แบกเป้จากศูนย์สู่”หลังคาโลก” ทิเบต (6)

พระราชวังโปตาลา  - วัดโจคัง ศูนย์รวมใจของชาวทิเบต

โปรแกรมของเราเริ่มต้นขึ้นแต่เช้า เพราะคิวที่เราได้ในการเข้าชมพระราชวังโปตาลา คือ เวลา 9 โมงเช้าแต่ด้วยเพราะเราจัดการกับตัวเองในช่วงเช้าช้าไปพอสมควร ทำให้ไกด์แจ้งว่าเราอาจจะต้องเดินอย่างรวดเร็วหน่อยเพื่อให้ทันเวลาในการเข้าชม

รถมารับเราที่โรงแรมก่อนจะใช้เวลาประมาณ 15 นาทีไปส่งยังที่เราต้องเดินเข้าไป จริงๆแล้วดูไม่เหมือนเดินเท่าไหร่นัก ต้องเรียกกว่าเดินเร็วหรือวิ่งน่าจะเหมาะกว่า เพราะไกด์ของเรามีสีหน้ากังวลเล็กน้อยเพราะเราไปช้ากว่าที่ควรจะไปถึงประมาณ 10 นาทียังไม่แน่ใจว่าเจ้าหน้าที่จะอนุญาตให้เราเข้าไปได้หรือไม่

ระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตรเศษจากจุดที่รถส่งให้เราลงเดินไปถึงยังประตูด้านหน้าเพื่อเข้าพระราชวังโปตาลา เราทั้งหมดมีอาการเหนื่อยเห็นได้ชัด เพราะบนความสูง 3,600 จากระดับน้ำทะเลต้องมาเดินไวแบบนี้แค่ 200 เมตรแรกก็รู้สึกเหนื่อยเหมือนวิ่งเป็นกิโลแล้วครับ


บรรยากาศด้านหน้าพระราชวังโปตาลา ศูนย์กลางของชาวทิเบต

ด้านทางเข้าแรกมีการตรวจกระเป๋า ตั๋วเข้าชม อย่างเข้มงวด หลังจากหลุดเข้าไปเราจะพบกับบริเวณที่โล่งที่พอจะมีเวลาให้เราได้ถ่ายรูปแบบเต็มๆของพระราชวังโปตาลาได้ครั้งแรก เราใช้เวลาไม่นานนักเพราะเรายังถือว่ามาช้ากว่าเวลาที่ควรจะมาถึงเราจึงต้องเร่งเดินไปจุดตรวจที่ 2 เพื่อการันตีว่าเราจะสามารถเข้าชมได้แน่นอน


บรรยากาศภายในหลังจากผ่านการตรวจสัมภาระ


ลานกว้างก่อนทางขึ้นพระราชวังโปตาลา

จุดตรวจที่ 2  ยังคงต้องใช้ตั๋วในการตรวจอีกครั้งเพื่อตรวจสอบเวลาให้ชัดเจน เพราะการเข้าชมพระราชวังโปตาลา จะมีการจำกัดเวลาที่ค่อนข้างชัดเจน ทั่งเรื่องการเวลาการเข้าชม และการใช้เวลาด้านใน โดยเรามีเวลาเดินขึ้นไปด้านบนซึ่งสูงประมาณ 250-300 เมตรจากจุดตรวจแรกประมาณ 30 นาทีและจะมีเวลาชมด้านในพระราชวังอีก 1 ชั่วโมง นั้นแปลว่าเรามีเวลาชมพระราชวังจำนวน 1 ชั่วโมงครึ่งโดยประมาณ

ไม่นานหลังจากจุดตรวจที่ 2 เรียบร้อยแปลว่ายืนยันได้ว่าเราสามารถชมพระราชวังได้อย่างแน่นอน ไกด์หยุดให้เราได้ถ่ายรูปบริเวณด้านในเพื่อเป็นการพักอีกครั้ง




ทางเดินขึ้นไปยังด้านบน

จำนวนนักท่องเที่ยวในแต่ละวันที่จะเข้าชมพระราชวังแห่งนี้จำกัดอยู่ที่ 4,000 คนต่อวัน ไม่รวมชาวทิเบตที่จะมาเข้าชมได้ตลอดวัน

จากจุดแรกหลังจากที่เราผ่านการตรวจเช็คทุกอย่าง คล้ายเป็นจุดพักของทุกคน เราจะเห็นนักท่องเที่ยว ชาวทิเบต รวมถึงลามะจากที่อื่นที่มานั่งพักเพื่อเตรียมตัวเดินขึ้นไปชมด้านบน โดยเราจะต้องเดินขึ้นบันไดประมาณ 300 ขั้นจากจุดดังกล่าว

ภาพที่ผมเห็น พระราชวังโปตาลา แตกต่างจากในรูปที่ผมค้นหาในอินเตอร์เน็ตมาพอสมควร ผมรู้สึกได้ว่าจริงๆแล้วใหญ่กว่าในรูปที่ผมเห็น และรู้สึกได้ถึงความศรัทธาของผู้คนชาวทิเบตที่มีต่อสถานที่แห่งนี้




ลามะ พร้อมนักท่องเที่ยวเดินเท้าขึ้นไปด้านบน

ข้อมูลที่ผมได้รับจากไกด์ พระราชวังแห่งนี้จะถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วนหลักๆ คือ อาคารฝั่งสีขาว จะเป็นพื้นที่ที่ใช้ในเรื่องการประกอบกิจกรรมทางด้านศาสนา รวมถึงการเป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรูป สถูปขององค์ดาไลลามะองค์ก่อนๆ ในขณะที่อาคารฝั่งสีแดง จะเป็นพื้นที่ที่องค์ดาไลลามะ ใช้สำหรับการประกอบภารกิจราชการ

องค์ดาไลลามะ ซึ่งชาวทิเบตเชื่อว่าเป็นองค์อวตารของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร นั้นจึงทำให้พระองค์เป็นที่นับถือมากของชาวทิเบต และทำให้พระราชวังโปตาลา เป็นเสมือนศูนย์กลางแห่งจิตวิญญาณของชาวทิเบตเช่นกัน




ลามะและนักท่องเที่ยวแวะพักระหว่างทาง

ใช้เวลาประมาณ 30 นาทีเพื่อไต่ระดับจาก 3,660 เมตรความสูงของเมืองลาซาจากระดับน้ำทะเลขึ้นไปยังด้านบนของพระราชวังโปตาลาที่อยู่ในระดับความสูงประมาณ 3,900 เมตร แม้ว่าระยะทางจะไม่ไกลนักแต่ก็ทำให้เราเหนื่อยกันทีเดียวครับ

ตลอดเส้นทางเดินขึ้น มีทั้งนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ คนท้องถิ่นชาวทิเบต รวมถึงลามะหลายรูปเดินขึ้นไปพร้อมๆกับเรา ผมได้เห็นคนสูงอายุหลายคนที่เดินตัวปลิวนำหน้าผมไปไกล โดยไม่มีอาการเหนื่อยซักนิด ผิดกลับคณะผมที่แม้ว่าจะอายุไม่มากแต่ก็ต้องหยุดพักเป็นช่วงๆตลอดทาง


ผมขอถ่ายรูปกับลามะที่กำลังเดินขึ้นไปด้านบน


เรารวมตัวกันถ่ายภาพบริเวณบันไดก่อนเดินขึ้นต่อไปยังด้านบน


แสง เงา ผ่านช่องประตูระหว่างทาง

ด้านหน้าก่อนถึงบริเวณาลานกว้างจะมีแนวบันไดให้หยุดพักอีกครั้ง เราเลือกที่หยุดพักเพื่อถ่ายรูปด้านหน้า ก่อนจะเดินต่อไปยังลานกว้างซึ่งจะเป็นที่สุดท้ายที่เราจะสามารถบันทึกภาพได้ ผมว่าเป็นเรื่องที่ดีนะครับที่ไม่อนุญาตให้บันทึกภาพได้ด้านใน เพราะนั้นดูจะสร้างความขลังให้กับสถานที่เพิ่มมากขึ้นด้วย




ด้านหน้าบริเวณลานใหญ่ก่อนขึ้นด้านบนพระราชวังโปตาลา

เบื้องหน้าผมตอนนี้เป็นพระราชวังด้านในที่ผมยังจะต้องเดินขึ้นไปบันไดอีกครั้ง และจะมีการรักษาความปลอดภัยด้านหน้าอีกครั้งเช่นกัน พระราชวังแห่งนี้มีอายุประมาณ 1,300 ปี แต่โครงสร้างที่เราเห็นในปัจจุบันเกือบทั้งหมดเป็นโครงสร้างใหม่หลังจากที่ถูกทำลายไปก่อนหน้านี้ โดยองค์ดาไลลามะองค์ที่ 5 ได้ทำการบูรณะ ปฎิสังขรณ์และต่อเดิม

จะมีเพียง 2 ห้องด้านในเท่านั้นที่เป็นห้องดั้งเดิมที่มีอายุมากกว่า 1,300 ปี โดยโครงสร้างใหม่ที่เราเห็นเฉลี่ยจะมีอายุประมาณ 600-700 ปี ซึ่งด้านในทั้งพระราชวังจะมีห้องต่างๆที่ถูกใช้ในภารกิจหลากหลายรวม 1,000 ห้อง


บรรยากาศในเมืองลาซาจากด้านบนของพระราชวังโปตาลา

ด้านในนอกเหนือจากที่จะมีห้องที่ใช้ในการประกอบภารกิจในด้านต่างๆขององค์ดาไลลามะแล้วนั้น อีกฟากหนึ่งจะเป็นห้องที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนา รวมถึงห้องที่ประดิษฐานพระธาตุ พระศพ ขององค์ดาไลลามะองค์ก่อนๆรวม 8 พระองค์ คือ องค์ที่ 5, 7, 8, 9, 10, 11, 12 และ 13

องค์ที่ดูจะสำคัญที่สุดองค์หนึ่งนั้นคือ องค์ที่ 5 ซึ่งชาวทิเบตถือว่าพระองค์มีส่วนสำคัญเป็นอย่างมากในการนำความรุ่งเรืองทางพระพุทธศาสนากลับมา และยังเป็นองค์ที่บูรณะพระราชวังแห่งนี้ให้กลับมาเป็นศูนย์รวมจิตใจของคนทิเบตอีกครั้ง

หลังจากผ่านประตูทางขึ้นสุดท้ายเข้ามา เราจะพบกับห้องต่างๆในส่วนของฝั่งปฎิบัติภารกิจด้านการเมืองขององค์ดาไลลามะ ห้องประชุม ห้องทำงาน ห้องบรรทม ห้องยา ห้องรับรองแขกคนสำคัญ ฯลฯ ถูกแบ่งเป็นสัดส่วนอย่างชัดเจน


บริเวณด้านหลังพระราชวัง

เราใช้เวลาดูตลอดทางเดินไม่นานนัก ผมค่อยๆซึมซับได้ถึงแรงศรัทธาต่อพระพุทธศาสนาของชาวทิเบตที่มีมากล้นในทุกๆที่ ด้านในแสดงให้เห็นถึงศิลปะ วัฒนธรรม ความเชื่อ ความศรัทธา ความยิ่งใหญ่ของพระราชวังได้อย่างน่าสนใจ

ผ่านอีกด้าน ในส่วนของห้องที่ใช้สำหรับพิธีกรรมทางศาสนา ด้านในเราจะพบกับพระพุทธรูปองค์ต่างๆที่ชาวทิเบตนับถือ ทั้งพระพุทธเจ้าองค์ต่างๆ ทั้งองค์อดีต ปัจจุบัน และองค์อนาคต แต่ที่สำคัญที่สุดองค์หนึ่งคือ พระศรีอาริยเมตไตรย ที่ถือว่าเป็นองค์ประธานของพระราชวังแห่งนี้

ในส่วนของสถูปของดาไลลามะองค์ก่อนๆที่ประดิษฐานที่พระราชวังแห่งนี้ องค์ที่ใหญ่ที่สุดคือ ดาไลลามะองค์ที่ 5 จากข้อมูลพบว่า สถูปนี้ถูกสร้างด้วยทองคำน้ำหนักรวมกว่า 6 ตัน ถือว่าใหญ่มากครับ และภายในก็น่าสนใจมากทีเดียวครับ

ด้านหนัาของสถูปจะมีพระพุทธรูปปางต่างๆ ค่อนข้างดูมีมนต์ขลังมากสำหรับผม นอกจากนี้ผมยังได้เดินไปยัง 2 ห้องที่ผมเกริ่นไว้ก่อนหน้านี้ว่าเป็น 2 ห้องที่เป็นโครงสร้างเดิมเมื่อ 1,300  ปีที่แล้วที่ไม่ถูกทำลาย โดยได้มีการสร้างโครงสร้างใหม่ครอบไว้เพื่อเสริมความแข็งแรงให้กับ 2 ห้องดังกล่าว

ค่อนข้างดึงดูดผมทีเดียว ห้องทึบๆ สีเข้มแต่ดูมีความขลังอย่างมาก นักท่องเที่ยวและคนทิเบตจำนวนหนึ่งต่อแถวเพื่อรอที่จะไหว้องค์พระพุทธรูปที่อยู่ด้านใน ทางเข้าเล็กๆเพราะถูกโครงสร้างใหม่ครอบไว้ หากไม่สังเกตให้ดีหรือไม่มีไกด์ชาวท้องถิ่นเราคงเดินผ่านไปอย่างน่าเสียดาย

ผมหยุดอธิษฐานต่อพระพุทธรูปใน 2 ห้องนั้นอยู่นานพอสมควร เพราะคงมีไม่กี่สถานที่บนโลกที่สถาปัตยกรรมและความเชื่อจะคงอยู่มามากกว่า 1,000 ปีได้อย่างที่นี่


บริเวณทางออกหลังประตูพระราชวังก่อนทางเดินลงไปด้านล่าง

เราเดินต่อมาเรื่อยๆ ตามทางเดินที่ถูกกำหนดไว้อย่างชัดเจน โดยขึ้นบันไดบ้าง ลงบันไดบ้างตามเส้นทางที่ถูกจัดเตรียมไว้ เวลาประมาณ​ 1 ชั่วโมงด้านในถือว่าสำหรับผมในตอนนั้นอิ่มบุญทีเดียวครับ ได้เห็นและสัมผัสได้ถืงความเชื่อ ความศรัทธาที่ชาวทิเบตมีต่อพระพุทธศาสนาอย่างท่วมท้น

ทางออกจากพระราชวัง ด้านหลังจะมีห้องน้ำและร้านจำหน่ายของที่ระลึกเล็กๆด้านนอก เราใช้เวลากันไม่นานนักสำหรับการพักที่จุดนี้ เราออกไปยังด้านหลังของพระราชวัง จากมุมด้านบนเราจะมองเห็นเมืองลาซาได้ทั่วบริเวณ เราต้องเดินเท้าลงไปด้านล่างอีกครั้งเพื่อไปยังทางออกพระราชวัง


นักเรียนชาวทิเบตดูแผนที่ระหว่าง ด้านข้างพระราชวังโปตาลา

ผู้คนเริ่มหนาตาตลอดเส้นทางเพราะใกล้ช่วงเที่ยง ระหว่าง 2 ข้างทางหลังจากเดินลงมาด้านล่างของพระราชวัง เราจะได้เห็นผู้คนมากมายที่เดินสวดมนต์ ในมือหมุนกงล้อมนต์ตราซึ่งถือเป็นเครื่องมือในการสวดมนต์ของชาวทิเบต ซึ่งอาจจะรวมถึงชาวภูฎาน และเนปาลด้วย

เวลาอาหารกลางวันพอดีเรามายังร้านอาหารใจกลางเมือง ไม่ไกลนักจะเป็นอีกหนึ่งจุดหมายสำคัญของวันนี้ นั้นก็คือ วัดโจคัง อารามหลวงกลางใจเมืองลาซา ศูนย์กลางแห่งความศรัทธาของชาวทิเบต ว่ากันว่าใครมาถึงเมืองลาซา ไม่ได้ไปเยือนพระราชวังโปตาลาเหมือนมาไม่ถึง แต่จริงๆแล้วถ้าใครไม่ได้มาวัดโจคังก็เหมือนมาไม่ถึงทิเบตเช่นเดียวกันครับ

อาหารพื้นเมือง รวมถึงอาหารอินเดียรสชาติแปลกจากที่เคยกิน ทำให้มื้ออาหารกลางวันเรากินอะไรกันไม่ได้มาก แม้ว่าเราจะสั่งไข่เจียวอาหารยอดฮิตของคนไทยเพิ่มแล้วก็ตาม

โปรดติดตามตอนต่อไป
ตอนที่ 1 http://pantip.com/topic/33775320   เปิดเส้นทางใหม่ที่คนไทยน้อยคนนักเคยไปถึง “พระราชวังโปตาลา-วัดโจคัง-ทะเลสาบลาว็อก-ธารน้ำแข็งมิดุย”......
ตอนที่ 2 http://pantip.com/topic/33779378   เริ่มเดินทางจากกรุงเทพฯสู่หลังคาโลก
ตอนที่ 3 http://pantip.com/topic/33782794   ตะลุยสุสานจิ๋นซี ฮ่องเต้
ตอนที่ 4 http://pantip.com/topic/33784827   นั่งรถไฟไป "หลังคาโลก" ทิเบต
ตอนที่ 5 http://pantip.com/topic/33788603   ขอต้อนรับสู่ดินแดน ”หลังคาโลก”
ตอนที่ 7 http://pantip.com/topic/33805284   จากลาซา สู่หนิงซิ  ด้านหนึ่งของเทือกเขาหิมาลัย
ตอนที่ 8 http://pantip.com/topic/33812287   จากหนิงซิ (บายี) - สู่เมืองโพมิ เส้นทางเส้นทรหด
ตอนที่ 9 http://pantip.com/topic/33825898   ทิเบตพลาดไม่ได้ "ทะเลสาบลาว็อก-ธารน้ำแข็งมิดุย"
ตอนที่ 10 http://pantip.com/topic/33834611 ผมเรียกที่นี่ว่า “ซัมบาลา”
ตอนที่ 11 http://pantip.com/topic/33851383 “ฉงชิ่ง” วัฒนธรรมร่วมสมัยของจีนยุคใหม่
ตอนที่ 12 http://pantip.com/topic/33864605 บทสรุปการเดินทาง จีน - ทิเบต บนเส้นทางของผม
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่