แชร์ประสบการณ์ อดอาหาร ใช้ยา ร่างพัง และเป็นบูลิเมีย

กระทู้คำถาม
***ไม่สามารถตั้งกระทู้สนทนาได้ เลยต้องมาตั้งเป็นกระทู้คำถามแทน งงๆ กับระบบพันทิปเหมือนกัน เพราะยูสเซอร์นี้เป็นว้าปของเรา 555 เลยไม่ได้ยืนยันด้วยบัตรประชาชน แต่เคยใช้ยืนยันด้วย SMS เมื่อนานมาแล้ว ตอนนี้สามารถคอมเม้นได้ แต่ตั้งกระทู้สนทนาไม่ได้ ให้ยืนยัน SMS อีกเหรอหรืออะไร ใครรู้บอกเราหน่อยนะ***

          เข้าสู่เนื้อหาเถอะ
          ตอนแรกคิดไว้ว่า อยากหายจากโรคนี้ก่อน จึงค่อยมาเขียนแชร์ประสบการณ์ แต่ว่ามันก็ยังไม่หายจริงๆสักที เลยคิดว่า ถ้ามัวแต่คิดว่าหายก่อนค่อยมาเขียน คงยังอีกนานเลยค่ะ ฮ่าๆๆๆ
          กระทู้นี้เราจะเขียนเป็นตอนๆ นะคะ อาจจะยาวหน่อย แต่อยากให้อ่านกันค่ะ เป็นอุธาหรณ์เป็นประสบการณ์ ประดับความรู้อะไรก็ตาม แต่ก็อยากให้อ่าน เพราะเราเชื่อว่าคนที่เป็นแบบเราในสังคมมีอีกเยอะ และอยากให้ทุกคนเข้าใจว่าคนเป็นแบบเรา ทำไมถึงเป็น แล้วรู้สึกยังไงค่ะ
          
          เริ่มเรื่องเลยนะคะ


         •    เพราะกลัวความอ้วนเอง หรือว่าสังคมกดดัน?
          การที่จะทำให้บุคคลๆ หนึ่งเติบโตขึ้นมาเป็นคนดี มีศักยภาพ สถาบันครอบครัวคือรากฐานที่สำคัญที่สุด ซึ่งเราเองก็คิดว่ามันเป็นความจริงอย่างมาก
          เราเองเราโตมากับยายค่ะ พ่อแม่แยกทางกัน แต่นั่นก็ก่อนเราเกิดอีก ดังนั้นเรื่องขาดพ่อแม่ก็อาจเป็นปัญหาหนึ่งของเรา แต่ไม่ใช่เรื่องใหญ่มากมายค่ะ อาจแค่โหยหาไรประมาณนี้ แต่ว่าจุดสำคัญคือผู้ดูแลค่ะ
          เมื่อโตมากับยาย เราเองความที่อ้วนมาตั้งแต่เกิด (หนักเกือบห้าโลค่ะ แรกเกิด) ตอนเด็กๆ ก็ดูจ้ำม่ำน่ารักดีอยู่หรอก แต่พอโตขึ้นๆ มันก็ยังอ้วนอยู่ (มันก็ไม่ได้อ้วนมากหรอก คืออวบระยะสุดท้าย ตัวใหญ่ค่ะ ประมาณนั้น) ยายเราก็ชอบกรอกหูเราให้เราอย่าอ้วน ยายไม่ชอบคนอ้วนนะ อย่าอ้วนไปมากกว่านี้นะ ขนาดดูทีวีเห็นคนอ้วนๆ แบบหนักร้อยโล หรือเห็นเดินผ่านหน้าบ้านก็จะเรียกเราให้ดูและบอกว่าอย่าได้อ้วนแบบนั้นนะ ไม่งั้นยายจะไม่รักไม่ดูแลเราค่ะ
นอกจากยายแล้ว เราก็โดนแม่เตือน น้าๆป้าๆเตือน คนรอบข้าง ญาติๆ พูดทำนอง
.....ถ้าผอม จะสวยนะ
.....ทำไมไม่ลดน้ำหนัก
.....อ้วนไปแล้วนะ
          หรือเพื่อนๆ พูดกับเราว่า
....หน้ากลม หน้ากะละมัง
.....ตัวใหญ่ว่ะแก
ฯลฯ
          ประมาณนี้ตลอดเลยค่ะ แม้ว่าพอเราเข้ามหาวิทยาลัยคำพวกนี้จะน้อยลงๆ แต่มันก็ยังมีบ้างจากคนในครอบครัว จากสังคม จากเพื่อน จากญาติ
          มันกลายเป็นว่าสิ่งเหล่านั้น คำพูดพวกนั้น ถึงตอนนี้เราจะไม่ได้ยินแล้ว แต่มันก็ยังก้องไปมาในส่วนลึกของจิตใจเราอยู่ดีค่ะ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 19
มันเหนื่อยเนาะ เหนื่อยจนอยากตายๆไปเลยอ่ะบางที
พยายามต่อสู้ก็แล้ว  หาเหตุผลต้นตอก็แล้ว  รู้ทั้งรู้ว่าไม่ดี ทรมาน แต่เราก็ยังทำร้ายตัวเอง ยอมแพ้ไอ้บูลิเมียนี่ตลอด

เรื่องมันยาว แต่พี่เป็นทุกอย่างที่เกี่ยวกับ eating disorder  อนอเรกเซียผอมจนเกือบตาย ต่อด้วยกินไม่ยั้ง แล้วจบด้วยบูลิเมีย
รวมๆก็สิบกว่าปีแล้วค่ะ  ยังไม่หายขาดด้วย เคยไปหาหมอเมืองไทย ก็อย่างที่รู้ๆกัน
เข้าหาธรรมะก็พัง จิตว้าวุ่นเกิน ไปออกกำลังกายก็ยิ่งเครียด ไม่กล้ากิน กินเสร็จก็ไปล้วงคอ  วนเวียนเป็นกงล้อแห่งกรรม 555
อยากบอกว่าเข้าใจน้องมากๆ  สเตปความคิดนี่คล้ายกันมาก อ่านไปก็นึกถึงตัวเองไป ช่วงมหาลัยคือพีคสุด เจอสังคมคลั่งผอม
ทรมานมากสับสนมาก หาทางออกไม่เจอ ทำๆๆจนเคยชินเป็นกิจวัตร แต่ใจก็อยากเลิกนะ ทำไมคุมตัวเองไม่ได้สักที ฯลฯ

พี่ป่วยมากจนเป็นโรคซึมเศร้า จะตายจริงหลายรอบแล้ว  บอกเลยว่าอนาคตพังค่ะ  สงสารแม่ที่สุดที่ต้องมาทนทรมานไปกับเราด้วย  
แต่สุดท้ายมันก็ผ่านมาได้เพราะพี่มีแม่กับน้องสาวที่เข้าใจ ให้อภัย และคอยเป็นกำลังใจให้เราเสมอ  ตอนนี้สามีพี่ก็รับช่วงต่อค่ะ อิอิ
ถามว่าคนไม่เข้าใจมีไหม? มีค่ะเยอะด้วย ทำไรไม่ได้ก็พยายามเลี่ยงจากไอ้คนนั้นสะ หรือคุยกันตรงๆว่าอย่ากดดัน ถ้าไม่ช่วย ก็หุบปาก 555
ไม่ช่าย...คือ ขนาดน้องเองก็ยังไม่ค่อยเข้าใจตัวเองเลยเนาะ  มันก็ธรรมดาที่คนอื่นจะไม่เข้าใจเรา

ในเมื่อไม่หายสักที  พี่ก็เลย ช่างมัน เลิกหาเหตุผล  ยอมรับและอยู่กับมันค่ะ เลิกด่าตัวเองนะ
พยายามคุยกับตัวเองว่า  อาหารคือเครื่องหล่อเลี้ยงชีวิต   อาหารคือเพื่อน   เรากินอาหาร เพื่อให้ร่างกายขับเคลื่อนอย่างสมบูรณ์  
พอเรามองมันเป็นเพื่อน เราก็จะยอมรับมันเข้าสู่ร่างกายเราได้โดยไม่เครียด  รู้สึกชื่นชมมันเช่น ขอบคุณนะเจ้ากล้วย ที่ทำให้ฉันอิ่มอยู่ท้อง
ขอบคุณข้าวที่ทำให้ฉันมีแรง ขอบคุณไปยันเกษตรกร 5555  แอ๊ปเปิ้ล เธอนี่มันหวานกรอบอร่อยจริงๆ ไอติมจ๋าเธอทำให้ฉันคลายร้อน ฯลฯ
หรือโฟกัสไปที่อย่างอื่นที่ไม่ใช่รูปร่าง เช่น กินผักผลไม้ดีกว่า ขับถ่ายคล่องผิวพรรณสดใส กินขนมมากๆสิวขึ้นผิวหมอง
เหมือนว่าเราพยายามเลือกกินอะไรที่ดีกับร่างกาย พอเรากินอะไรดีๆ เราก็จะไม่รู้สึกผิด ชีวิตมันก็จะโฟลว์ไปแบบสวยๆค่ะ  

คอยส่องดูว่าเหตุการณ์แบบไหนที่ทำให้เราคุมตัวเองไม่ได้ ก็พยายามเลี่ยง หาทางป้องกันความเสี่ยง
อย่างของพี่จะเป็น  เวลาเครียดมากๆ กดดันมากๆ จิตอ่อนคุมตัวเองไม่ได้  ก็หาทางออกโดยการทำร้ายตัวเอง

ทางแก้ ก็จะพยายามหาอะไรทำ ถ้าไม่ได้ออกไปไหน ก็หาหนังสนุกๆ ดูซีรีย์น่ารักๆให้หัวใจชุ่มฉ่ำ
หรืออ่านหนังสือ แบบอ่านออกเสียงนะ ปากจะได้ไม่ว่าง 55
พี่ชอบอ่านหนังสือภาษาต่างประเทศ จะได้ฝึกสำเนียงไปด้วย ไฮโซไปอีก คือพยายามหาอะไรที่น้องทำแล้วไม่เครียดอ่ะค่ะ  
จะไปตีแบดกับหมู่คณะ  หรือถักโครเชต อะไรก็ว่าไปค่ะ พี่เชื่อว่าน้องหาเจอแน่นอน  
หรือแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปก่อนโดยการ   อมลูกอมค่ะ  เอาแบบไม่ผสมน้ำตาลนะ เดี๋ยวฟันผุ :p

ถ้าเกิด บู ไปแล้วก็ไม่เป็นไร  ตบบ่าตัวเอง  ช่างมันลูก เริ่มใหม่ได้ค่ะ เราไม่ได้ด้อยค่าอย่างที่เราคิด
รู้ไหมว่าพลังจิตของน้องแข็งแกร่งกว่าอะไรทั้งหมด คุยกับตัวเอง บอกตัวเองเยอะๆว่าเราเจ๋ง เราก็มีดีนะเว้ย
ชีวิตเรา ไม่มีใครมาทำให้มันดีขึ้นได้นะ  นอกจากตัวเราเอง ดังนั้น ขอแค่น้องเชื่อว่าเราทำได้ ไม่นานเราก็จะชนะมัน  สู้ๆนะจ๊ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่