ลุงกับป้าแบ็คแพ็ครอบโลก ตะลุยสหรัฐอเมริกา เม็กซิโก อเมริกากลาง อเมริกาใต้ และอัฟริกา 26 ประเทศ 74 วัน ตอนที่ 51 สามเหลี่ยมทองคำอเมริกาใต้ Argentina-Paraguay-Brazil
(ตอนอยู่ตปท. ภาพนิ่งล้นไอโฟน จึงลบออกหลังโพสต์เพจแล้ว ส่วนพันทิปโหลดหน้ารีวิวไม่ได้ ต้องกลับมาทำใทย ตอนนี้ขอให้ชมยูทูปไปก่อน ถ้ารีบชมภาพนิ่ง ให้ไปที่เพจ ลุงกับป้าแบ็คแพ็ครอบโลก)
https://www.youtube.com/watch?v=DDKx2r-O4oU&list=PLNNEpgjidh3o3vU44K5Op2M1w_g3Pg5Jk&index=52
https://www.youtube.com/watch?v=vT7pcfM-MEo&list=PLNNEpgjidh3o3vU44K5Op2M1w_g3Pg5Jk&index=53
https://www.youtube.com/watch?v=DYEIifTK-1M&list=PLNNEpgjidh3o3vU44K5Op2M1w_g3Pg5Jk&index=54

เสาร์ที่ 6 ส.ค. รถวิ่งเลาะไปทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ ก่อนออกจากซานตาเฟ่ เราคิดว่า จะผ่านสะพาน หรือ ลอดอุโมงค์ แต่ไม่ใช่ทั้ง 2 อย่าง
วัฒนธรรมที่ลุงเตือนว่า อย่าลืมเอ่ยถึง คือ สตรีสวมกางเกงรัดติ้ว ไม่ว่า จะเป็นยีนส์ หรือ ผ้ายืด เพราะอากาศที่เย็นจัด สิงที่คาใจลุง คือ เวลาถอดกางเกงยีนส์ ต้องมีคนช่วย หรือ ไม่ ถ้าไม่มีจะทำอย่างไร
กับอีกวัฒนธรรมหนึ่ง คือ การดูบอล ความคลั่งบอล ทุกที่ที่มีการถ่ายทอดสดฟุตบอล คนจะอยู่หน้าจอทีวี เชียร์กันเสียงดังสนั่น เหมือนคนไทยตามชนบทเชียร์มวย....แค่ส่งลูก รับ ลูก จับบอลได้ก็เฮแล้ว
ในสถานีขนส่งที่ซานตาเฟ่ และ คอนคอร์เดีย แทนที่จะมีจอให้ดูเวลา กับชานชาลารถเข้า-ออก กลายเป็นจอถ่ายทอดสดฟุตบอล
แม้กระนั้น บุรุษที่มีวัยวุฒิ จำนวนเกินครึ่งในลาตินอเมริกา ก็ยังพุงพลุ้ย ถ้า ไม่มีฟุตบอล ไม่สามารถจินตนาการได้🙄🙄🙄🙄
ส่วนสตรีในลาตินอเมริกา ตั้งแต่เม็กซิโก ถึง เปรู เมื่อมีครอบครัวเป็นของตนเอง เกินร้อยละ 70 ที่รูปร่างเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง
....ยกเว้น ในชิลี และ อาร์เจนติน่า ที่น่าจะ อยู่ที่ 50 : 50 ทั้งชายและหญิง
ตั้งแต่ออกจากสถานี ซานตาเฟ่ ที่หน้าสถานี เต็มไปด้วยต้นงิ้วหนามต้นเตี้ยล่ำ เหมือนมาลาโดน่า และ บุรุษ สตรี จำนวนมากในอาร์เจนติน่า ที่เหมือนมีแค่ครึ่งตัว แล้วก็ ริมทางเป็นต้นไม้เมืองหนาว ยูคาลิปตัส มี่ราบ ทุ่งโล่ง ที่รอสภาพอากาศที่เหมาะสมต่อการเพาะปลูก ตามฤดูกาล ฝูงวัว ฝูงแกะ สนามขี่ม้า หนอง บึง ตามธรรมชาติ
ยิ่งขึ้นเหนือ ก็ยิ่งคล้ายๆ กับ ทางเหนือของไทย แตกต่างกันก็แต่ ชนิดของสัตว์เลี้ยง ต้นไม้ บางชนิด แต่ป่าสน มีเหมือนกัน
ส่วนถนน เป็นถนนที่รถวิ่งสวนกันมาตลอด จนกระทั่ง อีกประมาณ ไม่เกิน 80 กม. จะถึง อีกัวซู จึงมีการ เริ่มโครงการถนน 4 เลน ซึ่งน่าจะอีกนาน กว่าที่โครงการจะเสร็จสิ้น เพราะดูเหมือนว่า เริ่มต้นที่สะพานก่อน ต้นไม้ไร้ใบตามข้างถนนที่มีชุมชน กำลังออกดอกสีชมพูบานสะพรั่ง ไม่ใช่ ตะแบก หรือ ชมพูพันธุ์ทิพย์
ตั้งแต่เปรู ชิลี อาร์เจนติน่า เป็นประเทศใหญ่เพียงประเทศเดียวเท่านั้น ที่อุดมสมบูรณ์ที่สุด มีที่ทำการเกษตรกรรม ชุมชน ป่า แหล่งน้ำ และ ชุมชน สลับกันไป ยิ่งบนรถมีโฮสเตสสาวสวย เสิร์ฟอาหาร และ เครื่องดื่ม ยิ่มแย้ม เหมือนไม่ได้ออกจากเมืองไทย ถ้าเธอไม่ใช่หน้าฝรั่ง😀😀😀😀
อ้าว! นั่น...มีกล้วยไม้แขวนขายข้างทางด้วย...โน่น! ส้ม กองเป็นล็อคๆ แล้วก็ ป่านสน กับ กระถินยักษ์
เรานั่งหน้าสุด ของชั้นบน ดวงอาทิตย์อยู่ตรงหน้า จนต้องดึงม่านมาปิดเล็กน้อย ตั้งแต่นั่งรถในลาตินอเมริกามา ก็มีรถคันนี้นี่แหละ ที่มีที่นั่งถูกใจที่สุด ไม่มี
ใครมานอนบังหน้าเรา เป็นที่นั่งแถวละ 3 ที่ เรานั่ง 2 อีกด้านนั่งเดี่ยว มีที่วางเท้ากว้างขวาง ผ้าห่ม และหมอน พอดี ทั้งขนาด และความอุ่น ปลายสุดของผ้าห่ม มีถุงใส่เท้า ทำให้เวลานั่งกระชับเท้า ผ้าห่มไม่หนีไปไหน ห้องน้ำ อยู่ข้างล่าง เราอกจากที่นั่ง ลงบันไดไป ก็ถึงแล้ว มีน้ำชักโครกเพียงพอ
อาหาร มื้อแรกเป็นเบรคบ่าย เบาๆ มื้อค่ำนำหน้ามาด้วยไวน์ หรือ วิสกี้ออนเดอะร็อค ที่ลุงเลือก ก่อนเสิร์ฟข้าวผัดใส่ข้าวโพดหวาน กับเม็ดถั่วลันเตา โปะด้วยเนื้อแกะบดอบชีส แผ่นหนา มีของว่างแบบเบรคบ่ายแถมมา 1 ถาด ตามด้วยเป็บซี่ ชา หรือ ไวน์ แล้วแต่จะเลือก ตบท้ายด้วยคุกกี้จิ๋ว กอมกรุ่นให้หยิบเอง....
มื้อเช้าเป็นของว่างอีกถาด กับกาแฟเบาๆ ที่เราไม่มีสิทธิ์เลือก เพราะมาเสิร์ฟ แบบ ยิ้มๆ ไม่ถง ไม่ถามซ้ากคำ😁😁😁😁
เวลา 08.45 น. ถึงสถานี Iguazu ลงรถแล้วไปหาข้อมูล การท่องเที่ยว และที่พัก
ซื้อทัวร์ป่า และ เรือ คนละ 800 เปโซ ค่าที่พัก คืนละ 490 เปโซ 2 คืน ไปแลกเงินเพิ่มอีก $ 170 สรุปใช้เงินดอลล่าร์ในประเทศอาร์เจนติน่า ทั้งหมด $670 แลกเงินเรียลบราซิล $20 ได้ 64 เรียล แลกล่วงหน้า เผื่อจะใช้จากสถานีรถบัส ไปสนามบิน
ซื้อตั๋วรถทัวร์ไป Sao Pauloa คนละ 1,050 เปโซ แล้วเดินไปหาที่พัก ชื่อ โรงแรม Don Horacio...Hotel Selvatico ทั้งๆ ที่ โรงแรมก็อยู่ไกล ยังเดินหลงไปไกลอีก เพราะแผนที่ไม่เป็นไปตามอัตราส่วนที่ควรจะเป็น😣😣😣😣
แวะถามสาวน้อยที่กำลังเล่นกีฬาอย่างหนึ่งกันอยู่ ถามว่า เล่นอะไรกัน พวกเธอบอกว่า ค็อกเก้...ให้หนูคนหนึ่งเขียนให้ มัน คือ Hockey😁😁😁😁
พี่สาว ชื่อ Daniel พูดภาษาอังกฤษได้ เดินมา เราจึงให้ดูแผนที่ ทางไปที่พัก เธอบอกว่า เดินต่อไป อีกไกลทีเดียว ถึงวงเวียนแล้วเลี้ยวซ้าย😊😊😊
เดินขึ้นเขาไปเจอทางแยก รอถามอีก มาดามคนหนึ่ง บอกว่า ขึ้นเขาไปแล้วเลี้ยวขวา 🙄🙄🙄🙄🙄
แต่ลุงว่า มันมีแต่ป่า เลี้ยวซ้ายดีกว่า เดินเลยปั๊มไป มองเห็นซุ้มประตู เหมือนเป็นด่านชายแดน อยู่ทางซ้าย ประมาณ 300 เมตร ตัดสินใจ เลี้ยวไปอีกทาง กะว่า จะเจอคนขับรถบรรทุก ที่จอดอยู่ตรงทางขึ้นปั๊มฯ อีกด้านหนึ่ง....มั้นเป็นร้านอาหาร สำหรับคนขับรถบรรทุก
บังเอิญ ตนขับรถคนหนึ่ง เคยมาเมืองไทย เพราะเป็นนายช่างติดตามคนแข่งรถ Formula 1 เมื่อ 20 ปีที่แล้ว กับ เจ้าของร้านอาหารที่มีแบงค์ 20 บาท 1 ใบ😉😉😉😉
พวกเขาบอกว่า เราไปผิดทาง เดินย้อนขึ้นเขา กลับไปทางที่เรา ตัดสินใจไม่ไปตอนแรกนั่นแหละ
เดินขึ้นเขา แล้วก็ลงเขา มองไปมีแต่ป่า ป้าตัดสินใจหยุดอีก ส่วนลุง เดินไปถึงทางเลี้ยวขึ้นเขา เห็นมีขื่อ โรงแรมอื่น ไม่มีชื่อโรงแรมเรา แต่มีรถเลี้ยวขึ้นเขา ผ่านไป
ป้าไม่ตามลุงไป เพราะถ้าไปผิดทาง ต้องขึ้นเขาเหนื่อยเปล่า ไปแค่ครึ่งทาง แล้วเดินกลับขึ้นเขาไปถาม คนที่อยู่ตรงทางแยก
เขาได้ขื่อโรงแรม แล้วโทรถามให้ และอาสาจะขี่มอเตอร์ไซด์ไปส่ง แต่เราเกรงใจ ขอเดินมาเอง
เดินลงเขา แล้วก็ขึ้นเขา ไปแวะถาม โรงแรมที่มีชื่อ ใกล้เคียงกัน...พนง. ต้อนรับ ออกมาชี้ป้ายให้...มันอยู่ห่างออกไป 200 เมตร ต้องเดินขึ่นเขาต่อไปอีก พอเดินไปถึงหน้าโรงแรม หนุ่มที่บอกทาง จอดมอเตอร์ไซด์ รออยู่ตรงป้าย...น่ารักมาก เขากลัวเราหลง... แต่เรา หลงจนชิน...เขาชื่อ Elvis😃😃😃😃
พอเข้าไปในโรงแรม พนง. ต้อนรับรอเราอยู่ เช็คอิน แล้ว ถามทางไป Frontera ที่ เปิดหาจากในเน็ต บอกว่า มัน คือ Triple Paraguay-Brazil-Argentina
เป็นสามเหลี่ยมที่แม่น้ำ Parana กับ Iguazu มาชนกัน ระหว่าง 3 ประเทศ คือ ปรากวัย บราซิล กับ อาร์เจนติน่า
พนง. ต้อนรับ บอกว่า เดินไปเจอถนนใหญ่เลี้ยวขวา ตรงไปเรื่อย ๆ เดิน 10 นาที ส่วน ป้ายรถเมล์ที่จะไปทัวร์ วันพรุ่งนี้ ให้ไปที่ถนนใหญ่ แล้วเลี้ยวซ้าย เดิน 5 นาที....
ป้าขอเวลาซักผ้าครั้งใหญ่ อาบน้ำ ถูขี้ไคลมโหฬาร ก่อนออกไป ลุงแวะสอยมะละกอป่า ที่เล็งไว้ ซุกไว้กลับมาเอาก่อนเข้าโรงแรม Frontera ที่พนง.ต้อนรับบอก คือ ด่าน ตม. เป็นชายแดนระหว่างอาร์เจนติน่า กับ บราซิล ความจริงตอนแรก ที่เราเดินหาโรงแรม เราเดินไปจนเหลืออีกแค่ 300 เมตร ก็ถึงแล้ว ถ้าเราเลยไปตอนนั้น ก็ไม่ต้องเสียเวลากลับไปอีก แต่เราก็จะไม่ได้เจอคนที่เคยมาเมืองไทย😄😄😄😄
พอไปถึง ก็มีปัญหา การสื่อสาร จนท.ตม. ไม่ยอมใช้ภาษาอังกฤษ ยึกยัก กันอยู่พักใหญ่ เพราะสื่อสารไม่เข้าใจ ส่งไป ส่งมา เราก็เดินไปเดินมา ตามที่พวกเขาบอก 😐😐😐😐
พวกเขาเปิดพาสปอร์ต เจอตราประทับเข้าอาร์เจนติน่า ก็บอกให้เรากลับเข้าอาร์เจนติน่า ไป ...เราไม่เข้าใจ ก็คิดว่า พวกเขาไม่ให้เราไปตรงสามเหลี่ยม ... เราบอกว่า เราแค่จะไปถ่ายรูป🙄🙄🙄🙄
ลุงคิดว่า เขาไม่ให้ไป จึงเดินดุ่มๆ กะว่า จะไปโดยไม่ประทับตรา...เดินไปเจอตำรวจ จึงเอารูปให้ดู ถามว่า เราจะไปถ่ายรูปแบบนั้น ได้ที่ไหน
ตำรวจบอกว่า ที่อาร์เจนติน่า...เง้อ??? แล้วมัน คือ อะไร กันแน่???🙄🙄🙄😏
เดินดุ่มๆ กลับไปถาม จนท.ตม. ที่ไล่เรากลับเข้าอาร์เจนติน่า แล้วไม่ยอมพูดภาษาอังกฤษ กับเรา เอารูปให้เขาดู เขาบอกว่า ไปรถเมล์ หรือ แท็กซี่ก็ได้ แล้วก็ชี้ให้ไปรอรถเมล์ พอรถเมล์เข้าป้าย เราจะขึ้น เขาบอกว่า ตรงนั้นเป็นป้ายลง ป้ายขึ้นให้เดินต่อไปอีก🙄🙄🙄🙄
พอรถจอดป้าย เอารูปไปถาม คนขับ คนขับบอกว่า Centro สื่อสารไม่เข้าใจ เกือบไม่ได้ไปอีก แต่เวลาที่ป้าไม่เข้าใจ กับ ภาษา ครึ่งๆ กลางๆ ลุงมักจะรู้เรื่อง จึงกลับไปถามใหม่ เขาบอกว่า ให้เราไปกับเขา ไปลงที่ Centro แล้ว ต่อรถไป😅😅😅😅😅 จ่ายค่ารถ 30 เปโซ 2 คน พอถึงป้าย เขาบอกให้เราลง ฝากให้มาดามที่ลงป้ายนั้นดูแลเราด้วย
มาดามบอกว่า ตามมา แล้วก็พาเราข้ามถนน เธอบอกว่า เธอไม่รู้ภาษาอังกฤษ...ป้าก็บอกเธอว่า เราก็ไม่รู้ภาษาสเปน😉😉😉😉
แต่เธอพูดภาษาโปรตุเกส เพราะเธอเป็นคนบราซิล😆😆😆😆
ว่าแล้ว เธอก็ปล่อยแก๊สที่มีกลิ่นตุๆ ออกมา แล้วก็หัวเราะ ทำท่า บอกว่า เธอท้องเสีย😂😂😂😂😂
พอดีมีรถเมล์มา เธอโบกรถ พาเราขึ้นไป ค่ารถคนละ 13 เปโซ ... เธอสมเป็นคนบราซิล จริงๆ หัวเราะตลอดเวลา เหมือน คุณพาโอล่า ที่ลิม่า เลย😁😁😁
ก่อนที่รถจะสุดสาย คนขับบอกเราว่า รถคันสุดท้ายหมดเวลา 19.00 น. พอรถจอด เธอพาเราลง แล้วชี้ทางให้เราเดินไป ก่อนที่เธอจะแยกไปอีกทาง
ทางที่เธอชี้ให้เราไป คือ ทางลงไปที่ป้าย ปารากวัย อาร์เจนติน่า บราซิล นั่นเอง ... ที่แท้ สามเหลี่ยม 3 ประเทศ คือ ตรงนั้นเอง
ได้เวลาพอดี ลุงหลงใหลเวลาพระอาทิตย์ขึ้น กับตกอยู่แล้ว เรายืนอยู่ที่ฝั่งอาร์เจนติน่า มองข้ามน้ำไปที่ฝั่งปารากวัย พระอาทิตย์กำลังจะตกดิน อีกแฉกหนึ่งของแม่น้ำเป็นบราซิล มีเรือเฟอรี่ด้วย มองเลียบฝั่งบราซิล ย้อนเข้าอาร์เจนติน่า เห็นสะพานไกลๆ มัน คือ ด่านที่เราเดินไปขึ้นรถเมล์ เข้ามากลางเมือง แล้วต่อไปที่สามเหลี่ยม 3 ประเทศนั่นเอง
สะพานข้ามฝั่งบราซิล มีถนนเลียบแม่น้ำอยู่อีกฝั่งหนึ่ง ขาไปเราจ่ายค่ารถ 2 คน 56 เปโซ แต่ขากลับ เราถามนักขี่จักรยาน แล้วเดินกลับ โดยเลียบริมน้ำ ตามถนน ขึ้นเขา 1.5 กม. ก็ถึง Centro แล้ว
แต่เราแวะลงไปที่ด่านท่าเรือ ซึ่งไปน้ำตกอีกัวซู และ ข้ามฟากไปบราซิล ก็ได้ แล้วเดินเลี้ยวโค้ง ตามถนน ขึ้นเขา ไปเจอสนง.อุทยานแห่งชาติอีกัวซู ซึ่งตอนแรก เราคิดว่า เป็นโบสถ์
พอเดินไปถึงจัตุรัสกลางเมือง ก็มีอาการไปไม่เป็น ต้องแวะถามทางไปสถานี ขนส่ง เพราะถ้าถึงตรงนั้นแล้ว เราก็กลับโรงแรมได้ พอได้เส้นทางแล้วก็หาที่ซื้ออาหาร ซุปเปอร์ฯ ที่เมืองนี้ ไม่มีอะไรที่เป็นแป้งนุ่มๆ เลย มีแต่พวกแคร็กเกอร์ กับอะไรที่ก๊อบแก๊บ ต้องซื้อแยม ติดไปด้วย ... ป้าสงสัยว่า พวกเขากินอาหารรสเค็ม แบบนั้น ไตคงจะทำงานหนักมาก และคุณภาพของไต ตามกรรมพันธุ์ คงจะดีมากด้วย จึงไม่มีปัญหา ต้องฟอกไต เหมือนคนไทยจำนวนไม่น้อย
ในที่สุดเราก็กลับโรงแรมถูก แม้จะมืดไปหน่อย ลุงไม่ลืมแวะเอามะละกอห่ามที่สอยซุกไว้ในป่า ใกล้ๆ ต้น ... มัน คือ ผลไม้ คืนนี้
กว่าจะเปิดขวดแยมได้ ต้องใช้หลายวิธี ลุงบอกว่า ข้อดีของการมีสามี ก็ คือ การหาวิธีเปิดขวดแยมได้นี่แหละ 😂😂😂😂😂
[CR] ลุงกับป้าแบ็คแพ็ครอบโลก ตะลุยสหรัฐ เม็กฯ เมกากลาง เมกาใต้ อัฟริกา 26ประเทศ74วัน ตอน51 สามเหลี่ยมทองคำArgen-Paraguay-Braz
(ตอนอยู่ตปท. ภาพนิ่งล้นไอโฟน จึงลบออกหลังโพสต์เพจแล้ว ส่วนพันทิปโหลดหน้ารีวิวไม่ได้ ต้องกลับมาทำใทย ตอนนี้ขอให้ชมยูทูปไปก่อน ถ้ารีบชมภาพนิ่ง ให้ไปที่เพจ ลุงกับป้าแบ็คแพ็ครอบโลก)
https://www.youtube.com/watch?v=DDKx2r-O4oU&list=PLNNEpgjidh3o3vU44K5Op2M1w_g3Pg5Jk&index=52
https://www.youtube.com/watch?v=vT7pcfM-MEo&list=PLNNEpgjidh3o3vU44K5Op2M1w_g3Pg5Jk&index=53
https://www.youtube.com/watch?v=DYEIifTK-1M&list=PLNNEpgjidh3o3vU44K5Op2M1w_g3Pg5Jk&index=54
เสาร์ที่ 6 ส.ค. รถวิ่งเลาะไปทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ ก่อนออกจากซานตาเฟ่ เราคิดว่า จะผ่านสะพาน หรือ ลอดอุโมงค์ แต่ไม่ใช่ทั้ง 2 อย่าง
วัฒนธรรมที่ลุงเตือนว่า อย่าลืมเอ่ยถึง คือ สตรีสวมกางเกงรัดติ้ว ไม่ว่า จะเป็นยีนส์ หรือ ผ้ายืด เพราะอากาศที่เย็นจัด สิงที่คาใจลุง คือ เวลาถอดกางเกงยีนส์ ต้องมีคนช่วย หรือ ไม่ ถ้าไม่มีจะทำอย่างไร
กับอีกวัฒนธรรมหนึ่ง คือ การดูบอล ความคลั่งบอล ทุกที่ที่มีการถ่ายทอดสดฟุตบอล คนจะอยู่หน้าจอทีวี เชียร์กันเสียงดังสนั่น เหมือนคนไทยตามชนบทเชียร์มวย....แค่ส่งลูก รับ ลูก จับบอลได้ก็เฮแล้ว
ในสถานีขนส่งที่ซานตาเฟ่ และ คอนคอร์เดีย แทนที่จะมีจอให้ดูเวลา กับชานชาลารถเข้า-ออก กลายเป็นจอถ่ายทอดสดฟุตบอล
แม้กระนั้น บุรุษที่มีวัยวุฒิ จำนวนเกินครึ่งในลาตินอเมริกา ก็ยังพุงพลุ้ย ถ้า ไม่มีฟุตบอล ไม่สามารถจินตนาการได้🙄🙄🙄🙄
ส่วนสตรีในลาตินอเมริกา ตั้งแต่เม็กซิโก ถึง เปรู เมื่อมีครอบครัวเป็นของตนเอง เกินร้อยละ 70 ที่รูปร่างเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง
....ยกเว้น ในชิลี และ อาร์เจนติน่า ที่น่าจะ อยู่ที่ 50 : 50 ทั้งชายและหญิง
ตั้งแต่ออกจากสถานี ซานตาเฟ่ ที่หน้าสถานี เต็มไปด้วยต้นงิ้วหนามต้นเตี้ยล่ำ เหมือนมาลาโดน่า และ บุรุษ สตรี จำนวนมากในอาร์เจนติน่า ที่เหมือนมีแค่ครึ่งตัว แล้วก็ ริมทางเป็นต้นไม้เมืองหนาว ยูคาลิปตัส มี่ราบ ทุ่งโล่ง ที่รอสภาพอากาศที่เหมาะสมต่อการเพาะปลูก ตามฤดูกาล ฝูงวัว ฝูงแกะ สนามขี่ม้า หนอง บึง ตามธรรมชาติ
ยิ่งขึ้นเหนือ ก็ยิ่งคล้ายๆ กับ ทางเหนือของไทย แตกต่างกันก็แต่ ชนิดของสัตว์เลี้ยง ต้นไม้ บางชนิด แต่ป่าสน มีเหมือนกัน
ส่วนถนน เป็นถนนที่รถวิ่งสวนกันมาตลอด จนกระทั่ง อีกประมาณ ไม่เกิน 80 กม. จะถึง อีกัวซู จึงมีการ เริ่มโครงการถนน 4 เลน ซึ่งน่าจะอีกนาน กว่าที่โครงการจะเสร็จสิ้น เพราะดูเหมือนว่า เริ่มต้นที่สะพานก่อน ต้นไม้ไร้ใบตามข้างถนนที่มีชุมชน กำลังออกดอกสีชมพูบานสะพรั่ง ไม่ใช่ ตะแบก หรือ ชมพูพันธุ์ทิพย์
ตั้งแต่เปรู ชิลี อาร์เจนติน่า เป็นประเทศใหญ่เพียงประเทศเดียวเท่านั้น ที่อุดมสมบูรณ์ที่สุด มีที่ทำการเกษตรกรรม ชุมชน ป่า แหล่งน้ำ และ ชุมชน สลับกันไป ยิ่งบนรถมีโฮสเตสสาวสวย เสิร์ฟอาหาร และ เครื่องดื่ม ยิ่มแย้ม เหมือนไม่ได้ออกจากเมืองไทย ถ้าเธอไม่ใช่หน้าฝรั่ง😀😀😀😀
อ้าว! นั่น...มีกล้วยไม้แขวนขายข้างทางด้วย...โน่น! ส้ม กองเป็นล็อคๆ แล้วก็ ป่านสน กับ กระถินยักษ์
เรานั่งหน้าสุด ของชั้นบน ดวงอาทิตย์อยู่ตรงหน้า จนต้องดึงม่านมาปิดเล็กน้อย ตั้งแต่นั่งรถในลาตินอเมริกามา ก็มีรถคันนี้นี่แหละ ที่มีที่นั่งถูกใจที่สุด ไม่มี
ใครมานอนบังหน้าเรา เป็นที่นั่งแถวละ 3 ที่ เรานั่ง 2 อีกด้านนั่งเดี่ยว มีที่วางเท้ากว้างขวาง ผ้าห่ม และหมอน พอดี ทั้งขนาด และความอุ่น ปลายสุดของผ้าห่ม มีถุงใส่เท้า ทำให้เวลานั่งกระชับเท้า ผ้าห่มไม่หนีไปไหน ห้องน้ำ อยู่ข้างล่าง เราอกจากที่นั่ง ลงบันไดไป ก็ถึงแล้ว มีน้ำชักโครกเพียงพอ
อาหาร มื้อแรกเป็นเบรคบ่าย เบาๆ มื้อค่ำนำหน้ามาด้วยไวน์ หรือ วิสกี้ออนเดอะร็อค ที่ลุงเลือก ก่อนเสิร์ฟข้าวผัดใส่ข้าวโพดหวาน กับเม็ดถั่วลันเตา โปะด้วยเนื้อแกะบดอบชีส แผ่นหนา มีของว่างแบบเบรคบ่ายแถมมา 1 ถาด ตามด้วยเป็บซี่ ชา หรือ ไวน์ แล้วแต่จะเลือก ตบท้ายด้วยคุกกี้จิ๋ว กอมกรุ่นให้หยิบเอง....
มื้อเช้าเป็นของว่างอีกถาด กับกาแฟเบาๆ ที่เราไม่มีสิทธิ์เลือก เพราะมาเสิร์ฟ แบบ ยิ้มๆ ไม่ถง ไม่ถามซ้ากคำ😁😁😁😁
เวลา 08.45 น. ถึงสถานี Iguazu ลงรถแล้วไปหาข้อมูล การท่องเที่ยว และที่พัก
ซื้อทัวร์ป่า และ เรือ คนละ 800 เปโซ ค่าที่พัก คืนละ 490 เปโซ 2 คืน ไปแลกเงินเพิ่มอีก $ 170 สรุปใช้เงินดอลล่าร์ในประเทศอาร์เจนติน่า ทั้งหมด $670 แลกเงินเรียลบราซิล $20 ได้ 64 เรียล แลกล่วงหน้า เผื่อจะใช้จากสถานีรถบัส ไปสนามบิน
ซื้อตั๋วรถทัวร์ไป Sao Pauloa คนละ 1,050 เปโซ แล้วเดินไปหาที่พัก ชื่อ โรงแรม Don Horacio...Hotel Selvatico ทั้งๆ ที่ โรงแรมก็อยู่ไกล ยังเดินหลงไปไกลอีก เพราะแผนที่ไม่เป็นไปตามอัตราส่วนที่ควรจะเป็น😣😣😣😣
แวะถามสาวน้อยที่กำลังเล่นกีฬาอย่างหนึ่งกันอยู่ ถามว่า เล่นอะไรกัน พวกเธอบอกว่า ค็อกเก้...ให้หนูคนหนึ่งเขียนให้ มัน คือ Hockey😁😁😁😁
พี่สาว ชื่อ Daniel พูดภาษาอังกฤษได้ เดินมา เราจึงให้ดูแผนที่ ทางไปที่พัก เธอบอกว่า เดินต่อไป อีกไกลทีเดียว ถึงวงเวียนแล้วเลี้ยวซ้าย😊😊😊
เดินขึ้นเขาไปเจอทางแยก รอถามอีก มาดามคนหนึ่ง บอกว่า ขึ้นเขาไปแล้วเลี้ยวขวา 🙄🙄🙄🙄🙄
แต่ลุงว่า มันมีแต่ป่า เลี้ยวซ้ายดีกว่า เดินเลยปั๊มไป มองเห็นซุ้มประตู เหมือนเป็นด่านชายแดน อยู่ทางซ้าย ประมาณ 300 เมตร ตัดสินใจ เลี้ยวไปอีกทาง กะว่า จะเจอคนขับรถบรรทุก ที่จอดอยู่ตรงทางขึ้นปั๊มฯ อีกด้านหนึ่ง....มั้นเป็นร้านอาหาร สำหรับคนขับรถบรรทุก
บังเอิญ ตนขับรถคนหนึ่ง เคยมาเมืองไทย เพราะเป็นนายช่างติดตามคนแข่งรถ Formula 1 เมื่อ 20 ปีที่แล้ว กับ เจ้าของร้านอาหารที่มีแบงค์ 20 บาท 1 ใบ😉😉😉😉
พวกเขาบอกว่า เราไปผิดทาง เดินย้อนขึ้นเขา กลับไปทางที่เรา ตัดสินใจไม่ไปตอนแรกนั่นแหละ
เดินขึ้นเขา แล้วก็ลงเขา มองไปมีแต่ป่า ป้าตัดสินใจหยุดอีก ส่วนลุง เดินไปถึงทางเลี้ยวขึ้นเขา เห็นมีขื่อ โรงแรมอื่น ไม่มีชื่อโรงแรมเรา แต่มีรถเลี้ยวขึ้นเขา ผ่านไป
ป้าไม่ตามลุงไป เพราะถ้าไปผิดทาง ต้องขึ้นเขาเหนื่อยเปล่า ไปแค่ครึ่งทาง แล้วเดินกลับขึ้นเขาไปถาม คนที่อยู่ตรงทางแยก
เขาได้ขื่อโรงแรม แล้วโทรถามให้ และอาสาจะขี่มอเตอร์ไซด์ไปส่ง แต่เราเกรงใจ ขอเดินมาเอง
เดินลงเขา แล้วก็ขึ้นเขา ไปแวะถาม โรงแรมที่มีชื่อ ใกล้เคียงกัน...พนง. ต้อนรับ ออกมาชี้ป้ายให้...มันอยู่ห่างออกไป 200 เมตร ต้องเดินขึ่นเขาต่อไปอีก พอเดินไปถึงหน้าโรงแรม หนุ่มที่บอกทาง จอดมอเตอร์ไซด์ รออยู่ตรงป้าย...น่ารักมาก เขากลัวเราหลง... แต่เรา หลงจนชิน...เขาชื่อ Elvis😃😃😃😃
พอเข้าไปในโรงแรม พนง. ต้อนรับรอเราอยู่ เช็คอิน แล้ว ถามทางไป Frontera ที่ เปิดหาจากในเน็ต บอกว่า มัน คือ Triple Paraguay-Brazil-Argentina
เป็นสามเหลี่ยมที่แม่น้ำ Parana กับ Iguazu มาชนกัน ระหว่าง 3 ประเทศ คือ ปรากวัย บราซิล กับ อาร์เจนติน่า
พนง. ต้อนรับ บอกว่า เดินไปเจอถนนใหญ่เลี้ยวขวา ตรงไปเรื่อย ๆ เดิน 10 นาที ส่วน ป้ายรถเมล์ที่จะไปทัวร์ วันพรุ่งนี้ ให้ไปที่ถนนใหญ่ แล้วเลี้ยวซ้าย เดิน 5 นาที....
ป้าขอเวลาซักผ้าครั้งใหญ่ อาบน้ำ ถูขี้ไคลมโหฬาร ก่อนออกไป ลุงแวะสอยมะละกอป่า ที่เล็งไว้ ซุกไว้กลับมาเอาก่อนเข้าโรงแรม Frontera ที่พนง.ต้อนรับบอก คือ ด่าน ตม. เป็นชายแดนระหว่างอาร์เจนติน่า กับ บราซิล ความจริงตอนแรก ที่เราเดินหาโรงแรม เราเดินไปจนเหลืออีกแค่ 300 เมตร ก็ถึงแล้ว ถ้าเราเลยไปตอนนั้น ก็ไม่ต้องเสียเวลากลับไปอีก แต่เราก็จะไม่ได้เจอคนที่เคยมาเมืองไทย😄😄😄😄
พอไปถึง ก็มีปัญหา การสื่อสาร จนท.ตม. ไม่ยอมใช้ภาษาอังกฤษ ยึกยัก กันอยู่พักใหญ่ เพราะสื่อสารไม่เข้าใจ ส่งไป ส่งมา เราก็เดินไปเดินมา ตามที่พวกเขาบอก 😐😐😐😐
พวกเขาเปิดพาสปอร์ต เจอตราประทับเข้าอาร์เจนติน่า ก็บอกให้เรากลับเข้าอาร์เจนติน่า ไป ...เราไม่เข้าใจ ก็คิดว่า พวกเขาไม่ให้เราไปตรงสามเหลี่ยม ... เราบอกว่า เราแค่จะไปถ่ายรูป🙄🙄🙄🙄
ลุงคิดว่า เขาไม่ให้ไป จึงเดินดุ่มๆ กะว่า จะไปโดยไม่ประทับตรา...เดินไปเจอตำรวจ จึงเอารูปให้ดู ถามว่า เราจะไปถ่ายรูปแบบนั้น ได้ที่ไหน
ตำรวจบอกว่า ที่อาร์เจนติน่า...เง้อ??? แล้วมัน คือ อะไร กันแน่???🙄🙄🙄😏
เดินดุ่มๆ กลับไปถาม จนท.ตม. ที่ไล่เรากลับเข้าอาร์เจนติน่า แล้วไม่ยอมพูดภาษาอังกฤษ กับเรา เอารูปให้เขาดู เขาบอกว่า ไปรถเมล์ หรือ แท็กซี่ก็ได้ แล้วก็ชี้ให้ไปรอรถเมล์ พอรถเมล์เข้าป้าย เราจะขึ้น เขาบอกว่า ตรงนั้นเป็นป้ายลง ป้ายขึ้นให้เดินต่อไปอีก🙄🙄🙄🙄
พอรถจอดป้าย เอารูปไปถาม คนขับ คนขับบอกว่า Centro สื่อสารไม่เข้าใจ เกือบไม่ได้ไปอีก แต่เวลาที่ป้าไม่เข้าใจ กับ ภาษา ครึ่งๆ กลางๆ ลุงมักจะรู้เรื่อง จึงกลับไปถามใหม่ เขาบอกว่า ให้เราไปกับเขา ไปลงที่ Centro แล้ว ต่อรถไป😅😅😅😅😅 จ่ายค่ารถ 30 เปโซ 2 คน พอถึงป้าย เขาบอกให้เราลง ฝากให้มาดามที่ลงป้ายนั้นดูแลเราด้วย
มาดามบอกว่า ตามมา แล้วก็พาเราข้ามถนน เธอบอกว่า เธอไม่รู้ภาษาอังกฤษ...ป้าก็บอกเธอว่า เราก็ไม่รู้ภาษาสเปน😉😉😉😉
แต่เธอพูดภาษาโปรตุเกส เพราะเธอเป็นคนบราซิล😆😆😆😆
ว่าแล้ว เธอก็ปล่อยแก๊สที่มีกลิ่นตุๆ ออกมา แล้วก็หัวเราะ ทำท่า บอกว่า เธอท้องเสีย😂😂😂😂😂
พอดีมีรถเมล์มา เธอโบกรถ พาเราขึ้นไป ค่ารถคนละ 13 เปโซ ... เธอสมเป็นคนบราซิล จริงๆ หัวเราะตลอดเวลา เหมือน คุณพาโอล่า ที่ลิม่า เลย😁😁😁
ก่อนที่รถจะสุดสาย คนขับบอกเราว่า รถคันสุดท้ายหมดเวลา 19.00 น. พอรถจอด เธอพาเราลง แล้วชี้ทางให้เราเดินไป ก่อนที่เธอจะแยกไปอีกทาง
ทางที่เธอชี้ให้เราไป คือ ทางลงไปที่ป้าย ปารากวัย อาร์เจนติน่า บราซิล นั่นเอง ... ที่แท้ สามเหลี่ยม 3 ประเทศ คือ ตรงนั้นเอง
ได้เวลาพอดี ลุงหลงใหลเวลาพระอาทิตย์ขึ้น กับตกอยู่แล้ว เรายืนอยู่ที่ฝั่งอาร์เจนติน่า มองข้ามน้ำไปที่ฝั่งปารากวัย พระอาทิตย์กำลังจะตกดิน อีกแฉกหนึ่งของแม่น้ำเป็นบราซิล มีเรือเฟอรี่ด้วย มองเลียบฝั่งบราซิล ย้อนเข้าอาร์เจนติน่า เห็นสะพานไกลๆ มัน คือ ด่านที่เราเดินไปขึ้นรถเมล์ เข้ามากลางเมือง แล้วต่อไปที่สามเหลี่ยม 3 ประเทศนั่นเอง
สะพานข้ามฝั่งบราซิล มีถนนเลียบแม่น้ำอยู่อีกฝั่งหนึ่ง ขาไปเราจ่ายค่ารถ 2 คน 56 เปโซ แต่ขากลับ เราถามนักขี่จักรยาน แล้วเดินกลับ โดยเลียบริมน้ำ ตามถนน ขึ้นเขา 1.5 กม. ก็ถึง Centro แล้ว
แต่เราแวะลงไปที่ด่านท่าเรือ ซึ่งไปน้ำตกอีกัวซู และ ข้ามฟากไปบราซิล ก็ได้ แล้วเดินเลี้ยวโค้ง ตามถนน ขึ้นเขา ไปเจอสนง.อุทยานแห่งชาติอีกัวซู ซึ่งตอนแรก เราคิดว่า เป็นโบสถ์
พอเดินไปถึงจัตุรัสกลางเมือง ก็มีอาการไปไม่เป็น ต้องแวะถามทางไปสถานี ขนส่ง เพราะถ้าถึงตรงนั้นแล้ว เราก็กลับโรงแรมได้ พอได้เส้นทางแล้วก็หาที่ซื้ออาหาร ซุปเปอร์ฯ ที่เมืองนี้ ไม่มีอะไรที่เป็นแป้งนุ่มๆ เลย มีแต่พวกแคร็กเกอร์ กับอะไรที่ก๊อบแก๊บ ต้องซื้อแยม ติดไปด้วย ... ป้าสงสัยว่า พวกเขากินอาหารรสเค็ม แบบนั้น ไตคงจะทำงานหนักมาก และคุณภาพของไต ตามกรรมพันธุ์ คงจะดีมากด้วย จึงไม่มีปัญหา ต้องฟอกไต เหมือนคนไทยจำนวนไม่น้อย
ในที่สุดเราก็กลับโรงแรมถูก แม้จะมืดไปหน่อย ลุงไม่ลืมแวะเอามะละกอห่ามที่สอยซุกไว้ในป่า ใกล้ๆ ต้น ... มัน คือ ผลไม้ คืนนี้
กว่าจะเปิดขวดแยมได้ ต้องใช้หลายวิธี ลุงบอกว่า ข้อดีของการมีสามี ก็ คือ การหาวิธีเปิดขวดแยมได้นี่แหละ 😂😂😂😂😂
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น