K2 ภูเขาที่ความสูงเป็นอันดับสอง แต่ครองความเถื่อนเป็นที่หนึ่ง [TripLeTraiL//ทริปเปิลเทรล]

ฟ้าระเบิด เกิดที่เทือกเขา K2 Karakoram

สวัสดีค่า TriplTraiL ขอแชร์ประสบการณ์เดินเส้นทาง K2 base camp ประเทศปากีสถาน ช่วงเวลาเดินทางคือวันที่ 13-29 ก.ค.2022 เราเดินทางด้วยสายการบินไทยครับ 
ยอด K2 มีความสูง 8611 เมตรจากระดับน้ำทะเล ครองความสูงเป็นอันดับสองของโลก แต่เรื่องความยากในการพิชิต K2 ในหมู่นักปีนเขาแล้วยากกว่าพิชิตยอด Everest นัก รวมถึงการเดิน Trekking ก็เช่นกันเส้นนี้ขึ้นชื่อในเรื่องของการยาก และความลำบากกว่าเส้น EBC เช่นเดียวกัน โคตรยากกว่ามาก (เส้น K2 ให้ระดับ 10 สำหรับ EBC ให้ความยากระดับ 7-8 ครับ)(การให้คะแนนความยากและความอำมหิตในการเดินเป็นความเห็นส่วนตัวนะคะ)
 -การเตรียมร่างกายก็เริ่มจริงจังก่อนไป 6 เดือน วิ่งอาทิตย์ละ 20 - 30 กิโลเมตร ให้ขาแข็งแรง เพราะอ่านข้อมูลมาคือเส้นนี้ค่อนข้างโหดจริงๆ 
 -การทำวีซ่าให้กับนักท่องเที่ยว สามารถยื่นทำแบบ E-Visa ได้แล้ว หากใครทำแบบไปเดิน Trekking จะใช้เวลาในการขอ 45 วัน ซึ่งจะนานกว่า Visa แบบนักท่องเที่ยวธรรมดา ดังนั้นควรเผื่อเวลาไว้นะคะ

 -เส้นทางนี้ใช้เวลาโดยรวม 13 วันค่า ฤดูกาล Trek สามารถเดินได้หน้าร้อน นิยมไปกัน เดือนกรกฎาคม-สิงหาคม ค่ะ ตอนแรกตั้งใจข้าม Gondogoro la แต่ข้ามไม่ได้เนื่องจากมีคนแพ้ความสูงค่า
 -การทำประกันชีวิต เมื่อพูดถึงอาการแพ้ความสวย เอ้ย!ความสูง ก็ต้องแนะนำการทำประกันชีวิตช่วยเหลือฉุกเฉิน ปัจจุบันการเดินเส้น K2 ปากีสถาน   ทางไกด์แนะนำให้ทำกับบริษัท Global Rescue เท่านั้น ที่ยังมีบริการช่วยเหลือเคลื่อนย้ายผู้ป่วยอยู่  ค่าเบี้ยประกันอยู่ที่ 249$ รับแค่การเคลื่อนย้าย อพยพทันทีที่มีเหตุ แต่ไม่รวมค่ารักษาพยาบาล เราสามารถซื้อต่างหากได้ 175$ หรือทำประกันรักษาพยาบาลจากบริษัทประกันอื่นได้นะคะ 💰🧑‍💼

อุปกรณ์:
1. ถุงนอนจำเป็นมาก
2. เสื้อผ้าชุดเดินอากาศร้อน 2 ชุด  
3. เสื้อผ้าสำหรับอากาศเย็น (ลองจอน เสื้อดาวน์ เสื้อฟลีท เสื้อกันลม เสื้อกันฝน) จะได้ถอดเป็น layer ได้
4. แผ่นรองนอน เพราะเราต้องนอนบนธารน้ำแข็ง glarcia ถ้านอนสบายจะดีมาก อย่าไปนอนทนหนาวครับ
5. ถุงมือครึ่งนิ้ว 1 คู่ [สะดวกสบายดี ส่วนตัวชอบ], ถุงมือหนาวด้วย 1 คู่
6. อุปกรณ์กันแดด หมวก ร่ม ผ้า Buff แว่นกันแดด  ครีมกันแดด
7. อุปกรณ์อาบน้ำเป็นผ้าสบู่ แบบเช็ดตัว ก็รู้สึกสดชื่นได้ ทิชชู่แบบเปียกสัก 2 packs ก็พอ ทิชชู่แห้งสำหรับเข้าห้องน้ำระหว่างทาง
8. ผ้าเช็ดตัว จะมีวันที่ได้อาบน้ำอยู่ 1 วันที่พอดูดีหน่อย
9. ยาสำคัญมากนะคะ ยาแก้ท้องเสีย  ยาแก้ปวด Diamox เผื่อไว้
10. กล้อง Gopro hero8, iPhone 13 pro max, Nikon D750 , Drone ไว้เก็บความทรงจำ แต่ความทรงจำที่เก็บได้ดีที่สุดคือตัวเราแหละ
11. จิปาถะ เช่น น้ำแร่สำหรับฉีดหน้า ทำให้หน้าสดชื่น คลายร้อนได้ดี , กระบอกน้ำ, เครื่องกรองน้ำ, พาวเวอร์แบง, โซล่าชาร์จเจอร์
ภาพรวมของทริป:
การเดินทางจะจากอิสลามาบัดมาที่ Skardu ซึ่งเป็นหมู่บ้านเริ่มต้นของการเดินทางก็ใช้เวลาค่อนข้างนานมาก  ตั้งใจนั่งเครื่องบินมาแต่ไฟลท์ก็ยกเลิก  เราเลยต้องจัดหารถมาแทน กินเวลา 25 ชั่วโมง 😂
เส้นทางนี้เป็น Expedition trek คือต้องแบกทุกอย่างไปเอง (มีคาราวานลูกหาบค่ะ) 
น้ำหนักในการแบกกระเป๋าเรา ลูกหาบอนุญาตกระเป๋าเราให้ 12 กิโลสำหรับ1 นักท่องเที่ยวค่ะ 🧳
จาก Skardu เรานั่งรถ Jeep ไปลงที่ Askoli ซึ่งมีถนนขาดเป็นระยะๆ อาจต้องลงเดินบ้าง และเปลี่ยนรถ Jeep บ้าง  เราเริ่มนอนเต้นท์ทำความคุ้นเคยก่อนคืนแรกที่ Askoli (3,00) เมื่อก่อนนักท่องเที่ยวต้องเริ่มเดินจากหมู่บ้านนี้ แต่ปัจจุบันสามารถนั่ง Jeep ไปถึง Jhola camp (3,100) ได้แล้ว 

เส้นทางและสภาพอากาศ 🗻🥵
เส้นทางนี้ยังมีนักท่องเที่ยวไม่เยอะมาก ยังเป็นเส้นทางที่สงบ โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับเส้นทางเดิน Everest ที่เนปาล ลักษณะเส้นทางที่นี่เดินอยู่บนก้อนหิน ทราย สลับกับธารน้ำแข็ง Baltoro glacier ซึ่งเดินค่อนข้างยาก  ขึ้นลงๆ ตลอดเวลา  ต้องเดินข้ามน้ำที่เชี่ยวกราดด้วย เส้นทางอันตรายต้องระมัดระวัง และมีสติ 

ลักษณะภูเขาแถบนี้จะดุดัน และถทึง เวิ้งว้าง บนธารน้ำแข็ง Baltoro glarcia ที่ไม่สิ้นสุด ระหว่างทางเราจะเห็น Trango Tower และเมื่อเดินไปเรื่อยๆ ก็จะเห็น Masherbrum และเราจะเห็นยอด K2 เมื่อเราเดินถึง Concordia camp น๊า
สำหรับอากาศกลางวันร้อนมาก แมลงวันเยอะด้วย กลางคืนก็จะเย็นและหนาวมาก เพราะเรานอนบนธารน้ำแข็ง ควรเตรียมเสื้อผ้าไปให้เหมาะสม เราต้องออกเดินแต่เช้าตรู่ เพื่อหนีความร้อนจากแสงอาทิตย์ วันแรกๆ แรงยังเยอะ ออกเดินทาง 6โมงเช้า 😁  พอสักวันหลังเริ่มเหนื่อย ออกประมาณ 6:30 แหละ 
อาจเจอฝนด้วยนะคะบางวัน ☔️🌧ควรเตรียมเสื้อกันฝนไปด้วย. 

---ความรู้สึก 🥹 ประทับใจกับความลำบาก, มิตรภาพของเพื่อนร่วมทาง 🤍 ที่เกิดขึ้นระหว่างทาง 
---ภูเขา และธารน้ำแข็งที่ดูไม่เป็นมิตรตอนเริ่มต้น ดุดัน แต่ทำไมทำให้เราอยากกลับไป และคิดถึงมันได้มากขนาดนี้  🧳🗻
ใครอยากได้รายละเอียดเพิ่มเติม [Page TripLeTrail]
สอบถามได้นะคะ ^^ หรืออ่านรายละเอียดข้างล่างได้ค่ะ

วันแรกจาก BKK - Islamabad ล้อเครื่องบินแตะกรุงอิสลามาบัดประมาณ 4 ทุ่ม เสียเวลาไปกับการตรวจคนเข้าเมืองที่ immigration ค่อนข้างนาน 1.30 ชม.  พอหลุดมาได้เราก็เข้าโรงแรมทันที ฝนตกตลอดจากสนามบินถึงโรงแรม เริ่มใจไม่ดี

Day1: Islamabad - Skardu
ตื่นเช้าออกจากโรงแรมตั้งแต่ 6 โมงเช้า กลับไปยังสนามบินเมื่อคืนอีกรอบ  เพื่อนั่งเครื่องไปยัง Skardu แต่แล้วก็ WOW โชคดี Flight canceled ไป เป็นเรื่องปกติของประเทศนี้   
เดินออกมาจาก Gate แบบ งงๆ  เดินไปเอากระเป๋าที่ Belt สายพานลำเลียง รอกระเป๋าประมาณ 30 นาที  แล้วไกด์ก็บอกว่าให้มากับคนอังกฤษอีกคนนึง ให้นั่งรถมาด้วยกัน โอเคดีจะได้มีเพื่อนร่วมทาง  กว่าไกด์จะหารถให้เราได้ ก็เกือบ 1 ชั่วโมง รวมๆ กว่าจะออกจาก Islamabad ก็เที่ยงครึ่งแล้ว 
เรานั่งรถไปตาม Super Highway หรือ Motorway จำไม่ได้ เราแวะซื้อข้าวกลางวันกิน เป็น KFC โคตรอร่อย (รูดบัตรได้ เพราะไม่มีเงินรูปีติดมือเลย แนะนำให้แลกไว้ตั้งแต่สนามบิน)  

รอขึ้นเครื่องก่อนจะรู้ตัว่า Flight canceled
        วิวระหว่างทางนั่งรถไป Skardu 
ระหว่างทางสวยมาก สวยแบบถ้านั่งเครื่องคงไม่ได้ประสบการณ์แบบนี้  ทางจะแบบทรมานหน่อย แต่ก็คุ้มค่ามาก คืนนี้เราพักที่โรงแรมระหว่างทาง 1 คืน  อากาศหนาวมากหลังพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไป  จบหนึ่งวันแบบน่ารักๆ อยู่บนรถตลอดทาง กับวิวอลังการ
เช้าวันที่ 2 หน้าโรงแรมระหว่างทางที่เราไปค้าง

ฟ้าใสๆ ช่วงเช้าที่เราออกเดินทางจากโรงแรม ถนนเส้น Karakoram

Day2: Skardu 
วันนี้เราเดินทางมาถึงเมือง Skardu ประมาณ 13.00 น.  Skardu เป็นเมืองท่องเที่ยวที่ชาวปากีสถานนิยมมาพักผ่อนกัน และเป็นเมืองที่นักเดินทาง Trekking ทุกคนต้องมาพักที่นี่ เพื่อไปยังจุดเริ่มต้นของเส้นทาง Trekking 
เรามาถึงก็บ่ายโมงแล้ว เจอเจ้าของบริษัทที่เป็นคนจัดทริปให้เรา แนะนำตัวกันไปและพาเราไปกินข้าวเที่ยง 
จากนั้นก็แนะนำไกด์ให้เรา แว๊บแรก (เสียงสูง) ที่เราเห็นหน้าคุณลุงไกด์ เราได้แต่นั่งทำตาปริบๆ  คือ character ไกด์ที่เราคลุกคลีมาจะมีความเป็นผู้นำ เจอแล้วมั่นคงฝากเนื้อฝากตัวได้ มีพลัง ยิ่งเป็น mountaineering guide ด้วยแล้วยิ่งพลังงานเยอะ พอเราเจอคุณลุงไกด์ก็บอกกับตัวเองว่า อย่าพึ่งตัดสินคนจากภายนอกเลย ไม่ดีๆ ก็พยายามใจดีสู้เสือ นึกว่าคงรอดแหละ  จากนั้นเอเจนซี่ก็บอกให้ไกด์มาตรวจอุปกรณ์ในการ Trekking เรา เช่น ไม้ 🦯เทรคกิ้ง, Crampons, ถุงนอน, รองเท้าเทรคกิ้ง 🥾 เดินมาจับๆแล้วก็บอกโอเคๆ
จากนั้นเค้าให้เราพักผ่อนเนื่องจากเดินทางมาเหนื่อยและจะมารับไปทะเลทราย cold desert 🌵 เวลา 17.00 น. เพื่อเราจะได้ไปถ่ายรูปพระอาทิตย์ตกกัน และลองบินโดรน พอ 17.00 น. รถมารับปกติ ไกด์เดินมารับเราและกระซิบกระซาบบอกเราว่า 
ไกด์ : ไอแอมยัวร์ไกด์ ไอวิลเมคยูแฮปปี้ 
เปิ้ล: ยิ้มเจื่อนๆ 😬 โอเคๆ ขอบคุณมากค่ะ (นึกในใจ ต้องบอกกันด้วยใช่มั้ยอ่ะ ของแบบนี้) 
ขับรถมาได้สักพักเดียวก็จอดและบอกให้เปิ้ลลง อ้าวถึงแล้วเหรอ ไม่คิดจะบอกอะไรล่วงหน้าให้เตรียมพร้อมหน่อยเหรอคุณลุ๊ง  เราเริ่มไม่แน่ใจกับไกด์ แต่ไม่เป็นไรไหนๆก็ไหนๆละ เอาวะ พอรู้ว่าถึงทะเลทราย 🌵 🏜 แล้วก็หยิบแค่กล้องถ่ายรูป และของจำเป็น คุณลุงก็ยืนจ้องมองสักพักใหญ่ พอเราเตรียมเสร็จลงจากรถ คุณลุงบอกว่าเอากระเป๋าไปด้วยอย่าทิ้งกระเป๋าไว้บนรถ (อีกดอกที่ทำให้รู้สึกไม่มั่นคง) คุณลุงควรบอกเราเนิ่นๆ มั้ยคะ ก็สูดหายใจเข้าลึกๆ พร้อมกับบอกว่าโอเค๊ 😵‍💫 
นึกในใจอีกครั้ง ถ้าตอนที่เราเดินในภูเขาที่ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกไรให้ เราจะเจอคุณลุงมีอาการ แบบนี้มั้ยน๊า
เราก็ทดสอบโดรนว่าบินได้นะ อุปกรณ์พร้อมเพื่อไปถึงสถานที่จิงในภูเขามันที่ทั้งหนาวเย็น ทั้งความสูง และความเหนื่อยล้าในช่วงเวลานั้นจะไม่เป็นอุปสรรคเพราะเราได้ซักซ้อมมาแล้ว อ้าว! Drone บินไม่ได้หว่ะ เราก็ถามคุณลุงไกด์ไป คุณลุงตอบกับมาแค่ yes เราก็งง ถามว่าเข้าใจที่เราถามมั้ยคะ คุณลุงก็ยิ้มๆ บอกไม่เข้าใจ  นึกในใจ แย่ละ นี่เราเจอกับอะไรหว่า….. 
ก็ไม่เป็นไรพึ่งตัวเองก็ได้เลยเก็บโดรนขึ้น มันน่าจะใกล้กับสนามบินเลยไม่อนุญาตให้บิน 
เราเดินลงจากเนินทรายที่ค่อนข้างชัน สภาพเป็นทรายขาวละเอียด ฝุ่นตลบ คุณลุงไกด์เดินเข้ามาข้างๆ และเอามือมาปัดฝุ่นที่รองเท้ากับกางเกงให้เรา 🥲🫠 
ฮืออออ…. หนูเตรียมตัวมาเปื้อนฝุ่นค่ะคุณลุง เดินอยู่กลางทะเลทรายปัดยังไงจะหมด คิดในใจและก็บอกลุงไม่เป็นไรค่ะ คุณลุงเตรียมรถกับเตรียมแจ้งว่าเปิ้ลต้องไปเจอไรต่อและ Brief พรุ่งนี้ต้องออกกี่โมง หรือภาพรวมของทริปนี้จะดีกับเรามากกว่า 
ในใจก็กลัวมาก เพราะทริปนี้มันโหดไม่ธรรมดา ถ้าท่านผู้นำเราไม่แข็งแรง พวกเราจะแย่กัน 😮‍💨 
แต่ก็คิดอีกมุมเราจะได้ฝึกช่วยเหลือตัวเอง ไม่เป็นไรโว้ยเปิ้ล 😄
เย็นวันแรกที่ Skardu เราเดินที่ทะเลทราย cold desert
หน้าห้องพักที่โรงแรม Hotel Summit ในเมือง Skardu

เดี๋ยวมาเล่าต่อค่ะ ^^
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่