆไม่พลุกพล่าน
เรานั่งที่โต๊ะติดแม่น้ำ ลมเย็นพัดเอื่อย ในร้านขณะนั้นมีลูกค้ามีอยู่แค่ไม่กี่โต๊ะ บรรยากาศเหมาะมาก กับการที่เขาจะบอกรักกับฉัน ซึ่งถ้าเขาเอ่ยปากกับฉันละก็ ฉันก็จะไม่ทำท่าแอ๊บแบ๊ว แต่กระโดดเข้าหอมแก้มเขาแทนคำว่า ขอบคุณนะคะ ที่รักฉัน
สั่งเครื่องดื่มเรียบร้อย ระหว่างที่เครื่องดื่มยังไม่มาเราก็เปิดเมนูไปพลางๆ พอเครื่องดื่มมา จะได้สั่งอาหารกัน นี่ถ้ามากับยายแจ๋วละก็ ฉันจะสั่งกุ้งเผา ปลาเผา สั่งโป๊ะแตก อย่างแซบๆมากิน แต่เพราะเขาไม่ใช่ยายแจ๋ว ฉันคงจะสั่งสลัดแทนอาหารรสจัดที่ตัวเองชอบ เรื่องของเรื่อง เพราะอยากจะดูดีในสายตาเขา เหมือนอย่างทุกครั้งที่เรากินข้าวด้วยกัน แม้รวมกันกับครั้งนี้จะแค่สองครั้งก็ตาม
“มาร้านอาหารซีฟู้ด ห้ามสั่งสลัดเด็ดขาด ไม่งั้นผมโกรธจริงๆด้วย” เขาดักคอ ทำเอาฉันปลาบปลื้มน้ำตาเกือบไหล ถ้าเขาไม่ใส่ใจ คงจะไม่พูดอย่างนี้
*“ขอบคุณนะคะ แหม คุณใจดีจังเลย “ฉันตอบเขินๆ แขม่วพุงสุดฤทธิ์ ทั้งที่มีโต๊ะบัง โบราณว่า กันไว้ดีกว่าแก้ เชื่อโบราณได้ดีทุกคน
ระหว่างที่เครื่องดื่มยังไม่มา เขาที่มีท่าทีอึดอัด ก็เอ่ยกับฉันขึ้นมาว่า
“เรื่องสำคัญที่ผมบอกว่า จะบอกคุณ มัน เอ่อ คือ ” เขาอึกอัก ถอนใจยาว
“มีอะไร พูดมาเถอะค่ะ ฉันพร้อมแล้วที่จะฟัง ไม่ต้องเกรงใจ” ฉันบอกเขาไปพร้อมกับ แขม่วพุงไปด้วย เริ่มต้นอาทิตย์หน้า ฉันจะเพิ่มเวลาออกกำลังกายให้ตัวเอง จากวันละสิบห้านาที มาเป็นชั่วโมงหรือมากกว่านั้น เพื่อหุ่นจะได้งามเวลาสวมชุดเจ้าสาว ฉันจินตนาการไปไกล ไกลขนาดที่ตัวฉันเองก็คิดไม่ถึงเหมือนกัน
เขารวบรวมกำลังใจอยู่ครู่ ก่อนจะโพล่งออกมา
“คุณยังจำได้ไหม ครั้งแรกที่เราพบกัน ผมบอกว่า หน้าตาคุณคุ้นๆ ที่เป็นอย่างนั้น ก็เพราะบริษัทคุณอยู่ติดกับบริษัทผม ผมเลยเจอคุณที่ร้านอาหารคุณดาที่ตั้งอยู่ข้างบริษัทของเราหลายครั้ง”
“คะ”ฉันทำเสียงนั้นออกมางงๆ มองหน้า
“แต่ผมไม่ทันได้พูด เพื่อนก็โทรเข้ามาเสียก่อน วันต่อมาผมก็ไม่ได้บอกคุณอีก เพราะถ้าไม่ลืม ก็ยุ่ง” เขาหยุดพูด ถอนใจยาว ในขณะที่ฉันกลั้นใจฟังเขา ที่ยิ้มนิดๆก่อนจะกล่าวต่อไปช้าๆเนิบๆ
“และเพราะไปทานอาหารร้านคุณดานั่นเอง ผมจึงได้เห็นคุณกับเพื่อนคนสวยของคุณ คนที่หุ่นสูงๆ ผิวขาวหน้าคมคล้ายแขก ไว้ผมยาว เชื่อไหมครับ ผมเห็นเธอครั้งแรก ก็ตกหลุมรักเธอดังโครม”
“เหอ” ฉันร้องออกมาดังๆ เพราะตกใจ ปล่อยพุงที่แขม่วอย่างสุดฤทธิ์ออกมา แต่ก็เพียงชั่ววินาทีสั้นๆเท่านั้น พอรู้ตัวก็รีบแขม่วต่อ หูเราอาจจะเฝื่อน ฟังผิดไปแน่ๆ ปลอบใจตัวเองไปมาอย่างไม่ค่อยมั่นใจนัก
“ผมอยากจะพูดเรื่องนี้กับคุณหลายครั้ง อยากจะขอร้องให้คุณเป็นแม่สื่อให้ผม นะครับ ช่วยผมหน่อย เพราะถ้าผมกล้ากว่านี้ ผมก็คงเดินไปบอกเจ้าตัวเขาแล้ว ไม่บอกผ่านคุณ นึกว่าเห็นใจคนกำลังมีความรักเถอะนะครับ ”
“พรืด”
“เอ๊ะ เสียงอะไรเหรอครับ” เขาร้องถาม มองหาที่มาของต้นเสียง ซึ่งถ้าฉันพูดได้ก็จะบอกกับเขา ไม่ต้องไปหาที่ไหนให้ยุ่งยาก พุงฉันเอง แหละคุณ คิด แต่ไม่ได้พูด จับต้นชนปลายไม่ถูกเพราะสับสน หัวใจแตกออกเป็นเสี่ยงๆ เพราะความจริงที่ได้รับ แต่เคราะห์กรรมของฉันไม่หยุดลงเพียงนั้น แต่มันยังซัดกระหน่ำเข้ามาอีกละลอก เมื่อจู่ๆ เพลงนั้นลอยมาจากบาร์ เพื่อมากดขยี้ใจของฉันจนแปลกราญ ราวกับก้นบุหรี่ในจานรอง
“รักจางที่บางปะกง”
ทำไมต้องมาเปิดเพลงนี้ ตอนนี้ด้วย คนกำลังช้ำใจ เจ็บว๊อย โอ้ย ปิดๆๆๆ ไม่อยากฟัง
ก่อนที่ความเศร้าจะกัดกร่อนใจฉันมากไปกว่านั้น พนักงานเสิร์ฟก็นำเครื่องดื่มมาเสิร์ฟ พร้อมกับถามว่าจะสั่งอะไรดี เขาโน้มตัวมาบอกฉันยิ้มๆ
“อยากทานอะไร สั่งเลยนะครับ ไม่ต้องเกรงใจ มื้อนี้ผมเป็นเจ้ามือ เลี้ยงไม่อั้น”
ฉันไม่ได้พูดอะไรกับเขา หากยิ้มอย่างเยือกเย็นให้เขา หันไปทางพนักงานเสิร์ฟเร็วๆ สั่งอาหารให้ตัวเอง
“ปลาแรดทอดกระเทียม โป๊ะแตก หอยแมลงภู่นึ่ง กุ้งอบเกลือ หอยหลอดผัดฉ่า ยำปลาหมึก เนื้อปูผัดผงกระหรี่ ข้าวไม่เอาเป็นถ้วยนะคะ แต่ขอเป็นโถ แค่นี้ก่อนนะคะ ถ้านึกอะไรได้จะสั่งเพิ่มทีหลัง “ ฉันสั่งอย่างใจนึก ไม่สนใจเขาที่มองมาอย่างฉงน สั่งเสร็จก็เมินหน้าออกไปที่ผืนน้ำ ฟังเพลงรักจางที่บางประกง อย่างหม่นหมอง และสลดหดหู่ใจอย่างที่สุด
2.
ปรารถนา
ฉันกำลังปัดฝุ่น และหยากไย่ในห้องน้ำชั้นบน ทั้งที่เพิ่งจะทำไปไม่กี่วันก่อน เบื่อ เซ็ง แต่ก็ต้องทำเพราะมันเป็นบ้านของฉัน ถ้าฉันไม่ทำ ใครจะทำ ฉันก็เลยทำความสะอาดไปร้องร้องเพลงไป จากโน้ต และทำนองที่ทุ้มอยู่ในใจฉัน แก้เซ็ง
*หากแม้นเลือกเกิด เองได้
คนทุกคนเลือกเกิดอย่างไร
ก็ตามใจเขา ปรารถนา
แต่ตัวฉัน นั้นขอตั้ง สัจจะวาจา
ถึงชาตินี้ ชาติหน้า ปรารถนาเกิดมาใกล้คุณ
บทเพลงรักอันซาบซึ้ง ที่แต่งโดย*ครูเบญจมินทร์ ที่กล่าวถึงผู้ชายคนหนึ่งกล่าวถึงรู้สึกที่มีต่อผู้หญิงคนหนึ่งอออกมาออกมาอย่างงดงาม และซาบซึ้ง จนบางครั้งฉันร้องไป น้ำตาเจ้ากรรมดันซึมออกมาโดยไม่รู้ตัว
ฉันฟังเพลงนี้ครั้งแรก กับยายครั้งยังเป็นเด็กน้อย ยายชอบ ทูล ทองใจ และยายชอบเพลงนี้ ซึ่งแม้ตอนหลังยายจะชอบทูลทองใจน้อยลง เพราะแอบไปเทใจให้ไพรวัลย์ ลูกเพชร แต่ฉันก็ยังชอบเพลงนี้ ด้วยเหตุผลสองข้อ