รู้สึกว่า Prompt Pay มันก็คือ Single Gateway ทางการเงินนั่นเอง โดยเฉพาะเรื่องนี้?

update 1. หลายท่านเข้าใจว่า ข้อมูลถูกเก็บที่ธนาคารแต่ละแห่งแค่นั้น แต่จริงๆแล้ว จะมีบริษัทใหม่ชื่อ NITMX มารวมข้อมูลพวกนี้ไว้นะครับ ซึ่งรัฐบาลเป็นคนเลือกเข้ามา แต่ผมจำชื่อบริษัทไม่ได้

2. ที่แบงค์ชาติอ้างว่า สิงคโปร์กับอังกฤษใช้มา 2 และ 8 ปี ตามลำดับ ข้อมูลนี้ผิดนะครับ ที่อังกฤษ Paym ใช้มาแค่ 2 ปีกว่าๆ และล้มเหลวสิ้นเชิง คนสมัครแค่ 3 ล้าน แต่ละคนใช้แค่ประมาณ 1 ครั้งต่อปี และลดลงเรื่อยๆ ส่วนสิงคโปร์ผมเช็คหลายทางแล้ว ไม่มีระบบนี้เลยครับ

https://www.finextra.com/newsarticle/28457/is-paym-a-failure

CREDIT user พันทิปบางท่าน

3. บางคนบอกว่า ถ้าไม่ทำผิดจะกลัวทำไม รัฐบาลก็ทำแบบเดิมสิครับ ทำได้อยู่แล้วนี่ครับในการตรวจสอบ ไม่ใช่ว่าตรวจสอบไม่ได้ แต่มันเป็นเรื่องความปลอดภัยของประชาชน เปิดช่องให้ทุจริตและทำมาหากินกับข้อมูลพวกนี้

ข้อมูลการโอนเงินที่ sync กับ id และเบอร์โทร พวกการจับจ่ายใช้สอย จะถูกนำไปขายต่อให้เอกชนง่ายขึ้น  หรือองค์กรใดๆที่หาผลประโยชน์จากข้อมูลพวกนี้ เพราะเจ้าหน้าที่รัฐสามารถเข้าถึงได้อย่างถูกต้อง ไม่ต้องมีหมายศาล ขนาดมีกฏหมายห้ามมันยังมีหลุดออกมาเลย

4. บางคนบอกว่า ข้อมูลไม่พอในการคิดภาษี ระบบนี้เป็นระบบที่จะต่อยอดไป e-payment ที่เสียภาษี (ซึ่งผมเห็นด้วยว่า ต้องเก็บภาษีเพื่อให้ทั่วถึง)

มีคำถามต่อว่า ได้มาซึ่งผู้ดูแลระบบยังไง(บริษัท NITMX) ประมูลหรือเลือกมาเลย แล้วแบบนี้ถือว่า เป็นการล็อคสเปคไหม เพราะต้องย่อยอดไปอีกเยอะ เอาแค่เครื่องอ่านบัตรทั่วประเทศก็มูลค่ามหาศาลแล้ว

----------------------------------------------------------------

ก่อนอื่นขอออกตัวก่อนว่า ไม่ได้ทำ clickbait นะครับ แต่ยัดในหัวข้อกระทู้ได้ไม่หมด

เดิมผมสนับสนุนมาก แต่ยังไม่สมัครเพราะไม่มั่นใจเรื่อง security แต่หลังจากที่ดูคลิปการชี้แจงของหน่วยงานต่างๆเป็นสิบๆคลิปแล้ว ปัญหานี้หมดไป แต่จากการที่ศึกษาเยอะขึ้น ทำให้เห็นภาพว่า มันคือ Single Gateway ทางการเงินนี่เอง (มีการยัดยาบ้าทางการเงินได้ง่ายๆ)

เหตุผลที่สนับสนุนคือ

1. ค่าธรรมเนียมถูก อันนี้โดนใจมาก เพราะธนาคารสีเขียวที่ผมใช้อยู่ค่าธรรมเนียมมหาโหด ตอนนี้เรียกว่าเก็บทุกเม็ด ช่วงหลังดีหน่อยใช้ app สบายขึ้นเยอะ แต่ก็มีคิดค่าโอนเรื่อยๆ

2. รัฐบาลอาจจะมีหลักฐานในการเก็บภาษีได้มากขึ้น ที่บ้านผมทำบัญชีธุรกิจเดียวอยู่แล้ว ไม่ได้รับผลกระทบ แต่คู่แข่งที่ไม่จ่าย vat.7% หรือเลี่ยงภาษีโดนเต็มๆ

แต่...เนื่องจากการโอนทำได้ง่าย ที่สำคัญข้อมูลสามารถถูกมอนิเตอร์โดยรัฐบาลได้ (แม้ว่าจะให้เอกชนรับทำ แต่ถ้าเจอ ม.44 หรือกฏหมายแนวนี้เข้าไปก็เรียบร้อย อีกอย่างบริษัทนี้มาพร้อมรัฐบาล ผมไม่มั่นใจว่า การทำงานตรงไปตรงมาแค่ไหนในแง่ของการปกปิดข้อมูลผู้ใช้)

ปัญหาคือ ผู้ใช้อาจจะกลายเป็นแพะหรือโดนเล่นงานโดยเจ้าหน้าที่หน่วยงานรัฐที่ฉ้อฉลได้ เช่น มีการโอนเงินจากผู้ร้ายเข้าบัญชีเรา โดยการสมรู้ร่วมคิดกับเจ้าหน้าที่หน่วยงานราชการบางคนเพื่อให้เราเป็นแพะ หรือหากินโดยการ blackmail เราในฐานะผู้รับเงินซึ่งเราไม่สามารถควบคุมตรงนี้ได้ ใครโอนเข้าก็ได้ ในขณะที่ข้อมูลเงินที่โอนมาสามารถตรวจสอบโดยหน่วยงานรัฐได้ตลอดเวลา เช่น ตำรวจ ฯลฯ

แบบนี้ เราก็กลายเป็น 1 ในผู้ต้องหาไปเลยง่ายๆ โดยหน่วยงานรัฐมีหลักฐานชัดเจน ซึ่งแต่ก่อนธนาคารจะไม่เปิดเผยข้อมูลตรงจุดนี้ง่ายๆ ยกเว้นมีหมายศาล คือว่าง่ายๆ จากนี้ เรื่องพวกนี้จะทำได้ง่ายขึ้นมาก และบ่อยขึ้น

ยกตัวอย่างถ้าจะจับคนในวัดพระธรรมกาย ก็เนียนโอนเงินจากผู้ร้ายเข้าไปซัก 5-6 เดือน ให้เนียนๆ หลายบัญชีเงินหมุนเวียนเยอะ จนไม่ได้ตรวจสอบ พอถึงเวลาเหมาะสมก็เข้าจับกุม

หรือในกรณีที่จะ blackmail ก็ให้ผู้ค้ายาที่จับได้ โอนเงินเข้าไปยังบัญชีเรา และเข้าจับกุม โดยอาจจะเปลี่ยนเป็นการเจรจาขอรับเงินปิดคดีแทน

เลยไม่แปลกที่ตอนนี้ ประชาชนไม่ให้ความร่วมมือในการสมัคร ยกเว้นข้าราชการบางกลุ่มเท่านั้น

หรือ ผู้รู้ท่านใดมีทางแก้ไขในเรื่องนี้บ้างครับ (ผมเลยขอ tag ห้องซิลิคอนวัลเลย์ด้วย)

ปล. ตอนนี้ผลตอบรับถือว่า ผิดคาด ประชาชนไม่ให้ความร่วมมือเลยครับ อ่านจากข่าวเมื่อวาน