จากลาซา สู่หนิงซิ ด้านหนึ่งของเทือกเขาหิมาลัย
จากเดิมจุดหมายปลายทางของคณะผมหลังจากเมืองลาซาเราจะเดินทางต่อไปยังเอเวอร์เรสต์เบสเคมป์ แต่ด้วยผลกระทบจากแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่เนปาล ทำให้เราต้องมีการปรับเปลี่ยนเส้นทาง โดยจุดหมายสำคัญของเราในเส้นทางนี้ คือ ทะเลสาบลาว็อก หรือ Lawok Lake และธารน้ำแข็งมิดุย หรือ Mi Dui Glacier 1 ใน 3 ธารน้ำแข็งในประเทศจีน

ธารน้ำแข็งมิดุย จุดหมายปลายทางของเรา
ความน่าสนใจของทั้ง 2 สถานที่ที่ผมจะเดินไปนั้นก็คือ เส้นทางที่แสนจะหฤโหดตลอดการเดินทาง รวมถึงความดิบของสถานที่เพราะยังมีนักท่องเที่ยวน้อยคนนักที่เดินทางมาถึง สำหรับคนไทยแล้วคณะผมน่าจะเป็นกลุ่มแรกๆที่เลือกจะเดินทางมาในเส้นทางนี้ด้วยซ้ำไป
ระยะทางสำหรับช่วงแรกที่เราจะเดินทางนั้นคือ 470 กิโลเมตร บนเส้นทางที่เรียกว่าเส้นทางมิตรภาพ ระหว่างประเทศเนปาล ทิเบต ไปสิ้นสุดที่เมืองเซียงไฮ้ ประเทศจีน ระยะทางรวมกว่า 5,000 กิโลเมตร
เราต้องออกเดินทางตั้งแต่เช้า โดยนัดหมายในวันนี้ของเราคือ 7 โมงครึ่ง เพราะอาจจะใช้เวลาเดินทางมากกว่า 9 ชั่วโมงบนระยะทางประมาณ 470 กิโลเมตรในช่วงแรกของการเดินทาง

บรรยากาศตลอดเส้นทางที่ภูเขายังถูกปกคลุมด้วยหิมะ
เกือบ 4 ชั่วโมงช่วงแรกของการออกเดินทางไกลในวันนี้ เราเดินทางมาถึงจุดพักรถจุดที่ 2 โดยตลอดทางที่เราเดินทางมาเป็นการไต่ระดับขึ้นมาที่สูงตลอดเส้นทาง โดยจุดพักรถจุดนี้ถือว่าเป็นไฮไลท์อีกจุดหนึ่งเพราะอยู่บนความสูงที่ระดับ 5,013 เมตร จากระดับน้ำทะเล และถือว่าเป็นจุดที่สูงที่สุดบนเส้นทางนี้
อนุสาวรีย์จามรีขนาดใหญ่ 3 ตัวตั้งตระง่านด้านหน้า นักท่องเที่ยวจำนวนมากลงพักลงไปถ่ายรูปที่จุดนี้ ทิวทัศน์สวยมากทีเดียวครับ และต้องบอกว่าด้วยความสูงขนาดนี้นอกจากออกซิเจนที่ค่อนข้างน้อย อุณหภูมิยังค่อนข้างต่ำและลมแรงอีกด้วยครับ

อนุสาวรีย์จามรีขนาดใหญ่กลายเป็นจุดพักรถของนักท่องเที่ยว
รอบบริเวณเราจะเห็นธงมนต์ตราถูกขึงโยงไปมาตามความเชื่อของชาวทิเบตอย่างมากมาย บนตัวอนุสาวรีย์จามรีผู้คนจำนวนมากจะนำผ้าพันคอสีขาวมาคล้องจามรีคล้ายเป็นการทำความเคารพต่อสัตว์ที่เหมือนเป็นทุกสิ่งของชาวทิเบต

ธงมนต์ตรามากมายถูกขึงโยงทั่วบริเวณ

บรรยากาศบนความสูงที่ 5,013 เมตรจากระดับน้ำทะเล
ใช้เวลาไม่นานนักเราเดินทางกันต่อไปยังจุดหมายในค่ำคืนนี้ โดย 2 ข้างในช่วงแรกวิวทั้ง 2 ด้านจะเป็นแนวเขาสูงตลอดแนว โดยเราจะต้องผ่านหมู่บ้านเล็กๆ หลายแห่ง การเดินทางต้องบอกเลยครับว่าไม่ง่ายเลยทีเดียว เพราะเส้นทางที่อยู่ระหว่างการทำใหม่ ทำให้หลายๆช่วงผ่านไปด้วยความยากลำบากมาก
ภูเขาที่ยังปกคลุมไปด้วยต้นไม้ขนาดใหญ่บริเวณที่เราผ่าน คือ บริเวณเขตป่าที่สมบูรณ์ที่สุดในทิเบต เส้นทางนี้ด้านหนึ่งจะติดเขา อีกด้านเป็นเหวลึกน่ากลัวเดียวครับสำหรับการเดินทาง

ผ้าพันคอสีขาวมากมายที่ถูกคล้องตามต้นไม้ระหว่างเส้นทาง

ภูเขาด้านบนที่ปกคลุมด้วยหิมะขาวโพลน
เราจะเห็นคล้ายแม่น้ำด้านล่างซึ่งในช่วงเวลานั้นกระแสน้ำถือว่าเชี่ยวกราดทีเดียวครับ แม้ว่าจะเป็นช่วงฤดูร้อนก็ตาม โดยน้ำในแม่น้ำที่เราเห็นตลอดเส้นทางเป็นน้ำที่ละลายมาจากหิมะบนภูเขาสูงตลอดแนวของการเดินทาง
เราพักรถเป็นช่วงๆตลอดเส้นทางเพื่อยืดเส้นยืดสาย และถ่ายรูปวิวทิวทัศน์ที่สวยงามของ 2 ข้างทางซึ่งหากคุณโชคดีบริเวณด้านบนเขาที่เป็นจุดพักรถคุณอาจจะเห็นเทือกเขาหิมาลัยได้เลยทีเดียวโดยในวันนี้เราเดินทางประมาณ 470 กิโลเมตร โดยใช้เวลาประมาณ 9 ชั่วโมง
บางช่วงของจุดพักรถเราอาจจะได้เห็นอีกสิ่งที่น่าสนใจสำหรับใครหลายๆคนที่รักสัตว์นั้นคือ สุนัขพันธ์ ทิเบตัน มัลทีฟ ยักษ์ใหญ่ของชาวทิเบตที่ดูเกรงขาม สนนราคาของพ่อพันธ์บางตัวเคยมีข่าวว่าสูงถึง 30 ล้านบาทเลยทีเดียว

เมื่อมาถึงทิเบตก็ต้องถ่ายรูปกับหมาทิเบตันซะหน่อย

บริเวณสะพานข้ามแม่น้ำที่เราจะต้องจ่ายคนละ 1 หยวนเพื่อข้ามไปอีกด้าน
จุดพักจุดต่อไปสำหรับผมในวันนี้ถือว่าน่าสนใจทีเดียวครับ เพราะบรรยาศรอบด้านสวยงามมากครับ นักท่องเที่ยวจำนวนไม่น้อยหยุดพักที่จุดนี้ สะพานข้ามแม่น้ำที่ถูกตกแต่งด้วยธงมนต์ตราหลากสี เราเสียค่าข้ามสะพานเพื่อไปอีกด้านหนึ่งคนละ 1 หยวน
ความเชื่อที่ทำให้ผมแปลกใจก็คือ ที่นี่มีการนำหินมาเรียงต่อกันทั่วบริเวณครับ บางกองอาจจะไม่สูงมาก ในขณะที่บางกองหินถูกเรียงต่อกันหลายชั้นจนน่าตกใจ เราหยุดเพื่อถ่ายรูปบริเวณนั้นอยู่ไม่นานเพราะยังต้องเดินทางต่อไปอีกหลายกิโลเมตร

หินมากมายที่ถูกนักท่องเที่ยวมาตั้งเป็นกองคล้ายที่เมืองไทย

นักท่องเที่ยวมากมายหยุดพักเพื่อถ่ายรูปกับบรรยากาศระหว่างทาง

บรรยากาศที่ดูเป็นธรรมชาติอย่างมากของแม่น้ำสายนี้
เกือบ 10 ชั่วโมงสำหรับการเดินทางในวันนี้ยังไม่ใช่จุดหมายปลายทางของผม โดยเราจะต้องออกเดินทางยาวอีกครั้งในวันรุ่งขึ้นเพื่อเดินทางต่อไปยังเมืองโพมิ ระยะทางประมาณ 220 กิโลเมตรจากเมืองจากเมืองบายี Bayi ที่เราจะพักค้างแรมในคืนนี้
มื้ออาหารเย็นในช่วงเวลาประมาณ 2 ทุ่มหลังจากเดินทางมากว่า 10 ชั่วโมง ไกด์แนะนำให้เราลองกินอาหารขึ้นชื่อของเมืองบายี คือ Tibet Hot Stone Pot หรือ ไก่ตุ๋นอบสมุนไพรในหม้อหิน เมนูนี้เป็นหนึ่งเมนูที่ผมของแนะนำที่ใครไปพักเมืองบายีต้องลองเลยครับ

ซุปไก่ตุ๋นอาหารแนะนำของเมืองบายี
รสชาติอาหารถือว่าคล้ายๆกับตุ๋นไก่บ้านเรา แต่มีความหอมของเครื่องเทศ สมุนไพร หลากหลายชนิดอร่อยทีเดียวกับเมื่อได้กินพร้อมกับข้าวสวย ราคาก็ไม่เบาเช่นเดียวกันครับ ชุดที่ผมสั่งกินในคืนนั้น เสิร์ฟพร้อมผักและไก่ รวมเครื่องเคียง ราคา 640 หยวน สำหรับ 5-6 คนผมว่าอิ่มอร่อยพอดีๆครับ
หลายคนคงสงสัยว่าตลอด 10 ชั่วโมงของการเดินทาง เราหยุดพักเข้าห้องน้ำ กินข้าวกันที่ไหน อย่างไร ผมก็ตอบว่า เรากินข้าวกลางวันกันในเมืองเล็กๆระหว่างทางซึ่งเป็นคล้ายกับเมืองพักรถของนักท่องเที่ยวที่เดินทางมายังเส้นทางนี้ ร้านอาหารพื้นบ้านหลายแห่งรสชาติเปลี่ยนไปตามภูมิประเทศ และสิ่งแวดล้อมโดยรวม
สำหรับเรื่องห้องน้ำ คำแนะนำส่วนตัว คือ การเข้าห้องแบบสาธารณะ นั้นคือการใช้บริการทุ่ง พุ่มไม้ น่าจะเป็นคำตอบได้ดีกว่าการใช้บริการห้องน้ำตามร้านอาหาร หรือจุดพักรถ เพราะผมมั่นใจว่าคุณจะไม่อยากเจอประสบการณ์แบบที่คุณคาดไม่ถึงอย่างแน่นอน
โปรดติดตามตอนต่อไป
ตอนที่ 1
http://pantip.com/topic/33775320 เปิดเส้นทางใหม่ที่คนไทยน้อยคนนักเคยไปถึง “พระราชวังโปตาลา-วัดโจคัง-ทะเลสาบลาว็อก-ธารน้ำแข็งมิดุย”......
ตอนที่ 2
http://pantip.com/topic/33779378 เริ่มเดินทางจากกรุงเทพฯสู่หลังคาโลก
ตอนที่ 3
http://pantip.com/topic/33782794 ตะลุยสุสานจิ๋นซี ฮ่องเต้
ตอนที่ 4
http://pantip.com/topic/33784827 นั่งรถไฟไป "หลังคาโลก" ทิเบต
ตอนที่ 5
http://pantip.com/topic/33788603 ขอต้อนรับสู่ดินแดน ”หลังคาโลก”
ตอนที่ 6
http://pantip.com/topic/33799398 พระราชวังโปตาลา - วัดโจคัง ศูนย์รวมใจของชาวทิเบต
ตอนที่ 8
http://pantip.com/topic/33812287 จากหนิงซิ (บายี) - สู่เมืองโพมิ เส้นทางเส้นทรหด
ตอนที่ 9
http://pantip.com/topic/33825898 ทิเบตพลาดไม่ได้ "ทะเลสาบลาว็อก-ธารน้ำแข็งมิดุย"
ตอนที่ 10
http://pantip.com/topic/33834611 ผมเรียกที่นี่ว่า “ซัมบาลา”
ตอนที่ 11
http://pantip.com/topic/33851383 “ฉงชิ่ง” วัฒนธรรมร่วมสมัยของจีนยุคใหม่
ตอนที่ 12
http://pantip.com/topic/33864605 บทสรุปการเดินทาง จีน - ทิเบต บนเส้นทางของผม
แบกเป้จากศูนย์สู่”หลังคาโลก” ทิเบต (7)
จากเดิมจุดหมายปลายทางของคณะผมหลังจากเมืองลาซาเราจะเดินทางต่อไปยังเอเวอร์เรสต์เบสเคมป์ แต่ด้วยผลกระทบจากแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่เนปาล ทำให้เราต้องมีการปรับเปลี่ยนเส้นทาง โดยจุดหมายสำคัญของเราในเส้นทางนี้ คือ ทะเลสาบลาว็อก หรือ Lawok Lake และธารน้ำแข็งมิดุย หรือ Mi Dui Glacier 1 ใน 3 ธารน้ำแข็งในประเทศจีน
ธารน้ำแข็งมิดุย จุดหมายปลายทางของเรา
ความน่าสนใจของทั้ง 2 สถานที่ที่ผมจะเดินไปนั้นก็คือ เส้นทางที่แสนจะหฤโหดตลอดการเดินทาง รวมถึงความดิบของสถานที่เพราะยังมีนักท่องเที่ยวน้อยคนนักที่เดินทางมาถึง สำหรับคนไทยแล้วคณะผมน่าจะเป็นกลุ่มแรกๆที่เลือกจะเดินทางมาในเส้นทางนี้ด้วยซ้ำไป
ระยะทางสำหรับช่วงแรกที่เราจะเดินทางนั้นคือ 470 กิโลเมตร บนเส้นทางที่เรียกว่าเส้นทางมิตรภาพ ระหว่างประเทศเนปาล ทิเบต ไปสิ้นสุดที่เมืองเซียงไฮ้ ประเทศจีน ระยะทางรวมกว่า 5,000 กิโลเมตร
เราต้องออกเดินทางตั้งแต่เช้า โดยนัดหมายในวันนี้ของเราคือ 7 โมงครึ่ง เพราะอาจจะใช้เวลาเดินทางมากกว่า 9 ชั่วโมงบนระยะทางประมาณ 470 กิโลเมตรในช่วงแรกของการเดินทาง
บรรยากาศตลอดเส้นทางที่ภูเขายังถูกปกคลุมด้วยหิมะ
เกือบ 4 ชั่วโมงช่วงแรกของการออกเดินทางไกลในวันนี้ เราเดินทางมาถึงจุดพักรถจุดที่ 2 โดยตลอดทางที่เราเดินทางมาเป็นการไต่ระดับขึ้นมาที่สูงตลอดเส้นทาง โดยจุดพักรถจุดนี้ถือว่าเป็นไฮไลท์อีกจุดหนึ่งเพราะอยู่บนความสูงที่ระดับ 5,013 เมตร จากระดับน้ำทะเล และถือว่าเป็นจุดที่สูงที่สุดบนเส้นทางนี้
อนุสาวรีย์จามรีขนาดใหญ่ 3 ตัวตั้งตระง่านด้านหน้า นักท่องเที่ยวจำนวนมากลงพักลงไปถ่ายรูปที่จุดนี้ ทิวทัศน์สวยมากทีเดียวครับ และต้องบอกว่าด้วยความสูงขนาดนี้นอกจากออกซิเจนที่ค่อนข้างน้อย อุณหภูมิยังค่อนข้างต่ำและลมแรงอีกด้วยครับ
อนุสาวรีย์จามรีขนาดใหญ่กลายเป็นจุดพักรถของนักท่องเที่ยว
รอบบริเวณเราจะเห็นธงมนต์ตราถูกขึงโยงไปมาตามความเชื่อของชาวทิเบตอย่างมากมาย บนตัวอนุสาวรีย์จามรีผู้คนจำนวนมากจะนำผ้าพันคอสีขาวมาคล้องจามรีคล้ายเป็นการทำความเคารพต่อสัตว์ที่เหมือนเป็นทุกสิ่งของชาวทิเบต
ธงมนต์ตรามากมายถูกขึงโยงทั่วบริเวณ
บรรยากาศบนความสูงที่ 5,013 เมตรจากระดับน้ำทะเล
ใช้เวลาไม่นานนักเราเดินทางกันต่อไปยังจุดหมายในค่ำคืนนี้ โดย 2 ข้างในช่วงแรกวิวทั้ง 2 ด้านจะเป็นแนวเขาสูงตลอดแนว โดยเราจะต้องผ่านหมู่บ้านเล็กๆ หลายแห่ง การเดินทางต้องบอกเลยครับว่าไม่ง่ายเลยทีเดียว เพราะเส้นทางที่อยู่ระหว่างการทำใหม่ ทำให้หลายๆช่วงผ่านไปด้วยความยากลำบากมาก
ภูเขาที่ยังปกคลุมไปด้วยต้นไม้ขนาดใหญ่บริเวณที่เราผ่าน คือ บริเวณเขตป่าที่สมบูรณ์ที่สุดในทิเบต เส้นทางนี้ด้านหนึ่งจะติดเขา อีกด้านเป็นเหวลึกน่ากลัวเดียวครับสำหรับการเดินทาง
ผ้าพันคอสีขาวมากมายที่ถูกคล้องตามต้นไม้ระหว่างเส้นทาง
ภูเขาด้านบนที่ปกคลุมด้วยหิมะขาวโพลน
เราจะเห็นคล้ายแม่น้ำด้านล่างซึ่งในช่วงเวลานั้นกระแสน้ำถือว่าเชี่ยวกราดทีเดียวครับ แม้ว่าจะเป็นช่วงฤดูร้อนก็ตาม โดยน้ำในแม่น้ำที่เราเห็นตลอดเส้นทางเป็นน้ำที่ละลายมาจากหิมะบนภูเขาสูงตลอดแนวของการเดินทาง
เราพักรถเป็นช่วงๆตลอดเส้นทางเพื่อยืดเส้นยืดสาย และถ่ายรูปวิวทิวทัศน์ที่สวยงามของ 2 ข้างทางซึ่งหากคุณโชคดีบริเวณด้านบนเขาที่เป็นจุดพักรถคุณอาจจะเห็นเทือกเขาหิมาลัยได้เลยทีเดียวโดยในวันนี้เราเดินทางประมาณ 470 กิโลเมตร โดยใช้เวลาประมาณ 9 ชั่วโมง
บางช่วงของจุดพักรถเราอาจจะได้เห็นอีกสิ่งที่น่าสนใจสำหรับใครหลายๆคนที่รักสัตว์นั้นคือ สุนัขพันธ์ ทิเบตัน มัลทีฟ ยักษ์ใหญ่ของชาวทิเบตที่ดูเกรงขาม สนนราคาของพ่อพันธ์บางตัวเคยมีข่าวว่าสูงถึง 30 ล้านบาทเลยทีเดียว
เมื่อมาถึงทิเบตก็ต้องถ่ายรูปกับหมาทิเบตันซะหน่อย
บริเวณสะพานข้ามแม่น้ำที่เราจะต้องจ่ายคนละ 1 หยวนเพื่อข้ามไปอีกด้าน
จุดพักจุดต่อไปสำหรับผมในวันนี้ถือว่าน่าสนใจทีเดียวครับ เพราะบรรยาศรอบด้านสวยงามมากครับ นักท่องเที่ยวจำนวนไม่น้อยหยุดพักที่จุดนี้ สะพานข้ามแม่น้ำที่ถูกตกแต่งด้วยธงมนต์ตราหลากสี เราเสียค่าข้ามสะพานเพื่อไปอีกด้านหนึ่งคนละ 1 หยวน
ความเชื่อที่ทำให้ผมแปลกใจก็คือ ที่นี่มีการนำหินมาเรียงต่อกันทั่วบริเวณครับ บางกองอาจจะไม่สูงมาก ในขณะที่บางกองหินถูกเรียงต่อกันหลายชั้นจนน่าตกใจ เราหยุดเพื่อถ่ายรูปบริเวณนั้นอยู่ไม่นานเพราะยังต้องเดินทางต่อไปอีกหลายกิโลเมตร
หินมากมายที่ถูกนักท่องเที่ยวมาตั้งเป็นกองคล้ายที่เมืองไทย
นักท่องเที่ยวมากมายหยุดพักเพื่อถ่ายรูปกับบรรยากาศระหว่างทาง
บรรยากาศที่ดูเป็นธรรมชาติอย่างมากของแม่น้ำสายนี้
เกือบ 10 ชั่วโมงสำหรับการเดินทางในวันนี้ยังไม่ใช่จุดหมายปลายทางของผม โดยเราจะต้องออกเดินทางยาวอีกครั้งในวันรุ่งขึ้นเพื่อเดินทางต่อไปยังเมืองโพมิ ระยะทางประมาณ 220 กิโลเมตรจากเมืองจากเมืองบายี Bayi ที่เราจะพักค้างแรมในคืนนี้
มื้ออาหารเย็นในช่วงเวลาประมาณ 2 ทุ่มหลังจากเดินทางมากว่า 10 ชั่วโมง ไกด์แนะนำให้เราลองกินอาหารขึ้นชื่อของเมืองบายี คือ Tibet Hot Stone Pot หรือ ไก่ตุ๋นอบสมุนไพรในหม้อหิน เมนูนี้เป็นหนึ่งเมนูที่ผมของแนะนำที่ใครไปพักเมืองบายีต้องลองเลยครับ
ซุปไก่ตุ๋นอาหารแนะนำของเมืองบายี
รสชาติอาหารถือว่าคล้ายๆกับตุ๋นไก่บ้านเรา แต่มีความหอมของเครื่องเทศ สมุนไพร หลากหลายชนิดอร่อยทีเดียวกับเมื่อได้กินพร้อมกับข้าวสวย ราคาก็ไม่เบาเช่นเดียวกันครับ ชุดที่ผมสั่งกินในคืนนั้น เสิร์ฟพร้อมผักและไก่ รวมเครื่องเคียง ราคา 640 หยวน สำหรับ 5-6 คนผมว่าอิ่มอร่อยพอดีๆครับ
หลายคนคงสงสัยว่าตลอด 10 ชั่วโมงของการเดินทาง เราหยุดพักเข้าห้องน้ำ กินข้าวกันที่ไหน อย่างไร ผมก็ตอบว่า เรากินข้าวกลางวันกันในเมืองเล็กๆระหว่างทางซึ่งเป็นคล้ายกับเมืองพักรถของนักท่องเที่ยวที่เดินทางมายังเส้นทางนี้ ร้านอาหารพื้นบ้านหลายแห่งรสชาติเปลี่ยนไปตามภูมิประเทศ และสิ่งแวดล้อมโดยรวม
สำหรับเรื่องห้องน้ำ คำแนะนำส่วนตัว คือ การเข้าห้องแบบสาธารณะ นั้นคือการใช้บริการทุ่ง พุ่มไม้ น่าจะเป็นคำตอบได้ดีกว่าการใช้บริการห้องน้ำตามร้านอาหาร หรือจุดพักรถ เพราะผมมั่นใจว่าคุณจะไม่อยากเจอประสบการณ์แบบที่คุณคาดไม่ถึงอย่างแน่นอน
โปรดติดตามตอนต่อไป
ตอนที่ 1 http://pantip.com/topic/33775320 เปิดเส้นทางใหม่ที่คนไทยน้อยคนนักเคยไปถึง “พระราชวังโปตาลา-วัดโจคัง-ทะเลสาบลาว็อก-ธารน้ำแข็งมิดุย”......
ตอนที่ 2 http://pantip.com/topic/33779378 เริ่มเดินทางจากกรุงเทพฯสู่หลังคาโลก
ตอนที่ 3 http://pantip.com/topic/33782794 ตะลุยสุสานจิ๋นซี ฮ่องเต้
ตอนที่ 4 http://pantip.com/topic/33784827 นั่งรถไฟไป "หลังคาโลก" ทิเบต
ตอนที่ 5 http://pantip.com/topic/33788603 ขอต้อนรับสู่ดินแดน ”หลังคาโลก”
ตอนที่ 6 http://pantip.com/topic/33799398 พระราชวังโปตาลา - วัดโจคัง ศูนย์รวมใจของชาวทิเบต
ตอนที่ 8 http://pantip.com/topic/33812287 จากหนิงซิ (บายี) - สู่เมืองโพมิ เส้นทางเส้นทรหด
ตอนที่ 9 http://pantip.com/topic/33825898 ทิเบตพลาดไม่ได้ "ทะเลสาบลาว็อก-ธารน้ำแข็งมิดุย"
ตอนที่ 10 http://pantip.com/topic/33834611 ผมเรียกที่นี่ว่า “ซัมบาลา”
ตอนที่ 11 http://pantip.com/topic/33851383 “ฉงชิ่ง” วัฒนธรรมร่วมสมัยของจีนยุคใหม่
ตอนที่ 12 http://pantip.com/topic/33864605 บทสรุปการเดินทาง จีน - ทิเบต บนเส้นทางของผม