ท้องผูก เรื่องธรรมดาที่คนเป็นรู้สึกว่าไม่ธรรมดา

เนื้อหาต่อไปนี้เกิดจากการศึกษาหาข้อมูลด้วยตัวเองจาก internet แล้วนำมารวบรวมตามความเข้าใจของผมเอง รวมทั้งจากประสบการ์การณ์การลองผิดลองถูกส่วนตัวด้วยครับ หากผิดพลาดประการใด ขออภัยด้วยครับ

อาการ อุจจาระแข็ง ถ่ายลำบาก ต้องนั่งเบ่งนาน ถ่ายแล้วหรือรู้สึกว่าถ่ายไม่สุด ต้องใช้จำนวนวันในการขับถ่ายมากขึ้นเรื่อยๆ หรือนั่งถ่ายแล้วถ่ายไม่ออกเลย หรือมีอาการเหล่านี้มากกว่า 3 ครั้งต่อสัปดาห์ก็จะเรียกว่าท้องผูก

1.ปัญหาสุขภาพที่อาจเกิดขึ้นเมื่อมีอาการท้องผูก
สิว มะเร็งลำไส้ ผิวพรรณไม่สดใส ริดสีดวง ทวาร

2.สาเหตุของโรคท้องผูก
- การไม่มีเวลาถ่ายให้กับการขับถ่าย  เร่งรีบ เดินทางหรือ กลั้นอุจจาระ
- ทานน้ำน้อย
- เครียด
- นอนดึก
- กินผักผลไม้น้อยเกินไป และหรือกินอาหารที่มีกากใยน้อย มากเกินไป
- นั่งขับถ่ายผิดท่า
- Life style ไม่ค่อยได้เคลื่อนไหวร่างกาย ออกกำลังกายน้อย
- รับประมานยาหรืออาหารเสริมที่ทำให้ท้องผูกง่ายขึ้น  เช่น calcium หรือธาตุเหล็ก หรือ ยาแก้ปวดกลุ่มมอร์ฟีน ฯลฯ
- ภาวะตั้งครรภ์
- อายุมาก
นอกจากนี้ยังมีสาเหตุที่พบไม่พบบ่อย คือตัวลำไส้หรือตัวหูรูดมีความผิดปกติเอง สาเหตุตรงนี้ต้องรักษาโดยแพทย์เท่านั้นครับ

3.วิธีการรักษา

การรักษาควรใช้หลายๆวิธีร่วมกันเพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

ช่วงเช้า 5.00 – 7.00 จะเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการขับถ่าย (ถ้าไม่ได้เวลานี้ไม่เป็นไรครับ) ควรแบ่งเวลาให้กิจกรรมตรงนี้ด้วย อย่างบางคนต้องรีบตื่นไปทำงานตั้งแต่เช้า เพราะฉะนั้นเราก็ควรปรับเวลานอนให้เร็วขึ้น เพื่อที่จะได้ตื่นเช้าขึ้น และมีเวลาให้กิจกรรมตรงนี้ได้มากขึ้น ควรฝึกให้ลำไส้ของเราทำงานเป็นเวลา ให้เขารู้หน้าที่ของเขา โดยเราอยากให้เขาทำหน้าที่ตอนเช้าหลังตื่นนอน ฝึกโดย
-    เมื่อตื่นนอนแล้วให้กินน้ำเยอะๆ ยิ่งเยอะยิ่งดี จะเป็นน้ำธรรมดาก็ได้ ถ้าเป็นน้ำอุ่นยิ่งดี แต่ไม่ควรทานน้ำเย็นหรือของเย็นๆเช่น ไอศครีม (ของเย็นไม่ดีต่อลำไส้)
-    ทานน้ำแล้วลองไปนั่งเล่นๆสัก 10-15 นาที  ถ้าไม่มีอะไรเกิดขึ้นให้ลุกมาก่อน
-    ลองทานข้าวเช้าหนักๆหน่อย ร่างกายจะมีกระบวนการใหม่มา เก่าไป  เมื่อลำไส้รับรู้ว่ามีของใหม่เข้ามา ก็อยากจะทิ้งของเก่า การไปเข้าห้องน้ำหลังกินข้าวเช้าเสร็จ อาจเป็นโอกาสสำคัญอีกช่วงหนึ่งที่อุจจาระจะออกง่ายขึ้น
เมื่อรู้สึกปวดอุจจาระ ควรรีบเข้าห้องน้ำให้เร็ว เราเรียกช่วงนี้ว่าเป็นนาทีทอง ถ้าใครปวดแล้วอั้นเอาไว้เนื่องจากสาเหตุใดๆก็ตาม พอพ้นช่วงเวลานี้ไปแล้ว พอเราไปเข้าห้องน้ำ มันจะถ่ายไม่ค่อยออกแล้วครับ

เลือกทานผักผลไม้ให้เยอะขึ้น บางคนแย้งว่าฉันก็ทานเยอะนะ ทำไมยังไม่ดีขึ้น ลองดูตรงนี้ก่อนครับ
1.คุณเลือกทานผักผลไม้ที่มี fiber(ใยอาหาร) สูงไหม เพราะผักผลไม้แต่ล่ะชนิดให้ใยอาหารไม่เท่ากัน
2.ทาน fiber อย่างเดียวไม่เพียงพอ ต้องทานน้ำเยอะๆด้วย เพื่อให้ fiber เกิดการพองตัวแล้วไปเพิ่มมวลอุจจาระให้เยอะขึ้น เมื่ออุจจาระก้อนใหญ่ขึ้น สำไล้ก็จะรับรู้การมีอยู่ของอุจจาระและขยันบีบไล่อุจจาระมากขึ้น
หมายเหตุ : น้ำควรทานระหว่างวัน ไม่ควรทานก่อนนอนเพราะจะทำให้ไม่ได้นอน  ต้องลุกขึ้นมาปัสสาวะ ทำให้การนอนไม่ต่อเนื่อง เสียสุขภาพ หรือถ้าใครนอนไปแล้วปวดปัสสาวะ แต่อั้นไว้ ขี้เกียจลุกขึ้นมาปัสสาวะ  ก็จะทำให้มีโอกาสติดเชื้อทางเดินปัสสาวะได้ครับ
Fiber เวลาเริ่มรับประทาน ให้เริ่มจากน้อยๆเพิ่มขึ้นไป เพราะถ้าทานปริมาณสูงตั้งแต่ช่วงแรก อาจพบอาการท้องอืดหรือมีแก๊สเยอะ

โดยปกติสรีระร่างกายเราออกแบบมาให้นั่งถ่ายท่านั่งยอง แต่พอสมัยนี้คนนิยมใช้ชักโครกกันมากขึ้น ทำให้การขับถ่ายทำได้ลำบากกว่าเดิม (แต่มีข้อดีที่ข้อเข่าเราจะเสื่อมช้าลง) เราสามารถแก้ไขได้โดยการนำเก้าอี้เล็กๆมาวางใต้เท้าให้ขาเรายกขึ้นมาคล้ายท่านั่งยอง


รูปภาพประกอบจาก internet

ความเครียดก็สามารถทำให้ระบบลำไส้เราแปรปรวนได้ครับ บางคนท้องผูก บางคนท้องเสีย บางคนเป็นโรคกระเพาะ เพราะฉะนั้นควรหาวิธีบำบัดความเครียดด้วยนะครับ แล้วแต่ความรุนแรง ถ้ารุนแรงมากก็ควรปรึกษาแพทย์ ส่วนตัวแนะนำการปฏิบัติธรรม การปฏิบัติธรรมช่วยแก้ไขต้นเหตุคือที่ใจของเรา ซึ่งจะสามารถช่วยได้ในระยะยาว และประยุกต์ใช้ได้กับทุกเรื่องและทุกเวลาของชีวิตครับ

การนอนดึกหรือนอนน้อย หรือทั้งสองอย่างก็ทำให้ระบบการทำงานของร่างกายเราแปรปรวน ลำไส้เราก็สามารถรวนตามได้ เพราะฉะนั้นควรนอนก่อน 4 ทุ่มหรืออย่างช้าเที่ยงคืน และนอนอย่างน้อย 7 ชั่วโมง ร่างกายจะสามารถทำงานได้ปกติและซ่อมแซมตัวเองได้ดี (การนอนก่อน 4 ทุ่มยังช่วยทำให้แก่ช้า หน้าเด็กนานๆนะครับ ^^)

จากประสบการณ์ส่วนตัว เคยได้รับความรู้จากแพทย์แผนจีนว่าคนที่มีปัญหากระเพาะและลำไส้ไม่ควรกินของเย็น เช่น น้ำแข็ง น้ำเย็น ไอศครีม ก็ควรหลีกเลี่ยงด้วยครับ

การรักษาควรใช้เทคนิคที่พูดมาข้างต้นทั้งหมดทำพร้อมกัน  ไม่ควรหวังเพียงเทคนิคใดเทคนิคหนึ่ง

ส่วนการใช้ยาช่วยแนะนำให้ปรับพฤติกรรมหรือปรับอาหารที่ทานก่อนเป็นอันดับแรก ถ้าไม่ได้ผล หรืออาการหนักอาจใช้ยาช่วยเป็นครั้งๆไปหรือใช้เพียงช่วงแรกเท่านั้น  ไม่ควรใช้เป็นประจำ

การรักษาและปรับพฤติกรรมจะใช้เวลาค่อนข้างนานพอสมควรอาจเป็นอาทิตย์หรือเป็นเดือน ต้องใจเย็นๆ ค่อยรักษาและปรับพฤติกรรมไป เพื่อหวังผลในระยะยาวให้ขับถ่ายได้เองอย่างเป็นธรรมชาติ บางคนมีปัญหาด้านนี้ แต่ไม่แก้ไขที่สาเหตุ ไม่ปรับพฤติกรรม รักษาโดยใช้ยาระบายเพียงอย่างเดียวเพราะ ง่าย ได้ผลเร็ว และผลลัพธ์ดี แต่ในระยะยาวจะมีปัญหาตามมาถ้าลำไส้เสพติดยาระบายไปแล้ว การใช้ยาระบายมีแต่ต้องเพิ่มจำนวนเม็ด จากหลักหน่วย เป็นหลักสิบ หรือหลายสิบก็เคยได้ยินมา หยุดกินยาเมื่อไหร่ ลำไส้ก็หยุดทำงาน

การลดความเสี่ยงการเป็นริดสีดวงทวาร

พยายามฝึกตัวเองไม่ให้ท้องผูก
- การเบ่งอุจจาระไม่ควรเบ่งแรงมาก เพราะจะไปเพิ่มความดันในเส้นเลือด ทำให้เส้นเลือดบริเวณนั้นปูดออกมา ถ้าเบ่งไม่ออกไม่ควรฝืน ควรใช้ยาระบายช่วยไปก่อนในช่วงแรก
- ไม่ควรเอามือถือ เกมส์หรือหนังสือเข้าไปในห้องน้ำ เพราะจะทำให้เรานั่งนานกว่าปกติ การนั่งเบ่งนานเกินไปก็ทำให้เสี่ยงเป็นริดสีดวงได้เช่นกัน
สุดท้ายนี้เรามีวิธีแก้ท้องผูกจากหมอญี่ปุ่นมาฝากครับ
https://www.youtube.com/watch?v=vYOrJ5cXzrk
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่