ความเดิมต่อที่ 1 : เกี่ยวกับเกริ่นนำ การเตรียมตัวก่อนไป และรถไฟคืนแรก
10 วันในทิเบต : ความศรัทธาบนดินแดนหลังคาโลก ตามหาทางช้างเผือก Everest Base Camp ที่เกือบไม่ได้ไป (1)
http://pantip.com/topic/32766654
ตอนที่ 2 : รถไฟคืนที่ 2 และ 3 กับการเที่ยวลาซาวันแรก
10 วันในทิเบต : ความศรัทธาบนดินแดนหลังคาโลก ตามหาทางช้างเผือก Everest Base Camp ที่เกือบไม่ได้ไป (2)
http://pantip.com/topic/32767265
ตอนที่ 3 : เที่ยวลาซาวันที่ 2
10 วันในทิเบต : ความศรัทธาบนดินแดนหลังคาโลก ตามหาทางช้างเผือก Everest Base Camp ที่เกือบไม่ได้ไป (3)
http://pantip.com/topic/32767576
วันที่ 6
วันนี้เราจะเดินทางออกจากลาซาไปชิกัตเซ่
ขอลงรูปอีกครั้งนะคะ
เดิมทีเราจะเดินทางโดยถนน Southern Friendship highway (เส้นสีเขียว) แล้วแวะ Karola glacier และทะเลสาบยัมดร๊อก(Yumdrok-Tso) แต่ไกด์เราเช็คสภาพอากาศพบว่าวันนี้อากาศไม่ดี ฟ้าไม่สวย เค้าเลยเสนอว่าให้วิ่งทางตรงไปชิกัตเซ่เลย คือวิ่ง Northern Friendship highway (เส้นสีน้ำเงิน)แล้วขากลับค่อยกลับทางถนนสายมิตรภาพแล้วแวะเที่ยวดังกล่าว
ไกด์เราดีมาก รอบคอบมาก ไม่งั้นคงไม่ได้ถ่ายรูปทะเลสาบตอนฟ้าสวยๆ อยากแนะนำเพื่อนๆว่า เราควรเช็คสภาพอากาศทุกวัน แล้วคุยกับไกด์ เพื่อรูปที่สวยงาม เผื่อถ้าไกด์ไม่เช็คให้ค่ะ
วิวระหว่างทาง ต้นไม้เปลี่ยนเป็นสีเหลืองหมดแล้วค่ะ สวยงามมาก
วิวนี้ถ่ายตอนไกด์แวะให้เราเข้าห้องน้ำริมทาง เป็นห้องน้ำชาวบ้านค่ะ เสีย 2 หยวน มีพี่ผู้หญิง เพื่อนร่วมทริป 2 คน เข้าไป ..... คนแรกฉี่เสร็จ ออกมาอ้วกหน้าห้องน้ำ คนที่สองขณะฉี่อยู่นั้น คุณป้าเจ้าของห้องน้ำก็เดินเข้ามาถามด้วยความเป็นห่วงเพราะเห็นพี่คนแรกอ้วกไป ปัญหาคือ ห้องน้ำไม่มีประตู แล้วคุณป้าแกเดินเข้ามาถามไถ่นี่ละค่ะ ถึงกับหยุดฉี่ไม่ทันเลยทีเดียว
ห้องน้ำเยินจริง เป็นมลพิษทางกลิ่นและทางสายตามากค่ะ ใครอยากได้บรรยากาศและประสบการณ์อันล้ำค่า ก็แนะนำให้เข้านะคะ
หลังจากเหตุการณ์อ้วกหน้าห้องน้ำเกิดขึ้น ไกด์ไม่เคยแวะให้เราเข้าห้องน้ำอีกเลย ไม่ได้ให้เราอั้นฉี่นะคะ แต่แกหาพุ่มไม้ให้เราฉี่แทนค่ะ แกว่า Natural toilet is the best อันนี้จริงค่ะ (แล้วทำไม ไม่บอกเราตั้งแต่แรก ? - -" สงสัยอยากให้เรามีประสบการณ์)
ระหว่างทางมีน้องวัวมาใช้ถนนร่วมด้วยเป็นระยะๆ
ทางจากลาซาไป EBC มีด่านเป็นระยะ และมีกล้องตรวจจับความเร็วตลอดเส้นทาง กล้องหลอกบ้าง กล้องจริงบ้าง เค้าจำกัดให้วิ่งแค่ 40 กิโลเมตรต่อชั่วโมงบ้าง 60 บ้าง เราต้องหยุดที่ด่านทุกด่านเพื่อให้เค้าประทับเวลาการมาถึงค่ะ คือเค้าจะบอกเลยว่าจากด่านนี้ไปอีกด่านคุณต้องถึงกี่โมง ถึงช้ากว่าได้ แต่ถึงเร็วกว่าไม่ได้ รถเราเลยต้องจอดให้ชมวิวถ่วงเวลาเป็นช่วงๆ
วิวหน้าด่านตำรวจค่ะ ในขณะที่คนขับรถเข้าไปในด่าน เราก็ถ่ายรูปตามสะดวก
ด่านนี้เราจอดนานกว่าทุกด่าน เพราะว่า.... คนขับเราโดนยึดใบขับขี่เนื่องจากขับรถเร็วเกินกำหนดค่ะ งานเริ่มงอกเงย คนขับรถเราเครียดมาก เราก็เครียดเช่นกันกลัวไม่มีคนพาไป EBC คนขับรถขับรถต่อไปที่เมือง Rinbung เพื่อแวะกินบะหมี่ แล้วแกบอกว่าขอเวลา 2 ชั่วโมงเพื่อกลับไปที่ด่านนั้น เคลียร์ให้ได้ใบขับขี่กลับมา ระหว่างทางเค้าโทรศัพท์ตลอด คิดว่าคงหาคนช่วยค่ะ
บะหมี่ที่เมือง Rinbung
บะหมี่ Homemade เส้นสดนะคะ พอสั่งปุ๊บ พี่แกเดินไปหลังร้าน ทำบะหมี่กันตอนนั้นเลย ที่เห็นนั่นคือเนื้อYak รสชาติใช้ได้ คือจืดใช้ได้ค่ะ
ตรงข้ามร้านบะหมี่เป็นหมู่บ้านเล็กๆ เราขอให้คุณไกด์พาเราไปเที่ยวเพื่อฆ่าเวลารอคุณคนขับรถไปเคลียร์เรื่องใบขับขี่
ภายในหมู่บ้าน แทบจะเรียกว่าร้างค่ะ เนื่องจากเป็นช่วงเวลาบ่ายๆที่คนในหมู่บ้านออกไปทำไร่กันหมด มีแต่คนแก่และเด็กอยู่บ้าน เราได้ดื่มด่ำบรรยากาศที่แท้จริงของชาวทิเบตตามต่างจังหวัด สวยงามไปอีกแบบค่ะ
เค้าเอาอึ Yak ปั้นเป็นก้อนแปะตามกำแพงให้มันแห้ง แล้วเอาไปทำเชื้อเพลิง
น้องวัวหรือน้อง Yak ไม่รู้ค่ะ นอนนิ่งให้ถ่ายรูป
หลังจากละเลียดเยี่ยมชมหมู่บ้าน จนผ่านไปเกือบ 2 ชั่วโมง คิดว่ารถน่าจะกลับมาแล้ว ปรากฏคุณไกด์บอกว่า ยังไม่เสร็จ อ่ะไม่เป็นไร ต่อกันที่ร้านน้ำชาประจำหมู่บ้าน
จิบชากันเกร๋ๆค่ะ ร้านชานี้ เหมือนเป็นแหล่งรวมคนในหมู่บ้าน คนจะเยอะขึ้นมาก ถ้าเป็นช่วงเย็นๆหลังจากที่เค้าทำไร่กลับเสร็จ คล้ายๆสภากาแฟบ้านเรา ที่เรารู้เพราะเรานั่งอยู่ราวๆ 3 ชั่วโมงค่ะ คุณลุงคนขับรถใช้เวลาไปเอาใบขับขี่แล้วกลับมารับเราอีกที 5 ชั่วโมงจ้า
จากนั้นเราก็เริ่มเดินทางต่อ เพื่อไปจุดหมายของเรา คือเมืองชิกัตเซ่
คุณไกด์พาเราหยุดเป็นระยะ เพื่อหาห้องน้ำธรรมชาติให้เรา
นี่คือวิวที่เค้าเลือกสรรให้เราเข้าห้องน้ำค่ะ เป็นห้องน้ำที่วิวสวยที่สุดในโลก
เมื่อถึงจุดสวยๆ คุณไกด์ก็จะหยุดให้เราถ่ายรูป น่ารักจริงๆ
ถนนไม่ค่อยมีรถวิ่ง
ใกล้มืดแล้วค่ะ
เราถึงชิกัตเช่ตอนสามทุ่ม ชิกัตเซ่สูงจากระดับน้ำทะเล 3900 เมตร ถือว่ายังชิวๆสำหรับเรา ไม่มีอาการ Altitude sickness ใดๆค่ะ
อันนี้คือถังออกซิเจนที่เราเช่ามาด้วยจากลาซา ผู้ชายที่เห็นนั่นคือคุณไกด์ของเรากำลังสาธิตวิธีใช้
เค้าแนะนำให้ซื้อเป็นถังแบบนี้ เพราะใช้ได้นาน 10 ชั่วโมง ในกรณีเปิดต่อเนื่อง คุ้มกว่าซื้อเป็นกระป๋องเล็ก ค่าเช่าวันละ 50 หยวน เราเช่ามา 2 ถัง เนื่องจากกลัวไม่ไหวตอนไปนอนที่ EBC
โรงแรมที่เราไปพักชื่อ Sakya palace hotel คือดีมาก....
แต่อาหารเช้า ไม่ค่อยมีอะไรน่ากินเท่าไหร่ เราเลยจัดโจ๊กผงกึ่งสำเร็จรูปกับไข่ต้มของเค้าค่ะ
สภาพห้องอาหารคล้ายวัด ได้บรรยากาศทิเบต
หน้าโรงแรมค่ะ
เช้าวันนี้เป็นวันที่ 6 เราไปเที่ยวอารามทาชิหลุนโป (Tashilhunpo monastery) ก่อนเดินทางต่อไป EBC
อารามทาชิหลุนโป
อารามนี้สร้างโดยดาไลลามะองค์ที่ 1 อารามนี้เป็น 1 ใน 4 อารามหลักของนิกายเกลุกในทิเบตกลาง มีปันเชนลามะอาศัยอยู่ พื้นที่กว้างใหญ่ เวลาเดินคุณไกด์แนะนำให้เดินจากซ้ายมือไปขวามือลัดเลาะตามอาคารต่างๆไปเรื่อยๆจะเป็นทางเดินสูงขึ้นเรื่อยๆแล้วจะวนลงกลับมาจุดเดิม ระหว่างนี้เราแยกกันกับคุณไกด์ เนื่องจากเค้าไปทำ Alien's Travel Permit เพิ่ม
Tibetan Travel Permit สามารถเดินทางในลาซา เจียนเซ่ ชิกัทเซ่ได้ แต่ถ้าจะไป EBC ต้องทำ Alien's Travel Permit เพิ่ม
ทางเข้า
อาคารต่างๆทาสีส้มสด
เจอคุณยายมาวัด รู้สึกถึงความศรัทธาในพระพุทธศาสนาของคุณยาย เหมือนเป็นสิ่งที่เป็นความหวัง เป็นสิ่งพึ่งพิงในชีวิต
จะขอกล่าวถึงดาไลลามะและปันเชนลามะเล็กน้อย เนื่องจากที่ผ่านมาพูดถึงแต่ดาไลลามะ แต่อารามนี้เป็นที่อยู่ของปันเชนลามะ
ดาไลลามะเป็นตำแหน่งสูงสุดของนิกายเกลุก เป็นผู้นำทางจิตวิญญาณและการเมืองของทิเบต ส่วนปันเชนลามะเป็นตำแหน่งที่สำคัญรองมา เริ่มมีตอนดาไลลามะองค์ที่ 5 ที่แต่งตั้งอาจารย์ตนเองเป็นปันเชนลามะ
ปันเชนลามะเป็นผู้ที่มีความสำคัญที่สุดในการค้นหาดาไลลามะองค์ถัดไป หากลามะคนปัจจุบันเสียชีวิต กล่าวคือมีหน้าที่ค้นหาว่าใครจะคือดาไลลามะกลับชาติมาเกิด และต้องเป็นอาจารย์ให้ดาไลลามะในขณะที่ยังเด็กอยู่ แต่ในทางกลับกัน ถ้าปันเชนลามะเสียชีวิต ดาไลลามะก็จะเป็นคนเลือกว่าใครจะเป็นปันเชนลามะองค์ถัดไปและเป็นอาจารย์ให้เช่นกัน
สองตำแหน่งนี้จึงเหมือนเป็นตำแหน่งที่ดูแลซึ่งกันและกัน
มีชาวทิเบตเดินสวดมนต์ หมุนกงล้อมนต์ให้เห็นอยู่ทั่วไป
หลังจากนั้นมุ่งหน้าสู่ Everest base camp จุดมุ่งหมายของการเดินทางครั้งนี้ ระหว่างทางคุณไกด์เปรยๆว่า เมื่อคืนมีหิมะตกหนักมากที่ EBC อาจขึ้นไปนอนไม่ได้ เราเริ่มจ๋อย เค้าบอกว่า ถ้าขึ้นไม่ได้เราต้องนอนที่เมือง Tingri แล้วเช้าค่อยไป
ขอจบตอนนี้เท่านี้ก่อนนะคะ ค่ำคืนนี้อีกยาวไกล ขอเล่าต่อตอนหน้านะคะ
10 วันในทิเบต : ความศรัทธาบนดินแดนหลังคาโลก ตามหาทางช้างเผือก Everest Base Camp ที่เกือบไม่ได้ไป (4)
ความเดิมต่อที่ 1 : เกี่ยวกับเกริ่นนำ การเตรียมตัวก่อนไป และรถไฟคืนแรก
10 วันในทิเบต : ความศรัทธาบนดินแดนหลังคาโลก ตามหาทางช้างเผือก Everest Base Camp ที่เกือบไม่ได้ไป (1)
http://pantip.com/topic/32766654
ตอนที่ 2 : รถไฟคืนที่ 2 และ 3 กับการเที่ยวลาซาวันแรก
10 วันในทิเบต : ความศรัทธาบนดินแดนหลังคาโลก ตามหาทางช้างเผือก Everest Base Camp ที่เกือบไม่ได้ไป (2)
http://pantip.com/topic/32767265
ตอนที่ 3 : เที่ยวลาซาวันที่ 2
10 วันในทิเบต : ความศรัทธาบนดินแดนหลังคาโลก ตามหาทางช้างเผือก Everest Base Camp ที่เกือบไม่ได้ไป (3)
http://pantip.com/topic/32767576
วันที่ 6
วันนี้เราจะเดินทางออกจากลาซาไปชิกัตเซ่
ขอลงรูปอีกครั้งนะคะ
เดิมทีเราจะเดินทางโดยถนน Southern Friendship highway (เส้นสีเขียว) แล้วแวะ Karola glacier และทะเลสาบยัมดร๊อก(Yumdrok-Tso) แต่ไกด์เราเช็คสภาพอากาศพบว่าวันนี้อากาศไม่ดี ฟ้าไม่สวย เค้าเลยเสนอว่าให้วิ่งทางตรงไปชิกัตเซ่เลย คือวิ่ง Northern Friendship highway (เส้นสีน้ำเงิน)แล้วขากลับค่อยกลับทางถนนสายมิตรภาพแล้วแวะเที่ยวดังกล่าว
ไกด์เราดีมาก รอบคอบมาก ไม่งั้นคงไม่ได้ถ่ายรูปทะเลสาบตอนฟ้าสวยๆ อยากแนะนำเพื่อนๆว่า เราควรเช็คสภาพอากาศทุกวัน แล้วคุยกับไกด์ เพื่อรูปที่สวยงาม เผื่อถ้าไกด์ไม่เช็คให้ค่ะ
วิวระหว่างทาง ต้นไม้เปลี่ยนเป็นสีเหลืองหมดแล้วค่ะ สวยงามมาก
วิวนี้ถ่ายตอนไกด์แวะให้เราเข้าห้องน้ำริมทาง เป็นห้องน้ำชาวบ้านค่ะ เสีย 2 หยวน มีพี่ผู้หญิง เพื่อนร่วมทริป 2 คน เข้าไป ..... คนแรกฉี่เสร็จ ออกมาอ้วกหน้าห้องน้ำ คนที่สองขณะฉี่อยู่นั้น คุณป้าเจ้าของห้องน้ำก็เดินเข้ามาถามด้วยความเป็นห่วงเพราะเห็นพี่คนแรกอ้วกไป ปัญหาคือ ห้องน้ำไม่มีประตู แล้วคุณป้าแกเดินเข้ามาถามไถ่นี่ละค่ะ ถึงกับหยุดฉี่ไม่ทันเลยทีเดียว
ห้องน้ำเยินจริง เป็นมลพิษทางกลิ่นและทางสายตามากค่ะ ใครอยากได้บรรยากาศและประสบการณ์อันล้ำค่า ก็แนะนำให้เข้านะคะ
หลังจากเหตุการณ์อ้วกหน้าห้องน้ำเกิดขึ้น ไกด์ไม่เคยแวะให้เราเข้าห้องน้ำอีกเลย ไม่ได้ให้เราอั้นฉี่นะคะ แต่แกหาพุ่มไม้ให้เราฉี่แทนค่ะ แกว่า Natural toilet is the best อันนี้จริงค่ะ (แล้วทำไม ไม่บอกเราตั้งแต่แรก ? - -" สงสัยอยากให้เรามีประสบการณ์)
ระหว่างทางมีน้องวัวมาใช้ถนนร่วมด้วยเป็นระยะๆ
ทางจากลาซาไป EBC มีด่านเป็นระยะ และมีกล้องตรวจจับความเร็วตลอดเส้นทาง กล้องหลอกบ้าง กล้องจริงบ้าง เค้าจำกัดให้วิ่งแค่ 40 กิโลเมตรต่อชั่วโมงบ้าง 60 บ้าง เราต้องหยุดที่ด่านทุกด่านเพื่อให้เค้าประทับเวลาการมาถึงค่ะ คือเค้าจะบอกเลยว่าจากด่านนี้ไปอีกด่านคุณต้องถึงกี่โมง ถึงช้ากว่าได้ แต่ถึงเร็วกว่าไม่ได้ รถเราเลยต้องจอดให้ชมวิวถ่วงเวลาเป็นช่วงๆ
วิวหน้าด่านตำรวจค่ะ ในขณะที่คนขับรถเข้าไปในด่าน เราก็ถ่ายรูปตามสะดวก
ด่านนี้เราจอดนานกว่าทุกด่าน เพราะว่า.... คนขับเราโดนยึดใบขับขี่เนื่องจากขับรถเร็วเกินกำหนดค่ะ งานเริ่มงอกเงย คนขับรถเราเครียดมาก เราก็เครียดเช่นกันกลัวไม่มีคนพาไป EBC คนขับรถขับรถต่อไปที่เมือง Rinbung เพื่อแวะกินบะหมี่ แล้วแกบอกว่าขอเวลา 2 ชั่วโมงเพื่อกลับไปที่ด่านนั้น เคลียร์ให้ได้ใบขับขี่กลับมา ระหว่างทางเค้าโทรศัพท์ตลอด คิดว่าคงหาคนช่วยค่ะ
บะหมี่ที่เมือง Rinbung
บะหมี่ Homemade เส้นสดนะคะ พอสั่งปุ๊บ พี่แกเดินไปหลังร้าน ทำบะหมี่กันตอนนั้นเลย ที่เห็นนั่นคือเนื้อYak รสชาติใช้ได้ คือจืดใช้ได้ค่ะ
ตรงข้ามร้านบะหมี่เป็นหมู่บ้านเล็กๆ เราขอให้คุณไกด์พาเราไปเที่ยวเพื่อฆ่าเวลารอคุณคนขับรถไปเคลียร์เรื่องใบขับขี่
ภายในหมู่บ้าน แทบจะเรียกว่าร้างค่ะ เนื่องจากเป็นช่วงเวลาบ่ายๆที่คนในหมู่บ้านออกไปทำไร่กันหมด มีแต่คนแก่และเด็กอยู่บ้าน เราได้ดื่มด่ำบรรยากาศที่แท้จริงของชาวทิเบตตามต่างจังหวัด สวยงามไปอีกแบบค่ะ
เค้าเอาอึ Yak ปั้นเป็นก้อนแปะตามกำแพงให้มันแห้ง แล้วเอาไปทำเชื้อเพลิง
น้องวัวหรือน้อง Yak ไม่รู้ค่ะ นอนนิ่งให้ถ่ายรูป
หลังจากละเลียดเยี่ยมชมหมู่บ้าน จนผ่านไปเกือบ 2 ชั่วโมง คิดว่ารถน่าจะกลับมาแล้ว ปรากฏคุณไกด์บอกว่า ยังไม่เสร็จ อ่ะไม่เป็นไร ต่อกันที่ร้านน้ำชาประจำหมู่บ้าน
จิบชากันเกร๋ๆค่ะ ร้านชานี้ เหมือนเป็นแหล่งรวมคนในหมู่บ้าน คนจะเยอะขึ้นมาก ถ้าเป็นช่วงเย็นๆหลังจากที่เค้าทำไร่กลับเสร็จ คล้ายๆสภากาแฟบ้านเรา ที่เรารู้เพราะเรานั่งอยู่ราวๆ 3 ชั่วโมงค่ะ คุณลุงคนขับรถใช้เวลาไปเอาใบขับขี่แล้วกลับมารับเราอีกที 5 ชั่วโมงจ้า
จากนั้นเราก็เริ่มเดินทางต่อ เพื่อไปจุดหมายของเรา คือเมืองชิกัตเซ่
คุณไกด์พาเราหยุดเป็นระยะ เพื่อหาห้องน้ำธรรมชาติให้เรา
นี่คือวิวที่เค้าเลือกสรรให้เราเข้าห้องน้ำค่ะ เป็นห้องน้ำที่วิวสวยที่สุดในโลก
เมื่อถึงจุดสวยๆ คุณไกด์ก็จะหยุดให้เราถ่ายรูป น่ารักจริงๆ
ถนนไม่ค่อยมีรถวิ่ง
ใกล้มืดแล้วค่ะ
เราถึงชิกัตเช่ตอนสามทุ่ม ชิกัตเซ่สูงจากระดับน้ำทะเล 3900 เมตร ถือว่ายังชิวๆสำหรับเรา ไม่มีอาการ Altitude sickness ใดๆค่ะ
อันนี้คือถังออกซิเจนที่เราเช่ามาด้วยจากลาซา ผู้ชายที่เห็นนั่นคือคุณไกด์ของเรากำลังสาธิตวิธีใช้
เค้าแนะนำให้ซื้อเป็นถังแบบนี้ เพราะใช้ได้นาน 10 ชั่วโมง ในกรณีเปิดต่อเนื่อง คุ้มกว่าซื้อเป็นกระป๋องเล็ก ค่าเช่าวันละ 50 หยวน เราเช่ามา 2 ถัง เนื่องจากกลัวไม่ไหวตอนไปนอนที่ EBC
โรงแรมที่เราไปพักชื่อ Sakya palace hotel คือดีมาก....
แต่อาหารเช้า ไม่ค่อยมีอะไรน่ากินเท่าไหร่ เราเลยจัดโจ๊กผงกึ่งสำเร็จรูปกับไข่ต้มของเค้าค่ะ
สภาพห้องอาหารคล้ายวัด ได้บรรยากาศทิเบต
หน้าโรงแรมค่ะ
เช้าวันนี้เป็นวันที่ 6 เราไปเที่ยวอารามทาชิหลุนโป (Tashilhunpo monastery) ก่อนเดินทางต่อไป EBC
อารามทาชิหลุนโป
อารามนี้สร้างโดยดาไลลามะองค์ที่ 1 อารามนี้เป็น 1 ใน 4 อารามหลักของนิกายเกลุกในทิเบตกลาง มีปันเชนลามะอาศัยอยู่ พื้นที่กว้างใหญ่ เวลาเดินคุณไกด์แนะนำให้เดินจากซ้ายมือไปขวามือลัดเลาะตามอาคารต่างๆไปเรื่อยๆจะเป็นทางเดินสูงขึ้นเรื่อยๆแล้วจะวนลงกลับมาจุดเดิม ระหว่างนี้เราแยกกันกับคุณไกด์ เนื่องจากเค้าไปทำ Alien's Travel Permit เพิ่ม
Tibetan Travel Permit สามารถเดินทางในลาซา เจียนเซ่ ชิกัทเซ่ได้ แต่ถ้าจะไป EBC ต้องทำ Alien's Travel Permit เพิ่ม
ทางเข้า
อาคารต่างๆทาสีส้มสด
เจอคุณยายมาวัด รู้สึกถึงความศรัทธาในพระพุทธศาสนาของคุณยาย เหมือนเป็นสิ่งที่เป็นความหวัง เป็นสิ่งพึ่งพิงในชีวิต
จะขอกล่าวถึงดาไลลามะและปันเชนลามะเล็กน้อย เนื่องจากที่ผ่านมาพูดถึงแต่ดาไลลามะ แต่อารามนี้เป็นที่อยู่ของปันเชนลามะ
ดาไลลามะเป็นตำแหน่งสูงสุดของนิกายเกลุก เป็นผู้นำทางจิตวิญญาณและการเมืองของทิเบต ส่วนปันเชนลามะเป็นตำแหน่งที่สำคัญรองมา เริ่มมีตอนดาไลลามะองค์ที่ 5 ที่แต่งตั้งอาจารย์ตนเองเป็นปันเชนลามะ
ปันเชนลามะเป็นผู้ที่มีความสำคัญที่สุดในการค้นหาดาไลลามะองค์ถัดไป หากลามะคนปัจจุบันเสียชีวิต กล่าวคือมีหน้าที่ค้นหาว่าใครจะคือดาไลลามะกลับชาติมาเกิด และต้องเป็นอาจารย์ให้ดาไลลามะในขณะที่ยังเด็กอยู่ แต่ในทางกลับกัน ถ้าปันเชนลามะเสียชีวิต ดาไลลามะก็จะเป็นคนเลือกว่าใครจะเป็นปันเชนลามะองค์ถัดไปและเป็นอาจารย์ให้เช่นกัน
สองตำแหน่งนี้จึงเหมือนเป็นตำแหน่งที่ดูแลซึ่งกันและกัน
มีชาวทิเบตเดินสวดมนต์ หมุนกงล้อมนต์ให้เห็นอยู่ทั่วไป
หลังจากนั้นมุ่งหน้าสู่ Everest base camp จุดมุ่งหมายของการเดินทางครั้งนี้ ระหว่างทางคุณไกด์เปรยๆว่า เมื่อคืนมีหิมะตกหนักมากที่ EBC อาจขึ้นไปนอนไม่ได้ เราเริ่มจ๋อย เค้าบอกว่า ถ้าขึ้นไม่ได้เราต้องนอนที่เมือง Tingri แล้วเช้าค่อยไป
ขอจบตอนนี้เท่านี้ก่อนนะคะ ค่ำคืนนี้อีกยาวไกล ขอเล่าต่อตอนหน้านะคะ