เวลานั้นซันรู้สึกตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถึงเขาจะเห็นคนเจ็บนอนกองอยู่แทบเท้า แต่เขาก็ยังยืนตัวแข็งทื่อ ไม่นานนักมีคนสองสามคนมาช่วยดูคนเจ็บ ต่อมาก็ตามด้วยไทยมุงนับสิบ และดูจะมากขึ้นเรื่อยๆ ซันค่อยๆฝ่าฝูงคนออกมา แล้วก็เดินย้อนขึ้นไปเรื่อยๆเพื่อจะโบกแท็กซี่คันใหม่ ตอนนั้นเขายังรู้สึกสับสนและงุนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น พอแท็กซี่ว่างโผล่มา ซันก็โบกแท็กซี่คันนั้นแล้วขึ้นไปนั่ง ซันนั่งสงบสติอารมณ์นิดนึงก็มีเสียงออกมาจากวิทยุว่า
"เมื่อสักครู่นะครับ เกิดเหตุแท็กซี่กับมอเตอร์ไซด์ ขับปาดกันไปมาจนมอเตอร์ไซด์เสียหลักล้มลงใกล้ๆปากซอยรามคำแหง 57 รถแท็กซี่สีเขียวขับหนีไปได้นะครับ ใครที่ขับรถผ่านแถวนั้นต้องระวังหน่อยนะครับ เพราะมีรถติดเป็นทางยาว"
สิ้นประโยคนั้น ซันก็ไม่ได้สนใจเสียงจากวิทยุอีก เขารู้สึกแย่มากที่ได้ฟังข่าวที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง สีรถก็ไม่ใช่ สาเหตุที่มอเตอร์ไซด์ล้มก็ไม่ใช่ ที่เหตุมันเกิดขึ้นเพราะแต่ละคนมีมุมมองของตัวเองต่างหาก และในกรณีนี้ มันคือมุมมองจริงๆ
ซันเองต้องการขึ้นแท็กซี่ จึงโบกรถโดยมองไม่เห็นมอเตอร์ไซด์ แท็กซี่เอง ก็อยากได้ลูกค้า จึงรีบเข้าซ้ายโดนมองไม่เห็นมอเตอร์ไซด์ มอเตอร์ไซด์เองเขาก็ไม่ใช่รถรับจ้าง จึงมองไม่เห็นว่ามีคนโบกรถ จึงตั้งใจจะแซงซ้าย แต่พอทุกคนมีมุมมองแบบนั้น อุบัติเหตุจึงเกิดขึ้น คนที่รายงานข่าวก็รายงานไปอีกเรื่องเลยเพราะคิดว่าความจริงน่าจะเป็นอย่างนั้นเขาคิดว่าความจริงที่เกิดขึ้นมันเป็นอย่างนั้น จึงพูดออกไปตามทฤษฎีของเขา ซึ่งคนส่วนใหญ่ก็มักจะเป็นอย่างนั้น ทำให้ทุกวันนี้มันยากมากที่จะพบความจริงจริงๆในหนังสือวิชาการต่างๆ ด้วยเหตุผลนี้ ซันตัดสินใจที่จะไม่ล้มเลิกโครงการค้นหาความจริงของเขาและภารกิจที่รับมาจากนิวตรอน อย่างน้อยเมื่อเขามีออฟฟิศโฟตอนอยู่ในมือพร้อมกับมีทีมที่ใช้ได้และมีความพร้อมมากถึงขนาดนี้ ซันไม่คิดที่จะล้มเลิกโครงการของตัวเองง่ายๆ
แต่เชนเองได้เตือนซันว่าถ้าเขามุ่งทางนี้อาจมีอันตราย ซันคิดแล้วคิดอีก ซันรู้สึกว่าถ้าไม่ตามหาความจริง มันน่าจะอันตรายกว่ามาก ตอนนั้นคนขับแท็กซี่ปิดวิทยุ เขาพูดกับซันโดยไม่ได้มองเขาไม่ว่าจะเป็นทางกระจกมองหลังหรือหันมา
"คิดได้ดีมากนะไอ้น้อง มิน่าล่ะ นิวตรอนถึงเลือกนาย"
ซันตกใจมาก "คุณ ... คุณอ่านใจผมได้"
หลังจากนั้นคนขับได้เลี้ยวออกนอกเส้นทาง แล้วเร่งเครื่องเร็วมากจนซันต้องเอามือจับเบาะหน้าไว้
"แล้วจะพาผมไปไหน"
"เดี๋ยวก็รู้"
รถแล่นอย่างเร็วจนออกนอกเมืองไปเรื่อยๆ ซันพยายามตั้งสติและคิดว่าคนขับน่าจะไม่ได้มาในแง่ร้าย และเขาก็มาหยุดตรงบ้านหลังหนึ่ง
"มีคนรอพบนายอยู่ ลงไปสิ"
ซันลงจากรถและเดินตรงเข้าบ้านเพราะบ้านนั้นไม่ได้ล็อค บ้านนั้นมองจากภายนอกก็ไม่ค่อยใหญ่มาก แต่พอเดินเข้าไปข้างในปรากฎว่า ข้างในค่อนข้างใหญ่ และบ้านก็ทรงแปลกมาก พอเปิดประตูเข้าไปเขาก็พบทางเดินใหญ่ที่ยาวมากๆ ซันเดินตรงไปจนพบแสงสว่างที่มาจากโคมไฟตั้งโต๊ะ ซันเห็นผู้ชายคนหนึ่งนั่งอยู่บนโต๊ะทำงานพร้อมกับคอมประจำตัวเขาซึ่งมีรูปร่างค่อนข้างประหลาด ผู้ชายคนนั้นเงยหน้ามองซัน เขายังทำหน้านิ่งอยู่ ซันถามเขาไปว่า
"คุณคือใคร"
ผู้ชายคนนั้นที่อายุราวๆ 40 กว่า ผมหงอกเคราหงอกลุกขึ้นยืนแล้วยิ้มให้ซัน
"อุรุเวลาเสนานิคมครับ"
โปรดติดตามตอนต่อไป
นิวตรอน : โลกที่ไม่มีอยู่กับศัตรูที่ไม่มีเงา ตอนที่ 9
"เมื่อสักครู่นะครับ เกิดเหตุแท็กซี่กับมอเตอร์ไซด์ ขับปาดกันไปมาจนมอเตอร์ไซด์เสียหลักล้มลงใกล้ๆปากซอยรามคำแหง 57 รถแท็กซี่สีเขียวขับหนีไปได้นะครับ ใครที่ขับรถผ่านแถวนั้นต้องระวังหน่อยนะครับ เพราะมีรถติดเป็นทางยาว"
สิ้นประโยคนั้น ซันก็ไม่ได้สนใจเสียงจากวิทยุอีก เขารู้สึกแย่มากที่ได้ฟังข่าวที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง สีรถก็ไม่ใช่ สาเหตุที่มอเตอร์ไซด์ล้มก็ไม่ใช่ ที่เหตุมันเกิดขึ้นเพราะแต่ละคนมีมุมมองของตัวเองต่างหาก และในกรณีนี้ มันคือมุมมองจริงๆ
ซันเองต้องการขึ้นแท็กซี่ จึงโบกรถโดยมองไม่เห็นมอเตอร์ไซด์ แท็กซี่เอง ก็อยากได้ลูกค้า จึงรีบเข้าซ้ายโดนมองไม่เห็นมอเตอร์ไซด์ มอเตอร์ไซด์เองเขาก็ไม่ใช่รถรับจ้าง จึงมองไม่เห็นว่ามีคนโบกรถ จึงตั้งใจจะแซงซ้าย แต่พอทุกคนมีมุมมองแบบนั้น อุบัติเหตุจึงเกิดขึ้น คนที่รายงานข่าวก็รายงานไปอีกเรื่องเลยเพราะคิดว่าความจริงน่าจะเป็นอย่างนั้นเขาคิดว่าความจริงที่เกิดขึ้นมันเป็นอย่างนั้น จึงพูดออกไปตามทฤษฎีของเขา ซึ่งคนส่วนใหญ่ก็มักจะเป็นอย่างนั้น ทำให้ทุกวันนี้มันยากมากที่จะพบความจริงจริงๆในหนังสือวิชาการต่างๆ ด้วยเหตุผลนี้ ซันตัดสินใจที่จะไม่ล้มเลิกโครงการค้นหาความจริงของเขาและภารกิจที่รับมาจากนิวตรอน อย่างน้อยเมื่อเขามีออฟฟิศโฟตอนอยู่ในมือพร้อมกับมีทีมที่ใช้ได้และมีความพร้อมมากถึงขนาดนี้ ซันไม่คิดที่จะล้มเลิกโครงการของตัวเองง่ายๆ
แต่เชนเองได้เตือนซันว่าถ้าเขามุ่งทางนี้อาจมีอันตราย ซันคิดแล้วคิดอีก ซันรู้สึกว่าถ้าไม่ตามหาความจริง มันน่าจะอันตรายกว่ามาก ตอนนั้นคนขับแท็กซี่ปิดวิทยุ เขาพูดกับซันโดยไม่ได้มองเขาไม่ว่าจะเป็นทางกระจกมองหลังหรือหันมา
"คิดได้ดีมากนะไอ้น้อง มิน่าล่ะ นิวตรอนถึงเลือกนาย"
ซันตกใจมาก "คุณ ... คุณอ่านใจผมได้"
หลังจากนั้นคนขับได้เลี้ยวออกนอกเส้นทาง แล้วเร่งเครื่องเร็วมากจนซันต้องเอามือจับเบาะหน้าไว้
"แล้วจะพาผมไปไหน"
"เดี๋ยวก็รู้"
รถแล่นอย่างเร็วจนออกนอกเมืองไปเรื่อยๆ ซันพยายามตั้งสติและคิดว่าคนขับน่าจะไม่ได้มาในแง่ร้าย และเขาก็มาหยุดตรงบ้านหลังหนึ่ง
"มีคนรอพบนายอยู่ ลงไปสิ"
ซันลงจากรถและเดินตรงเข้าบ้านเพราะบ้านนั้นไม่ได้ล็อค บ้านนั้นมองจากภายนอกก็ไม่ค่อยใหญ่มาก แต่พอเดินเข้าไปข้างในปรากฎว่า ข้างในค่อนข้างใหญ่ และบ้านก็ทรงแปลกมาก พอเปิดประตูเข้าไปเขาก็พบทางเดินใหญ่ที่ยาวมากๆ ซันเดินตรงไปจนพบแสงสว่างที่มาจากโคมไฟตั้งโต๊ะ ซันเห็นผู้ชายคนหนึ่งนั่งอยู่บนโต๊ะทำงานพร้อมกับคอมประจำตัวเขาซึ่งมีรูปร่างค่อนข้างประหลาด ผู้ชายคนนั้นเงยหน้ามองซัน เขายังทำหน้านิ่งอยู่ ซันถามเขาไปว่า
"คุณคือใคร"
ผู้ชายคนนั้นที่อายุราวๆ 40 กว่า ผมหงอกเคราหงอกลุกขึ้นยืนแล้วยิ้มให้ซัน
"อุรุเวลาเสนานิคมครับ"
โปรดติดตามตอนต่อไป