U-Prince the Series (กึ่งวิเคราะห์ final) : "สิบทิศ" Sheds no tears til the well runs dry.

โอกาสมีมากมายสำหรับผู้แสวงหา โอกาสมีถมไปสำหรับผู้พยายาม และ โอกาสมีหลายครั้งสำหรับผู้มีคุณสมบัติ แต่โอกาสนั้นก็มีได้ก็หมดได้ โดยเฉพาะเรื่องความรักและความไว้วางใจ สิบทิศอาจจะทระนงตัวกับคุณสมบัติเลิศเลอต่าง ๆ ที่มี แล้วก็คงจะมองไม่เห็นสัญญาณหรือทางตันใด ๆ ที่อยู่ตรงหน้า เมื่อชีวิตของตัวเองมีแต่ได้มากกว่าเสียมาตลอด แม้นเมื่อคิดว่าเจอคนที่ใช่แล้ว ก็ยังไม่อาจละทิ้งชีวิตแบบเดิม พริกแกงอาจเป็นจิ๊กซอว์ที่ขาดหาย เป็นน้องน้อยที่รักใคร่และรอคอยมานานจนไม่อาจทำใจหยุดกับผู้หญิงที่ผ่านเข้าในชีวิต

หากก็ไม่ใช่ว่าการเจอพริกแกง ... จะทำให้สิบทิศหยุดตรงนี้ที่เธอ


เปล่าเลย ... สิบทิศก็ยังเป็นหนุ่มสังคมที่สวิงสวายลับเขี้ยวเล็บหว่านเสน่ห์เป็นอาจิณ พริกแกงคือผู้หญิงคนเดียวในใจ เป็นกวางน้อยตัวงามรอให้เสืออย่างเขาตะครุบกินเมื่อถึงเวลาเหมาะสม เขาให้เกียรติเธอยับยั้งความต้องการ พยายามทำทุกสิ่งให้ถูกทำนองคลองธรรม อาจจะมีหอมนิดกอดหน่อยแต่เขาก็ชะงักตัวเองจากสัญชาตญาณทางกายของมนุษย์ได้ แต่ก็เฉพาะกับเธอน่ะนะ ดังนั้นเมื่อยามต้องการขึ้นมา .... หนุ่มรูปหล่อที่ไม่เคยต้องยับยั้งตนเองมาก่อนจะเอาความต้องการที่ว่านั้นไปลงกับใคร ถ้าไม่ใช่คนเคย ๆ กันอย่าง "พิตต้า"

สิบทิศคงรู้นั่นแหละว่ามันไม่ถูกต้องตามทำนองคลองธรรมนัก แต่อีกทางหนึ่งก็แก้ตัวไปว่า "พริกแกง" กับ "พิตต้า" อยู่คนละสถานะ พริกแกงนั้นอยู่บนหิ้งส่วนพิตต้าคือคำแปลสิ่งเห็นแก่ตัวเป็นชื่อหรู ๆ ว่า open relationship  ก็แล้วแต่จะพูดไป ซึ่งจะแก้เกี้ยวเลี้ยวลดไปเท่าใด หรือ จะสรรหาอะไรมาเข้าข้างตัวเอง อะไรที่ไม่ใช่ก็ไม่ใช่อยู่ยังวันยังค่ำ โอกาสที่ใช้อย่างสิ้นเปลืองจึงหมดไปอย่างรวดเร็ว กว่าจะรู้ว่าบ่อน้ำใสไหลเย็นที่เคยวักดื่มกินด้วยความชื่นใจนั้นแห้งขอดลงไป ... ก็สายเสียแล้ว

จะโทษใครได้เล่า ... ใครทำอะไรก็ได้แบบนั้น


ก่อนหน้า ... ใจของสิบทิศคิดว่าทนไหว การจากลาผ่านมาไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ หากก็ไม่ได้ตระหนักว่า ณ เวลาเหล่านั้นเขาไม่ใช่คนที่ถูกทิ้ง และ คนเหล่านั้นก็ไม่ได้มีความหมายกับใจซักเท่าไหร่ด้วยหัวใจเบื้องลึกก็จดจ่ออยู่กับการรอคอยใครคนหนึ่งตลอดมา ไม่ได้คาดคิดว่าอีกฝั่งหนึ่งก็มีความคิดและมีหัวใจ โลก ... ไม่ได้หมุนรอบตัวสิบทิศ ไม่มีใครจะได้อะไรไปเสียทุกอย่าง จะสานสัมพันธ์กับใครซักคนต่อให้คลิกกันขนาดไหนเท่าใดมันก็ต้องมีการลดละเลิกอะไรบางอย่างเพื่อปรับตัวเข้าหากัน มีศีลที่แปลว่า "ความปกติ" ที่พอดีกัน

เป็นต้นว่า open relationship ไม่ได้เป็นเรื่องปกติสำหรับ "ทุกคน"


ทีนี้ถึงได้ "รู้ซึ้ง" ถึงโอกาสที่ใช้เปลืองและหมดสิ้นไปไวยิ่งกว่าการกระพริบตา แล้วยังได้ "รู้ซึ้ง" ถึงสัจธรรมอีกข้อหนึ่งว่า "สิ่งที่คิดว่าใช่ก็อาจจะไม่ใช่อย่างที่คิด" อย่างเรื่องของ "พิตต้า" เป็นต้น ไม่ว่าจะด้วยความอะไรก็ตามสิบทิศมองพิตต้าในสถานะ friend with benefit อาจจะด้วยความเคยชิน หรือ เห็นว่าเป็นผู้หญิง "รักสนุก" หรือ อาจจะเป็นเพราะความประพฤติของพิตต้าเอง อย่างไรก็ดีความรับผิดชอบส่วนหนึ่งก็อยู่ที่ตัวสิบทิศด้วยอีกเช่นกัน กับการปฏิบัติต่อกันในฐานะเพื่อนมนุษย์ การกระทำของสิบทิศต่อพิตต้าแลดูไม่อินังขังขอบ เหมือนอาหารจานด่วนกินพออิ่ม หากเป็นภาชนะก็ประมาณว่าใช้แล้วทิ้ง ราวกับว่าก้าวข้ามผ่านขีดขั้นความสนุก(สองทาง)ด้านกามรมณ์ไปเป็นอะไรซักอย่างสำหรับระบายความใคร่  ฉันรักคนอื่นนะ ไม่ต้องมายุ่งแล้ว ง่าย ๆ แค่นี้

ไม่น่าสงสัยว่าทำไม "กรรม" มันถึงติดจรวดได้เร็วหนักหนา


บทเรียนการเป็น two timers ในครั้งนี้เรียกได้ว่าแลกมาด้วยชีวิตทีเดียว สิ่งที่สิบทิศได้รู้คือการทะนุถนอมคุณค่าและความหมายของ "ความรัก" อย่างจริงจัง "ความรัก" ในนิยามที่เป็นสากล ในนิยามที่เอาใจเขามาใส่ใจเรา ไม่ใช่นิยามของตัวเองเพียงฝ่ายเดียว "ใจ" ที่ต้องแลกมาด้วย "ใจ" อย่างซื่อตรงและเท่าเทียม สิ่งนี้คือสิ่งที่สิบทิศเปลี่ยนไปหลังจากต้องห่างเหินกับพริกแกง

ละครจบลงไปแล้ว ... สิ่งที่สิบทิศคิดกับพริกแกง สิ่งที่เขาตระหนักคงชัดเจนดี แต่สิ่งที่เกิดกับพิตต้าอยากรู้ใจว่าคิดอย่างที่พูดจริงหรือเปล่า ? ที่ว่าเข้าใจ เข้าใจจริงหรือเปล่านะ ? ความคิดสุดท้ายที่ผ่านเข้ามาตรงนี้ เพราะ คิดถึงกรณีที่เกิดขึ้นรอบตัว สำหรับในละครอาจจะไม่ได้รู้สึกอะไรมากมาย พิตต้าอาจเป็นแค่ตัวร้าย ที่สุดท้ายเธออาจคือเหยื่ออีกคนหนึ่งในโลกแห่งความจริง โลกที่ผู้ชายอย่างสิบทิศมองอาจผ่านผู้หญิงอย่างพิตต้าไป แบบจบแล้วก็จบกัน หรือ สำหรับผู้หญิงอย่างพิตต้า ... คนที่เจ็บคือคนที่ยังรัก

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่