สวัสดีค่ะ นี่เป็นกระทู้แรกของเรา
เป็นภาวะซึมเศร้าเรื้อรังมาตั้งแต่เด็กค่ะ (เคยสงสัยตัวเองอยู่เหมือนกัน แต่เคยถามแม่ว่าเราเป็นรึปล่าวดันโดนด่ากลับว่าไร้สาระและปัญญาอ่อน)
เราทำร้ายตัวเองบ่อยมาก แต่ส่วนใหญ่จะทำร้ายตัวเองโดยการจิกแขน เพื่อให้สมาธิไปอยู่ที่ความเจ็บปวด ซึ่งไม่ค่อยช่วยอะไรเท่าไหร่ แต่ไม่เคยทำอะไรเกินเลยไปกว่านั้นนะคะ ถึงแม้บางทีหมั่นไส้ชีวิตตัวเองจนทิชชู่กับยางลบจะน่ากินขึ้นมาก็เถอะ แต่ยังมีสติอยู่เลยไม่เคยทำ
บ้านเรา.. แม่เราชอบใช้ความรุนแรง จำได้ว่าตอนป.4ไปซื้อของมาผิด โดนแม่จิกหัวแล้วกระชากไปถึงหน้าร้านที่เราซื้อของมาผิด(กลางงานวัด งานลอยกระทง ซึ่งคนเป็นร้อยๆ ไอร้านนี่อยู่หน้าเวทีการประกวดนางนพมาศซะด้วย) เราเจ็บปวด เราผวา เราอาย (ทุกวันนี้ขนาดผ่านมาหลายปีแล้ว คนขายของเจ้านี้ืเค้ายังมองเราด้วยสายตาแปลกๆอยู่เลยค่ะ ไม่รู้เขาตกใจยังไม่หายหรือสมเพชกันแน่นะ 555)
บ้านเรา..แม่ไม่ชอบให้เราร้องไห้ เขาจะมาซ้ำ ถ้าเราร้องไห้ แม่จะดูโกรธมาก และมาตีเราซ้ำ ทำให้เราเป็นคนต้องกลั้นร้องไห้มาตั้งแต่เด็กๆ มันทรมาณนะ ร้องไห้ แต่ห้ามสะอึกสะอื้นให้เขาได้ยิน ห้ามสู๊ดน้ำมูก เวลาเราร้องไห้แน่ล่ะน้ำมูกจะต้องไหล เราก็ต้องหายใจทางปากให้เบาที่สุด กลัวว่าแม่จะได้ยินไง
เราไม่ชอบดื่มน้ำ (เป็นคนตัวน้อยและใช้พลังงานไม่เยอะ ดื่มไม่ครบ8แก้วก็ไม่เป็นไรไม่ใช่หรอคะ? เคยดูแอพช่วยเตือนการดื่มน้ำ เค้าบอกว่าอย่างเรานี่ลิตรกว่าๆก็โอเคล่ะ แต่ยอมรับว่ากินไม่ถึง ไม่ชอบดื่มน้ำเปล่า แต่ชอบดื่มนม) แม่เราลงไม้ลงมือบ่อยๆ มีตอน ม.3เราไม่ได้ดื่มน้ำหลังกินข้าว แม่ตรงเข้ามาบีบคอเรา แล้วกดเราลงไปกับพื้น ไม่แรงหรอกแต่เรากลัว ดีนะที่ไม่มีคนขับรถหรือเดินผ่านหน้าบ้านช่วงนั้น
เรายอมรับว่าเราเป็นคนขี้เกียจ ตอน ม.4จะมีสอบภายในวันจันทร์ เรารู้ว่ามันง่าย เราเลยกะว่าจะอ่านคืนวันอาทิตย์ พอถึงตอนดึกเราก็เริ่มอ่าน แล้วแม่เรามาเห็น แม่เราก็ด่าประมาณว่าทำไมมาอ่านตอนนี้ เราอาจจะพูดมั่นใจเกินไปมั้งนะ? ว่าไม่เป็นไรหรอก เขาอาจจะหมั่นไส้ เราจำได้ว่าเขาจะกระทืบเรา2ที แต่ไม่โดน(เราอยู่ในมุ้งนะ) พอเราออกมาข้างนอกมุ้งจะทำอะไรสักอย่าง..อาจจะมาล้างคราบน้ำตาล่ะมั้ง... แม่เราเหมือนยังไม่หายโมโห ผลักเราใส่ตู้ผ้า แล้วก็เอาหนังสือวิชาเคมีปาใส่หัวเรา จนปกหนังสือขาดไปหน่อยนึง มุมหนังสือยุบด้วยเพราะมุมมันโดนหัวเราไง! ร้องไห้ตาบวมไปสอบที่ร.ร. 555
ตอนม.4อีกแหละมั้ง เราจะcopyคลิปวิดีโอสอนวิชาเคมีไปให้เพื่อนตอนจะไปร.ร.แล้วล่ะ แม่เราเดินมาแล้วถามว่า"จะมาทำงานอะไรตอนนี้!?" เรายังไม่ทันอธิบายอะไรเลยเราก็กระชากเสื้อเรามั้ง... แล้วกระโปรงนร.เราเกี่ยวเฟอร์นิเจอร์เก้าอี้ไม้แข็งๆหนักๆคว่ำเกือบมาทับขาเรา พอตอนเย็นน้องชายเรามาถามว่าเกิดอะไรขึ้น? แม่บอกว่าพี่(ชื่อเรา)เปิดคอมเล่มเกมเมื่อเช้า.... เรางงมากและโกรธมาก ร้องไห้ไปร.ร...
เราเคยทะเลาะกับแม่ ถ้าเรารู้ว่าการเถียงไม่มีประโยชน์ เราก็จะเงียบ บางทีการทะเลาะจบไปแล้ว แม่เดินไปแล้ว แต่เราพูดอยู่คนเดียว(ว่าอะไรไม่รู้..แต่ที่แน่ๆไม่ได้พูดเกี่ยวกับแม่ ไม่ได้ว่าลับหลังแม่ อาจจะบ่นว่าทำไมการบ้านมันเยอะจังโว้ย!?สไตล์เราน่ะค่ะ) แม่เราเหมือนได้ยินเสียงเราแล้วแม่ระแวงว่าเราจะด่าลับหลัง ก็ตรงมา แล้วตบที่หน้าเรา พร้อมพูดว่า"เป็นแม่กูหรอ?"
เรางงมาก เราร้องไห้ เราไม่เข้าใจ วันต่อมาเราร้องไห้ไปร.ร.(ขนาดม.5แล้วนะ) แถมพอถึงเวลากลับบ้าน เราสติแตก ร้องไห้ไม่ยอมกลับบ้านอีก ประมาณว่า "ฮือออ ไม่อยากเจอแม่! ไม่อยากกลับบ้าน! " แต่ไม่กรี๊ดนะ โหยหวนอย่างเดียว 555
นี่ยังไม่รวมเรื่องพ่อไปมีเมียน้อย ขายบ้านหลังที่เรารักที่สุด เรื่องต้องย้ายร.ร. เรื่องพ่อแม่ฟ้องศาลกันและกันอยู่นั่นแหละแบบนี้อีกนะ
เราชอบไปฟิวส์ขาดที่ร.ร.อยู่บ่อยๆ โดยเฉพาะตอนม.ปลาย ร้องไห้แบบไม่เเคร์ว่าเราจะอยู่ตรงไหน อยู่กับใครในตอนนั้น ก็ที่บ้านร้องแล้วโดนซ้ำนี่นา
พอเราขึ้นปี1 เหมือนมีอิสระภาพที่เรา"แอบ"ไปหาหมอได้ เริ่มไปหาตอนจะจบปี1
เรากลัวคนขั้นรุนแรง (ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้) ไม่กล้าสบตาคน ไม่กล้าไปซื้อของแม้กระทั่งข้าว นอนเยอะมาก กินอะไรอาเจียนออกหมด มีช่วงนึงพีคมาก น.น.ลดวันละขีดกว่า เดือนนั้นลดไป4โล น.น.เหลือแค่35-36 เดินก้มหน้า ใส่เสื้อคลุมตลอดเพราะรู้สึกไม่ปลอดภัย แต่ไปหาหมอด้วยตัวคนเดียวได้ ต่อสู้กับตัวเองแบบสุดๆไปเลย ตอนไปถึงนี่วัดชีพจร..เครื่องขึ้นerrorเลย พยาบาลบอกชีพจรเร็วจัด วิ่งมาหาหมอหรอคะ?555 เหล่าพยาบาลยังบอกเลยว่าเราเก่งนะที่มาคนเดียวได้ทั้งที่กลัวจนบีบหัวใจจะระเบิด

พยาบาลให้ปากกาน่ารักๆมาด้ามนึงด้วยแหละ >< ตอนไปหาหมอครั้งแรกนี่โฮใส่หมอเลย ไม่รู้เรื่องด้วยว่ามันเลยเวลาทำงานเขาเเล้ว เขารับคนไข้ถึงแค่เที่ยง แต่หมอเค้าน่ารักดีนะ รู้ว่าเราไม่ไหว ก็เรียกไปคุยกันนานมาก (คงเป็นเพราะถ้าไล่เรากลับเลยอาจจะมีข่าวนศ.โดดรพ.มาจากชั้น4ก็ได้นะคะ 555)
เราบอกเรื่องแบบนี้กับพ่อแม่ไม่ได้ เรารู้ว่าพ่อคงจะไม่สนใจอะไร ส่วนแม่คงจจะซ้ำเราแน่ๆ
พอวันนึงเริ่มสู้ไม่ไหว บางทีมันก็นึกถึงพ่อแม่ขึ้นมา แต่แบบให้บอกแม่คงไม่ไหว.. บอกพ่อดีกว่า พอพ่อรู้พ่อก็ทำเหมือนจะเป็นห่วงนะ แต่ไม่รู้ว่าห่วงจริงๆรึปล่าว?.. แต่หลังจากนั้นไม่นาน ก็เงียบเรื่องนี้ไปเฉย (แต่เราคิดในแง่ดีว่าพ่ออาจจะไม่อยากให้เราหมกมุ่นกับเรื่องแบบนี้ พ่อเลยไม่ถามไถ่อะไรอีกแล้วล่ะมั้ง?)
แต่เรื่องก็ไม่ได้เป็นตามที่คิดไว้... เราสอบติดที่เรียนใหม่ ซึ่งแม่หวังให้ติดที่นี่อยู่แล้ว เราเลยต้องจากหมอมา ทั้งๆที่เพิ่งได้แค่เริ่ม แต่ยังมียาติดมาอยู่นะ
ในช่วงเตรียมตัวมาที่เรียนใหม่ เราเก็บของแม่เราก็ช่วยเก็บ ทุกอย่างเหมือนเป็นไปด้วยดี แต่แม่เราดูโมโหมากๆ ที่เราเก็บของช้า(เราเป็นคนชิล แต่ทุกอย่างก็สำเร็จลุล่วงไปด้วยดีตลอดนะ ไม่รู้แม่จะเร่งรีบอะไรขนาดนั้น? จัดของแปปเดียวก็เสร็จแล้ว ถ้าไม่ครบค่อยกลับบ้านมาเอาทีหลังก็ได้นี่?) จนกระทั่งแม่เราถามแบบโมโหว่า "กางเกงนี่ไม่ใส่แล้วหรอ? ซื้อมานี่ก็เงินกู!" เราบอกไปว่าไม่ได้ใส่ มันเป็นกางเกงเฟรชชี่ เขาเอาไว้ใส่ตอนทำกิจกรรมคณะ (รู้ๆอยู่ว่าทรงมันเห่ยกว่าที่จะใส่ไปนู่นนี่อะเนาะ)
แม่เราก็ด่าๆๆ แล้วก็วิ่งไปหน้าบ้าน เหมือนจะตะโกนให้ใครไม่รู้มาเอากางเกงไป เราได้ยินเเล้วเรากรี๊ด... ซึ่งไม่เคยทำมาก่อน มันคงเป็นเพราะอยากเก็บอะไรที่เป็นความทรงจำตอนมหาลัยไว้อ่ะมั้งนะ..เพราะเราอยู่มหาลัยนั้นได้แค่ปีเดียวเอง แต่เรารู้สึกผูกพันกับที่นั่นมากๆ
แม่เราได้ยินเสียงเรากรี๊ด ก็วิ่งมาอย่างไว ตะคอกถามว่ากรี๊ดอะไร!? ห๊ะ!?
เราขาดสติ เราหลุดการควบคุม เราร้องไห้พร้อมเอาแขนบังหน้าเพราะรู้ว่าต่อไปจะโดนอะไร..โดนตบตีแน่ๆ แต่ไม่ใช่แบบนั้น แม่เอากางเกงยีนส์นั้นมารัดคอเรา. น้องชายเรารีบมาช่วยเราแล้วผลักแม่ออกไป น้องชายเรากระชากกางเกงมาจากแม่ พอแม่จะเตะเรา น้องชายเราเอาขาเตะขาแม่สกัดกั้นไว้ (น้องเราไม่ค่อยโดนทำร้ายหรอก เพราะน้องชายเราสู้แม่ และน้องชายเรานี่เป็นฮีโร่ของเรามาตั้งแต่เด็กเลย)
เมื่อไม่นานมานี้ แม่เราถามว่าเรียนจบจะมาทำงานบ้านมั๊ย? เราไม่ชอบโกหก เราก็ตอบแบบน้ำเสียงปกตินะว่าไม่ค่ะ อยากไปทำต่างจังหวัดใกล้ๆ จากนั้นเหมือนแม่เป็นอะไรไม่รู้ ด่ายาวขึ้นขึ้นกู ว่าแบบ"คนอื่นเขาก็อยากจะทำงานที่บ้านกันทั้งนั้น ทำไมถึงอยากจะไปที่อื่นกันห๊ะ!?" เราก็เลยเถียง ว่ามีคนที่เรียนด้วยกันบอกว่าเขาอยากไปทำงานที่ที่ไม่ใช่บ้านตั้งหลายคน ไม่ใช่ทุกคนหรอกที่จะกลับบ้านน่ะค่ะ
แต่แม่ก็ไม่ฟัง ด่าๆๆๆๆๆ จนเราทนไม่ไหว เราควบคุมสติไม่ได้...." แม่ รู้มั๊ย เพราะแม่เป็นแบบนี้ไง! มีอะไรหนูถึงไม่เคยบอกแม่!
หนูแอบไปหาหมอ หนูเป็นภาวะซึมเศร้าเรื้อรังนะ! "
แม่ก็ยังด่าๆๆ เริ่มมีตัดพ้อเล็กน้อย เราก็น้อยใจ เราก็พูดว่า "แม่รู้ว่าหนูเป็นแบบนี้ แม่จะยังด่าต่ออีกหรอคะ?..." แม่ไม่สนใจ ด่าต่อไป เราก็พูดซ้ำอีก แม่ก็ยังด่าต่อไป
เราก็พูดว่า ที่ไม่บอกแม่ เพราะหมอบอกว่าคนในครอบครัวดูไม่ปลอดภัย(ที่จะรับรู้ความจริงแบบว่าอาจเจอแจ็คพ็อตเหมือนตอนนี้)
แม่เราด่าต่ออีกนิดนึง แล้วก็หยุดกึก! จากนั้นแม่เราเริ่มร้องไห้ แล้วพูดแต่ว่า "ไอ(ชื่อเรา)บอกว่ากูจะฆ่ามัน ฮือ มันบอกว่ากูจะฆ่ามัน!"
น้องเราวิ่งมา แน่ล่ะ!น้องอยากช่วยเรา แต่น้องเห็นแม่ร้องไห้ น้องเลยต้องถามก่อนว่าใครผิด แม่เราก็ยังบอกว่า "ไอพี่(ชื่อเรา) บอกว่ากูจะฆ่ามัน!"
เชื่อไหม?.. เราทรุดลงไปกับพื้น นั่นทำให้เราสติแตกอีกรอบ.
"ทำไมแม่พูดแบบนี้!? ทำไมแม่ต้องโกหกน้อง!? ทำไมแม่ถึงไม่พูดความจริง!?ฮืออ ฮืออออออ" เราพูดด้วยความหดหู่อย่างที่สุด ร้องไห้ด้วยความโหยหวนอย่างที่สุด จนกระทั่งน้องชายเราเข้าใจทุกอย่างแล้วเหมือนจะพูดอะไรที่เข้าข้างเราไม่รู้ ...เราจำอะไรไม่ได้อีกแล้วในคืนนั้น จำได้แต่ว่าหนีไปนั่งร้องไห้จนหลับไป...
เราพลาด เราน่าจะเชื่อสัญชาติญาณตัวเอง แต่จิตสำนึกที่เราหลุดบอกแม่ไปว่าเราเป็นซึมเศร้า คงเพราะลึกๆ เราคิดว่า"เขาเป็นแม่เรานะ เขาต้องฟังเราบ้างสิ.."
มีคนหลายคนบอกให้ปล่อยวาง เราว่ามันยากนะ เพราะเราต้องเจอพ่อเจอแม่ของเราอยู่ มันเป็นปม ขนาดหมอยังบอกเลยว่าทำใจยากนะ หมอเข้าใจ มันเป็นความฝังใจ
อ่อ ยาหมอหมดนานแล้ว เราไม่ได้ไปหาหมอตั้งแต่ที่ลาหมอเก่า(คนแรกและคนสุดท้ายนั่นแหละ) แต่มีคนเอายามาให้เราอยู่นะ แบบว่าไปหามาให้น่ะค่ะ คือแบบตอนนี้กินประทังชีวิตไปก่อน เพราะกลัวคนจนไม่กล้าไปรพ.ด้วยตัวคนเดียวล่ะ
เราคิดไปเองรึปล่าวไม่รู้ ว่าเราสูญเสียความทรงจำ เราลืมเพื่อนไปหลายคน ญาติพี่น้องบางคน คนรู้จักของพ่อแม่ก็ลืม. บางทีก็เขียนสะกดตัวหนังสือผิดๆถูกๆ หลังๆนี่เริ่มเรียกชื่อคนผิดๆ(ก็รู้ตัวนะ เรียกผิดเราก็สะดุ้งเองอ่ะ 555)
มีช่วงนึง แบบแว้บๆจะจำชื่อจริงตัวเองไม่ได้ ตอนหลังๆนี่เริ่มปวดหัวข้างเดียวด้วยสิ จะเป็นไมเกรนรึปล่าว? หรืออาจจะนานแล้วแต่ไม่ได้โฟกัส.. เป็นไมเกรนมากๆแล้วมันทำลายสมองนี่..แล้วจะเป็นอัลไซเมอร์ได้รึปล่าว?
ตอนนี้มีคนสนิทที่รู้เรื่องเรา ถามว่าเราโอเคไหม? เราไม่เหมือนเดิมแล้วนะ.. เป็นไรมากปล่าว? มันเป็นความรู้สึกเจ็บปวดแบบบอกไม่ถูก เพราะเราไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าเราเปลี่ยนไปตั้งแต่ตอนไหน เปลี่ยนยังไง เราเป็นใคร?...
จริงๆอยากไปรักษาหรือบำบัดอยู่นะคะ แต่ที่เรียนใหม่เรานี่คือเรียนไปเพื่อทำงานเลย ไม่อยากมีปัญหาน่ะค่ะ รู้สึกว่าคนที่นี่(ที่เรียน)ผู้ใหญ่ที่มีอำนาจด้านการเรียนการสอนชอบทำตัวข่มผู้น้อย แล้วก็หัวโบราณไปนิด เขาคงไม่เข้าใจหรอก
มีต่ออีกนิดนะคะ มันพิมพ์ไม่พอน่ะค่ะ
เป็นภาวะซึมเศร้าเรื้อรังตั้งแต่เด็กค่ะ
เป็นภาวะซึมเศร้าเรื้อรังมาตั้งแต่เด็กค่ะ (เคยสงสัยตัวเองอยู่เหมือนกัน แต่เคยถามแม่ว่าเราเป็นรึปล่าวดันโดนด่ากลับว่าไร้สาระและปัญญาอ่อน)
เราทำร้ายตัวเองบ่อยมาก แต่ส่วนใหญ่จะทำร้ายตัวเองโดยการจิกแขน เพื่อให้สมาธิไปอยู่ที่ความเจ็บปวด ซึ่งไม่ค่อยช่วยอะไรเท่าไหร่ แต่ไม่เคยทำอะไรเกินเลยไปกว่านั้นนะคะ ถึงแม้บางทีหมั่นไส้ชีวิตตัวเองจนทิชชู่กับยางลบจะน่ากินขึ้นมาก็เถอะ แต่ยังมีสติอยู่เลยไม่เคยทำ
บ้านเรา.. แม่เราชอบใช้ความรุนแรง จำได้ว่าตอนป.4ไปซื้อของมาผิด โดนแม่จิกหัวแล้วกระชากไปถึงหน้าร้านที่เราซื้อของมาผิด(กลางงานวัด งานลอยกระทง ซึ่งคนเป็นร้อยๆ ไอร้านนี่อยู่หน้าเวทีการประกวดนางนพมาศซะด้วย) เราเจ็บปวด เราผวา เราอาย (ทุกวันนี้ขนาดผ่านมาหลายปีแล้ว คนขายของเจ้านี้ืเค้ายังมองเราด้วยสายตาแปลกๆอยู่เลยค่ะ ไม่รู้เขาตกใจยังไม่หายหรือสมเพชกันแน่นะ 555)
บ้านเรา..แม่ไม่ชอบให้เราร้องไห้ เขาจะมาซ้ำ ถ้าเราร้องไห้ แม่จะดูโกรธมาก และมาตีเราซ้ำ ทำให้เราเป็นคนต้องกลั้นร้องไห้มาตั้งแต่เด็กๆ มันทรมาณนะ ร้องไห้ แต่ห้ามสะอึกสะอื้นให้เขาได้ยิน ห้ามสู๊ดน้ำมูก เวลาเราร้องไห้แน่ล่ะน้ำมูกจะต้องไหล เราก็ต้องหายใจทางปากให้เบาที่สุด กลัวว่าแม่จะได้ยินไง
เราไม่ชอบดื่มน้ำ (เป็นคนตัวน้อยและใช้พลังงานไม่เยอะ ดื่มไม่ครบ8แก้วก็ไม่เป็นไรไม่ใช่หรอคะ? เคยดูแอพช่วยเตือนการดื่มน้ำ เค้าบอกว่าอย่างเรานี่ลิตรกว่าๆก็โอเคล่ะ แต่ยอมรับว่ากินไม่ถึง ไม่ชอบดื่มน้ำเปล่า แต่ชอบดื่มนม) แม่เราลงไม้ลงมือบ่อยๆ มีตอน ม.3เราไม่ได้ดื่มน้ำหลังกินข้าว แม่ตรงเข้ามาบีบคอเรา แล้วกดเราลงไปกับพื้น ไม่แรงหรอกแต่เรากลัว ดีนะที่ไม่มีคนขับรถหรือเดินผ่านหน้าบ้านช่วงนั้น
เรายอมรับว่าเราเป็นคนขี้เกียจ ตอน ม.4จะมีสอบภายในวันจันทร์ เรารู้ว่ามันง่าย เราเลยกะว่าจะอ่านคืนวันอาทิตย์ พอถึงตอนดึกเราก็เริ่มอ่าน แล้วแม่เรามาเห็น แม่เราก็ด่าประมาณว่าทำไมมาอ่านตอนนี้ เราอาจจะพูดมั่นใจเกินไปมั้งนะ? ว่าไม่เป็นไรหรอก เขาอาจจะหมั่นไส้ เราจำได้ว่าเขาจะกระทืบเรา2ที แต่ไม่โดน(เราอยู่ในมุ้งนะ) พอเราออกมาข้างนอกมุ้งจะทำอะไรสักอย่าง..อาจจะมาล้างคราบน้ำตาล่ะมั้ง... แม่เราเหมือนยังไม่หายโมโห ผลักเราใส่ตู้ผ้า แล้วก็เอาหนังสือวิชาเคมีปาใส่หัวเรา จนปกหนังสือขาดไปหน่อยนึง มุมหนังสือยุบด้วยเพราะมุมมันโดนหัวเราไง! ร้องไห้ตาบวมไปสอบที่ร.ร. 555
ตอนม.4อีกแหละมั้ง เราจะcopyคลิปวิดีโอสอนวิชาเคมีไปให้เพื่อนตอนจะไปร.ร.แล้วล่ะ แม่เราเดินมาแล้วถามว่า"จะมาทำงานอะไรตอนนี้!?" เรายังไม่ทันอธิบายอะไรเลยเราก็กระชากเสื้อเรามั้ง... แล้วกระโปรงนร.เราเกี่ยวเฟอร์นิเจอร์เก้าอี้ไม้แข็งๆหนักๆคว่ำเกือบมาทับขาเรา พอตอนเย็นน้องชายเรามาถามว่าเกิดอะไรขึ้น? แม่บอกว่าพี่(ชื่อเรา)เปิดคอมเล่มเกมเมื่อเช้า.... เรางงมากและโกรธมาก ร้องไห้ไปร.ร...
เราเคยทะเลาะกับแม่ ถ้าเรารู้ว่าการเถียงไม่มีประโยชน์ เราก็จะเงียบ บางทีการทะเลาะจบไปแล้ว แม่เดินไปแล้ว แต่เราพูดอยู่คนเดียว(ว่าอะไรไม่รู้..แต่ที่แน่ๆไม่ได้พูดเกี่ยวกับแม่ ไม่ได้ว่าลับหลังแม่ อาจจะบ่นว่าทำไมการบ้านมันเยอะจังโว้ย!?สไตล์เราน่ะค่ะ) แม่เราเหมือนได้ยินเสียงเราแล้วแม่ระแวงว่าเราจะด่าลับหลัง ก็ตรงมา แล้วตบที่หน้าเรา พร้อมพูดว่า"เป็นแม่กูหรอ?"
เรางงมาก เราร้องไห้ เราไม่เข้าใจ วันต่อมาเราร้องไห้ไปร.ร.(ขนาดม.5แล้วนะ) แถมพอถึงเวลากลับบ้าน เราสติแตก ร้องไห้ไม่ยอมกลับบ้านอีก ประมาณว่า "ฮือออ ไม่อยากเจอแม่! ไม่อยากกลับบ้าน! " แต่ไม่กรี๊ดนะ โหยหวนอย่างเดียว 555
นี่ยังไม่รวมเรื่องพ่อไปมีเมียน้อย ขายบ้านหลังที่เรารักที่สุด เรื่องต้องย้ายร.ร. เรื่องพ่อแม่ฟ้องศาลกันและกันอยู่นั่นแหละแบบนี้อีกนะ
เราชอบไปฟิวส์ขาดที่ร.ร.อยู่บ่อยๆ โดยเฉพาะตอนม.ปลาย ร้องไห้แบบไม่เเคร์ว่าเราจะอยู่ตรงไหน อยู่กับใครในตอนนั้น ก็ที่บ้านร้องแล้วโดนซ้ำนี่นา
พอเราขึ้นปี1 เหมือนมีอิสระภาพที่เรา"แอบ"ไปหาหมอได้ เริ่มไปหาตอนจะจบปี1
เรากลัวคนขั้นรุนแรง (ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้) ไม่กล้าสบตาคน ไม่กล้าไปซื้อของแม้กระทั่งข้าว นอนเยอะมาก กินอะไรอาเจียนออกหมด มีช่วงนึงพีคมาก น.น.ลดวันละขีดกว่า เดือนนั้นลดไป4โล น.น.เหลือแค่35-36 เดินก้มหน้า ใส่เสื้อคลุมตลอดเพราะรู้สึกไม่ปลอดภัย แต่ไปหาหมอด้วยตัวคนเดียวได้ ต่อสู้กับตัวเองแบบสุดๆไปเลย ตอนไปถึงนี่วัดชีพจร..เครื่องขึ้นerrorเลย พยาบาลบอกชีพจรเร็วจัด วิ่งมาหาหมอหรอคะ?555 เหล่าพยาบาลยังบอกเลยว่าเราเก่งนะที่มาคนเดียวได้ทั้งที่กลัวจนบีบหัวใจจะระเบิด
เราบอกเรื่องแบบนี้กับพ่อแม่ไม่ได้ เรารู้ว่าพ่อคงจะไม่สนใจอะไร ส่วนแม่คงจจะซ้ำเราแน่ๆ
พอวันนึงเริ่มสู้ไม่ไหว บางทีมันก็นึกถึงพ่อแม่ขึ้นมา แต่แบบให้บอกแม่คงไม่ไหว.. บอกพ่อดีกว่า พอพ่อรู้พ่อก็ทำเหมือนจะเป็นห่วงนะ แต่ไม่รู้ว่าห่วงจริงๆรึปล่าว?.. แต่หลังจากนั้นไม่นาน ก็เงียบเรื่องนี้ไปเฉย (แต่เราคิดในแง่ดีว่าพ่ออาจจะไม่อยากให้เราหมกมุ่นกับเรื่องแบบนี้ พ่อเลยไม่ถามไถ่อะไรอีกแล้วล่ะมั้ง?)
แต่เรื่องก็ไม่ได้เป็นตามที่คิดไว้... เราสอบติดที่เรียนใหม่ ซึ่งแม่หวังให้ติดที่นี่อยู่แล้ว เราเลยต้องจากหมอมา ทั้งๆที่เพิ่งได้แค่เริ่ม แต่ยังมียาติดมาอยู่นะ
ในช่วงเตรียมตัวมาที่เรียนใหม่ เราเก็บของแม่เราก็ช่วยเก็บ ทุกอย่างเหมือนเป็นไปด้วยดี แต่แม่เราดูโมโหมากๆ ที่เราเก็บของช้า(เราเป็นคนชิล แต่ทุกอย่างก็สำเร็จลุล่วงไปด้วยดีตลอดนะ ไม่รู้แม่จะเร่งรีบอะไรขนาดนั้น? จัดของแปปเดียวก็เสร็จแล้ว ถ้าไม่ครบค่อยกลับบ้านมาเอาทีหลังก็ได้นี่?) จนกระทั่งแม่เราถามแบบโมโหว่า "กางเกงนี่ไม่ใส่แล้วหรอ? ซื้อมานี่ก็เงินกู!" เราบอกไปว่าไม่ได้ใส่ มันเป็นกางเกงเฟรชชี่ เขาเอาไว้ใส่ตอนทำกิจกรรมคณะ (รู้ๆอยู่ว่าทรงมันเห่ยกว่าที่จะใส่ไปนู่นนี่อะเนาะ)
แม่เราก็ด่าๆๆ แล้วก็วิ่งไปหน้าบ้าน เหมือนจะตะโกนให้ใครไม่รู้มาเอากางเกงไป เราได้ยินเเล้วเรากรี๊ด... ซึ่งไม่เคยทำมาก่อน มันคงเป็นเพราะอยากเก็บอะไรที่เป็นความทรงจำตอนมหาลัยไว้อ่ะมั้งนะ..เพราะเราอยู่มหาลัยนั้นได้แค่ปีเดียวเอง แต่เรารู้สึกผูกพันกับที่นั่นมากๆ
แม่เราได้ยินเสียงเรากรี๊ด ก็วิ่งมาอย่างไว ตะคอกถามว่ากรี๊ดอะไร!? ห๊ะ!?
เราขาดสติ เราหลุดการควบคุม เราร้องไห้พร้อมเอาแขนบังหน้าเพราะรู้ว่าต่อไปจะโดนอะไร..โดนตบตีแน่ๆ แต่ไม่ใช่แบบนั้น แม่เอากางเกงยีนส์นั้นมารัดคอเรา. น้องชายเรารีบมาช่วยเราแล้วผลักแม่ออกไป น้องชายเรากระชากกางเกงมาจากแม่ พอแม่จะเตะเรา น้องชายเราเอาขาเตะขาแม่สกัดกั้นไว้ (น้องเราไม่ค่อยโดนทำร้ายหรอก เพราะน้องชายเราสู้แม่ และน้องชายเรานี่เป็นฮีโร่ของเรามาตั้งแต่เด็กเลย)
เมื่อไม่นานมานี้ แม่เราถามว่าเรียนจบจะมาทำงานบ้านมั๊ย? เราไม่ชอบโกหก เราก็ตอบแบบน้ำเสียงปกตินะว่าไม่ค่ะ อยากไปทำต่างจังหวัดใกล้ๆ จากนั้นเหมือนแม่เป็นอะไรไม่รู้ ด่ายาวขึ้นขึ้นกู ว่าแบบ"คนอื่นเขาก็อยากจะทำงานที่บ้านกันทั้งนั้น ทำไมถึงอยากจะไปที่อื่นกันห๊ะ!?" เราก็เลยเถียง ว่ามีคนที่เรียนด้วยกันบอกว่าเขาอยากไปทำงานที่ที่ไม่ใช่บ้านตั้งหลายคน ไม่ใช่ทุกคนหรอกที่จะกลับบ้านน่ะค่ะ
แต่แม่ก็ไม่ฟัง ด่าๆๆๆๆๆ จนเราทนไม่ไหว เราควบคุมสติไม่ได้...." แม่ รู้มั๊ย เพราะแม่เป็นแบบนี้ไง! มีอะไรหนูถึงไม่เคยบอกแม่!
หนูแอบไปหาหมอ หนูเป็นภาวะซึมเศร้าเรื้อรังนะ! "
แม่ก็ยังด่าๆๆ เริ่มมีตัดพ้อเล็กน้อย เราก็น้อยใจ เราก็พูดว่า "แม่รู้ว่าหนูเป็นแบบนี้ แม่จะยังด่าต่ออีกหรอคะ?..." แม่ไม่สนใจ ด่าต่อไป เราก็พูดซ้ำอีก แม่ก็ยังด่าต่อไป
เราก็พูดว่า ที่ไม่บอกแม่ เพราะหมอบอกว่าคนในครอบครัวดูไม่ปลอดภัย(ที่จะรับรู้ความจริงแบบว่าอาจเจอแจ็คพ็อตเหมือนตอนนี้)
แม่เราด่าต่ออีกนิดนึง แล้วก็หยุดกึก! จากนั้นแม่เราเริ่มร้องไห้ แล้วพูดแต่ว่า "ไอ(ชื่อเรา)บอกว่ากูจะฆ่ามัน ฮือ มันบอกว่ากูจะฆ่ามัน!"
น้องเราวิ่งมา แน่ล่ะ!น้องอยากช่วยเรา แต่น้องเห็นแม่ร้องไห้ น้องเลยต้องถามก่อนว่าใครผิด แม่เราก็ยังบอกว่า "ไอพี่(ชื่อเรา) บอกว่ากูจะฆ่ามัน!"
เชื่อไหม?.. เราทรุดลงไปกับพื้น นั่นทำให้เราสติแตกอีกรอบ.
"ทำไมแม่พูดแบบนี้!? ทำไมแม่ต้องโกหกน้อง!? ทำไมแม่ถึงไม่พูดความจริง!?ฮืออ ฮืออออออ" เราพูดด้วยความหดหู่อย่างที่สุด ร้องไห้ด้วยความโหยหวนอย่างที่สุด จนกระทั่งน้องชายเราเข้าใจทุกอย่างแล้วเหมือนจะพูดอะไรที่เข้าข้างเราไม่รู้ ...เราจำอะไรไม่ได้อีกแล้วในคืนนั้น จำได้แต่ว่าหนีไปนั่งร้องไห้จนหลับไป...
เราพลาด เราน่าจะเชื่อสัญชาติญาณตัวเอง แต่จิตสำนึกที่เราหลุดบอกแม่ไปว่าเราเป็นซึมเศร้า คงเพราะลึกๆ เราคิดว่า"เขาเป็นแม่เรานะ เขาต้องฟังเราบ้างสิ.."
มีคนหลายคนบอกให้ปล่อยวาง เราว่ามันยากนะ เพราะเราต้องเจอพ่อเจอแม่ของเราอยู่ มันเป็นปม ขนาดหมอยังบอกเลยว่าทำใจยากนะ หมอเข้าใจ มันเป็นความฝังใจ
อ่อ ยาหมอหมดนานแล้ว เราไม่ได้ไปหาหมอตั้งแต่ที่ลาหมอเก่า(คนแรกและคนสุดท้ายนั่นแหละ) แต่มีคนเอายามาให้เราอยู่นะ แบบว่าไปหามาให้น่ะค่ะ คือแบบตอนนี้กินประทังชีวิตไปก่อน เพราะกลัวคนจนไม่กล้าไปรพ.ด้วยตัวคนเดียวล่ะ
เราคิดไปเองรึปล่าวไม่รู้ ว่าเราสูญเสียความทรงจำ เราลืมเพื่อนไปหลายคน ญาติพี่น้องบางคน คนรู้จักของพ่อแม่ก็ลืม. บางทีก็เขียนสะกดตัวหนังสือผิดๆถูกๆ หลังๆนี่เริ่มเรียกชื่อคนผิดๆ(ก็รู้ตัวนะ เรียกผิดเราก็สะดุ้งเองอ่ะ 555)
มีช่วงนึง แบบแว้บๆจะจำชื่อจริงตัวเองไม่ได้ ตอนหลังๆนี่เริ่มปวดหัวข้างเดียวด้วยสิ จะเป็นไมเกรนรึปล่าว? หรืออาจจะนานแล้วแต่ไม่ได้โฟกัส.. เป็นไมเกรนมากๆแล้วมันทำลายสมองนี่..แล้วจะเป็นอัลไซเมอร์ได้รึปล่าว?
ตอนนี้มีคนสนิทที่รู้เรื่องเรา ถามว่าเราโอเคไหม? เราไม่เหมือนเดิมแล้วนะ.. เป็นไรมากปล่าว? มันเป็นความรู้สึกเจ็บปวดแบบบอกไม่ถูก เพราะเราไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าเราเปลี่ยนไปตั้งแต่ตอนไหน เปลี่ยนยังไง เราเป็นใคร?...
จริงๆอยากไปรักษาหรือบำบัดอยู่นะคะ แต่ที่เรียนใหม่เรานี่คือเรียนไปเพื่อทำงานเลย ไม่อยากมีปัญหาน่ะค่ะ รู้สึกว่าคนที่นี่(ที่เรียน)ผู้ใหญ่ที่มีอำนาจด้านการเรียนการสอนชอบทำตัวข่มผู้น้อย แล้วก็หัวโบราณไปนิด เขาคงไม่เข้าใจหรอก
มีต่ออีกนิดนะคะ มันพิมพ์ไม่พอน่ะค่ะ