[CR] Qomolangma : มารดาแห่งสวรรค์ 2 (Road Trip to Everest Base Camp Tibet)


Qomolangma  หมายถึง  "มารดาแห่งสวรรค์"  เป็นคำที่ชาวทิเบตใช้เรียกชื่อภูเขาลูกหนึ่ง  
ต่อมาคือภูเขาที่สูงที่สุดในโลก  ที่คนรู้จักกันในชื่อ "Everest"


...................................


ผมเชื่อว่าเส้นทางสู่ยอดเขาที่สูงที่สุดในโลก  บนดินแดน "หลังคาโลก"
คงจะเป็นอีกหนึ่งเส้นทางในฝันของนักเดินทางหลายๆคนที่อยากไปพิชิต
ผมเลยอยากบอกเล่าเรื่องราวการเดินทางในครั้งนี้  เผื่อว่าจะช่วยจุดประกายความคิด  
ช่วยต่อเติมความฝัน  และช่วยตัดสินใจก้าวไปสัมผัสเส้นทางนี้
เราไม่รู้ว่าวันข้างหน้า  สภาพร่างกายของเราจะยังพร้อมอยู่มั้ย  
รีบไปกันตอนที่ร่างกายยังแข็งแรงอยู่นะครับ


ตอนที่ 1 http://pantip.com/topic/35448615

-11 เมษายน 2559-

เช้าวันนี้เราจะออกจากลาซา  มุ่งหน้าสู่เมือง Shigatse เราจะพักค้างคืนที่เมืองนี้  1  คืน  
ก่อนจะเดินทางต่อไปยัง EBC.  เมือง Shigatse เป็นเมืองใหญ่อันดับสองรองจากลาซา
ห่างจากลาซาประมาณ 270 กม. ใช้เวลาเดินทาง 6 ชม. และอยู่สูง 3,900 m.
การแวะพักค้างคืนที่เมืองนี้  ร่างกายเราจะได้ปรับตัวให้ชินกับความสูงที่เพิ่มขึ้นด้วยครับ


การเดินทางไปเมือง Shigatse ไปได้สองเส้นทาง  คือถนนมิตรภาพจีน-เนปาล  สายเหนือกับใต้
สายใต้ใช้เวลา 9 ชม.  สายเหนือ 6 ชม. ลุงไกด์แจ้งเราว่าวันนี้จะต้องไปทำเรื่อง Permit สำหรับไป EBC.
ที่เมือง Shigatse ด้วย  ถ้าเราใช้สายใต้เกรงว่าจะไปทำเรื่องไม่ทัน  เพราะแกคงเห็นว่าพวกเราค่อนข้างช้า
เลยขอเปลี่ยนแผนการเดินทางไปสายเหนือแทน  เราก็ตกลงเพราะเป้าหมายเราคือ EBC. ซึ่งเราไม่อยากพลาด


เส้นทางสายเหนือก็สวยงาม  แปลกตาดี  ถนนวิ่งเลียบแม่น้ำไปเกือบตลอดเส้นทาง


ผ่านภูเขาศักดิ์สิทธิ์  มีชาวทิเบตมาเดินโครารอบภูเขาแห่งนี้ด้วยครับ  
ด้านบนภูเขาน่าจะเป็นสถานที่ประกอบพิธีศพแบบทิเบต
เพราะมีการวาดรูปบันไดสีขาว  บนก้อนหินรอบๆ ภูเขา
ซึ่งเป็นสัญลักษณ์หมายถึงบันไดไปสู่สวรรค์


ยิ่งออกจากลาซาไกลเท่าไหร่  ห้องน้ำก็จะหายากและแย่ลงทุกที
พอก้าวขาลงจากรถ  ลุงไกด์ชี้มือไปที่ท่อระบายน้ำใต้ถนน
พร้อมกับบอกเราว่า "Toilet" ไม่น่าเชื่อว่าภายในท่อนั้น
มันจะเป็น "ดงขี้" มันเยอะมากๆ จนต้องเดินอย่างระวังสุดๆ
ใครไปต้องไปลองนะครับ  มันเป็นอีกหนึ่งสีสันของชีวิต


การเดินทางในทิเบตค่อนข้างเข้มงวดมากนะครับ  โดยเฉพาะเส้นทางสู่ EBC.
มีกล้องตรวจจับความเร็วเยอะมาก  ถ้าคนขับชลอรถไม่ต้องแปลกใจ  หลังป้ายจะมีกล้อง
มีจุด Check point เยอะมากเช่นกัน  ส่วนใหญ่ก็ตรวจเรื่องเวลา  บางจุดตรวจเอกสารต่างๆ
ถ้าเรามาถึงจุด Check point ก่อนเวลา  แสดงว่าคนขับขับเร็ว  เจอค่าปรับแน่นอนครับ  
ถ้าช่วงไหนที่ใกล้จะถึง Check point แต่ยังไม่ถึงเวลา  นั่นเป็นโอกาสที่เราจะได้พักชมวิว
แต่ถ้าช่วงไหนวิวสวยอยากแวะจอดถ่ายรูป  เราก็จะบอกลุงไกด์ว่า "ปวดฉี่ ขอแวะห้องน้ำหน่อย"


ในดินแดนที่ราบสูงแห่งนี้  ผมได้พบว่าเสาไฟมีเยอะกว่าต้นไม้ซะอีก


แล้วรถก็มาติดอยู่กลางทาง  ข้างหน้ามีการซ่อมถนน  ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะเสร็จ
ข้างหน้าไกลๆ นั่นคือสะพานรถไฟไปเมือง Shigatse


เราก็ได้แค่รอ  ใครปวดฉี่ก็ตามข้างทางได้เลย  แต่ระวังขี้ด้วยนะครับ
ใครชอบถ่ายรูปก็ถ่ายไป  ใครไม่อยากถ่ายก็เสพเอาด้วยตา


เรามาถึงเมือง Shigatse และยังพอมีเวลาเที่ยววัด Tashilhunpo Monastery


Tashilhunpo Monastery เป็นวัดประจำตำแหน่งของ "ปันเชนลามะ"


สมัยก่อนทิเบตปกครองด้วยลามะ  ตำแหน่งสูงสุดของลามะ  คือ "ดาไลลามะ"
ซึ่งจะอยู่ที่พระราชวังโปตาลา  ตำแหน่งรองจากดาไลลามะ ก็คือ "ปันเชนลามะ"  
มีหน้าที่คัดเลือกดาไลลามะองค์ต่อไป  และเป็นอาจารย์สอนแก่ดาไลลามะ
ตำแหน่งปันเชนลามะ  กคัดเลือกโดยดาไลลามะ  ซึ่งมีความเชื่อว่า
ดาไลลามะกับปันเชนลามะองค์ปัจจุบัน  คือองค์ก่อนกลับชาติมาเกิด


ชาวทิเบตเดินโครารอบสถูป  การเดินโคราคือการเดินเวียนขวารอบสถานที่ศักดิ์สิทธิ์
ระหว่างเดินก็จะสวดมนต์ "โอม มณี ปัทเม หุม" นับลูกปะคำ  และหมุนกงล้อมนต์ไปด้วย



ความศรัทธาที่มีต่อศาสนา  ยังคงพบเห็นได้ทั่วไปในดินแดนทิเบต



ระหว่างที่ลุงไกด์ไปดำเนินการเรื่อง Permit ไป EBC. เราก็ได้โอกาสเดินสำรวจเมือง


พอหมดแรงก็กลับโรงแรมพักผ่อน  แน่นอนว่าเรายังไม่กล้าอาบน้ำ  เพราะกลัวแพ้ความสูง
ทำได้แค่สระผม  กับเช็ดตัวเท่านั้น  5 วันแล้วครับ  ที่ร่างกายไม่ได้อาบน้ำ



-12 เมษายน 2559-
วันที่เรารอคอยมานานแสนนานก็มาถึง  วันนี้เราจะเดินทางไกลไป EBC.
เตรียมออกซิเจนกระป๋องให้พร้อมนะครับ  ไหวหรือไม่ไหววันนี้จะได้รู้แล้วครับ


ลุงไกด์บอกว่าวันนี้เราจะผ่านช่องเขาสูง  3 จุด  มีหนึ่งจุดที่จะสูงกว่า EBC. ที่เราจะไปพัก
สองข้างทางเริ่มไม่มีต้นไม้หลงเหลืออยู่แล้ว  ภูเขาเริ่มแปลกหูแปลกตาไปกว่าเดิม


แล้วก็มาจอดที่หลักกิโลเมตรที่ 5,000 เริ่มต้นมาจากเซี่ยงไฮ้นะครับ


ทันทีที่รถจอด  พวกผู้ชายก็ไม่ได้ถามแล้วว่าห้องน้ำอยู่ไหน
พุ่งไปที่ข้างทาง  หามุมสงบที่ตัวเองชอบ  แต่ต้องระวังด้วยนะครับ
ทุกที่เป็นจุดจอดรถ  ข้างทางจะเป็น "ดงขี้"  ระวังกันนะครับ


เราเดินทางกันต่อ  พร้อมจะขึ้นพาสแรกแล้วครับ  ภูมิประเทศแปลกตา  ไม่น่าเชื่อว่านี่คือโลก


เราขึ้นมาถึง  Tropu-la pass 4,950 m. แต่ละคนยังไหว  ไม่มีใครมีอาการแพ้ความสูง


ชาวทิเบตนิยมแขวนธงมนต์ไว้ตามสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ รวมทั้งช่องเขาด้วย


ถ่ายรูปกันพอใจก็ได้เวลาขึ้นรถ  ตรงจุดนี้มีห้องน้ำด้วยนะครับ  แต่เสียตังค่าเข้านะครับ


มีสิ่งมีชีวิตอยู่ไม่กี่อย่าง  ที่สามารถอาศัยอยู่บนดินแดนที่ไร้ต้นไม้แห่งนี้


ก่อนเดินทางมาทิเบต  ผมได้อ่านกระทู้ในพันทิพเกี่ยวกับทิเบตเยอะมาก  
ภาพหนึ่งที่ติดอยู่ในความทรงจำ  คือภาพซุ้มประตูอุทยาน Qomolangma
ป้ายสีฟ้า  เต็มไปด้วยธงมนต์แขวนอยู่มากมาย  ผมคิดว่าอยากจะไปยืนอยู่ตรงกลาง
แล้วถ่ายภาพนี้ให้ได้  แต่ผมมาช้าไปครับ  เขาเปลี่ยนป้ายแล้วนะครับ
ดูมั่นคงแข็งแรง  แต่ผมว่ามันขาดเสน่ห์และดูไม่มีมนต์ขลังเท่าเดิม


ตรงนี้คือช่องเขา Gyatso-la pass ความสูง 5,250 m. สูงกว่า EBC. นะครับ


บริเวณนี้อากาศหนาวมากครับ  ลมแรงมากด้วย  ดูที่ผืนธงสิครับ  มันปลิวแรงมากๆ


เราถ่ายรูปได้ไม่นานทัวร์จีนก็ลงครับ  บางทีผมก็ลืมไปว่านี่คือประเทศจีนนี่หว่า


คุณป้าคนนี้เป็นช่างภาพอาชีพของจีน  แกพกกล้องฟูลเฟรม 2 ตัว  Nikon กับ Canon
ระหว่างที่ป้ากำลังเดินหามุมถ่ายรูป  ไกด์จีนก็ตะโกนเรียกขึ้นรถ  ผมละเห็นใจแกจริง
อยากถ่ายรูปสวยๆ  แต่ดันมากับชะโงกทัวร์  คนส่วนใหญ่ลงมาถ่ายกับป้ายแล้วกลับขึ้นรถ


เราลงจากความสูง 5,250 m. ทุกคนสภาพปกติ  ยังไหวกันอยู่นะครับ


เรามาถึงจุดชมวิวยอดเขาเอเวอเรสต์และเทือกเขาหิมาลัย
ตรงนี้มีป้ายอุทยาน Qomolangma ขนาดใหญ่ให้ถ่ายรูปด้วยนะครับ


ในที่สุดเราก็ได้เห็นยอดเขา Qomolangma แล้วครับ  แม้จะอยู่ไกลๆ
เห็นแค่ลางๆ แต่ตอนนั้นมันโคตรตื่นเต้นเลยครับ  รอมานานกว่าเราจะเจอกัน


เราค่อนข้างโชคดี  ฟ้าวันนี้สดใสมาก  แต่แดดก็แรงมากๆ เช่นกันนะครับ


แล้วก็ได้เวลาขึ้นรถไปต่อแล้วครับ  เราจะไปดูแบบใกล้ๆ กันครับ


ก่อนถึงที่ทำการอุทยาน  ที่จำหน่ายตั๋ว  เราจะผ่านจุด Check Point ของทหาร
จุดนี้เราทั้งหมด  รวมทั้งคนขับรถต้องลงไปตรวจเอกสารต่างๆ อย่าละเอียด
พอตรวจเสร็จเรากลับมาขึ้นรถ  แต่ทหารดันมาขวางไว้ไม่ยอมให้ผ่าน
ระทึกอีกแล้วครับ  ลุงไกด์ต้องลงไปเคลียร์  แล้วเราก็ผ่านด่านทหารมาได้  
ตรงที่ทำการอุทยานนี้  ลุงไกด์ลงไปซื้อตั๋วครับ  เหลืออีกแค่ 100 กม.
เราก็จะได้สบตากับ Qomolangma แล้วหล่ะครับ


ผ่านซุ้มประตูเข้ามานิดเดียว  ก็ได้เวลาขึ้นพาสสุดท้ายแล้วครับ
พาสนี้สูงไม่มากนะครับ  แต่โค้งระดับตำนาน  จำไปชั่วชีวิตเลยครับ
ใครเมารถแนะนำให้อัดยาเข้าไปเลยครับ  เดี๋ยวออกฤทธิ์ไม่ทัน


ใครเมาโค้งก็นอนยาวไปเลยครับ  ไม่ต้องสนใจสิ่งรอบข้าง  
ถ้าหมดโค้งเมื่อไหร่  นั่นแสดงว่าเราขึ้นถึงบนสุดของพาสแล้วครับ  

ชื่อสินค้า:   ทิเบต Everest Base Camp
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่