
ถ้าถามว่ามีเมืองใดในโลกนี้บ้างที่มีความสวยงามในลำดับต้นๆของโลก ผมเชื่อว่าหนึ่งในคำตอบนั้นต้องมีเมือง St Petersburg อยู่ด้วย
แต่ในภาพลักษณ์ที่ดูสวยงามของเมืองนี้ จะมีสักกี่คนที่รู้ว่าเมือง St Petersburg ก็เคยผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดในประวัติศาสตร์ของมนุษย์ชาติมาเหมือนกัน ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนั้นได้ถูกเรียก การปิดล้อมแห่งเมืองเลนินกราด
เมือง St Petersburg ถูกสร้างขึ้นในปี พ.ศ.2246/ค.ศ.1703 โดยพระเจ้าปีเตอร์มหาราช ชึ่งตรงกับปีสุดท้ายในรัชสมัยสมเด็จพระเทพราชาพระมหากษัตริย์พระองค์ที่ 28 ของอาณาจักรอยุธยา แต่พอมาถึงสมัยสงครามโลกครั้งที่1 ชื่อเมืองถูกเปลี่ยนมาเป็น เปโตรกราด เหตุที่เปลี่ยนเพราะว่าในช่วง สงครามโลกครั้งที่1 จักรวรรดิรัสเซียมีปัญหาทางการเมืองกับฝ่ายจักรวรรดิเยอรมันนี ชื่อเมืองจากเดิมเคยที่เรียกว่า St Petersburg ซึ่งเป็นชื่อแบบเมืองต่างๆในเยอรมัน เช่น Humburg Brabenburg Nuremberg Würzburg จากคำที่ลงท้ายว่า burg แปลว่าเมือง จึงเปลี่ยนมาเรียกว่า เปโตรกราด เปโตร เป็นภาษากรีกแปลว่าศิลาและกลายมาเป็น Peter และคำว่า กราด เป็นภาษาสลาฟแปลว่า เมือง และเมื่อรวมกันก็จะแปลว่าเมืองของพระเจ้าปีเตอร์ ส่วน Pittsburgh Steeler ชื่อทีมอเมริกันฟุตบอล กับ Bill Goldburg ชื่อนักมวยปล้ำ (สองอันหลังนั้นผมไม่แน่ใจครับ 55)
จนมาถึงยุคการปฏิวัติรัสเซียในปี พ.ศ.2460/ค.ศ.1917 เมื่อพรรคคอมมิวนิสก้าวเข้ามาปกครองจักรวรรดิรัสเซีย ชื่อเมืองก็ถูกเปลี่ยนมาเป็น เลนินกราด เพื่อเป็นที่ระลึกแก่การจากไปของผู้นำพรรคคอมมิวนิสคนแรกที่มีชื่อว่า Valadimir Ilich lenin ในปี พ.ศ.2467/ค.ศ.1924
ผมเองเคยมีโอกาสเดินทางมายังเมือง St Petersburg บ้าง หากแต่การเดินทางกลับมาที่เมือง St Petersburg ครั้งนี้ของผมมันดันตรงกับวันที่ 9 พฤษภาคม พอดิบพอดี และในวันที่ 9 พฤษภาคม ครั้งนี้มันเลยทำให้ภาพลักษณ์ของเมือง St Petersburg ที่มีอยู่ในหัวสมองของผม จะไม่มีวันเหมือนเดิมอีกต่อไป
ย้อนกลับไปในกลางดึกของวันที่ 8 พฤษภาคม ปี พ.ศ.2488/ค.ศ.1945 เป็นวันที่รัฐบาลฝ่ายนาซีเซ็นสัญญายินยอมรับความพ่ายแพ้ในสงครามโลกครั้งที่สอง ซึ่งตรงกับสมัย พันตรี ควง อภัยวงศ์ ดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 4 ของบ้านเรา การลงนามครั้งนั้นเกิดขึ้นในคำคืนของวันที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ.2488 ที่กรุงเบอร์ลิน ซึ่งตรงกับเวลาท้องถิ่นของกรุงมอสโกในวันที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ.2488 เวลาระหว่างกรุงเบอร์ลินช้ากว่ากรุงมอสโกประมาณ 1 ชั่วโมง ดังนั้นในวันนี้ 9 พฤษภาคม ของทุกปีทางสหภาพโซเวียตจะจัดงานวันรำลึกในชัยชนะของสงครามโลกครั้งที่สองขึ้นนั้นเอง
ถึงเเม้ว่าปัจจุบันนี้สหภาพโซเวียตจะกลายสภาพเป็น สหพันธ์รัฐรัสเซีย ไปแล้วก็ตามแต่ยังไงพวกเขาก็ยังเป็นชาวสลาฟรัสเซียอยู่ดี ดังนั้นไม่ว่าชื่อประเทศจะเปลี่ยนไปเป็นแบบไหนอีก ชาวรัสเซียก็ยังคงจัดงานรำลึกแบบนี้ทุกปีไม่มีเปลี่ยนอย่าง
ผมมาถึงเมือง St Petersburg ในเวลาประมาณ 6:30 ในตอนเช้าครับ โดยรถตู้นอนชั้นหนึ่งใหม่แกะกล่องจากกรุงมอสโก ห้องสะอาด สะดวกสบาย และมีห้องน้ำถึงสามห้องต่อหนึ่งตู้รถไฟแต่ไม่มีห้องอาบน้ำเท่านั้น วายฟายที่นี้ก็มีให้ใช่ครับ 4 ชั่วโมงในราคา 99 รูเบิลที่จะต้องจ่ายผ่านบัตรเครดิตเท่านั้นแต่ก็ถือว่าไม่แพงเลยครับ ตีเป็นเงินไทยประมาณ 50 บาท ส่วนอาหารหรือขนมก็มีขายเป็นปกติ แต่ประเด็นก็คือจะซื้อได้หรือเปล่าเพราะป้าๆพนักงานบนรถไฟพูดอังกฤษไม่ได้เลยครับทำให้สื่อสารกันลำบากหน่อย แต่ถ้าใครไม่อยากซื้อในแต่ละห้องก็จะมีขนมและน้ำดื่มแจกให้ฟรีต่อคนในห่อกระดาษสีน้ำตาล
เช้าของวันที่ 9 พฤษภาคม อากาศกำลังสบายๆ แต่สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในวันนี้คือ ถนนหลายๆสายที่เมือง St Petersburg จะถูกปิดชั่วคราวให้กับการเดินพาเรด เพื่อรำลึกถึงวันแห่งชัยชนะของชาวรัสเซีย และด้วยเหตุนี้จึงทำให้ผมไม่สามารถไปเที่ยวยังจุดต่างๆที่วางแผนไว้ได้ ก็เลยเอาเป็นว่าไปมันตามมีตามเกิด ที่ไหนที่พอไปได้ก็จะไปที่นั้นนะครับ และที่ๆพอจะเที่ยวได้ในวันนี้ก็มีแค่มหาวิหาร St Isaac เท่านั้น
เนื่องจากวันนี้เป็นวันรำลึกแด่ชัยชนะใน สงครามโลกครั้งที่2ของชาวรัสเซีย ดังนั้นชื่อเมือง St Petersburg ที่ใช่กันในวันนี้ วันที่สหภาพโซเวียตกลายสภาพมาเป็นสหพนธ์รัฐรัสเซียตั้งแต่ปี พ.ศ.2534 หรือตรงกับสมัยที่นาย อานันท์ ปันยารชุน เข้ามาดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 18 เมืองจะถูกเรียกว่า เลนินกราด อีกครั้ง แค่เฉพาะวันนี้นะครับ ก็เพราะในช่วงสงครามโลกครั้งที่2 ชื่อเมืองยังถูกเรียกว่า เลนินกราด อยู่นั่นเอง และด้วยวันแห่งชัยชนะครั้งนี้จึงทำให้เกิดองค์ความรู้ใหม่ๆสำหรับผมขึ้นอีกมากมายอย่างที่ผมไม่เคยคาดคิดมาก่อน
เมื่อพูดถึงรัสเซียเรานึกถึงอะไรกันบ้างครับ ลัทธิคอมมิวนิสเก่า ท่านผู้นำปูติน หรือ อดีตผู้นำ โจเซฟ สตาลิน และถ้าผมเจาะลึกไปที่เมือง St Petersburg ด้วยแล้ว เราจะนึกถึงอะไรกันบ้างครับ เมืองสวยๆ พระเจ้าปีเตอร์มหาราช พระนางแคทเธอรีน หรือ พระเจ้านิโครัสที่2 จะมีสักกี่คนที่นึกถึงเมือง St Petersburg และรัสเซียในช่วงสงครามโลกครั้งที่2 บางทีมันคงเหมือนกับที่เราไม่เคยนึกถึงประเทศไทยในช่วงสงครามโลกครั้งที่2เลยด้วยซ้ำ ถ้าไม่นับรวม เรื่องคู่กรรม หนังหรือละครรีเมดสร้างแล้วสร้างอีกและอาจจะสร้างอีก 100 กว่าครั้งจนกว่าจะถึงยุคของพระศรีอริยเมตไตรย ซึ่งในความรับรู้ของคนไทยนั้น ใครจะคิดบ้างว่าเมืองที่มีความสวยงามระดับต้นๆของโลกอย่างเมือง St Petersburg เคยถูกกองทัพนาซีปิดล้อมนานถึงสามปีกว่าๆด้วยกัน
หลังจากหาอะไรทานตอนเช้าเรียบร้อยแล้ว ผมเริ่มต้นการเดินทางจากถนน Nevsky Prospect ถนนสายนี้ถูกสร้างขึ้นในรัชสมัยของพระเจ้าปีเตอร์มหาราช โดยถนนมีความยาวประมาณ 4.5 กม วิ่งตรงจากกองบัญชาการทหารเรือเดิมลงใต้ไปเรื่อยๆ ผ่านสถานที่สำคัญต่างๆและถ้าออกนอกเมืองไปแล้ววิ่งลงใต้ไปเรื่อยๆก็จะไปถึงกรุงมอสโกได้ครับ ส่วนชื่อ Nevsky นั้นเป็นพระนามของเจ้าชายแห่งเมืองนอฟโกรอท มีพระนามเต็มว่า Alexander Yaroslavich Nevsky (บริเวณแทบนี้เจ้าผู้ครองนครจะไม่เรียกว่า กษัตริย์ แต่จะเรียก เจ้าชาย แทนนะครับ) พระองค์ทรงมีพระชนม์อยู่ในพุทธศตวรรษที่ 19 ทรงเป็นเจ้าชายที่นำพาชาวสลาฟรัสเซียเข้าต่อสู้กับชนเผ่าอื่นๆที่เข้ามารุกรานพื้นที่ๆเป็นรัสเซียในปัจจุบันและหลังจากการสิ้นพระชนม์ของพระองค์ไปแล้วอีกปประมาณ 300 ปีต่อมาจึงได้รับการยกย่องขึ้นเป็นเซนต์
ด้วยความสวยงามของอาคารต่างๆของเมือง St Petersburg จึงทำให้ผมไม่เคยคิดเลยว่าที่นี้เคยถูกทิ้งระเบิดอย่างหนักในช่วงที่กองทัพนาซีทำการปิดล้อมเมือง
แล้วอะไรเป็นเหตุปัจจัยให้ผู้นำฮิตเลอร์ตัดสินใจส่งทหารบุกมายังรัสเซีย คำถามเกิดขึ้นในหัวสมองของผมทันที
สิ่งนั้นคือทรัพยากรครับ ก่อนที่จะมีการเปิดแนวรบกับรัสเซียซึ่งในตอนนั้นเรียกว่าโซเวียต ฝ่ายนาซีสามารถยุดครองประเทศต่างๆในฝั่งยุโรปตะวันตกได้เกือบทั้งหมดยกเว้นประเทศในแทบสหราชอาณาจักรอังกฤษ ซึ่งทางสหราชอาณาจักรอังกฤษยังคงต้านทานการโจมของทางนาซีไว้ได้ ซึ่งเหตุผลหลักๆที่ยังพอต้านทานอยู่ได้ก็คือมันมีทะเลเหนือคอยกั้นระหว่างสหราชอาณาจักรอังกฤษกับทางยุโรปแผ่นดินใหญ่ไว้
ย้อนมาดูในส่วนภูมิภาคของโซเวียต ถ้านาซีสามารถยึดครองสหภาพโซเวียตได้แล้ว นั้นหมายความว่า พื้นที่กว่า 22 ตารางกิโลเมตรจะตกเป็นของนาซีทั้งหมดโดยทันทีและกองทัพนาซีจะสามารถส่งกำลังทหารไปยังฝั่งตะวันออกที่ติดกับญี่ปุ่นและสามารถช่วยจักรวรรดิญี่ปุ่นทำสงครามด้านแปซิฟิกกับฝ่ายสหรัฐอเมริกาได้อีก
ในเมื่อฮิตเลอร์ได้เหตุผลดีๆในการเปิดแนวรบกับสหภาพโซเวียต อภิมหาโปรเจคหนังทุนสร้างพันล้าน "ว่าไปนั้น" ยุทธกาลทางทหารที่ใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งของประวัติศาสตร์โลกจึงเริ่มต้นขึ้น โดยกองทัพนาซีเรียกชื่อยุทธกาลครั้งนี้ว่า ยุทธการบาร์บารอสซา ที่เริ่มต้นขึ้นในวันที่ 22 มิถุนายน พ.ศ.2484/ค.ศ.1941
"บาร์บารอสซา" เป็นพระนามของจักรพรรดิ ฟรีดริช บาร์บารอสซา แห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ พระองค์มีพระชนชีพอยู่ในประมาณปี พ.ศ.1665/ค.ศ.1122 หรือตรงกับยุคปลายของอาณาจักรทวาราวดีในบ้านเรานี่เองครับ พระองค์ทรงเป็นผู้นำกองทัพครูเสดครั้งที่3 ทำสงครามกับชาว ซาราเซ็น (หรือหลังศตวรรษที่12ชาวยุโรปถึงเรียกว่าชาว มุสลิม) แต่เหตุผลหลักที่ฮิตเลอร์เลือกใช่ชื่อนี้ เพราะว่าจักรพรรดิ ฟรีดริช บาร์บารอสซา ทรงเป็นผู้นำจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์เข้าต่อสู้กับชาวสลาฟด้วยเช่นกัน ในเมื่อโซเวียตคือชาวสลาฟเผ่าหนึ่งและฮิตเลอร์ก็ไม่ชอบชาวสลาฟเเต่คงไม่เท่ากับที่ไม่ชอบชาวยิว จึงนำพระนามจักรวรรดิพระองค์นี้มาใช้ในยุทธกาลครั้งนี้ แต่อย่าไปจำสลับกับ เฮย์เรดดิน บาร์บารอสซา นะครับ ท่านนี้เป็นนายทหารชาวออตโตมันเติร์กที่มีตัวตนอยู่ในปี พ.ศ.2031/ค.ศ.1478
ธุรกิจฟรันชายในปัจจุบันนี้มีมากมาย เมื่อไรที่เราไปเดินตามห้างสรรพสินค้า เรามักจะพบ ร้านอาหารธุรกิจแฟรนไชส์อยู่ในทุกห้าง การที่เราพบเห็นร้านอาหารธุรกิจแฟรนไชส์หลายแห่ง มันไม่ได้หมายความว่าผู้ประกอบการจะมีผลกำไรที่มากขึ้นนะครับ เต็มที่ก็ทรงๆหรือบางทีรายได้อาจจะน้อยลงเพราะมาแย่งลูกค้ากันเองและที่สำคัญอาจจะมีปัญหาเรื่องพนักงานไม่พอ ดังนั้นในปัจจุบันการประคองสิ่งที่มีอยู่แล้วให้ดีที่สุดถือเป็นสิ่งที่พึงกระทำในสภาพเศรษฐกิจแบบนี้ ที่ผมสาธยายมาสะยืดยาวก็เพราะอยากจะชี้ให้เห็นว่า สิ่งที่ฮิตเลอร์ตัดสินใจลงไปนั้น มันเปรียบเสมือนเป็นจุดเริ่มต้นของจุดจบแห่งสงครามโลกครั้งที่2 หรือภาษาชาวบ้านอาจเรียกว่า อยู่ดีไม่ว่าดี
ก่อนที่จะมียุทธกาลบาร์บารอสซาเกิดขึ้น ฮิตเลอร์ กับ โจเซฟ สตาลิน ทั้งสองตกลงใจมา featuring ( ไม่ใช่แล้วครับ ) เคยลงนามในสนธิสัญญาโมโลตอฟ-ริบเบนทรอพ ที่เซ็นกันที่กรุงมอสโก ในปี พ.ศ.2482/ค.ศ.1939 หรือ เหมือนอาจจะเหมือนกับพี่ป๊อด Modern Dog เคยมา Featuring กับคุณอา สันติ รุ่นเพ ในบทเพลง ความฝันอันสูงสุด นั้นแหละครับ แต่ผมไม่แน่ใจว่านักร้องพลังเสียงขั้นเทพ(กรีก) อย่าง ฮิตเลอร์ กับ โจเซฟ สตาลิน จะมีความฝันอะไรร่วมกันหรือไม่แต่ฝันเล็กๆที่ทั้งสองมีร่วมกันแน่ๆคือ ใจความของสนธิสัญญาคือ "ทั้งสองประเทศจะให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกัน" ซึ่งหลังจากนั้นทั้งสองฝ่ายต่างก็ให้ความร่วมมือกัน โดยฝ่ายนาซีได้ให้ความช่วยเหลือทางด้านวิทยาการต่างๆต่อโซเวียตและฝ่ายโซเวียตก็ได้ให้ความช่วยเหลือทางด้านวัตถุดิบต่างๆในการผลิตอาวุธให้กับฝ่ายนาซี ไม่ต่างจากตอนที่จัดรวรรดิญี่ปุ่นเคยเซ็นสัญญากับสยามประเทศว่าจะเคารพอธิปไตยและความเป็นเอกราชของราชอาณาจักรไทยในช่วงที่ขอเดินทัพผ่านราชอาณาจักรไทยในสงครามโลกครั้งที่2 โดยสุดท้ายก็เหมือนกับบทเพลงของน้องน้ำชาในเพลง คนที่ไว้ใจสุดท้ายร้ายที่สุด และลากสยามประเทศเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่2เเบบเต็มตัว
ส่วนการเซ็นสัญญาระหว่างนาซีกับโซเวียตครั้งนี้ต้องบอกไว้ก่อนนะครับ ว่ามันเป็นแค่การรวมกันเฉพาะกิจเท่านั้น โดยทางฮิตเลอร์ได้ถือมีดไคว้ไว้ข้างหลังและพร้อมที่จะแทงฝ่ายโซเวียตเมื่อมีโอกาสประจวบเหมาะ
กลับมา ณ ตอนนี้ บรรยากาศนอกจากถนน Nevsky Prospect ที่จะปิดภายในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า ถนนอีกหลายสายในเมือง St Petersburg วันนี้ก็จะถูกปิดไปพร้อมๆกันด้วย แต่ข้อดีของเมือง St Petersburg ก็คือรถไม่ติดเท่าไหร่ถ้าเทียบกับที่กรุงมอสโก เลยทำให้ผมไม่ได้ซีเรียสมากนักกับการเดินทาง
แต่สิ่งที่ผมเริ่มพอจะพบเห็นไม่ว่าจะผ่านไปยังถนนไหนๆก็ตาม นั้นคือเริ่มมีผู้คนเดินถือป้ายภาพของใครก็ไม่รู้มากมายไม่ซ้ำหน้า ซึ่งป้ายภาพเหล่านี้มันมีนัยยะอะไรหรือเปล่า ผมเองก็หวังแต่เพียงว่าผมจะพบคำตอบในไม่อีกช้า ส่วนอีกสิ่งหนึ่งที่พบเห็นได้ในวันแห่งชัยชนะครั้งนี้ นั้นคือกลุ่มผู้สูงอายุไม่ว่าจะเป็นคุณปู่คุณย่าหรือคุณตาคุณยาย ต่างแต่งตัวเหมือนชุดทหาร ที่ภาษาทหารบ้านเราจะเรียกว่า "ชุดอ่อน" ซึ่งชุดอ่อนที่เหล่าปู่ย่าตายายสวมใส่กันนั้นถูกประดับไปด้วยเหรียญเกียรติยศต่างๆมากมายอยู่เต็มหน้าอกของพวกเขา
St Petersburg กับเรื่องที่คุณไม่เคยรู้ (ตอนที่1)
ถ้าถามว่ามีเมืองใดในโลกนี้บ้างที่มีความสวยงามในลำดับต้นๆของโลก ผมเชื่อว่าหนึ่งในคำตอบนั้นต้องมีเมือง St Petersburg อยู่ด้วย
แต่ในภาพลักษณ์ที่ดูสวยงามของเมืองนี้ จะมีสักกี่คนที่รู้ว่าเมือง St Petersburg ก็เคยผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดในประวัติศาสตร์ของมนุษย์ชาติมาเหมือนกัน ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนั้นได้ถูกเรียก การปิดล้อมแห่งเมืองเลนินกราด
เมือง St Petersburg ถูกสร้างขึ้นในปี พ.ศ.2246/ค.ศ.1703 โดยพระเจ้าปีเตอร์มหาราช ชึ่งตรงกับปีสุดท้ายในรัชสมัยสมเด็จพระเทพราชาพระมหากษัตริย์พระองค์ที่ 28 ของอาณาจักรอยุธยา แต่พอมาถึงสมัยสงครามโลกครั้งที่1 ชื่อเมืองถูกเปลี่ยนมาเป็น เปโตรกราด เหตุที่เปลี่ยนเพราะว่าในช่วง สงครามโลกครั้งที่1 จักรวรรดิรัสเซียมีปัญหาทางการเมืองกับฝ่ายจักรวรรดิเยอรมันนี ชื่อเมืองจากเดิมเคยที่เรียกว่า St Petersburg ซึ่งเป็นชื่อแบบเมืองต่างๆในเยอรมัน เช่น Humburg Brabenburg Nuremberg Würzburg จากคำที่ลงท้ายว่า burg แปลว่าเมือง จึงเปลี่ยนมาเรียกว่า เปโตรกราด เปโตร เป็นภาษากรีกแปลว่าศิลาและกลายมาเป็น Peter และคำว่า กราด เป็นภาษาสลาฟแปลว่า เมือง และเมื่อรวมกันก็จะแปลว่าเมืองของพระเจ้าปีเตอร์ ส่วน Pittsburgh Steeler ชื่อทีมอเมริกันฟุตบอล กับ Bill Goldburg ชื่อนักมวยปล้ำ (สองอันหลังนั้นผมไม่แน่ใจครับ 55)
จนมาถึงยุคการปฏิวัติรัสเซียในปี พ.ศ.2460/ค.ศ.1917 เมื่อพรรคคอมมิวนิสก้าวเข้ามาปกครองจักรวรรดิรัสเซีย ชื่อเมืองก็ถูกเปลี่ยนมาเป็น เลนินกราด เพื่อเป็นที่ระลึกแก่การจากไปของผู้นำพรรคคอมมิวนิสคนแรกที่มีชื่อว่า Valadimir Ilich lenin ในปี พ.ศ.2467/ค.ศ.1924
ผมเองเคยมีโอกาสเดินทางมายังเมือง St Petersburg บ้าง หากแต่การเดินทางกลับมาที่เมือง St Petersburg ครั้งนี้ของผมมันดันตรงกับวันที่ 9 พฤษภาคม พอดิบพอดี และในวันที่ 9 พฤษภาคม ครั้งนี้มันเลยทำให้ภาพลักษณ์ของเมือง St Petersburg ที่มีอยู่ในหัวสมองของผม จะไม่มีวันเหมือนเดิมอีกต่อไป
ย้อนกลับไปในกลางดึกของวันที่ 8 พฤษภาคม ปี พ.ศ.2488/ค.ศ.1945 เป็นวันที่รัฐบาลฝ่ายนาซีเซ็นสัญญายินยอมรับความพ่ายแพ้ในสงครามโลกครั้งที่สอง ซึ่งตรงกับสมัย พันตรี ควง อภัยวงศ์ ดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 4 ของบ้านเรา การลงนามครั้งนั้นเกิดขึ้นในคำคืนของวันที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ.2488 ที่กรุงเบอร์ลิน ซึ่งตรงกับเวลาท้องถิ่นของกรุงมอสโกในวันที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ.2488 เวลาระหว่างกรุงเบอร์ลินช้ากว่ากรุงมอสโกประมาณ 1 ชั่วโมง ดังนั้นในวันนี้ 9 พฤษภาคม ของทุกปีทางสหภาพโซเวียตจะจัดงานวันรำลึกในชัยชนะของสงครามโลกครั้งที่สองขึ้นนั้นเอง
ถึงเเม้ว่าปัจจุบันนี้สหภาพโซเวียตจะกลายสภาพเป็น สหพันธ์รัฐรัสเซีย ไปแล้วก็ตามแต่ยังไงพวกเขาก็ยังเป็นชาวสลาฟรัสเซียอยู่ดี ดังนั้นไม่ว่าชื่อประเทศจะเปลี่ยนไปเป็นแบบไหนอีก ชาวรัสเซียก็ยังคงจัดงานรำลึกแบบนี้ทุกปีไม่มีเปลี่ยนอย่าง
ผมมาถึงเมือง St Petersburg ในเวลาประมาณ 6:30 ในตอนเช้าครับ โดยรถตู้นอนชั้นหนึ่งใหม่แกะกล่องจากกรุงมอสโก ห้องสะอาด สะดวกสบาย และมีห้องน้ำถึงสามห้องต่อหนึ่งตู้รถไฟแต่ไม่มีห้องอาบน้ำเท่านั้น วายฟายที่นี้ก็มีให้ใช่ครับ 4 ชั่วโมงในราคา 99 รูเบิลที่จะต้องจ่ายผ่านบัตรเครดิตเท่านั้นแต่ก็ถือว่าไม่แพงเลยครับ ตีเป็นเงินไทยประมาณ 50 บาท ส่วนอาหารหรือขนมก็มีขายเป็นปกติ แต่ประเด็นก็คือจะซื้อได้หรือเปล่าเพราะป้าๆพนักงานบนรถไฟพูดอังกฤษไม่ได้เลยครับทำให้สื่อสารกันลำบากหน่อย แต่ถ้าใครไม่อยากซื้อในแต่ละห้องก็จะมีขนมและน้ำดื่มแจกให้ฟรีต่อคนในห่อกระดาษสีน้ำตาล
เช้าของวันที่ 9 พฤษภาคม อากาศกำลังสบายๆ แต่สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในวันนี้คือ ถนนหลายๆสายที่เมือง St Petersburg จะถูกปิดชั่วคราวให้กับการเดินพาเรด เพื่อรำลึกถึงวันแห่งชัยชนะของชาวรัสเซีย และด้วยเหตุนี้จึงทำให้ผมไม่สามารถไปเที่ยวยังจุดต่างๆที่วางแผนไว้ได้ ก็เลยเอาเป็นว่าไปมันตามมีตามเกิด ที่ไหนที่พอไปได้ก็จะไปที่นั้นนะครับ และที่ๆพอจะเที่ยวได้ในวันนี้ก็มีแค่มหาวิหาร St Isaac เท่านั้น
เนื่องจากวันนี้เป็นวันรำลึกแด่ชัยชนะใน สงครามโลกครั้งที่2ของชาวรัสเซีย ดังนั้นชื่อเมือง St Petersburg ที่ใช่กันในวันนี้ วันที่สหภาพโซเวียตกลายสภาพมาเป็นสหพนธ์รัฐรัสเซียตั้งแต่ปี พ.ศ.2534 หรือตรงกับสมัยที่นาย อานันท์ ปันยารชุน เข้ามาดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 18 เมืองจะถูกเรียกว่า เลนินกราด อีกครั้ง แค่เฉพาะวันนี้นะครับ ก็เพราะในช่วงสงครามโลกครั้งที่2 ชื่อเมืองยังถูกเรียกว่า เลนินกราด อยู่นั่นเอง และด้วยวันแห่งชัยชนะครั้งนี้จึงทำให้เกิดองค์ความรู้ใหม่ๆสำหรับผมขึ้นอีกมากมายอย่างที่ผมไม่เคยคาดคิดมาก่อน
เมื่อพูดถึงรัสเซียเรานึกถึงอะไรกันบ้างครับ ลัทธิคอมมิวนิสเก่า ท่านผู้นำปูติน หรือ อดีตผู้นำ โจเซฟ สตาลิน และถ้าผมเจาะลึกไปที่เมือง St Petersburg ด้วยแล้ว เราจะนึกถึงอะไรกันบ้างครับ เมืองสวยๆ พระเจ้าปีเตอร์มหาราช พระนางแคทเธอรีน หรือ พระเจ้านิโครัสที่2 จะมีสักกี่คนที่นึกถึงเมือง St Petersburg และรัสเซียในช่วงสงครามโลกครั้งที่2 บางทีมันคงเหมือนกับที่เราไม่เคยนึกถึงประเทศไทยในช่วงสงครามโลกครั้งที่2เลยด้วยซ้ำ ถ้าไม่นับรวม เรื่องคู่กรรม หนังหรือละครรีเมดสร้างแล้วสร้างอีกและอาจจะสร้างอีก 100 กว่าครั้งจนกว่าจะถึงยุคของพระศรีอริยเมตไตรย ซึ่งในความรับรู้ของคนไทยนั้น ใครจะคิดบ้างว่าเมืองที่มีความสวยงามระดับต้นๆของโลกอย่างเมือง St Petersburg เคยถูกกองทัพนาซีปิดล้อมนานถึงสามปีกว่าๆด้วยกัน
หลังจากหาอะไรทานตอนเช้าเรียบร้อยแล้ว ผมเริ่มต้นการเดินทางจากถนน Nevsky Prospect ถนนสายนี้ถูกสร้างขึ้นในรัชสมัยของพระเจ้าปีเตอร์มหาราช โดยถนนมีความยาวประมาณ 4.5 กม วิ่งตรงจากกองบัญชาการทหารเรือเดิมลงใต้ไปเรื่อยๆ ผ่านสถานที่สำคัญต่างๆและถ้าออกนอกเมืองไปแล้ววิ่งลงใต้ไปเรื่อยๆก็จะไปถึงกรุงมอสโกได้ครับ ส่วนชื่อ Nevsky นั้นเป็นพระนามของเจ้าชายแห่งเมืองนอฟโกรอท มีพระนามเต็มว่า Alexander Yaroslavich Nevsky (บริเวณแทบนี้เจ้าผู้ครองนครจะไม่เรียกว่า กษัตริย์ แต่จะเรียก เจ้าชาย แทนนะครับ) พระองค์ทรงมีพระชนม์อยู่ในพุทธศตวรรษที่ 19 ทรงเป็นเจ้าชายที่นำพาชาวสลาฟรัสเซียเข้าต่อสู้กับชนเผ่าอื่นๆที่เข้ามารุกรานพื้นที่ๆเป็นรัสเซียในปัจจุบันและหลังจากการสิ้นพระชนม์ของพระองค์ไปแล้วอีกปประมาณ 300 ปีต่อมาจึงได้รับการยกย่องขึ้นเป็นเซนต์
ด้วยความสวยงามของอาคารต่างๆของเมือง St Petersburg จึงทำให้ผมไม่เคยคิดเลยว่าที่นี้เคยถูกทิ้งระเบิดอย่างหนักในช่วงที่กองทัพนาซีทำการปิดล้อมเมือง
แล้วอะไรเป็นเหตุปัจจัยให้ผู้นำฮิตเลอร์ตัดสินใจส่งทหารบุกมายังรัสเซีย คำถามเกิดขึ้นในหัวสมองของผมทันที
สิ่งนั้นคือทรัพยากรครับ ก่อนที่จะมีการเปิดแนวรบกับรัสเซียซึ่งในตอนนั้นเรียกว่าโซเวียต ฝ่ายนาซีสามารถยุดครองประเทศต่างๆในฝั่งยุโรปตะวันตกได้เกือบทั้งหมดยกเว้นประเทศในแทบสหราชอาณาจักรอังกฤษ ซึ่งทางสหราชอาณาจักรอังกฤษยังคงต้านทานการโจมของทางนาซีไว้ได้ ซึ่งเหตุผลหลักๆที่ยังพอต้านทานอยู่ได้ก็คือมันมีทะเลเหนือคอยกั้นระหว่างสหราชอาณาจักรอังกฤษกับทางยุโรปแผ่นดินใหญ่ไว้
ย้อนมาดูในส่วนภูมิภาคของโซเวียต ถ้านาซีสามารถยึดครองสหภาพโซเวียตได้แล้ว นั้นหมายความว่า พื้นที่กว่า 22 ตารางกิโลเมตรจะตกเป็นของนาซีทั้งหมดโดยทันทีและกองทัพนาซีจะสามารถส่งกำลังทหารไปยังฝั่งตะวันออกที่ติดกับญี่ปุ่นและสามารถช่วยจักรวรรดิญี่ปุ่นทำสงครามด้านแปซิฟิกกับฝ่ายสหรัฐอเมริกาได้อีก
ในเมื่อฮิตเลอร์ได้เหตุผลดีๆในการเปิดแนวรบกับสหภาพโซเวียต อภิมหาโปรเจคหนังทุนสร้างพันล้าน "ว่าไปนั้น" ยุทธกาลทางทหารที่ใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งของประวัติศาสตร์โลกจึงเริ่มต้นขึ้น โดยกองทัพนาซีเรียกชื่อยุทธกาลครั้งนี้ว่า ยุทธการบาร์บารอสซา ที่เริ่มต้นขึ้นในวันที่ 22 มิถุนายน พ.ศ.2484/ค.ศ.1941
"บาร์บารอสซา" เป็นพระนามของจักรพรรดิ ฟรีดริช บาร์บารอสซา แห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ พระองค์มีพระชนชีพอยู่ในประมาณปี พ.ศ.1665/ค.ศ.1122 หรือตรงกับยุคปลายของอาณาจักรทวาราวดีในบ้านเรานี่เองครับ พระองค์ทรงเป็นผู้นำกองทัพครูเสดครั้งที่3 ทำสงครามกับชาว ซาราเซ็น (หรือหลังศตวรรษที่12ชาวยุโรปถึงเรียกว่าชาว มุสลิม) แต่เหตุผลหลักที่ฮิตเลอร์เลือกใช่ชื่อนี้ เพราะว่าจักรพรรดิ ฟรีดริช บาร์บารอสซา ทรงเป็นผู้นำจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์เข้าต่อสู้กับชาวสลาฟด้วยเช่นกัน ในเมื่อโซเวียตคือชาวสลาฟเผ่าหนึ่งและฮิตเลอร์ก็ไม่ชอบชาวสลาฟเเต่คงไม่เท่ากับที่ไม่ชอบชาวยิว จึงนำพระนามจักรวรรดิพระองค์นี้มาใช้ในยุทธกาลครั้งนี้ แต่อย่าไปจำสลับกับ เฮย์เรดดิน บาร์บารอสซา นะครับ ท่านนี้เป็นนายทหารชาวออตโตมันเติร์กที่มีตัวตนอยู่ในปี พ.ศ.2031/ค.ศ.1478
ธุรกิจฟรันชายในปัจจุบันนี้มีมากมาย เมื่อไรที่เราไปเดินตามห้างสรรพสินค้า เรามักจะพบ ร้านอาหารธุรกิจแฟรนไชส์อยู่ในทุกห้าง การที่เราพบเห็นร้านอาหารธุรกิจแฟรนไชส์หลายแห่ง มันไม่ได้หมายความว่าผู้ประกอบการจะมีผลกำไรที่มากขึ้นนะครับ เต็มที่ก็ทรงๆหรือบางทีรายได้อาจจะน้อยลงเพราะมาแย่งลูกค้ากันเองและที่สำคัญอาจจะมีปัญหาเรื่องพนักงานไม่พอ ดังนั้นในปัจจุบันการประคองสิ่งที่มีอยู่แล้วให้ดีที่สุดถือเป็นสิ่งที่พึงกระทำในสภาพเศรษฐกิจแบบนี้ ที่ผมสาธยายมาสะยืดยาวก็เพราะอยากจะชี้ให้เห็นว่า สิ่งที่ฮิตเลอร์ตัดสินใจลงไปนั้น มันเปรียบเสมือนเป็นจุดเริ่มต้นของจุดจบแห่งสงครามโลกครั้งที่2 หรือภาษาชาวบ้านอาจเรียกว่า อยู่ดีไม่ว่าดี
ก่อนที่จะมียุทธกาลบาร์บารอสซาเกิดขึ้น ฮิตเลอร์ กับ โจเซฟ สตาลิน ทั้งสองตกลงใจมา featuring ( ไม่ใช่แล้วครับ ) เคยลงนามในสนธิสัญญาโมโลตอฟ-ริบเบนทรอพ ที่เซ็นกันที่กรุงมอสโก ในปี พ.ศ.2482/ค.ศ.1939 หรือ เหมือนอาจจะเหมือนกับพี่ป๊อด Modern Dog เคยมา Featuring กับคุณอา สันติ รุ่นเพ ในบทเพลง ความฝันอันสูงสุด นั้นแหละครับ แต่ผมไม่แน่ใจว่านักร้องพลังเสียงขั้นเทพ(กรีก) อย่าง ฮิตเลอร์ กับ โจเซฟ สตาลิน จะมีความฝันอะไรร่วมกันหรือไม่แต่ฝันเล็กๆที่ทั้งสองมีร่วมกันแน่ๆคือ ใจความของสนธิสัญญาคือ "ทั้งสองประเทศจะให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกัน" ซึ่งหลังจากนั้นทั้งสองฝ่ายต่างก็ให้ความร่วมมือกัน โดยฝ่ายนาซีได้ให้ความช่วยเหลือทางด้านวิทยาการต่างๆต่อโซเวียตและฝ่ายโซเวียตก็ได้ให้ความช่วยเหลือทางด้านวัตถุดิบต่างๆในการผลิตอาวุธให้กับฝ่ายนาซี ไม่ต่างจากตอนที่จัดรวรรดิญี่ปุ่นเคยเซ็นสัญญากับสยามประเทศว่าจะเคารพอธิปไตยและความเป็นเอกราชของราชอาณาจักรไทยในช่วงที่ขอเดินทัพผ่านราชอาณาจักรไทยในสงครามโลกครั้งที่2 โดยสุดท้ายก็เหมือนกับบทเพลงของน้องน้ำชาในเพลง คนที่ไว้ใจสุดท้ายร้ายที่สุด และลากสยามประเทศเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่2เเบบเต็มตัว
ส่วนการเซ็นสัญญาระหว่างนาซีกับโซเวียตครั้งนี้ต้องบอกไว้ก่อนนะครับ ว่ามันเป็นแค่การรวมกันเฉพาะกิจเท่านั้น โดยทางฮิตเลอร์ได้ถือมีดไคว้ไว้ข้างหลังและพร้อมที่จะแทงฝ่ายโซเวียตเมื่อมีโอกาสประจวบเหมาะ
กลับมา ณ ตอนนี้ บรรยากาศนอกจากถนน Nevsky Prospect ที่จะปิดภายในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า ถนนอีกหลายสายในเมือง St Petersburg วันนี้ก็จะถูกปิดไปพร้อมๆกันด้วย แต่ข้อดีของเมือง St Petersburg ก็คือรถไม่ติดเท่าไหร่ถ้าเทียบกับที่กรุงมอสโก เลยทำให้ผมไม่ได้ซีเรียสมากนักกับการเดินทาง
แต่สิ่งที่ผมเริ่มพอจะพบเห็นไม่ว่าจะผ่านไปยังถนนไหนๆก็ตาม นั้นคือเริ่มมีผู้คนเดินถือป้ายภาพของใครก็ไม่รู้มากมายไม่ซ้ำหน้า ซึ่งป้ายภาพเหล่านี้มันมีนัยยะอะไรหรือเปล่า ผมเองก็หวังแต่เพียงว่าผมจะพบคำตอบในไม่อีกช้า ส่วนอีกสิ่งหนึ่งที่พบเห็นได้ในวันแห่งชัยชนะครั้งนี้ นั้นคือกลุ่มผู้สูงอายุไม่ว่าจะเป็นคุณปู่คุณย่าหรือคุณตาคุณยาย ต่างแต่งตัวเหมือนชุดทหาร ที่ภาษาทหารบ้านเราจะเรียกว่า "ชุดอ่อน" ซึ่งชุดอ่อนที่เหล่าปู่ย่าตายายสวมใส่กันนั้นถูกประดับไปด้วยเหรียญเกียรติยศต่างๆมากมายอยู่เต็มหน้าอกของพวกเขา