สิงเทลเท 4 หมื่นล. ซื้อ 'อินทัช' สัดส่วน 21% คาดสรุป ธ.ค. นี้ - AIS เล็งหดปันผล
ไทยโพสต์ ฉบับวันที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2559
รัชดาภิเษก * "สิงเทล" ซื้อหุ้น "อินทัช" 21% คิดเป็นมูลค่า 40,900 ล้านบาท ผู้บริหารแจ้ง ตลท.คาดได้ข้อสรุปภายใน ธ.ค.นี้ ยันไม่กระทบการบริหาร รับ! รายได้ปีนี้ไม่โต หลังลูกค้าจากไทยคมลด "เอไอเอส" จ่อปรับแผน คาดลดจ่ายปันผล หลังต้นทุนเพิ่มจาก 4G
นายฟิลิป เชียง ชอง แทน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.อินทัช โฮลดิ้งส์ (INTUCH) ทำหนังสือแจ้งกรรมการและผู้จัด การตลาดหลักทรัพย์แห่งประ เทศไทย (ตลท.) ว่า บริษัทขอชี้แจงข้อมูลตามที่ Singapore Telecommunications Limited (Singtel) หรือสิงเทล ได้แจ้งตลาด หลักทรัพย์สิงคโปร์ในวันที่ 18 ส.ค.ว่า ได้เข้าทำสัญญาซื้อหุ้นของบริษัทแบบมีเงื่อนไขจากบริษัท แอสเพน โฮลดิ้งส์ จำกัด ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ใน บมจ.อินทัช ในสัดส่วน 21% ของทุนชำระแล้วของบริษัท ในราคา 60.83 บาทต่อหุ้น
อย่างไรก็ตาม การทำราย การดังกล่าวจะเกิดขึ้นหรือไม่ ขึ้นอยู่กับการปฏิบัติตามเงื่อนไขบังคับก่อน ซึ่งต้องได้รับการอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นของสิงเทลและหน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ คาดว่ารายการดังกล่าวจะแล้วเสร็จภายในเดือน ธ.ค.2559 ซึ่งขณะนี้บริษัทยังไม่ได้รับการแจ้ง อย่างเป็นทางการในกรณีดังกล่าวจากกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท หากได้รับแจ้งข้อมูลเพิ่มเติม จะแจ้งให้ทราบต่อไป
ปัจจุบัน บมจ.อินทัช มีหุ้น ทั้งสิ้น 3,208,420,305 หุ้น มาร์ เก็ตแคปรวม 196,786 ล้านบาท โดย แอสเพนฯ ถือหุ้นสัดส่วน 40.50% หรือ 1,298,600,224 หุ้น หากขายออก 21% หรือ 674 ล้านหุ้น คิดเป็นมูลค่าประมาณ 40,900 ล้านบาท คำนวณจากราคาที่ 60.83 บาทต่อหุ้น
ด้าน น.ส.ทมยันตี คงพูล ศิลป์ รองกรรมการผู้อำนวยการ ส่วนงานการลงทุนสัมพันธ์ INTUCH กล่าวว่า รายได้จากการขายและ การให้บริการปีนี้ คาดว่าจะไม่เติบโตจากปี 2558 จากเดิมที่คาดว่าจะโต 3-5% หลังจากราย ได้จากการขายและบริการของ บมจ.ไทยคม (THCOM) คาดจะไม่เติบโต จากการลดการใช้ บริการดาวเทียมแบบทั่วไปตามสภาวะอุตสาหกรรมบรอดคาสต์ ที่กำลังอยู่ในช่วงชะลอตัว และ จากการที่ CTH ได้มีการยกเลิก สัญญาใช้ดาวเทียม ที่อาจจะส่ง ผลกระทบต่อตัวรายได้ในภาพ รวมลดลงราว 7% สำหรับธุรกิจ เวนเจอร์แคปปิตอล (VC) ปัจจุ บันยังเหลืออีก 8 บริษัท โดยในช่วงที่ผ่านมามีการขายออกไปแล้ว 1 บริษัท เป็นไปตามนโย บายของบริษัท ที่จะถือไม่เกินสัดส่วน 30% ส่วนในช่วงครึ่งปีหลังคาดว่าจะมีเข้ามาอีก ซึ่งแต่ละปีบริษัทตั้งเป้าเงินลงทุน VC ไว้ปีละ 200 ล้านบาท
ส่วนกรณีสิงเทลจะเข้าซื้อ หุ้นในสัดส่วน 21% จากแอสเพนฯ ยืนยันว่า ไม่กระทบกับการดำเนินธุรกิจ โดยเป็นการทำรายการของผู้ถือหุ้นใหญ่ที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการบริหาร
ด้าน น.ส.อาริยา ศิลากร ผู้จัดการส่วนงานนักลงทุนสัมพันธ์ บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) กล่าวว่า บริษัทอยู่ระหว่างวางแผนเป้าหมายการดำเนินธุรกิจช่วง 3-5 ปีต่อจากนี้ โดยจะพิจารณาปรับนโยบายการจ่ายปันผลจาก 100% ของกำไรสุทธิ หลังจากบริษัทมีต้นทุนค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น จากค่าใช้จ่ายการชำระค่าใบอนุญาตคลื่นความถี่ 1800 MHz และ 900 MHz ไปจนถึงปี 2563 ซึ่งแบ่งชำระปี 2560 จำนวน 10,247 ล้านบาท ปี 2561 จำนวน 14,267 ล้านบาท ปี 2562 จำนวน 4,020 ล้านบาท และปี 2563 จำนวน 59,574 ล้านบาท.
แหล่งข่าว
หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ ฉบับวันที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2559 (หน้า 7)
'สิงเทล' เท 4 หมื่นล. ซื้อ 'อินทัช' สัดส่วน 21% คาดสรุป ธ.ค. นี้ - AIS เล็งหดปันผล
สิงเทลเท 4 หมื่นล. ซื้อ 'อินทัช' สัดส่วน 21% คาดสรุป ธ.ค. นี้ - AIS เล็งหดปันผล
ไทยโพสต์ ฉบับวันที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2559
รัชดาภิเษก * "สิงเทล" ซื้อหุ้น "อินทัช" 21% คิดเป็นมูลค่า 40,900 ล้านบาท ผู้บริหารแจ้ง ตลท.คาดได้ข้อสรุปภายใน ธ.ค.นี้ ยันไม่กระทบการบริหาร รับ! รายได้ปีนี้ไม่โต หลังลูกค้าจากไทยคมลด "เอไอเอส" จ่อปรับแผน คาดลดจ่ายปันผล หลังต้นทุนเพิ่มจาก 4G
นายฟิลิป เชียง ชอง แทน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.อินทัช โฮลดิ้งส์ (INTUCH) ทำหนังสือแจ้งกรรมการและผู้จัด การตลาดหลักทรัพย์แห่งประ เทศไทย (ตลท.) ว่า บริษัทขอชี้แจงข้อมูลตามที่ Singapore Telecommunications Limited (Singtel) หรือสิงเทล ได้แจ้งตลาด หลักทรัพย์สิงคโปร์ในวันที่ 18 ส.ค.ว่า ได้เข้าทำสัญญาซื้อหุ้นของบริษัทแบบมีเงื่อนไขจากบริษัท แอสเพน โฮลดิ้งส์ จำกัด ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ใน บมจ.อินทัช ในสัดส่วน 21% ของทุนชำระแล้วของบริษัท ในราคา 60.83 บาทต่อหุ้น
อย่างไรก็ตาม การทำราย การดังกล่าวจะเกิดขึ้นหรือไม่ ขึ้นอยู่กับการปฏิบัติตามเงื่อนไขบังคับก่อน ซึ่งต้องได้รับการอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นของสิงเทลและหน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ คาดว่ารายการดังกล่าวจะแล้วเสร็จภายในเดือน ธ.ค.2559 ซึ่งขณะนี้บริษัทยังไม่ได้รับการแจ้ง อย่างเป็นทางการในกรณีดังกล่าวจากกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท หากได้รับแจ้งข้อมูลเพิ่มเติม จะแจ้งให้ทราบต่อไป
ปัจจุบัน บมจ.อินทัช มีหุ้น ทั้งสิ้น 3,208,420,305 หุ้น มาร์ เก็ตแคปรวม 196,786 ล้านบาท โดย แอสเพนฯ ถือหุ้นสัดส่วน 40.50% หรือ 1,298,600,224 หุ้น หากขายออก 21% หรือ 674 ล้านหุ้น คิดเป็นมูลค่าประมาณ 40,900 ล้านบาท คำนวณจากราคาที่ 60.83 บาทต่อหุ้น
ด้าน น.ส.ทมยันตี คงพูล ศิลป์ รองกรรมการผู้อำนวยการ ส่วนงานการลงทุนสัมพันธ์ INTUCH กล่าวว่า รายได้จากการขายและ การให้บริการปีนี้ คาดว่าจะไม่เติบโตจากปี 2558 จากเดิมที่คาดว่าจะโต 3-5% หลังจากราย ได้จากการขายและบริการของ บมจ.ไทยคม (THCOM) คาดจะไม่เติบโต จากการลดการใช้ บริการดาวเทียมแบบทั่วไปตามสภาวะอุตสาหกรรมบรอดคาสต์ ที่กำลังอยู่ในช่วงชะลอตัว และ จากการที่ CTH ได้มีการยกเลิก สัญญาใช้ดาวเทียม ที่อาจจะส่ง ผลกระทบต่อตัวรายได้ในภาพ รวมลดลงราว 7% สำหรับธุรกิจ เวนเจอร์แคปปิตอล (VC) ปัจจุ บันยังเหลืออีก 8 บริษัท โดยในช่วงที่ผ่านมามีการขายออกไปแล้ว 1 บริษัท เป็นไปตามนโย บายของบริษัท ที่จะถือไม่เกินสัดส่วน 30% ส่วนในช่วงครึ่งปีหลังคาดว่าจะมีเข้ามาอีก ซึ่งแต่ละปีบริษัทตั้งเป้าเงินลงทุน VC ไว้ปีละ 200 ล้านบาท
ส่วนกรณีสิงเทลจะเข้าซื้อ หุ้นในสัดส่วน 21% จากแอสเพนฯ ยืนยันว่า ไม่กระทบกับการดำเนินธุรกิจ โดยเป็นการทำรายการของผู้ถือหุ้นใหญ่ที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการบริหาร
ด้าน น.ส.อาริยา ศิลากร ผู้จัดการส่วนงานนักลงทุนสัมพันธ์ บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) กล่าวว่า บริษัทอยู่ระหว่างวางแผนเป้าหมายการดำเนินธุรกิจช่วง 3-5 ปีต่อจากนี้ โดยจะพิจารณาปรับนโยบายการจ่ายปันผลจาก 100% ของกำไรสุทธิ หลังจากบริษัทมีต้นทุนค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น จากค่าใช้จ่ายการชำระค่าใบอนุญาตคลื่นความถี่ 1800 MHz และ 900 MHz ไปจนถึงปี 2563 ซึ่งแบ่งชำระปี 2560 จำนวน 10,247 ล้านบาท ปี 2561 จำนวน 14,267 ล้านบาท ปี 2562 จำนวน 4,020 ล้านบาท และปี 2563 จำนวน 59,574 ล้านบาท.
แหล่งข่าว
หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ ฉบับวันที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2559 (หน้า 7)