LIGHT OUT (2016)
| ไม่อยากตาย...อย่ากลัวเปลืองไฟ!
หนังสยองขวัญฉลาดๆ อีกเรื่อง ที่น่าจะกลายเป็นความคลาสสิคในอนาคตได้ไม่ยาก ซึ่งเป็นงานที่ต่อยอดมาจากหนังสั้นชื่อเดียวกันของ เดวิด เอฟ. แซนเบิร์ก นักทำหนังสั้นโนเนม ที่เจ้าตัวชอบทำคลิปหนังผีหยองๆ สั้นๆ ออกมาหลอกคนในยูทูปให้ขวัญผวาเล่นหลายต่อหลายคลิป โดยเฉพาะ Light Out ที่มาพร้อมกับไอเดียหลอนเจ๋งๆ จนไปคว้ารางวัลผู้กำกับหนังสั้นยอดเยี่ยมมาจากเวที Who's There? A Horror Short Film Challenge และไปเข้าตาของ เจมส์ วาน ปรมาจารย์หนังผียุคใหม่เข้าอย่างจัง กระทั่ง วาน ต้องขันอาสาเป็นป๋าดัน ให้เอฟ. แซนเบิร์ก หยิบ Light Out มาทำเป็นหนังขนาดยาวแล้วฉายในโรงมันเสียเลย
คิดๆ แล้วก็น่าตลกเหมือนกัน ความจริงหนังผีแทบทุกเรื่อง ล้วนแต่มีองค์ประกอบเกี่ยวกับ "ความมืด / แสงสว่าง" อยู่ในหนังด้วยกันแทบทั้งสิ้น แต่ไปๆ มาๆ กลับไม่ยักกะมีเรื่องไหนเอามาเล่นเป็นแกนสำคัญอย่างเป็นชิ้นเป็นอัน และหลอนลึก แบบเรื่องนี้มาก่อน
ในหนังผีทั่วไป เรามักจะพบว่า ความมืด ถูกใช้เป็นเพียงแค่องค์ประกอบร่วมในการปลุกเร้าคนดูให้รู้สึก พรั่นพรึง ไม่น่าไว้วางใจ ก่อนที่จะออกหมัดอัพเปอร์คัทใส่คนดูแรงๆ ด้วยการปล่อยผี (พร้อมเสียงดังๆ) ออกมากระตุกขวัญคนดู แต่ใน Light Out หน้าที่ของ ความมืด / แสงสว่าง ถูกยกระดับขึ้นมาให้เป็นเงื่อนไขที่สำคัญกว่านั้น จนกลายเป็น "ปัจจัยหลักของการสู้รบปรบมือ" ระหว่างคนกับผี ไปในที่สุด กล่าวคือ ผี ในหนังเรื่องนี้ จะอยู่ได้ในพื้นที่สีดำ ตราบใดที่เราอยู่ในแสงสว่าง มันจะไม่สามารถทำอันตรายใดๆ แก่เราได้ แม้มันจะอยู่ห่างจากเราไปแค่เซ็นเดียว
และตราบใดที่เราสามารถทำให้บ้านทั้งหลังสว่างโร่จนไม่เหลือพื้นที่สีดำของเงามืดในซอกมุมไหนอยู่เลย เราก็จะไม่เจอผีแน่นอน 100% เต็ม พูดแล้วเหมือนง่าย แต่เราจะสามารถทำแบบนั้นได้จริงๆ หรือ โดยเฉพาะในเวลากลางคืน!! ความมันส์ของหนังผีอย่าง Light Out จึงอยู่ที่เงื่อนไขตรงจุดนี้แหละ
ที่ต้องใช้คำว่า "มันส์" เข้ามาแทนคำว่า "หลอน" เพราะผีในเรื่องนี้ดุมาก ถึงมากที่สุด มันไม่ได้มายืนเฉยๆ เดินไปเดินมา ทำเสียงกรอกแกรก ให้เราเสียวสันหลังเหมือนที่เคยเห็นในหนังเรื่องอื่น แต่มันพร้อมจะเข้าจู่โจม เพื่อฉีกกระชาก หรือฆ่าตัวละครอยู่ตลอดเวลาหากว่าเผลอปล่อยให้ความมืดรุกล้ำ
โดยเฉพาะช่วงท้ายๆ แทบจะเรียกได้ว่าเป็นการห้ำหั่นระหว่างคนกับผี โดยที่มี "ความมืด / แสงสว่าง" เป็นเงื่อนไขในการโรมรันและเอาตัวรอด ซึ่งผู้กำกับ เอฟ. แซนเบิร์ก ก็ใช้เงื่อนไขที่ว่านี้มาเล่นอย่างสนุกมือ จนเป็นที่มาของฉากหลอนกระตุกขวัญฉลาดๆ อยู่หลายฉาก แน่นอนว่าช่วงหนีตายของ เบรท (แฟนนางเอก) ถือว่าต้องยกให้เป็นหนึ่งในช่วงเวลาไฮไลท์ของหนัง ที่ทั้งลุ้นระทึก และทั้งเรียกเสียงฮาได้ไปพร้อมๆ กัน
(คนตบมือลั่นโรงเลย)
ถ้าจะมีบางส่วนที่ทำให้คนดูรู้สึกว่า Light Out ยังเป็นหนังที่ไม่สุดอยู่บ้าง ก็คงเป็นการจบเรื่องที่รวบรัดรวดเร็ว จนทำให้เหมือนช่วงไคลแมกซ์ที่ควรจะขเกลียว บีบหัวใจ ขาดความพีคไปเล็กน้อย อย่างไรก็ตามดี ความบันเทิงที่อัดแน่นมาตั้งแต่ต้นเรื่องจนถึงฉากสุดท้ายของหนัง ซึ่งแทบพูดได้ว่าไม่มีช่วงเวลาอันน่าเบื่อเจือปนอยู่เลย ก็น่าจะทำให้เราให้อภัยกับจุดนั้นได้อยู่ และรู้สึกว่าทั้งหมดมันคุ้มค่าเกินพอแล้ว สำหรับกับค่าตัวทุกบาททุกสตางค์ที่เสียให้ไปกับหนังเรื่องนี้
คะแนน: 9 /10
โดย: เสพย์สยอง
https://www.facebook.com/sephsayong
(รีวิวไม่สปอยด์ 9 เต็ม 10) LIGHT OUT (2016) | ไม่อยากตาย...อย่ากลัวเปลืองไฟ!
LIGHT OUT (2016)
| ไม่อยากตาย...อย่ากลัวเปลืองไฟ!
หนังสยองขวัญฉลาดๆ อีกเรื่อง ที่น่าจะกลายเป็นความคลาสสิคในอนาคตได้ไม่ยาก ซึ่งเป็นงานที่ต่อยอดมาจากหนังสั้นชื่อเดียวกันของ เดวิด เอฟ. แซนเบิร์ก นักทำหนังสั้นโนเนม ที่เจ้าตัวชอบทำคลิปหนังผีหยองๆ สั้นๆ ออกมาหลอกคนในยูทูปให้ขวัญผวาเล่นหลายต่อหลายคลิป โดยเฉพาะ Light Out ที่มาพร้อมกับไอเดียหลอนเจ๋งๆ จนไปคว้ารางวัลผู้กำกับหนังสั้นยอดเยี่ยมมาจากเวที Who's There? A Horror Short Film Challenge และไปเข้าตาของ เจมส์ วาน ปรมาจารย์หนังผียุคใหม่เข้าอย่างจัง กระทั่ง วาน ต้องขันอาสาเป็นป๋าดัน ให้เอฟ. แซนเบิร์ก หยิบ Light Out มาทำเป็นหนังขนาดยาวแล้วฉายในโรงมันเสียเลย
คิดๆ แล้วก็น่าตลกเหมือนกัน ความจริงหนังผีแทบทุกเรื่อง ล้วนแต่มีองค์ประกอบเกี่ยวกับ "ความมืด / แสงสว่าง" อยู่ในหนังด้วยกันแทบทั้งสิ้น แต่ไปๆ มาๆ กลับไม่ยักกะมีเรื่องไหนเอามาเล่นเป็นแกนสำคัญอย่างเป็นชิ้นเป็นอัน และหลอนลึก แบบเรื่องนี้มาก่อน
ในหนังผีทั่วไป เรามักจะพบว่า ความมืด ถูกใช้เป็นเพียงแค่องค์ประกอบร่วมในการปลุกเร้าคนดูให้รู้สึก พรั่นพรึง ไม่น่าไว้วางใจ ก่อนที่จะออกหมัดอัพเปอร์คัทใส่คนดูแรงๆ ด้วยการปล่อยผี (พร้อมเสียงดังๆ) ออกมากระตุกขวัญคนดู แต่ใน Light Out หน้าที่ของ ความมืด / แสงสว่าง ถูกยกระดับขึ้นมาให้เป็นเงื่อนไขที่สำคัญกว่านั้น จนกลายเป็น "ปัจจัยหลักของการสู้รบปรบมือ" ระหว่างคนกับผี ไปในที่สุด กล่าวคือ ผี ในหนังเรื่องนี้ จะอยู่ได้ในพื้นที่สีดำ ตราบใดที่เราอยู่ในแสงสว่าง มันจะไม่สามารถทำอันตรายใดๆ แก่เราได้ แม้มันจะอยู่ห่างจากเราไปแค่เซ็นเดียว
และตราบใดที่เราสามารถทำให้บ้านทั้งหลังสว่างโร่จนไม่เหลือพื้นที่สีดำของเงามืดในซอกมุมไหนอยู่เลย เราก็จะไม่เจอผีแน่นอน 100% เต็ม พูดแล้วเหมือนง่าย แต่เราจะสามารถทำแบบนั้นได้จริงๆ หรือ โดยเฉพาะในเวลากลางคืน!! ความมันส์ของหนังผีอย่าง Light Out จึงอยู่ที่เงื่อนไขตรงจุดนี้แหละ
ที่ต้องใช้คำว่า "มันส์" เข้ามาแทนคำว่า "หลอน" เพราะผีในเรื่องนี้ดุมาก ถึงมากที่สุด มันไม่ได้มายืนเฉยๆ เดินไปเดินมา ทำเสียงกรอกแกรก ให้เราเสียวสันหลังเหมือนที่เคยเห็นในหนังเรื่องอื่น แต่มันพร้อมจะเข้าจู่โจม เพื่อฉีกกระชาก หรือฆ่าตัวละครอยู่ตลอดเวลาหากว่าเผลอปล่อยให้ความมืดรุกล้ำ
โดยเฉพาะช่วงท้ายๆ แทบจะเรียกได้ว่าเป็นการห้ำหั่นระหว่างคนกับผี โดยที่มี "ความมืด / แสงสว่าง" เป็นเงื่อนไขในการโรมรันและเอาตัวรอด ซึ่งผู้กำกับ เอฟ. แซนเบิร์ก ก็ใช้เงื่อนไขที่ว่านี้มาเล่นอย่างสนุกมือ จนเป็นที่มาของฉากหลอนกระตุกขวัญฉลาดๆ อยู่หลายฉาก แน่นอนว่าช่วงหนีตายของ เบรท (แฟนนางเอก) ถือว่าต้องยกให้เป็นหนึ่งในช่วงเวลาไฮไลท์ของหนัง ที่ทั้งลุ้นระทึก และทั้งเรียกเสียงฮาได้ไปพร้อมๆ กัน (คนตบมือลั่นโรงเลย)
ถ้าจะมีบางส่วนที่ทำให้คนดูรู้สึกว่า Light Out ยังเป็นหนังที่ไม่สุดอยู่บ้าง ก็คงเป็นการจบเรื่องที่รวบรัดรวดเร็ว จนทำให้เหมือนช่วงไคลแมกซ์ที่ควรจะขเกลียว บีบหัวใจ ขาดความพีคไปเล็กน้อย อย่างไรก็ตามดี ความบันเทิงที่อัดแน่นมาตั้งแต่ต้นเรื่องจนถึงฉากสุดท้ายของหนัง ซึ่งแทบพูดได้ว่าไม่มีช่วงเวลาอันน่าเบื่อเจือปนอยู่เลย ก็น่าจะทำให้เราให้อภัยกับจุดนั้นได้อยู่ และรู้สึกว่าทั้งหมดมันคุ้มค่าเกินพอแล้ว สำหรับกับค่าตัวทุกบาททุกสตางค์ที่เสียให้ไปกับหนังเรื่องนี้
คะแนน: 9 /10
โดย: เสพย์สยอง
https://www.facebook.com/sephsayong