คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 4
http://board.palungjit.org/f10/พระยามิลินท์กับพระนาคเสน-139966.html
พระยามิลินท์กับพระนาคเสน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เดิมมีกษัตริย์ชาวโยนกพระองค์หนึ่ง ทรงพระนามว่าพระเจ้ามิลินท์
เสวยราชสมบัติอยู่ในสาคลราชธานี พระองค์มีปรีชาเฉลียวฉลาดว่องไว
สามารถทรงทราบเหตุการณ์ได้ทันท่วงทีและมักพอพระราชหฤทัยในการ
ไล่เลียงลัทธิต่าง ๆ จนนักปราชญ์ ในสมัยนั้นครั่นคร้ามไม่กล้าจะทูลโต้ตอบ
พระราชปุจฉาได้
ก็ในสมัยนั้นมีพระเถระองค์หนึ่งชื่อว่า อัสสคุตอยู่ที่ถ้ำรักขิตคูหา ณ
ป่าหิมพานต์เมื่อได้ทราบพระเกียรติคุณของพระเจ้ามิลินท์ ดังนั้น จึงประชุม
สงฆ์ไต่ถามว่า รูปใดจะสามารถแก้ปัญหาถวายพระเจ้ามิลินท์ได้บ้าง สงฆ์
ทุกรูปต่างพากันนิ่ง พระอัสสคุตจึงว่า มีเทพบุตรฉลาดอยู่องค์หนึ่งชื่อว่า
มหาเสน อยู่ในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ นั่นแล จะเป็นผู้สามารถโต้ตอบกับ
พระเจ้ามิลินท์ได้ สังฆสมาคมจึงตกลงพร้อมกันขึ้นไปยังเทวโลก เล่าเรื่อง
และความประสงค์ให้พระอินทร์และมหาเสนเทพบุตรฟัง จนตลอด
ครั้นอัญเชิญมหาเสนเทพบุตรได้สมประสงค์แล้ว จึงพากันกลับมายัง
มนุษยโลก แล้วจัดให้พระโรหณเถระเข้าไปเพาะความนิยมนับถือให้แก่
ตระกูลโสณุตตรพราหมณ์ ซึ่งเป็นตระกูลที่มีมหาเสนเทพบุตรจะจุติ
ลงมาเกิด จนตระกูลนั้นเกิดความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา
ฝ่ายมหาเสนเทพบุตร เมื่อรับอัญเชิญจากคณะสงฆ์แล้วก็จุติลงมาเกิด
ในตระกูลโสณุตตรพราหมณ์ ตำบลชังคลคามริมป่าหิมพานต์ ได้นามว่า
นาคเสนกุมาร เมื่อเติบโตขึ้นก็ได้รับการศึกษาศิลปวิทยาจากสำนักครู
ทั้งหลาย ตลอดจนไตรเพท อันเป็นคัมภีร์สำคัญของพราหมณ์ก็ได้ศึกษา
จนชำนิชำนาญ ครั้นแล้วจึงมารำพึงว่า วิชาเหล่านี้ไม่มีแก่นสารอะไร
ก็เกิดความเบื่อหน่าย
มีการประชุมสงฆ์มาแต่สมัยพุทธกาลแล้วครับ
พระยามิลินท์กับพระนาคเสน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เดิมมีกษัตริย์ชาวโยนกพระองค์หนึ่ง ทรงพระนามว่าพระเจ้ามิลินท์
เสวยราชสมบัติอยู่ในสาคลราชธานี พระองค์มีปรีชาเฉลียวฉลาดว่องไว
สามารถทรงทราบเหตุการณ์ได้ทันท่วงทีและมักพอพระราชหฤทัยในการ
ไล่เลียงลัทธิต่าง ๆ จนนักปราชญ์ ในสมัยนั้นครั่นคร้ามไม่กล้าจะทูลโต้ตอบ
พระราชปุจฉาได้
ก็ในสมัยนั้นมีพระเถระองค์หนึ่งชื่อว่า อัสสคุตอยู่ที่ถ้ำรักขิตคูหา ณ
ป่าหิมพานต์เมื่อได้ทราบพระเกียรติคุณของพระเจ้ามิลินท์ ดังนั้น จึงประชุม
สงฆ์ไต่ถามว่า รูปใดจะสามารถแก้ปัญหาถวายพระเจ้ามิลินท์ได้บ้าง สงฆ์
ทุกรูปต่างพากันนิ่ง พระอัสสคุตจึงว่า มีเทพบุตรฉลาดอยู่องค์หนึ่งชื่อว่า
มหาเสน อยู่ในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ นั่นแล จะเป็นผู้สามารถโต้ตอบกับ
พระเจ้ามิลินท์ได้ สังฆสมาคมจึงตกลงพร้อมกันขึ้นไปยังเทวโลก เล่าเรื่อง
และความประสงค์ให้พระอินทร์และมหาเสนเทพบุตรฟัง จนตลอด
ครั้นอัญเชิญมหาเสนเทพบุตรได้สมประสงค์แล้ว จึงพากันกลับมายัง
มนุษยโลก แล้วจัดให้พระโรหณเถระเข้าไปเพาะความนิยมนับถือให้แก่
ตระกูลโสณุตตรพราหมณ์ ซึ่งเป็นตระกูลที่มีมหาเสนเทพบุตรจะจุติ
ลงมาเกิด จนตระกูลนั้นเกิดความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา
ฝ่ายมหาเสนเทพบุตร เมื่อรับอัญเชิญจากคณะสงฆ์แล้วก็จุติลงมาเกิด
ในตระกูลโสณุตตรพราหมณ์ ตำบลชังคลคามริมป่าหิมพานต์ ได้นามว่า
นาคเสนกุมาร เมื่อเติบโตขึ้นก็ได้รับการศึกษาศิลปวิทยาจากสำนักครู
ทั้งหลาย ตลอดจนไตรเพท อันเป็นคัมภีร์สำคัญของพราหมณ์ก็ได้ศึกษา
จนชำนิชำนาญ ครั้นแล้วจึงมารำพึงว่า วิชาเหล่านี้ไม่มีแก่นสารอะไร
ก็เกิดความเบื่อหน่าย
มีการประชุมสงฆ์มาแต่สมัยพุทธกาลแล้วครับ
▼ กำลังโหลดข้อมูล... ▼
แสดงความคิดเห็น
คุณสามารถแสดงความคิดเห็นกับกระทู้นี้ได้ด้วยการเข้าสู่ระบบ
ในสมัยพุทธกาลมีการลงประชามติ หรือ การเลือกตั้งพระมาทำหน้าที่ให้กับส่วนรวมบ้างไหมคะ?
เคยได้ยินแต่เรื่องพระพุทธเจ้าไม่ได้ตั้งใครมาเป็นศาสดา ท่านให้พระธรรมเป็นตัวแทน ซึ่งก็น่าจะเรียกว่าระดับนโยบาย(น่าจะคล้ายๆ กฎหมาย หรือ รัฐธรรมนูญ)
แต่ในการอยู่ร่วมกันจริงๆ ก็น่าจะมีการเลือกตัวแทนมาช่วยดูแลเรื่องต่างๆ
คล้ายๆในห้องเรียนก็มีหัวหน้าห้อง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าหัวหน้าห้องจะใหญ่กว่าครูประจำชั้น
เพราะพระสมัยนั้นก็เยอะ การทำกิจกรรมต่างๆ ยิ่งมีการส่งพระไปทั่วประเทศอินเดียน่าจะมีระบบในการดูแลกันอยู่บ้าง พระพุทธเจ้าท่านคงไม่ได้เน้นการปกครองแบบรวมศูนย์ไว้ที่คนเดียวแน่ๆ
เลยสงสัยว่าในพระไตรปิฏกมีการพูดถึงเรื่อง การเลือกคนมาทำหน้าที่หรือรับผิดชอบงานส่วนกลางเพื่อช่วยดูแลกันหรือเปล่า ?
มีหลักการเลือกยังไง ? มีแบ่งหน้าที่อะไรบ้าง ?
ใครมีข้อมูลช่วยอธิบายให้ด้วยนะคะ ขอบคุณมากค่ะ
(สงสัยมานานแล้ว แต่ไม่กล้าตั้งก่อนลงประชามติกลัวโดนโยงเข้าการเมือง แล้วกระทู้จะปลิวซะก่อนค่ะ)