Mayya's Family พาลูก 1 ขวบเที่ยว Europe 15 วันทำได้ไง (Switzerland Germany Austria) EP3.1 Decide & Planning



     สวัสดีค่ะ คราวนี้จะมา Review "Trip Europe" กัน Trip นี้เกิดจากความเก็บกดของขุ่นแม่ ที่ช่วงท้องไม่ได้เที่ยว พอลูกเริ่มมีภูมิต้านทานหน่อย ก็จัดไปอย่าได้ลังเลค่ะ

     อมยิ้ม23ด่านแรกที่ต้องตัดสินใจ : ไปไหนดี ???

     ก่อนอื่นต้องถามตัวเองก่อนว่าเราแนวไหน บ้านเราชอบท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ มันก็มีไม่กี่ประเทศที่ผุดขึ้นมา 1 ในนั้นก็คือ "Switzerland ดินแดนในฝัน (ของใครหลายๆคน)" พอพูดถึงสวิสเราต้องนึกถึงเมืองที่สงบ บ้านเรือนสวยงาม มีสถาปัตยกรรมเฉพาะตัว ภูเขาสูงตระหง่าน มีหิมะปกคลุม เล่นสกี เล่นหิมะ คือว่า มันเป็นที่ที่เราเดินเล่น Chill ๆ เรื่อยเปี่อยได้อ่ะ เราเลยตัดสินใจเลือกแถบนี้ สิ่งที่ได้มาเป็นของแถมคือ Germany และ Austria ค่ะ









     อมยิ้ม23 ไปช่วงไหนดี ???

     เราก็มนุษย์เงินเดือนธรรมดาคนนึง หยุดยาวๆได้แค่ 2 ช่วง ไม่สงกรานต์ก็สิ้นปี วันหยุดเยอะ ที่เหลือขอพักร้อนเอา (หยุดเยอะเดี๋ยวเค้าแถมซองขาวให้ จะยุ่ง!!!)

     ทำไมสงกรานต์ !!!  : เพราะสวิส มี 4 ฤดู

1. Spring : (Mar-May) ฤดูใบไม้ผลิ อากาศยังหนาวอยู่ เป็นฤดูที่สวยที่สุด *ในความคิดเรานะ Temp เฉลี่ย 6-13°C สว่างเร็ว มืดช้า เที่ยวได้เยอะ บางวันแดดนานถึง 18 ชั่วโมง วิวจะออกแนวดอกไม้ๆ

2. Summer : (Jun-Aug) ฤดูร้อนที่นี่ฝนจะเยอะ Temp เฉลี่ย 18-28°C เดินทางกับเด็กเล็กไม่น่าสะดวก

3. Autumn : (Sep-Nov) ฤดูใบไม้ร่วง กลางวันอบอุ่น กลางคืนเย็น วิวสวย เพราะใบไม้เริ่มเปลี่ยนสีเป็นสีส้ม romantic อีกแบบ แต่ไม่ match กับวันหยุดเรา

4. Winter : (Dec-Feb) ฤดูหนาว อากาศจะหนาวจัด หิมะตก วิวจะสีขาวไปหมด กลางวันสั้น ได้เที่ยวน้อย ถนนปิดเยอะ วางแผนเดินทางแบบ fix เวลาไม่ได้ น่าจะขับรถลำบาก เพราะถนนลื่น และที่สำคัญ !!! ขับซ้าย อันนี้ยากมาก แค่ 4 โมงเย็นก็เริ่มมืดแล้ว

     คำตอบที่ดีที่สุดคือ "Spring" มีทั้งดอกไม้ มีทั้งหิมะให้เล่น เที่ยวได้นาน เดินทางสะดวก

  

     อมยิ้ม19จะเดินทางยังไง !!!

     อยากที่ทราบ คนส่วนมากจะเลือก "Swiss Pass" เพราะได้ ส่วนลดในการท่องเที่ยว สะดวก fix schedule และ เวลาในการเดินทางได้ ไม่เหนื่อยขับรถ แต่ Trip นี้เราเลือกขับรถเที่ยว ด้วยเหตุผลหลายๆอย่าง ...



1. มีลูก 1 ขวบไปด้วย ไปนาน สัมภาระเยอะ ขี้เกียจขนของ
2. เหมาะกับ Life Style เรา คืออยากแวะไหนแวะ พอไปถึงไม่ชอบก็ข้าม อันที่ไม่ได้ plan ไว้ อยากแวะก็แวะได้
3. ชอบไปเที่ยวแบบ Local ในบางจุดต้องขับรถไป
4. ตามล่าความฝัน พิชิต "Romantic Road แห่ง Germany"
5. ชอบแวะตลาด/Supermarket ไปดูว่าจริงๆแล้วเค้ากินอยู่ยังไง



วิว 2 ข้างทางก็สวยงามตามท้องเรื่อง

Tips !!! อมยิ้ม36 สำหรับคนที่ยังสนใจ Swiss Pass สามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่นี่
http://www.swissfanclub.com/%e0%b8%8b%e0%b8%b7%e0%b9%89%e0%b8%ad-swiss-pass-%e0%b9%84%e0%b8%94%e0%b9%89%e0%b8%97%e0%b8%b5%e0%b9%88%e0%b9%84%e0%b8%ab%e0%b8%99/

     ด้วยเหตุผลนี้ เราก็เดินหน้าศึกษา "การขับรถเที่ยวเองใน Europe" ค่ะ => เดินหน้าทำใบขับขี่สากลโล้ด +++

     ใบขับขี่สากล ทำง่ายกว่าที่คิด !!! ไม่จำเป็นต้องไปด้วยตนเองค่ะ ฝากเพื่อนไปทำก็ได้

     หลักฐานที่ต้องเตรียม

     1. Passport สำเนา + ตัวจริง
     2. บัตรประชน สำเนา + ตัวจริง
     3. ใบขับขี่ สำเนา + ตัวจริง
     4. รูปถ่าย 2 นิ้ว 2 รูป
     5. เงิน 505 บาท

     ถ้าให้คนอื่นไปทำให้ เพิ่มเติมคือ
     1. หนังสือมอบอำนาจ => หา Download ตาม Net ได้ทั่วไป
     2. บัตรประชาชน สำเนา + ตัวจริง ของคนที่เรามอบอำนาจให้ไปทำแทน

     ใบขับขี่มีอายุ 1 ปี รอรับได้เลย ทำได้ทุกขนส่งทั่วประเทศ
     *** ใบขับขี่สากล ครอบคลุม Austria และ Switzerland เท่านั้น การขับขี่ใน Germany เราใช้แค่ใบขับขี่ที่มีภาษาอังกฤษกำกับค่ะ


อมยิ้ม36 คุณพ่อคุณแม่ที่พาลูกไปด้วย ที่จะต้องเช่าเพิ่มคือ "Car Seat" นะคะ อันนี้เป็นกฎหมาย ควรฝึกลูกนั่นตั้งแต่ยังเล็ก อีกอย่าง เวลาเค้านอนจะได้สบายทั้งคนนอน สบายทั้งคนอุ้มค่ะ

     อมยิ้ม17 ที่จอดรถหายากมั้ย???
     ที่จอดรถหาไม่ยากค่ะ แต่สำคัญคือเสียตังค์ทุกที่ เค้าจะมีตู้ให้เราไปหยอด เลือกระยะเวลาที่ต้องการจอด แล้วใส่เงิน จะได้กระดาษออกมา ให้เอากระดาษไปวางไว้หน้ารถค่ะ


แวะเที่ยวเมืองเล็กๆระหว่างเมืองไปเรื่อยๆ ที่จอดรถหาได้เสมอ ไม่มีปัญหา

อมยิ้ม36 อย่าลืม ถ้าใจรักจะขับรถ เวลาจองที่พัก ต้อง Search ว่ามี Packing ให้หรือเปล่า ส่วนมากจะเสียค่าจอด บางที่ระบุว่าต้องจองไปล่วงหน้า ณ จุดนี้ เท่าที่ลองใช้มา เราว่าการจองที่พักผ่าน Booking จะดีมากๆ เพราะหน้า App จะมีสรุปที่พักรายวัน มีการแจ้งเตือนล่วงหน้าก่อนวันเข้าพัก มีทาง Shortcut ให้เราขอ Special Request และ e-mail contact กับทางโรงแรมโดยตรง ...

     อมยิ้ม19 ไปตั้งหลายประเทศ ขอ Visa ประเทศไหนดี ***Schengen Visa ขอได้ง่ายๆ ไม่ยากอย่างที่คิด***

     ทั้ง 3 ประเทศที่เราไปนี้อยู่ในเขต Schengen Visa คือ "Visa ใบเดียวเที่ยวได้ทั่ว" เราเลือกขอกับประเทศที่เราอยู่นานสุดค่ะ การยื่นขอ Visa Schengen กับสถานทูตสวิส สามารถทำได้ง่ายๆ

Step 1 : เข้าไปกรอกข้อมูลส่วนตัว เพื่อทำการนัดหมายกับ TLScontact
https://www.tlscontact.com/th2fr/help.php?id=schengen_area&l=th

Step 2 : เลือกวันและเวลาที่เราสะดวก *** อันนี้ต้องไปเองทุกคน เพราะเค้าจะมีการเก็บข้อมูลทางชีวภาพ (Biometric) หลักๆก็คือการเก็บลายพิมพ์นิ้วมือ ถ่ายรูป ค่ะ

Step 3 : เมื่อถึงวันนัดหมาย นำเอกสารไปยื่น เอกสารที่ต้องมีได้แก่

General Document

1. Format ร้องขอการขอ Visa ก็ตัวที่เข้าไปกรอกรายละเอียดใน Web Site แหล่ะค่ะ เพียงแต่เราต้อง Print Out ออกไปเซนต์แล้วยื่น
2. รูปถ่าย 3.5 X 4.5 cm. 2 รูป พื้นหลังต้องสีขาว หน้าตรง ในรูป พื้นที่ตั้งแต่หัวยันหัวไหล่ต้องมีพื้นที่ 70-80% อย่างต่ำ
    *** เอาให้ชัวร์ ยอมเสียตังค์แพงหน่อย ไปถ่ายที่ TLScontact ก็ได้ค่ะ มี boot ให้บริการ
3. Passport ตัวจริง + สำเนา
4. Passport เก่าที่มี Visa ที่เคยเที่ยวมาแล้วยิ่งดี Copy แนบไปด้วยค่ะ อันนี้เค้าจะได้มั่นใจว่าเราไปเที่ยวจริงๆ ไม่ได้เป็นแรงงานต่างด้าวน๊า
5. สำเนาการจองตั๋วเครื่องบิน ถ้ามั่นใจว่ายังไงก็ได้ ก็จองตั๋วโปรไปโลด แต่ ส่วนมากตั๋วโปรจะ Refund ไม่ได้นะ ถ้าให้ชัวร์แนะนำจองไปก่อน ยอมแพงหน่อย Refund ได้ จะได้ไม่เสียตังค์เปล่า
6. ประกันการเดินทาง อันนี้ Recommended!!! สำหรับการขอ Visa นะคะ ที่สำคัญต้องมีวงเงินประกันไม่ต่ำกว่า 1,500,000 บาท มีหลายเจ้าแนะนำให้ Check กับทางสถานทูตก่อนค่ะ เพราะเค้ารับเฉพาะบางเจ้าเท่านั้น ...
7. Trip Plan บอกรายละเอียดว่าแต่ละวันเราจะไปที่ไหนมั้ง
8. สำเนาเอกสารการจองที่พัก
9. เอกสารสำเนาการจองรถสำหรับ Car Rental (If Any)

     ส่วนมากเดี๋ยวนี้เค้าทำ Online กันหมด ทำง่ายเพียงกรอกข้อมูล และ Print Out ออกมาแนบเฉยๆ ไม่แพงมากค่ะ เพื่อเป็นการการันตีว่า ถ้าเราไปเจ็บป่วยบ้านเค้าแล้ว เรามีเงินรักษา


=> ครั้งนี้เราเลือกของ Bupa เพราะเห็นหลายๆคน Review มาว่า Claim ง่าย Link ตามนี้เลยค่ะ http://www.bupa.co.th/BupaTravelOnline/th/index.aspx

ต่อมาว่าด้วย หลักฐานทางความมั่นคง เอ้ย หน้าที่การงานและการเงินค่ะ

1. หนังสือรับรองความเป็นพนักงาน ต้องเป็นภาษาอังกฤษ และระบุเงินเดือนเท่านั้น
     1.1 สำหรับคนที่ทำงาน Freelance ก็ส่งสำเนาบัญชีเงินฝากย้อนหลัง
     1.2 ยังไม่ได้ทำงาน ต้องมีหนังสือรับรองการออกค่าใช้จ่ายให้ โดยใช้หลักฐานทางการเงินของคนอื่นแทน แล้วเขียนจดหมายไปอธิบายเป็นภาษาอังกฤษ เพียงแต่คนรับรองต้องเป็นสามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย หรือพี่น้อง/คนในครอบครัวที่สายเลือดเดียวกัน รับรองผ่านฉลุย *เราก็รับรองให้น้องสาวค่ะ

2. สลิปเงินเดือน แปลเป็นภาษาอังกฤษย้อนหลัง 3 เดือน อันนี้เราไม่ได้ส่งแต่ขอ Visa ผ่านครบทุกคนถ้วน (4 Adult + 1 Infant)

3. Statement ย้อนหลัง 6 เดือน เป็นภาษาอังกฤษ ให้ธนาคาร Stamp ตราให้ด้วยน๊า ...

Facepalm คำถามยอดฮิต ต้องมีเงินในบัญชีเท่าไหร่ // จริงๆแล้วเงินในบัญชีคงเหลือไม่ใช่ประเด็นมากค่ะ สำคัญคือ "บัญชีเรามีเงิน Flow หรือเปล่า" เอาง่ายๆก็คือมีเงินหมุนเวียนเข้าออกบัญชีตลอด ต่อเนื่องทุกเดือนหรือเปล่า ส่วนเงินที่เหลือมีแค่ให้เค้ามั่นใจว่าเรามีตังค์ใช้จ่ายที่นั่น สมมุติว่าเราไป 10 วัน เฉลี่ยใช้จ่ายวันละ 3000 บาท ก็มีสัก 30,000 บาทก็พอ อะไรประมาณนี้อ่า ...

     ถ้าอยากชัวร์กว่านั้นอีก แนะนำแนบมันทุกบัญชีที่มีเลยค่ะ อันนี้พูดจริงนะ ไม่ได้มุข

ถัดมาว่าเรื่องเอกสารลูก

1. สำเนาสูติบัตร แปลเป็นภาษาอังกฤษ *บริษัทที่แปล เค้าก็รับแค่บางเจ้า ต้อง Check สถานทูตดีๆนะ
2. หนังสือรับรองการรับผิดชอบค่าใช้จ่าย ทำเหมือนคนที่ยังไม่ทำงานค่ะ
3. ถ้าพ่อแม่เดินทางไปด้วยก็จบ แต่ถ้าพ่อหรือแม่เดินทางคนใดคนหนึ่ง ต้องมีหนังสือรับรองจากคนที่ไม่ได้ไปด้วยค่ะ *สงสัยกลัวงอนสามีแล้วหอบลูกหนีไปเมืองนอกป่าวไม่รู้ 555+
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่