คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 2
ทำยังไงให้เรามี สัมมาทิฏฐิ ได้ครับ ??
--------- ต้อง รู้จักว่า สัมมาทิฏฐิ คืออะไร
สัมมาทิฏฐิ มี 2 ระดับ ระดับแรก เมื่อมีแล้ว จึงทำให้เชื่อและปฏิบัติ ศีล สมาธิ ปัญญา
จนเกิด สัมมาทิฏฐิระดับที่ 2 ที่ทำให้ มรรค(มีองค์8)รวมตัวกันในจิต(มัคคสมังคี) ตัดกิเลส
ระดับที่1. สัมมาทิฐิที่ยังเป็นสาสวะ เป็นส่วนแห่งบุญให้ผลแก่ขันธ์ (หรือโลกียสัมมาทิฏฐิ) เช่น การทำดีทำชั่วมี ผลการทำดีทำชัวมี ผู้ปฏิบัติตัวให้พ้นจากทุกข์(พระอรหันต์) มี
ระดับที่ 2. สัมมาทิฐิของพระอริยะ (หรือโลกุตรสัมมาทิฏฐิ) ความเห็นที่ถูกต้องที่จริงแท้ ว่ากายและจิตเกิดดับตลอดเวลา ไม่ใช่ตัวตน
ที่เกิดขึ้นเกิดขึ้นเมื่อทำสติปัฏฐาน(ดูกายหรือจิต ในปัจจุบันขณะ เห็นการเกิดดับ เปลี่ยนแปลงของส่ิงที่ดูนั้น จนจิตแน่วแน่ เห็นการเกิดดับตลอดเวลา
จึงรู้สิ่งที่เห็น ไม่คงทน ทนอยู่ไม่ได้ ไม่ใช่ตัวตน(รู้ไตรลักษณ์ มีวิปัสสนาญาณ)
รู้ว่า กายและจิต ทีเกิดดับตลอดเวลา นับเวลาใดที่จะคงทนพอที่จะเรียกว่า เป็นตัวตนก็ไม่ได้ รู้ความจริงว่ากายและจิตไม่ใช่ตัวตน มรรครวมตัวกัน ตัดกิเลส บรรลุธรรมขั้นแรก ถ้าเกิดวิปัสสนาญาณซ้ำครบ 4 รอบเป็นพระอรหันต์
*******************************************************************
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka2/v.php?B=14&A=3724&Z=3923
...
...
[๒๕๖] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็สัมมาทิฐิเป็นไฉน ดูกรภิกษุทั้งหลาย
เรากล่าวสัมมาทิฐิเป็น ๒ อย่าง คือ
สัมมาทิฐิที่ยังเป็นสาสวะ เป็นส่วนแห่งบุญให้ผลแก่ขันธ์ อย่าง ๑
สัมมาทิฐิของพระอริยะ ที่เป็นอนาสวะ เป็นโลกุตระเป็นองค์มรรค อย่าง ๑ ฯ
[๒๕๗] ดูกรภิกษุทั้งหลาย สัมมาทิฐิที่ยังเป็นสาสวะ เป็นส่วนแห่งบุญ
ให้ผลแก่ขันธ์ เป็นไฉน คือ ความเห็นดังนี้ว่า ทานที่ให้แล้ว มีผล ยัญที่บูชา
แล้ว มีผล สังเวยที่บวงสรวงแล้ว มีผล ผลวิบากของกรรมที่ทำดี ทำชั่วแล้ว
มีอยู่ โลกนี้มี โลกหน้ามี มารดามี บิดามี สัตว์ที่เป็นอุปปาติกะมี สมณพราหมณ์
ทั้งหลาย ผู้ดำเนินชอบ ปฏิบัติชอบ ซึ่งประกาศโลกนี้โลกหน้าให้แจ่มแจ้ง
เพราะรู้ยิ่งด้วยตนเอง ในโลก มีอยู่ นี้สัมมาทิฐิที่ยังเป็นสาสวะ เป็นส่วนแห่งบุญ
ให้ผลแก่ขันธ์ ฯ
[๒๕๘] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็สัมมาทิฐิของพระอริยะที่เป็นอนาสวะ
เป็นโลกุตระ เป็นองค์มรรค เป็นไฉน ดูกรภิกษุทั้งหลาย ปัญญา ปัญญินทรีย์
ปัญญาพละ ธัมมวิจยสัมโพชฌงค์ ความเห็นชอบ องค์แห่งมรรค ของภิกษุผู้มี
จิตไกลข้าศึก มีจิตหาอาสวะมิได้ พรั่งพร้อมด้วยอริยมรรค เจริญอริยมรรคอยู่
นี้แล สัมมาทิฐิของพระอริยะที่เป็นอนาสวะ เป็นโลกุตระ เป็นองค์มรรค ฯ
ภิกษุนั้นย่อมพยายามเพื่อละมิจฉาทิฐิ เพื่อบรรลุสัมมาทิฐิ ความพยายาม
ของเธอนั้น เป็นสัมมาวายามะ ฯ
ภิกษุนั้นมีสติละมิจฉาทิฐิได้ มีสติบรรลุสัมมาทิฐิอยู่ สติของเธอนั้น
เป็นสัมมาสติ ฯ
ด้วยอาการนี้ ธรรม ๓ ประการนี้ คือ สัมมาทิฐิ สัมมาวายามะ
สัมมาสติ ย่อมห้อมล้อม เป็นไปตามสัมมาทิฐิของภิกษุนั้น ฯ
...
...
...
******************************************************************
--------- ต้อง รู้จักว่า สัมมาทิฏฐิ คืออะไร
สัมมาทิฏฐิ มี 2 ระดับ ระดับแรก เมื่อมีแล้ว จึงทำให้เชื่อและปฏิบัติ ศีล สมาธิ ปัญญา
จนเกิด สัมมาทิฏฐิระดับที่ 2 ที่ทำให้ มรรค(มีองค์8)รวมตัวกันในจิต(มัคคสมังคี) ตัดกิเลส
ระดับที่1. สัมมาทิฐิที่ยังเป็นสาสวะ เป็นส่วนแห่งบุญให้ผลแก่ขันธ์ (หรือโลกียสัมมาทิฏฐิ) เช่น การทำดีทำชั่วมี ผลการทำดีทำชัวมี ผู้ปฏิบัติตัวให้พ้นจากทุกข์(พระอรหันต์) มี
ระดับที่ 2. สัมมาทิฐิของพระอริยะ (หรือโลกุตรสัมมาทิฏฐิ) ความเห็นที่ถูกต้องที่จริงแท้ ว่ากายและจิตเกิดดับตลอดเวลา ไม่ใช่ตัวตน
ที่เกิดขึ้นเกิดขึ้นเมื่อทำสติปัฏฐาน(ดูกายหรือจิต ในปัจจุบันขณะ เห็นการเกิดดับ เปลี่ยนแปลงของส่ิงที่ดูนั้น จนจิตแน่วแน่ เห็นการเกิดดับตลอดเวลา
จึงรู้สิ่งที่เห็น ไม่คงทน ทนอยู่ไม่ได้ ไม่ใช่ตัวตน(รู้ไตรลักษณ์ มีวิปัสสนาญาณ)
รู้ว่า กายและจิต ทีเกิดดับตลอดเวลา นับเวลาใดที่จะคงทนพอที่จะเรียกว่า เป็นตัวตนก็ไม่ได้ รู้ความจริงว่ากายและจิตไม่ใช่ตัวตน มรรครวมตัวกัน ตัดกิเลส บรรลุธรรมขั้นแรก ถ้าเกิดวิปัสสนาญาณซ้ำครบ 4 รอบเป็นพระอรหันต์
*******************************************************************
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka2/v.php?B=14&A=3724&Z=3923
...
...
[๒๕๖] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็สัมมาทิฐิเป็นไฉน ดูกรภิกษุทั้งหลาย
เรากล่าวสัมมาทิฐิเป็น ๒ อย่าง คือ
สัมมาทิฐิที่ยังเป็นสาสวะ เป็นส่วนแห่งบุญให้ผลแก่ขันธ์ อย่าง ๑
สัมมาทิฐิของพระอริยะ ที่เป็นอนาสวะ เป็นโลกุตระเป็นองค์มรรค อย่าง ๑ ฯ
[๒๕๗] ดูกรภิกษุทั้งหลาย สัมมาทิฐิที่ยังเป็นสาสวะ เป็นส่วนแห่งบุญ
ให้ผลแก่ขันธ์ เป็นไฉน คือ ความเห็นดังนี้ว่า ทานที่ให้แล้ว มีผล ยัญที่บูชา
แล้ว มีผล สังเวยที่บวงสรวงแล้ว มีผล ผลวิบากของกรรมที่ทำดี ทำชั่วแล้ว
มีอยู่ โลกนี้มี โลกหน้ามี มารดามี บิดามี สัตว์ที่เป็นอุปปาติกะมี สมณพราหมณ์
ทั้งหลาย ผู้ดำเนินชอบ ปฏิบัติชอบ ซึ่งประกาศโลกนี้โลกหน้าให้แจ่มแจ้ง
เพราะรู้ยิ่งด้วยตนเอง ในโลก มีอยู่ นี้สัมมาทิฐิที่ยังเป็นสาสวะ เป็นส่วนแห่งบุญ
ให้ผลแก่ขันธ์ ฯ
[๒๕๘] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็สัมมาทิฐิของพระอริยะที่เป็นอนาสวะ
เป็นโลกุตระ เป็นองค์มรรค เป็นไฉน ดูกรภิกษุทั้งหลาย ปัญญา ปัญญินทรีย์
ปัญญาพละ ธัมมวิจยสัมโพชฌงค์ ความเห็นชอบ องค์แห่งมรรค ของภิกษุผู้มี
จิตไกลข้าศึก มีจิตหาอาสวะมิได้ พรั่งพร้อมด้วยอริยมรรค เจริญอริยมรรคอยู่
นี้แล สัมมาทิฐิของพระอริยะที่เป็นอนาสวะ เป็นโลกุตระ เป็นองค์มรรค ฯ
ภิกษุนั้นย่อมพยายามเพื่อละมิจฉาทิฐิ เพื่อบรรลุสัมมาทิฐิ ความพยายาม
ของเธอนั้น เป็นสัมมาวายามะ ฯ
ภิกษุนั้นมีสติละมิจฉาทิฐิได้ มีสติบรรลุสัมมาทิฐิอยู่ สติของเธอนั้น
เป็นสัมมาสติ ฯ
ด้วยอาการนี้ ธรรม ๓ ประการนี้ คือ สัมมาทิฐิ สัมมาวายามะ
สัมมาสติ ย่อมห้อมล้อม เป็นไปตามสัมมาทิฐิของภิกษุนั้น ฯ
...
...
...
******************************************************************
แสดงความคิดเห็น
ทำยังไงให้เรามี สัมมาทิฏฐิ ได้ครับ ??
แล้วใช้สิ่งใดเป็นเครื่องวัดครับ