Change เปลี่ยน 6 ข้อ เพื้อ.... เป็น ผู้จัดการร้าน...ขั้นเทพ

Change เปลี่ยน 6 ข้อ เพื้อ....เป็น ผู้จัดการร้าน...ขั้นเทพ

ทำไมพนักงาน ถึงลาออกบ่อย ?   ทำไมลูกน้องไม่ ทำตามที่บอก ?  ทำไมลูกน้อง ทำผิดพลาด ซ้ำแล้ว ซ้ำอีก ?  ถูกลูกน้องโกง แก้อย่างไร ?  หาคนดีดี มาทำงานด้วยได้ยังไง?  ทำไม  ทำไม ทำไม สารพัดปัญหาเรื่องคน  ที่เป็นปัญหาโลกแตก  อันดับ 1 ที่ทุกกิจการต้องการหาทางออก  ฟังอาจารย์ บ็อบ หรือ คุณรุ่งโรจน์  เจือสนิท  อดีตผู้บริหาร KFC  ผู้ใต่เต้าจากพนักงานหน้าร้าน KFC จนกลายมาเป็นผู้บริหารระดับสูง ที่มีประสบการณ์มายาวนากว่า 20 ปี ในการพัฒนาบุคลากร มาถ่ายทอดถึง วิธีการ สร้างสุดยอด ผู้จัดการร้านขั้นเทพ
คุณรุ่งโรจน์  แนะนำถึงสิ่งที่เจ้าของร้าน  หรือ ผู้จัดการร้านต้องเปลี่ยนสไตล์การทำงานใหม่ๆ เพื่อ ...สร้างผู้จัดการร้านขั้นเทพ  ลองมาเปลี่ยน..6 ข้อดังนี้

1.สุดยอด ของผู้จัดการร้าน ขั้นเทพ ต้องเป็นอย่างไร ถ้าไม่ใช่ต้องเปลี่ยน...?  วีไอกับเทคนิค

“ธุรกิจอะไรก็ตาม  จะดีไม่ดี ขึ้นอยู่กับผู้จัดการร้านนะครับ ตำแหน่งนี้มีความสำคัญ  ผู้จัดการร้านเปรียบเหมือนตัวแทนของเจ้าของร้านครับ เราจะประเมินว่าผู้จัดร้านเก่งหรือไม่เก่งเราดูจากอะไร อย่างแรกนะครับ   อันนี้พิสูจน์มาแล้ว ง่ายๆสมมติว่าคุณดูแลเอง ยอดขาย 3 ล้าน และเด็กไม่เคยออกเลย แต่พอจ้างผู้จัดการมาอยู่ เด็กลาออกบ่อยมาก อันนี้ปัญหาคือใครครับ  ผู้จัดการครับ ดังนั้นการประเมินผู้จัดการร้าน ก็จะมาจาก 2 ข้อหลัก คือ ความสามารถสร้างยอดขายที่เติบโตของร้านได้ และดูแลลูกน้องได้ดี ไม่มีการลาออกบ่อยครับ ดังนั้นคุณควรมีการประเมินผู้จัดการของคุณว่า เขาใช่หรือไม่  เพราะถ้ายอดขายตกมาก เด็กออกบ่อย จนยากแก้ไข ก็ต้องเปลี่ยนตัว ผู้จัดการร้าน เพราะถ้าเปลี่ยน เป็นคนที่ใช่กว่า ปัญหาก็จะจบง่ายกว่า ไม่ต้องเสียเวลาครับ”

2. รายละเอียดงาน หรือ JD คือ Job Description มีมั๊ยครับ ? พาพันสำลักควัน
“ถ้าเราจะควบคุมคนทำงานเราก็ต้องมี JD  หรือ Job Description   คือรายการ  ที่อธิบายรายละเอียดงานที่ให้เขาทำ ที่ร้านเรามีมั้ยครับ เราต้องมี JD ทุกตำแหน่ง  เพื่อให้เขาเข้าใจว่า งานที่เขาต้องรับผิดชอบ ต้องทำ มีอะไรบ้างคือ เจาะในรายละเอียด การที่เราจะได้คนที่ดีมาทำงานด้วย เราก็ต้องถามตัวเราเองก่อนว่า เราได้อธิบายให้เขางานที่เขาต้องทำ ให้เข้าใจหรือป่าว   มีลิสรายการงานให้ดูว่าทำอะไรบ้างการที่เราโทษว่าพนักงานไม่รับผิดชอบ ต้องโทษตัวเราเองด้วยว่า เราได้บอกชัดเจนไหมว่า เขาต้องรับผิดชอบอะไร เมื่อไร อย่างไร ถ้ามีการบอกรายละเอียดของแต่ละตำแหน่งงานชัดๆ จะทำให้พนักงานเข้าใจขอบเขตงานของตัวเองและปฏิบัติได้ดีกว่าครับ ลองเปลี่ยนดูซิครับ ไม่งั้นเด็กก็จะเบื่อ อยู่ไม่ได้ ไปหาให้ดีกว่า ธุรกิจที่มีสาขาเดียวก็ทำได้ครับการบริหารร้านของคุณจะง่ายขึ้นครับ และนี่ก็เป็นอีกหน้าที่หนึ่งของผู้จัดการร้านด้วยนะครับ”

3.รับคนที่ใช่ มีชัยไปกว่าครึ่ง พาพันดี๊ด๊าพาพันดี๊ด๊า
“ถ้าคุณบอกว่าพนักงานของคุณไม่ดี ใครผิดครับ คุณนั่นแหละผิด เพราะคุณเป็นคนรับเขามาเองครับ การรับสมัครคนจึงมีความสำคัญและต้องเอาใจใส่ตั้งแต่เริ่มต้นครับ บริษัทใหญ่หลายแห่งจะมีการตั้ง สโลนแกนไว้เลยครับว่า พนักงานแต่ละตำแหน่งของเขาจะต้องมีบุคลิกภาพเป็นเช่นไร เช่น ยิ้มง่าย ฉะฉาน รักงานบริการที่สุด เป็นต้น เมื่อมีการตั้งไว้แบบนี้ ก็จะง่ายขึ้นมากครับ ในการคัดเลือกคนให้เหมาะสมกับงาน”
“จะหาคนจากที่ไหนล่ะ หาคนทำงานยากจัง ชอบบ่นกันแบบนี้  ที่จริงมีหลายวิธีนะครับ ที่ทำได้คนที่ต้องการ คุณได้พยายามทุกวิถีทางแล้วหรือยัง เช่น ติดป้ายหน้าร้าน,ตั้งโต๊ะรับสมัครงานในแหล่งที่คนต้องการงาน เช่น สถานศึกษา กรมแรงงาน ที่แหล่งจัดหางาน ,ให้พนักงานแนะนำเพื่อน, ให้เพื่อนแนะนำ,ติดประกาศ ตามสถานที่ต่างๆ เช่น รถโดยสาร ลิฟท์ หอพัก ฯลฯ,ลงสื่อ อินเตอร์เน็ต สื่อจัดหางาน, หรือ แม้กระทั่งการชักชวนจากร้านคู่แข่ง เป็นต้น”
“คนมีความสำคัญมากที่สุดในการทำกิจการใช่มั้ยครับ ฉะนั้นถ้าเราได้คนที่เก่ง คนที่ใช่เราก็ไม่เหนื่อย แต่ถ้าได้คนไม่เก่งมา ไม่เหมาะสมกับงาน ก็เหนื่อยมากครับ  การสรรหา การคัดเลือก การทดลองงาน จึงเป็นสิ่งแรกที่หัวหน้างาน หรือเจ้าของร้าน หรือผู้จัดการร้าน จำเป็นต้องมีวิธีการที่ดี ในการคัดเลือกตั้งแต่แรก”
“ที่นี้ รู้หรือยังครับว่า ถ้ามีลูกน้องไม่ดี คือ ความผิดของใครกันแน่ครับ”

4.สร้างจุดร่วมการทำงาน เน้นวัฒนธรรมองค์กร  เม่านักช้อปนางพญาเม่า
“เมื่อรับคนมาแล้ว ก็ต้องสอนคนครับ สิ่งแรก คือ การปฐมนิเทศ เป็นการแนะนำตัวซึ่งกันและกัน แจ้งถึงวัฒนธรรมองค์กร  เพื่อให้มีจุดมุ่งหมายเดียวกัน Vision วิสัยทัศน์องค์กร หรือวัฒนธรรมองค์กร จะมีการเขียนขึ้นมาเพื่อให้ทุกคนเดินตามในทิศทางเดียวกัน อย่างเช่น ยัมเรสเตอรองส์ บริษัท เจ้าของแบรนด์KFC มีว่า We work together คือเน้นการทำงานเป็นทีมเวิร์คครับ หรือบางบริษัท ทำเป็นกลอนก็ได้   อย่างร้านเราเล็กก็ทำได้นะครับ เราคิดจากที่ว่า องค์กรของเราอยากให้เป็นแบบไหนทุกธุรกิจสร้างได้นะครับ การมีวัฒนธรรมองค์กรก็เพื่อเป็นจุดร่วม ให้ทุกคนเดินตามในกรอบเดียวกันมีเป้าหมายในสิ่งเดียวกัน เป็นการสร้างทัศนคติที่ดีต่อองค์กรด้วยครับ”

5.อบรมเข้ม ก่อนลงมือจริง  เจ้าเริงร่าเม่าอ่าน
“ถ้าลูกน้องไม่เก่ง โทษใครครับ ?  เจ้าของกิจการ หรือ ผู้จัดการร้านครับ เพราะคุณมีทำหน้าที่หลัก คือการสอนงานให้ลูกน้องทำงานเก่งครับ และพัฒนาความสามารถของเขาครับ การอบรม จะต้องครบถ้วน ทั้ง ทฤษฎี และปฏิบัติ ต้องมีการจัดทำโปรแกรมไว้เลยนะครับ  อย่าง 7 วันต้องมีตารางบอกเขาว่าแต่ละวันเขาต้องทำอะไร เช่น วันแรก  รู้เรื่องประวัติบริษัท วิชั่นบริษัท วันที่สอง  รู้การบริการ รู้การไหว้ การต้อนรับลูกค้าที่ดี และถูกต้อง ทั้งภาคทฤษฎี และปฏิบัติ  วันที่สาม รู้เรื่องการเสริฟ การรับมือเรื่องลูกค้าตำหนิ  วันที่สี่ รู้เรื่องการเก็บโต๊ะ  การทำความสะอาดร้านเป็นต้น  ทีนี้พอครบ 7 วัน เป็นไงครับ ถ้าน้องใหม่ ยังยิ้ม โอเค รับได้ แต่ถ้าทำเหนื่อยๆ ดูไม่ไหว โอเคเชิญไป  แค่นั้นเอง คือ ก่อนที่จะทำงานอะไรก็ตาม เราต้องสอนเขาครับ   สอนให้เขาใจถึงแก่น  ที่มาที่ไป ทำแบบนี้ไปทำไม  ถ้าทำแล้วจะเกิดผลดีอย่างไร  แต่ถ้าไม่ทำจะเกิดหายนะอย่างไร ถ้าลูกน้องของคุณได้รับการอบรม และฝึกฝนที่ดีจากคุณ เขาจะทำงานได้ดีกว่าอย่างแน่นอนครับ ไม่ใช่มาถึงให้ทำงานเลย แล้วเขาทำพลาดก็ไปด่าเขา อย่างนี้ไม่ดีนะครับ เขาควรได้รับมาอบรมมาอย่างดี เข้มข้น ก่อนทำงานจริงครับ”
“ถ้ารับคนดี คนที่เหมาะกับงานมาแล้ว เมื่อสอนให้เขามีความสามารถก็ต้องติดตาม  มีเวิรค์ข้อปให้ทำ เพื่อดูว่าเขาว่ามีไอเดียยังไง เอาไปใช้ถูกมั้ย ปัญหาคนไทยเทรนคนแล้ว ไม่มีการติดตามครับ ต้องประเมินผลด้วยว่าทำได้หรือทำไม่ได้วิธีการติดตามผลก็ง่ายๆครับ อาจมีการออกข้อสอบ และสอบปฏิบัติ ถ้าผ่านก็โอเค ก็แจกใบประกาศ ชมเชยว่าสอบผ่าน หรือ มีการสอบ เพื่อเลื่อนตำแหน่งเป็นต้น”
“ที่นี้ รู้หรือยังครับ ถ้าลูกน้องคุณไม่เก่ง เพราะอะไรครับ ? “

ส่วนหนึ่งของการอบรมหลักสูตร "ผู้จัดการร้าน...ขั้นเทพ" จัดโดยสมาคมแฟรนไชส์ไทย
ขอบคุณข้อมูลจาก www.franchisefocus.co.th

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่