[CR] [CR] ***Dinner by heston blumenthal***

สวัสดีค่าา เพื่อนๆชาวพันทิปทุกคน
นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เขียนกระทู้อย่างจริงจังเลยนะเนี่ยยย ปกติจะชอบแอบอ่านอย่างเดียว 5555555
เนื่องจากที่ดิชั้นได้มีโอกาสตะลอนๆเที่ยวและกินไปทั่วเลยอยากจะแบ่งปันสบการณ์ต่างๆให้คนอื่นได้รับฟังบ้าง อิอิ

**ผิดพลาดประการใดก็ขออภัย ณ ที่นี้ด้วยนะคะจะรีบแก้ให้ทันทีเลยค้าบบ**

สืบเนื่องจากดิชั้นได้ไปเที่ยวลอนดอนกับครอบครัวเลยมีบุญอันใหญ่หลวงที่จะได้ไปกินอาหารดีๆ ที่นานๆจะได้กินที 55555555 เป็นความปลื้มปิติ
วันนี้มีโอกาสเลยอยากจะเขียนกระทู้รีวิวร้านอาหาร Dinner by heston blumenthal ที่เพิ่งไปกินมาไม่นานนี้ ในแบบฉบับรวบรัดรวดเร็วทันใจ ไปกันเลยค่า

สถานที่ตั้ง: Mandarin Oriental Hyde Park, London (สาขาในประเทศอังกฤษ)
ถ้าจะกินต้องจองในเว็บตั้งแต่เนิ่นๆเลยนะคะ ส่วนมากจะเต็มกันหมด
ในปี2016นี้ได้รับรางวัลสองรางวัลนั่นก็คือ
The National Restaurant Awards 2016 - No. 34 in the top 100 UK Restaurants
Elite Traveler World's Top 100 Restaurants - No. 13, 2016
ที่นี่ยังมีอีกสาขานึงเปิดที่ประเทศออสเตรเลียคิดว่านะจะเป็นสาขาที่เปิดใหม่

ประเภทอาหาร: ผสมผสานระหว่างอาหารอังกฤษและฝรั่งเศสยุคเก่าและรุ่นใหม่
เวลาทำการ: จ-ศ (12.00-14.00 และ 18.00-22.15) ส-อ. (12.00-14.30 และ 18.30-22.30)
ราคา: $$$$

มื้อที่ดิชั้นไปกินคือมื้อเที่ยงนะคะ ซึ่งทุกคนคงรู้สึกขัดๆกับชื่อร้านแล้วใช่ไหม55555 เพราะว่าชื่อร้านคือ Dinner by heston ที่เค้าตั้งชื่อแบบนี้ก็เพราะว่าสมัยก่อน มื้อหลักของชาวอังกฤษซึ่งก็คือมื้อเย็นเค้าจะกินกันช่วงกลางวันก่อนที่พระอาทิตย์จะตกดิน
ที่เห็นกันในหนังที่มีมื้อเย็นใต้แสงเทียนสวีทหวานหยดย้อยนั้นเป็นช่วงเวลาที่ถัดมาอีกยุคนึง
และหลังจากช่วงยุค คศ. 1800 คนก็เริ่มที่จะกินอาหารเย็นดึกขึ้นเรื่อยๆ และจะมีมื้อหว่างวันขึ้นมาซึ่งก็คือมื้อเที่ยงนั้นเองงงง

เอาละได้เวลารับประทานอาหารกันแล้ววว ไปโซ้ยกันเถ้อะะะะ

ตอนเที่ยงที่นี่มีเมนูสองแบบ Lunch set menu & À la Carte เนื่องจากตอนเช้าไปเดินตลาดมาเลยทานไปเกือบครึ่งกระเพาะแล้วนี่ขนาดยับยั้งชั่งใจแล้วนะเนี่ย TT พวกเราเลยเลือกที่จะสั่งแบบ À la Carte มาทานกันค่าา
พอสั่งอาหารเสร็จแล้วก็มีขนมปังก้อนมาเสริฟให้ทานเล่น ทากับเนยกลิ่นออกเลม่อนๆเล็กน้อย ขนมปังนุ่มมมม อร่อยดีฟินๆ ส่วนตัวแล้วก็ไม่ช่อบทานขนมปังแข็งๆอันนี้ถือว่าใช้ได้นะผ่านๆ แต่แอบเหลือขอบขนมปังไว้นิดนึง อิอิ

มาเริ่มกันด้วย Starter กันเลย
จานแรกคือ Signature dish  ของที่นี่เลย (อันนี้เด็กเสริฟแนะนำมาว่าให้สั่ง) ชื่อเมนูว่า Meat fruit
บางคนมองผ่านๆคงคิดว่า เอ๊ะะ กินส้มกับขนมปังเนี่ยนะะะ ไม่ใช่นะคะที่เห็นเป็นรูปส้มนั้นข้างในเป็นตับไก่ไว้ทากับขนมปังปิ้ง ตับไก่นุ่มลิ้นและไม่เหม็นคาวเลย แต่เสียตรงที่ให้ขนมปังปิ้งมาชิ้นเดียว จะกินยังไงหมดล่ะ555555 เลยเอาไปทากับขนมปังธรรมดาแต่ texture ของขนมปังที่ปิ้งกับไม่ปิ้งมันต่างกัน ชอบแบบขนมปังปิ้งมากกว่าง่าาา พอพนักงานเสริฟเห็นความพยายามในการกินของครอบครัวอิชั้นเลยให้ขนมปังปิ้งมาเพิ่มคนละหนึ่งชิ้น 555555 น่ารักมากกกก

จานที่สองคือ Roast Marrowbone เป็นจานที่มีหอยทากกรุบกรอบวางบนกระดูกวัว ประดับตกแต่งด้วยผักดองสีสันสวยงาม เป็นจานเดียวที่ไม่กล้ากิน TT  แต่คุณพ่อบอกอยากกินมากกเลยตามใจแกหน่อย

ต่อไปเป็น Main course นะค้าบบบ

เริ่มด้วยจานของอิชั้นก่อนเลยนะคะ จานนี้เป็น Roast sea bass หรือปลากระพงขาวในภาษาบ้านเรา
เนื้อปลาชุ่มฉ่ำหอมกลิ่นโรสแมรี่และเนย ประดับด้วยสาหร่ายทะเลและไข่ปลาแซลมอน แต่แอบรู้สึกว่าใส่เนยเยอะไปหน่อยแต่ว่ามีรสชาติของไข่ปลาแซลมอนมาช่วยเลยทำให้แก้เลี่ยนได้

มาต่อกันที่จานปลาอีกจานของคุณแม่ Cod in Cider น้ำราดคือครีมผสมไซเดอร์ค่ะ รสชาติออกหวานอมเปรี้ยวๆ อร่อยดีๆชอบๆ

จานของคุณพ่อคือสเต็กเนื้อ ส่วนของ fillet เสริฟแบบสุกน้อยถึงปานกลางราดด้วยน้ำเกรวี่ จานนี้เสริฟมาพร้อมกับเห็ดย่างและเฟรนฟราย ได้จิ๊กชิมของพ่อมาคำนึง 555555 เนื้อมันนุ่มดีแต่มันยังไม่สุดอะ เลยผิดหวังเล็กน้อย

จานสุดท้ายคือสเต็กหมูมาพร้อมกับกระหล่ำปลีอบค่ะ อันนี้ไม่ได้ชิมเพราะว่าไม่กินหมูค่ะ

กินอาหารหลักกันอิ่มหนำสำราญแล้วก็มาต่อกันที่ของหวานกันเลยยย
Tipsy Cake เค้าว่ากันว่าเป็นของหวานยอดนิยมของร้านนี้
ตัวเนื้อเค้กเหมือนขนมปังนุ่มนิ่มราดด้วยน้ำตาลและน้ำเชื่อม เสริฟคู่กับสัปปะรดเชื่อม ทานแล้วก็ไม่ได้รู้สึกว่าพิเศษอะไรมากเลยนา รู้สึกรสชาติคล้ายๆโรตีอาบังแค่เปลี่ยนจากโรตีมาเป็นขนมเค้กยังไงอย่างงั้น