เมื่อพูดถึงหนองคาย หลายคนรู้จักแค่ว่าเป็นเมืองทางผ่านไปเที่ยวประเทศลาว
ใครจะรู้ว่า จังหวัดเล็กๆริมแม่น้ำโขงแห่งนี้ จะมีประสบการณ์ใหม่ๆที่รอให้คุณได้สัมผัส
แล้วคุณจะรู้ว่า...หนองคายไม่ใช่แค่เมืองทางผ่านอีกต่อไป
กระแสการปั่นจักรยานกำลังมาแรงในตอนนี้...หนองคายก็เช่นกัน
บริเวณริมแม่น้ำโขงตลอดความยาว เขตเมืองหนองคายกว่า 10 กม.
ถูกเนรมิตเป็น
bike lane
bike lane แห่งนี้มี highlight ด้วยเส้นทางที่ขนานไปกับแม่น้ำโขง
ผ่านแลนด์มาร์คต่างๆของเมืองหนองคาย
ขอแนะนำให้เริ่มต้น start ออกเดินทางที่ --->
ตลาดท่าเสด็จ ละกันนะครับ
หลายคนรู้จักในชื่อ
ตลาดอินโดจีน บางคนเรียกเก๋ๆว่า
ตลาดท่าเรือ
เพราะในอดีตเป็นท่าเรือซื้อขายสินค้าระหว่างไทยและลาว
ขาช็อปต้องไม่พลาดด้วยประการทั้งปวง เพราะเป็นแหล่งจำหน่ายสินค้าจากนานาประเทศ
ทั้ง ไทย ลาว พม่า เวียดนาม จีน พูดง่ายๆว่า...
มาที่นี้เหมือนได้ไปซ็อปที่ ต่างประเทศเลยทีเดียว
นอกจากนี้ บริเวณอาคารตลาดท่าเรือ ได้จำลองบรรยากาศอาคารร้านค้าสมัยก่อน
ในยุคคุณพ่อคุณแม่ยังสาวๆ ลองย้อนเวลาวันวานไปดูสักครั้งนะครับ
ปั่นจักรยานออกจากท่าเสด็จไปทางขวามือ (
ขวามือ คือ ให้หันหน้าไปที่แม่น้ำโขงนะครับ )
ประมาณ 600 เมตร ก็จะพบกับแลนด์มาร์คขนาดใหญ่ของหนองคาย ซึ่งก็คือ...
ประติมากรรมพญานาค ตั้งอยู่ที่ลานริมแม่น้ำโขง หน้าวัดลำดวน
ยิ่งใหญ่อลังการ สมเป็นเมืองพญานาคเลยทีเดียวครับ --->
หมายเหตุ --- ผมแนะนำลองมาเที่ยวช่วงค่ำๆอีกทีนะครับ
เพราะจะมีการเปิดน้ำพุที่ลานริมโขง
ซึ่งจากเดิม บริเวณแห่งนี้เป็นเพียงถนนริมแม่น้ำโขง
แต่ต่อมาได้ถูก แปลเปลี่ยนเป็น
แลนด์มาร์คของจังหวัดหนองคาย
ในช่วงเย็นๆ ผู้คนชาวหนองคาย จะออกมาเดินเล่น ออกกำลังกาย
ที่ลานแห่งนี้ เสมือนว่าเป็นอีกหนึ่งจุดนัดพบของคนหนองคาย เลยทีเดียว
บริเวณนี้มีร้านขายนม น้ำปั่น น้ำผลไม้ ขนม อยู่หลายร้าน ลองไปนั่งเล่นกินนมกันดูนะครับ...
ปั่นจักรยานต่อไปอีก 5 นาที แล้วเลี้ยวขวาไปตาม ซอยโพธิ์ชัย
ประมาณ 400 เมตร ก็จะถึง
วัดโพธิ์ชัย
หรือ หลายคนเรียกว่า
วัดหลวงพ่อพระใส
หลวงพ่อพระใสถูกสร้างในประเทศลาว หลังจากที่ลาวได้แพ้สงครามให้กับไทย
ในสมัย ร.3 จึงได้อัญเชิญมาที่ไทย เพื่อนำกลับไปยังกรุงเทพ...
แต่ระหว่างทางเกิดปาฏิหาริย์ เกวียนที่อัญเชิญหลวงพ่อพระใสหักไม่สามารถเดินทางต่อไปได้
จึงได้นำมาประดิษฐานที่วัดโพธิ์ชัยในปัจจุบัน
นอกจากนี้ในช่วงงานสงกรานต์ จะมีการอัญเชิญหลวงพ่อพระใสแห่รอบเมืองหนองคาย
เพื่อให้ชาวเมืองได้สรงน้ำ ซึ่งถือว่าเป็นงานใหญ่ระดับประเทศเลยทีเดียว
ไหว้พระเสร็จแล้ว... วนรถกลับทางเดิม --->
ปั่นจักรยานไปตาม bike lane ไปอีก 10 นาที
จะพบกับตำนานของพระธาตุแห่งเมืองบาดาน...
พระธาตุกลางน้ำ
เดิมชื่อ
พระธาตุหล้าหนอง เดิมตั้งอยู่ริมแม่น้ำโขง
แต่เมื่อน้ำหลากกระแสน้ำได้พัดพาองค์พระธาตุจมลงสู่กลางแม่น้ำโขง
ซึ่งสามารถพบเห็นส่วนฐานของพระธาตุโผพ้นน้ำในช่วงหน้าแล้ง
ปัจจุบันได้สร้างพระธาตุขึ้นมาใหม่ในตำแหน่งเดิม
โดยสัญนิฐานรูปทรงพระธาตุตามตำนาน และภาพวาดขอนักเดินทางฝรั่งเศส
ไม่ไกลจากพระธาตุกลางน้ำเป็นที่ตั้งของ
ชุมชนธาตุใต้
ซึ่งเป็นชุมชนที่ใช้ชีวิตร่วมกันกับสายน้ำ ด้วยการประกอบอาชีพชาวประมง
ใครอยากสัมผัสวิถีชีวิตของคนริมโขง...แนะนำแวะชมบรรยากศได้นะครับ
เส้นทาง bike lane สิ้นสุดที่ชุมชนธาตุใต้ ดังนั้น...วนรถกลับไปตามเส้นทางเดิมครับ
เพื่อจะเดินทางไปต่อที่
สะพานมิตรภาพไทย-ลาว ใช้เวลาเดินทาง 30 นาที
ระหว่างทางแวะชมวิวสองฝั่งโขง
มีศาลาพักพักริมทาง รับรองว่าไม่เหนื่อยอย่างที่คิด
สะพานมิตรภาพไทย-ลาว เป็นสะพานที่เชื่อมระหว่างหนองคายและเมืองท่านาแล้ง
แขวงเวียงจันทน์ สามารถเดินขึ้นสะพาน เที่ยวชมบรรยากาศกลางแม่น้ำโขงได้
ในช่วงหน้าร้อน ถือว่าเป็นสวรรค์ของเด็กๆเพราะบริเวณนี้จะมีหาดทราย ชื่อว่า
หาดจอมมณี
ซึ่งเต็มไปด้วยร้านค้า ร้านอาหาร ห่วงยาง หาดทราย คล้ายๆกับชายทะเลเลยทีเดียว
เส้นทาง bike lane สิ้นสุดลงที่สะพานพอดี...หากออกเดินทางปั่นจักรยานช่วงบ่ายๆ
ก็จะมาถึงสะพานช่วงพระอาทิตย์ตกพอดีครับ แวะชมพระอาทิตย์ตกดินสักพัก
---> แล้ว วนรถกลับทางเดิมประมาณ 10 นาที
จะพบกับ
ถนนคนเดิน หรือที่คนหนองคายเรียกว่า
“ตลาดแคมของ”
ตลาดแคมของ เป็นภาษาอีสานแปลว่า ตลาดริมแม่น้ำโขง
เปิดทุกๆวันเสาร์ มีการจำหน่ายสินค้าท้องถิ่น ของฝาก อาหาร
และสิ่งไม่เหมือนถนนคนเดินที่อื่น คือ
ลานเต้นบาสโลปและเวทีรำวงย้อยยุค
บาสโลป เป็นการเต้นของชนชั้นสูงประเทศลาว คล้ายๆกับการเต้นลีลาศ
ซึ่งได้รับอิทธิพลสมัยที่ฝรั่งเศสเข้าปกครองประเทศลาว
อธิบายก็อาจจะเข้าใจยาก...ต้องลองมาเต้นสักครั้งนะครับ
พักผ่อนทานอาหารค่ำที่ถนนคนเดินสักพักใหญ่ ---> แล้วมุ่งหน้าไปสถานที่สุดท้ายของวันนี้ที่
ลานน้ำพุพญานาค ลานน้ำพุแห่งนี้ถือว่าเป็นศูนย์กลางในการจัดกิจกรรมต่างๆของจังหวัด
จัดงานประเพณี บางคนใช้เป็นจุดนัดพบ
บริเวณนี้เองเป็นที่ตั้งของ
อนุสาวรีย์ปราบฮ่อ ซึ่งเป็นที่บรรจุอัฐิของวีรชนที่เสียชีวิต
ในสงครามปราบฮ่อ เมื่อสมัยรัชกาลที่ 5
ถ้าอธิบายเส้นทางแล้ว งง ลองดูแผนที่อีกครั้งนะครับ
เอาแบบใหญ่ๆ หน่อยละกันนะ
หากใครอยากหลีกหนีความวุ่นวายในเมืองใหญ่...คิดอยากจะออกมาใช้ชีวิต slow life
ในแบบฉบับคนริมแม่น้ำโขงเตรียมเก็บกระเป๋าแล้วมาเที่ยวที่หนองคายสักคืน
หนองคายเมืองชายโขงแห่งนี้ พร้อมที่จะแบ่งปันความสุขให้แก่นักเดินทางทุกคน
ข้อแนะนำสำหรับนักปั่นจักรยาน และนักท่องเที่ยว
1.เส้นทาง bike lane ใช้เวลาเดินทางรวมกับเที่ยวที่ต่างๆ ประมาณ ครึ่งวัน
แนะนำเที่ยวช่วงบ่ายวันเสาร์เพราะ จะได้สิ้นสุดการเดินทางที่ถนนคนเดินหนองคาย
( หากมาวันอื่น จะไม่มีถนนคนเดินนะครับ )
2.หนองคายมีจักรยานให้เช่าหลายจุด ที่นิยมกันได้แก่ เกสเฮ้าส์ หรือ โรงแรม
ที่ใกล้ๆ ถนนคนเดิน ( ไม่จำเป็นต้องเอาจักรยานมาเองนะครับ )
3.หากมีเวลาน้อย สามารถจ้างสามล้อ รับจ้าง พาเที่ยวได้
4.การเดินทางมาหนองคาย มาได้หลายเส้นทาง เช่น
- รถโดยสารประจำทาง ลงที่ บขส.หนองคาย ใกล้ตลาดโพธิ์ชัย
- เครื่องบิน ลงที่สนามบินอุดรธานี แล้วต่อรถมาที่หนองคาย
- รถไฟ ลงที่สถานีรถไฟหนองคาย แล้วจ้างสามล้อเข้ามาในตัวเมือง
- รถส่วนตัว แน่นอนครับ วิธีนี้สะดวกที่สุด
สามารถดูบทความเกี่ยวกับ
หนองคาย bike lane ได้ที่
นิตยสาร Weekend ฉบับเดือน สิงหาคม 2559 (เป็นนิตยสารแจกฟรีนะครับ)
ที่หน้า 6 7 และ 8 หรือเข้าไปดูในเน็ต E-Magazine
เข้าไปดูที่ลิงค์
http://www.mbookstore.com/book-read/8938
ติดตาม ความเป็นไปภาพถ่าย เรื่องราวของหนองคายที่ facebook : Love nongkhai
(
https://www.facebook.com/Lovenongkhal )นะครับ
หรือติดต่อ พูดคุย ขออนุญาตการนำภาพไปใช้ ซื้อขายภาพfacebook :
https://www.facebook.com/thapanun.mahisanun
นอกจากนี้ ถ้ายังไม่แน่ใจว่ามาหนองคายจะเที่ยวที่ไหน
อ่านต่อที่รีวิว...
หนองคาย เมืองน่าอยู่อันดับ 7 ของโลก กับ 7 ที่ ที่ต้องไป ( จัดอันดับเมื่อนานมาแล้วนะครับ )
http://pantip.com/topic/31174470
และอีกรีวิวได้ที่ รีวิว...
หนองคาย กับ10กิจกรรมท่องเที่ยวที่ต้องมาทำให้ได้นะ
http://pantip.com/topic/33261033
ขอจบการนำเสนอเเต่เพียงเท่านี้ครับขอบคุณครับ
ผมขอสัญญาว่า จะทำให้คุณรักหนองคาย มากขึ้นกว่าเดิม
หนองคาย Bike lane ...ไปปั่นจักรยานริมแม่น้ำโขงกันนะ
เมื่อพูดถึงหนองคาย หลายคนรู้จักแค่ว่าเป็นเมืองทางผ่านไปเที่ยวประเทศลาว
ใครจะรู้ว่า จังหวัดเล็กๆริมแม่น้ำโขงแห่งนี้ จะมีประสบการณ์ใหม่ๆที่รอให้คุณได้สัมผัส
แล้วคุณจะรู้ว่า...หนองคายไม่ใช่แค่เมืองทางผ่านอีกต่อไป
กระแสการปั่นจักรยานกำลังมาแรงในตอนนี้...หนองคายก็เช่นกัน
บริเวณริมแม่น้ำโขงตลอดความยาว เขตเมืองหนองคายกว่า 10 กม.
ถูกเนรมิตเป็น bike lane
bike lane แห่งนี้มี highlight ด้วยเส้นทางที่ขนานไปกับแม่น้ำโขง
ผ่านแลนด์มาร์คต่างๆของเมืองหนองคาย
ขอแนะนำให้เริ่มต้น start ออกเดินทางที่ ---> ตลาดท่าเสด็จ ละกันนะครับ
หลายคนรู้จักในชื่อ ตลาดอินโดจีน บางคนเรียกเก๋ๆว่า ตลาดท่าเรือ
เพราะในอดีตเป็นท่าเรือซื้อขายสินค้าระหว่างไทยและลาว
ขาช็อปต้องไม่พลาดด้วยประการทั้งปวง เพราะเป็นแหล่งจำหน่ายสินค้าจากนานาประเทศ
ทั้ง ไทย ลาว พม่า เวียดนาม จีน พูดง่ายๆว่า...
มาที่นี้เหมือนได้ไปซ็อปที่ ต่างประเทศเลยทีเดียว
นอกจากนี้ บริเวณอาคารตลาดท่าเรือ ได้จำลองบรรยากาศอาคารร้านค้าสมัยก่อน
ในยุคคุณพ่อคุณแม่ยังสาวๆ ลองย้อนเวลาวันวานไปดูสักครั้งนะครับ
ปั่นจักรยานออกจากท่าเสด็จไปทางขวามือ (ขวามือ คือ ให้หันหน้าไปที่แม่น้ำโขงนะครับ )
ประมาณ 600 เมตร ก็จะพบกับแลนด์มาร์คขนาดใหญ่ของหนองคาย ซึ่งก็คือ...
ประติมากรรมพญานาค ตั้งอยู่ที่ลานริมแม่น้ำโขง หน้าวัดลำดวน
ยิ่งใหญ่อลังการ สมเป็นเมืองพญานาคเลยทีเดียวครับ --->
หมายเหตุ --- ผมแนะนำลองมาเที่ยวช่วงค่ำๆอีกทีนะครับ
เพราะจะมีการเปิดน้ำพุที่ลานริมโขง
ซึ่งจากเดิม บริเวณแห่งนี้เป็นเพียงถนนริมแม่น้ำโขง
แต่ต่อมาได้ถูก แปลเปลี่ยนเป็น
แลนด์มาร์คของจังหวัดหนองคาย
ในช่วงเย็นๆ ผู้คนชาวหนองคาย จะออกมาเดินเล่น ออกกำลังกาย
ที่ลานแห่งนี้ เสมือนว่าเป็นอีกหนึ่งจุดนัดพบของคนหนองคาย เลยทีเดียว
บริเวณนี้มีร้านขายนม น้ำปั่น น้ำผลไม้ ขนม อยู่หลายร้าน ลองไปนั่งเล่นกินนมกันดูนะครับ...
ปั่นจักรยานต่อไปอีก 5 นาที แล้วเลี้ยวขวาไปตาม ซอยโพธิ์ชัย
ประมาณ 400 เมตร ก็จะถึง วัดโพธิ์ชัย
หรือ หลายคนเรียกว่า วัดหลวงพ่อพระใส
หลวงพ่อพระใสถูกสร้างในประเทศลาว หลังจากที่ลาวได้แพ้สงครามให้กับไทย
ในสมัย ร.3 จึงได้อัญเชิญมาที่ไทย เพื่อนำกลับไปยังกรุงเทพ...
แต่ระหว่างทางเกิดปาฏิหาริย์ เกวียนที่อัญเชิญหลวงพ่อพระใสหักไม่สามารถเดินทางต่อไปได้
จึงได้นำมาประดิษฐานที่วัดโพธิ์ชัยในปัจจุบัน
นอกจากนี้ในช่วงงานสงกรานต์ จะมีการอัญเชิญหลวงพ่อพระใสแห่รอบเมืองหนองคาย
เพื่อให้ชาวเมืองได้สรงน้ำ ซึ่งถือว่าเป็นงานใหญ่ระดับประเทศเลยทีเดียว
ไหว้พระเสร็จแล้ว... วนรถกลับทางเดิม --->
ปั่นจักรยานไปตาม bike lane ไปอีก 10 นาที
จะพบกับตำนานของพระธาตุแห่งเมืองบาดาน...พระธาตุกลางน้ำ
เดิมชื่อ พระธาตุหล้าหนอง เดิมตั้งอยู่ริมแม่น้ำโขง
แต่เมื่อน้ำหลากกระแสน้ำได้พัดพาองค์พระธาตุจมลงสู่กลางแม่น้ำโขง
ซึ่งสามารถพบเห็นส่วนฐานของพระธาตุโผพ้นน้ำในช่วงหน้าแล้ง
ปัจจุบันได้สร้างพระธาตุขึ้นมาใหม่ในตำแหน่งเดิม
โดยสัญนิฐานรูปทรงพระธาตุตามตำนาน และภาพวาดขอนักเดินทางฝรั่งเศส
ไม่ไกลจากพระธาตุกลางน้ำเป็นที่ตั้งของ ชุมชนธาตุใต้
ซึ่งเป็นชุมชนที่ใช้ชีวิตร่วมกันกับสายน้ำ ด้วยการประกอบอาชีพชาวประมง
ใครอยากสัมผัสวิถีชีวิตของคนริมโขง...แนะนำแวะชมบรรยากศได้นะครับ
เส้นทาง bike lane สิ้นสุดที่ชุมชนธาตุใต้ ดังนั้น...วนรถกลับไปตามเส้นทางเดิมครับ
เพื่อจะเดินทางไปต่อที่ สะพานมิตรภาพไทย-ลาว ใช้เวลาเดินทาง 30 นาที
ระหว่างทางแวะชมวิวสองฝั่งโขง
มีศาลาพักพักริมทาง รับรองว่าไม่เหนื่อยอย่างที่คิด
สะพานมิตรภาพไทย-ลาว เป็นสะพานที่เชื่อมระหว่างหนองคายและเมืองท่านาแล้ง
แขวงเวียงจันทน์ สามารถเดินขึ้นสะพาน เที่ยวชมบรรยากาศกลางแม่น้ำโขงได้
ในช่วงหน้าร้อน ถือว่าเป็นสวรรค์ของเด็กๆเพราะบริเวณนี้จะมีหาดทราย ชื่อว่า หาดจอมมณี
ซึ่งเต็มไปด้วยร้านค้า ร้านอาหาร ห่วงยาง หาดทราย คล้ายๆกับชายทะเลเลยทีเดียว
เส้นทาง bike lane สิ้นสุดลงที่สะพานพอดี...หากออกเดินทางปั่นจักรยานช่วงบ่ายๆ
ก็จะมาถึงสะพานช่วงพระอาทิตย์ตกพอดีครับ แวะชมพระอาทิตย์ตกดินสักพัก
---> แล้ว วนรถกลับทางเดิมประมาณ 10 นาที
จะพบกับ ถนนคนเดิน หรือที่คนหนองคายเรียกว่า “ตลาดแคมของ”
ตลาดแคมของ เป็นภาษาอีสานแปลว่า ตลาดริมแม่น้ำโขง
เปิดทุกๆวันเสาร์ มีการจำหน่ายสินค้าท้องถิ่น ของฝาก อาหาร
และสิ่งไม่เหมือนถนนคนเดินที่อื่น คือ ลานเต้นบาสโลปและเวทีรำวงย้อยยุค
บาสโลป เป็นการเต้นของชนชั้นสูงประเทศลาว คล้ายๆกับการเต้นลีลาศ
ซึ่งได้รับอิทธิพลสมัยที่ฝรั่งเศสเข้าปกครองประเทศลาว
อธิบายก็อาจจะเข้าใจยาก...ต้องลองมาเต้นสักครั้งนะครับ
พักผ่อนทานอาหารค่ำที่ถนนคนเดินสักพักใหญ่ ---> แล้วมุ่งหน้าไปสถานที่สุดท้ายของวันนี้ที่
ลานน้ำพุพญานาค ลานน้ำพุแห่งนี้ถือว่าเป็นศูนย์กลางในการจัดกิจกรรมต่างๆของจังหวัด
จัดงานประเพณี บางคนใช้เป็นจุดนัดพบ
บริเวณนี้เองเป็นที่ตั้งของ อนุสาวรีย์ปราบฮ่อ ซึ่งเป็นที่บรรจุอัฐิของวีรชนที่เสียชีวิต
ในสงครามปราบฮ่อ เมื่อสมัยรัชกาลที่ 5
ถ้าอธิบายเส้นทางแล้ว งง ลองดูแผนที่อีกครั้งนะครับ
เอาแบบใหญ่ๆ หน่อยละกันนะ
หากใครอยากหลีกหนีความวุ่นวายในเมืองใหญ่...คิดอยากจะออกมาใช้ชีวิต slow life
ในแบบฉบับคนริมแม่น้ำโขงเตรียมเก็บกระเป๋าแล้วมาเที่ยวที่หนองคายสักคืน
หนองคายเมืองชายโขงแห่งนี้ พร้อมที่จะแบ่งปันความสุขให้แก่นักเดินทางทุกคน
ข้อแนะนำสำหรับนักปั่นจักรยาน และนักท่องเที่ยว
1.เส้นทาง bike lane ใช้เวลาเดินทางรวมกับเที่ยวที่ต่างๆ ประมาณ ครึ่งวัน
แนะนำเที่ยวช่วงบ่ายวันเสาร์เพราะ จะได้สิ้นสุดการเดินทางที่ถนนคนเดินหนองคาย
( หากมาวันอื่น จะไม่มีถนนคนเดินนะครับ )
2.หนองคายมีจักรยานให้เช่าหลายจุด ที่นิยมกันได้แก่ เกสเฮ้าส์ หรือ โรงแรม
ที่ใกล้ๆ ถนนคนเดิน ( ไม่จำเป็นต้องเอาจักรยานมาเองนะครับ )
3.หากมีเวลาน้อย สามารถจ้างสามล้อ รับจ้าง พาเที่ยวได้
4.การเดินทางมาหนองคาย มาได้หลายเส้นทาง เช่น
- รถโดยสารประจำทาง ลงที่ บขส.หนองคาย ใกล้ตลาดโพธิ์ชัย
- เครื่องบิน ลงที่สนามบินอุดรธานี แล้วต่อรถมาที่หนองคาย
- รถไฟ ลงที่สถานีรถไฟหนองคาย แล้วจ้างสามล้อเข้ามาในตัวเมือง
- รถส่วนตัว แน่นอนครับ วิธีนี้สะดวกที่สุด
สามารถดูบทความเกี่ยวกับ หนองคาย bike lane ได้ที่
นิตยสาร Weekend ฉบับเดือน สิงหาคม 2559 (เป็นนิตยสารแจกฟรีนะครับ)
ที่หน้า 6 7 และ 8 หรือเข้าไปดูในเน็ต E-Magazine
เข้าไปดูที่ลิงค์ http://www.mbookstore.com/book-read/8938
ติดตาม ความเป็นไปภาพถ่าย เรื่องราวของหนองคายที่ facebook : Love nongkhai
( https://www.facebook.com/Lovenongkhal )นะครับ
หรือติดต่อ พูดคุย ขออนุญาตการนำภาพไปใช้ ซื้อขายภาพfacebook : https://www.facebook.com/thapanun.mahisanun
นอกจากนี้ ถ้ายังไม่แน่ใจว่ามาหนองคายจะเที่ยวที่ไหน
อ่านต่อที่รีวิว...หนองคาย เมืองน่าอยู่อันดับ 7 ของโลก กับ 7 ที่ ที่ต้องไป ( จัดอันดับเมื่อนานมาแล้วนะครับ )
http://pantip.com/topic/31174470
และอีกรีวิวได้ที่ รีวิว...หนองคาย กับ10กิจกรรมท่องเที่ยวที่ต้องมาทำให้ได้นะ
http://pantip.com/topic/33261033
ขอจบการนำเสนอเเต่เพียงเท่านี้ครับขอบคุณครับ
ผมขอสัญญาว่า จะทำให้คุณรักหนองคาย มากขึ้นกว่าเดิม