คิดถึง...อาม่า เลยเกิดบทหนังโฆษณาตัวนี้ขึ้นมา

ผมเชื่อว่าความคิดถึงไม่เคยฆ่าคน...แต่ความคิดถึงทำให้ผมรู้จักคำว่ารอ รอวันที่เราจะได้พบเจอกันอีกครั้ง เมื่อพูดถึงความคิดถึง มีเพลงๆหนึ่งที่ลอยเข้ามาในหัวผมตอนนี้ นั่นคือเพลง กาลครั้งหนึ่ง ของแสตมป์ ผมชอบท่อนที่ร้องว่า "ชีวิตนี้เร็วดั่งความฝัน กาลครั้งหนึ่ง ดีใจนะที่เราพบกัน" เมื่อฟังที่ไร ก็มักจะน้ำตาไหล และคิดเสมอๆว่า ชีวิตเรานั้นเร็วจริง เวลาถึงได้พรากเราให้ต้องจากกัน แต่ก็ยังดีใจนะ...ที่เราเคยมีช่วงเวลาดีๆร่วมกัน
        เมื่อพูดถึงชีวิตของผมแล้ว ผมมีคนที่ผมรักมากอยู่คนหนึ่ง แต่เค้าจากไปแล้ว นั้นคืออาม่าของผม อาม่าของผมเพิ่งเสียไปเมื่อกลางปีที่ผ่านมา ความคิดถึงต่ออาม่าจึงยังคงคุกรุ่นอยู่ในหัว และยังมีความทรงจำต่างๆ ลอยไป เวียนมาอยู่ตลอด และความรู้สึกนี้เอง เลยทำให้ผมขุดบทหนังโฆษณาที่ผมเคยเขียนไว้เมื่อ 3 ปีที่แล้วตอนที่อาม่ายังมีชีวิตอยู่
    บทหนังที่ว่ามันเป็นบทหนังที่ผมเคยเสนอขายลูกค้า แต่ลูกค้าไม่ซื้อ ดังนั้นจึงต้องเก็บเข้ากระเป๋ามายาวนานกว่าสามปี จนกระทั่งความคิดถึงนี้จึงทำให้ผมเปิดมันออกมาอีกครั้ง กลับมานั่งอ่าน และแชร์ความรู้สึกนี้ต่อทุกคน
    (ท้าวความนิดนึง ผมเป็นผู้กำกับโฆษณาที่มักมีเขียนบทและพัฒนาสตอรี่บอร์ดด้วยตัวเอง แต่ก็อย่างว่า...งานมันก็ได้ทำบ้าง ไม่ได้ทำบ้าง เพราะบางไอเดีย บางบทก็แล้วแต่ลูกค้าจะชอบหรือไม่ชอบก็ขึ้นอยู่กับเค้า แต่ยังไงก็ตามรู้สึกเสียดายมากที่เรื่องนี้ไม่ได้ทำ...)
    มาพูดถึงตัวบท...หนังเรื่องนี้เป็นบทโฆษณา ที่ต้องการพูดถึงวันครบรอบของบริษัทปูนแห่งหนึ่ง ผมจึงตีโจทย์ว่าอะไรคือวันครบรอบ และอะไรคือสิ่งที่จะโยงถึงกับบริษัทปูนและวัสดุก่อสร้าง ผมจึงโยกมันเข้ากับความแข็งแกร่งของสถาบันครอบ จึงได้เกิดเป็นเรื่องราวดีๆในหนังเรื่องนี้ บทหนังเรื่องนี้พูดให้ฟังตรงๆมันมีที่มา และแรงบันดาลใจจากอาม่าของผม และครอบครัวของผม ครอบครัวผมเป็นครอบครัวใหญ่ อากงเป็นผู้รับเหมาก่อสร้าง พ่อผมเคยเล่าให้ฟังบ่อยๆว่าอากงมักพาพ่อไปไซด์ก่อสร้างอยู่บ่อยๆ และที่นั่นเองก็เป็นความทรงจำที่ดีระหว่างพ่อกับอากง ผมจึงนำมาเป็นส่วนหนึ่งในการเขียนบทหนังเรื่องนี้ แล้วที่สำคัญ ตัวละครในเรื่องที่เป็นอัลไซเมอร์ มันมาจากเรื่องของอาม่าผมเอง อาม่าเป็นอัลไซเมอร์ในระยะเริ่มต้น ตอนที่ผมเริ่มเขียนบทหนังเรื่องนี้เมื่อสามปีที่แล้ว
        
ปล.1 ผมอุทิศเรื่องนี้ให้กับเธอ(อาม่าของผม) และอุทิศเรื่องนี้ให้กับครอบครัว จึงได้เขียนมันออกมาและหวังว่าคนที่ได้เข้ามาอ่านกระทู้นี้จะชอบมัน
ปล.2 บทหนังเรื่องนี้ถูกเขียนขึ้นเป็นเรื่องย่อ จึงไม่ได้ลงรายละอียดลึกมาก แต่สามารถบอกให้รู้ว่าใครทำอะไรที่ไหนอย่างไร และเป็นเช่นไร

Family หนังเรื่องนี้ไม่มีชื่อเรื่อง...แต่มีครอบครัว

    เรื่องราวความรักของครอบครัวๆหนึ่ง ที่เล่าผ่านมุมมองของสองตัวละคร ในสามเหตุการณ์ของช่วงเวลาชีวิตที่ต่างกัน
    ช่วงเวลาแรก...เล่าผ่านมุมมองของเด็กหญิงคนหนึ่งที่ชื่อว่า “ปูน” เธอเป็นเด็กสาววัย 7 ขวบผู้น่ารักและมักมีโลกส่วนตัวอยู่เสมอ พ่อของเธอนั้นเป็นหัวหน้าคนงานรับเหมาก่อสร้างอาคารต่างๆทั่วกรุงเทพ และต่างจังหวัด ตั้งแต่ที่เธอจำความได้ เธอรู้ว่าพ่อของเธอไม่มีเวลาให้กับเธอ เธอมักเห็นพ่อของเธอยุ่งกับงานเสมอ และบางครั้งพ่อของเธอก็ต้องเดินทางไปต่างจังหวัดเพื่อคุมงาน ทุกๆวัน และทุกๆเย็นเธอต้องกินข้าวกับแม่ของเธอเพียงลำพัง พ่อของเธอไม่มีเวลาและมักกลับบ้านดึกเป็นประจำ สิ่งเดียวที่เธอปรารถนาและหวังมาโดยตลอด คือ การได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน และสิ่งที่เธอมักทำอยู่เป็นประจำ คือการขีดปฏิทินนับวันว่าพ่อของเธอหายไปวันไหน และวันไหนจะกลับบ้านเร็วบ้าง กิจกรรมและงานอดิเรกที่เธอชอบทำอีกอย่างหนึ่งคือ การเขียนไดอารี่ เธอมักจะเขียนบันทึกและเรื่องราวๆต่างๆของเธอเอง และครอบครัวอยู่เป็นประจำ และแน่นอนว่าหัวข้อที่เธอมักเขียนอยู่บ่อยครั้งคือ พ่อเธอไปไหน พ่อจะกลับเมื่อไร เธอมีชีวิตอยู่กับแม่เรื่อยมา เจอพ่อเป็นบางครั้ง ตื่นนอนพ่อก็หลับ กลับบ้านมาพ่อก็ยังไม่กลับ เป็นเช่นนี้เรื่อยมาจนเธอโตเป็นสาว     
    มีเหตุการณ์สำคัญอยู่ครั้งหนึ่งที่เธอจำได้ครั้นเมื่อเธออายุได้ 8 ขวบ (และได้จดบันทึกเอาไว้) คือ เธออธิฐานขอพรในวันเกิดว่าให้พ่อของเธอกลับมาฉลองวันเกิดให้เธอ แล้วมันก็กลายเป็นจริง มันเป็นสิ่งมหัศจรรย์สำหรับเธอมาก และในทุกๆปีเธอก็จะขอของขวัญวันเกิดและขอพรจากการเป่าเค้กเสมอมาว่า...ขอให้พ่อของเธอกลับมาอยู่กับเธอ จนกระทั่งเธออายุได้ 18 ปี ปีนั้นเป็นปีที่เธอเพิ่งมีน้องชายวัย 6 เดือนเศษ ถ้าจำไม่ผิดก่อนที่น้องชายของเธอจะคลอด เธอ พ่อ แม่และน้องชายที่อยู่ในท้อง ได้ถ่ายภาพด้วยกันที่หน้าบ้าน และหลังจากที่น้องชายเธอคลอดแล้วนั้น พวกเค้าาก็ได้ถ่ายรูปครอบครัวด้วยกันอีกครั้ง และนั้น...ก็เป็นครั้งสุดท้าย เพราะในปีนั้นเองในวันเกิดของเธอ เธอขอและอธิฐานให้พ่อของเธอมีเวลา และกลับมา แต่...ครั้งนั้นมันไม่มีวันเป็นจริงอีกแล้ว พ่อ...ไม่มีวันกลับมา พ่อประสบอุบัติเหตุระหว่างงาน และจากเธอไปตลอดการณ์
    เหตุการณ์ผ่านไป แม่ของเธอจึงต้องกลายมาเป็นเสาหลักของบ้านและดูแลกิจการแทนพ่อ เธอเองก็เลยต้องกลายเป็นคนเลี้ยงและดูแลน้องชายเหมือนกับเป็นแม่อีกคนหนึ่ง
    ช่วงเวลาผ่านพ้นมาหลายปี....ซึ่งเล่าผ่านตัวละครคนเดิม ปูนในวัย 30 กว่าๆ เธอเป็นหัวหน้าคนงานเกือบร้อยกว่าชีวิต บริษัทของเธอค่อยๆโตมาเรื่อยๆ ด้วยฝีมือของเธอ และพนักงานคนสนิทของพ่อ เธอทำงานจนกระทั่งลืมไปแล้วว่าครั้งหนึ่งเธอเคยเป็นคนยังไง และเธอก็มีเวลาให้กับแม่และน้องชายน้อยลงเหมือนกับครั้งที่พ่อของเธอเคยเป็น
    เท้าความเดิม...ตอนที่เธอเป็นเด็กหลังจากที่พ่อของเธอเสียชีวิต แม่ของเธอก็กลายเป็นคนดูแลกิจการแทน ทำให้แม่ไม่ค่อยมีเวลาเลี้ยงน้องชาย น้องชายของเธอจึงไม่ค่อยสนิทกับแม่เสียเท่าไร เมื่อเวลาน้องชายมีปัญหาก็จะไม่ค่อยปรึกษาแม่ รอจนกระทั่งเธอว่างถึงค่อยมาปรึกษา จนกระทั่งวันหนึ่ง น้องชายของเธอทะเลาะกับแม่ (ซึ่งวันนั้นเป็นวันเกิดของเธอ) จนทำให้เค้าต้องหนีออกจากบ้าน กว่าเธอจะมารู้อีกทีว่าน้องชายหนีออกจากบ้านก็ถึงตอนที่เธอกลับบ้านมาเพื่อฉลองวันเกิด เค้กยังคงตั้งอยู่เพื่อรอน้องมาร่วมฉลอง เธอได้แต่เศร้าใจ แล้วเธอก็ขอพรอีกครั้งหลังจากที่เธอไม่ได้ทำมานานเหมือนครั้งที่พ่อยังมีชีวิต เธออธิฐานให้น้องชายกลับมา และหาเค้าพบ หลังจากที่รู้ว่าน้องชายหนีออกจากบ้านเธอก็หยุดงาน และออกตามหาทุกที่เท่าที่เธอจะนึกออก เธอนั่งขีดปฏิทินนับวันที่น้องชายจะกลับมา เหมือนครั้งที่เธอเป็นเด็ก ขีดนับวันว่าพ่อของเธอจะกลับมาเมื่อไร เธอเสียใจอยู่หลายวัน และหมดหนทางในการตามหาน้อง จนกระทั่งเธอได้หยิบและค้นไดอารี่เล่มเก่าเล่มนั้น เล่มที่เธอเคยเขียนตอนเป็นเด็ก เธอเปิดมันอ่านพร้อมกับฝุ่นอันเคลอะ สิ่งที่เธอไม่คลาดฝันคือรูปใบหนึ่งที่เธอก็ไม่รู้ว่ามาจากไหนเสียบติดอยู่ในหน้ากระดาษของสมุดไดอารี่ รูปใบนั้นเป็นรูปพ่อและแม่สมัยยังเป็นหนุ่มสาว นั่งถ่ายรูปอยู่ที่บนแสตนด์สนามกีฬา โดยที่มีข้อความเป็นลายมือของพ่อผู้เขียน
*ภาษาไทย ไม่ค่อยรู้เรื่องแต่พอจะจับใจความได้ว่า “ที่ที่เราพบกันครั้งแรก ที่นี่เป็นที่ก่อให้เกิดความรักของเราทั้งสอง” ที่นั้นคือสถานที่ที่พ่อและแม่เจอกันครั้งแรก เป็นสถานที่ที่พ่อไปทำงานสมัยที่พ่อยังเป็นลูกจ้างและคนงานอยู่
    (*พ่อของปูนเป็นคนจีนอพยพเข้ามาทำงานในไทยสมัยนั้น เขาอ่านและเขียนภาษาไทยไม่เก่งนัก)
    เธอวางรูปภาพลง และหันไปเปิดหน้ากระดาษสมุดไดอารี่อ่าน เธอต้องประหลาดใจอีกครั้ง เมื่อเธอได้เห็นลายมือพ่อเขียนต่อท้ายในสมุดไดอารี่ของเธอว่า “พ่อขอโทษที่แอบอ่านสมุดบันทึกของลูก แต่พ่ออยากรู้ว่าลูกเป็นยังไง มีอะไรเกิดขึ้นกับลูกบ้าง และที่สำคัญ พ่อขอโทษที่ไม่มีเวลา พ่อหวังว่า...ต่อไปเราจะดูแลแม่กับน้องได้นะ” เมื่อเธอเห็นดังนั้น เธอก็ถึงขั้นร้องไห้ แต่ยิ่งไปกว่านั้นเธอได้พบลายมือน้องชายของเธอต่อท้ายคำพูดของพ่อที่เขียนไว่ว่า “อยากเป็นพี่จัง ได้เห็นหน้าพ่อด้วย เมื่อไม่ได้เห็นหน้าพ่อ เหมือนพี่ ผมก็จะไปในที่ที่พ่อและพี่เคยไปด้วยกัน (สมัยนึงพ่อเคยพาปูน(พี่สาว)ไปยังสถานที่ที่พ่อเคยทำงาน)” เมื่อเธออ่านดังนั้นเธอจึงออกตามหาเค้าอีกครั้ง ในสถานที่ต่างๆที่พ่อเคยทำงาน เคยสร้างไว้ และท้ายที่สุดเธอก็ตามหาน้องชายจนเจอ (ที่นั่นก็คือสถานที่ที่เดียวกับที่พ่อและแม่พบรักกัน) ทั้งสองได้คุยและปรับความเข้าใจต่างๆ และพาเค้ากลับมาขอโทษแม่...
    เหตุการณ์ผ่านไป จนกระทั่งเค้าเรียนจบมหา’ลัย หลังจากเรียนจบน้องชายของเธอก็เดินทางไปเรียนต่อยังต่างประเทศ
    ช่วงเวลาที่สาม...หลายปีผ่านไป เล่าผ่านมุมมองของน้องชาย ชื่อ อิฐ ในขณะที่เค้าใช้ชีวิตอยู่ที่เมืองนอกนั้น วันหนึ่งมีโทรศัพท์จากทางไกลโทรมาหาเค้า ปลายสายคือพี่สาวของเค้า ปูน เธอเรียกตัวให้อิฐกลับไทยโดยด่วน เพื่อมาดูแลแม่ผู้ซึ่งป่วยเป็น
โรคอัลไซเมอร์ในระยะที่จำอะไรได้เลือนลางมาก เธอต้องการให้เขายุติชีวิตทุกอย่างที่เมืองนอก เพื่อกลับมาช่วยดูแลแม่ ก่อนที่แม่จะจำอะไรไม่ได้ และไม่สามารถดูแลตัวเองได้ เหตุเพราะว่าเธอต้องดูแลกิจการ และไม่มีเวลาว่างคอยดูแล ดังนั้นเค้าจึงต้องรีบบินกลับมา และมาดูแลแม่ผู้ซึ่งเป็นโรคอัลไซเมอร์ อิฐดูแลแม่อย่างทุลักทุเล เขารู้สึกเบื่อและท้อกับการใช้ชีวิตที่ไม่เป็นอิสระอย่างเช่นดังเดิม จนกระทั่งวันหนึ่ง แม่หายไป เค้าไม่รู้ว่าแม่หายไปไหน เค้าจึงรีบเอาข่าวไปบอกพี่สาว  ปูนตกใจเป็นอย่างมาก เค้าและเธอออกตามหาแม่ (เหมือนครั้งที่เธอเคยตามหาน้องชาย) จนกระทั่ง...เจอแม่อยู่บน
ที่แสตนด์สนามกีฬาแห่งหนึ่ง ที่ที่พ่อและแม่พบรักกันครั้งแรก ที่ที่พ่อเคยทำงาน
    ตอนที่เจอแม่ เหมือนว่าแม่จะลืมๆว่าตัวเองอยู่ที่ไหน และจำไม่ได้ว่ามาที่นี่ได้อย่างไร แต่เท่าที่รู้เธอคงใช้ความทรงจำ ในการคล้ำทางมา...ความทรงใจที่เชื่อว่าความรักนั้นคือมุดหมาย ความทรงจำที่เชื่อว่าครอบครัวของเราเริ่มต้นจากที่นี่ ที่ที่เป็นครั้งแรกของเรา....
        
โดย นักเล่า

นี่เป็นเพจที่ผมกะว่าจะเวิ่นเว้อ และเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับความคิดถึงต่อครับ

https://www.facebook.com/%E0%B8%84%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%96%E0%B8%B6%E0%B8%87-1794394510808094/?skip_nax_wizard=true

ขอบคุณครับ
นักเล่า
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่