สวัสดีค่ะ ชาวพันทิปทุกคนที่ผ่านเข้ามา
เราชื่อ ไผ่หวาน (แต่ไม่หวานเหมือนชื่อ 55 ) อายุอานามก็ 22 - 23 ค่ะ เป็นผู้หญิงแมนๆ เล่นบาส เอ๊ะ ? เกี่ยวอะไร เป็นผู้หญิงผมซอนสั้น แต่งตัวแมนๆ โดยส่วนใหญ่ทุกคนมองว่าเราเป็นทอม ด้วยเนื่องจากบุคคลิกต่างๆที่ผสมปนเปกันในตัวเรา
กระทู้นี้เป็นกระทู้ที่ 2 ที่เราตั้งขึ้นมา อยากมาเล่าความรู้สึกแปลกๆที่มันเกิดขึ้นในจิตใจของเรา เมื่อต้นปี ที่ผ่านมา จนถึงตอนนี้ที่พึ่งจะรู้ตัว
เข้าเรื่องกันเถอะ
ตามหัวกระทู้เลยค่ะ แอบหลงรักน้องฝึกงาน เรื่องมันเริ่มมาจาก.........
เมื่อช่วงกลางเดือนมกราคมที่ผ่านมามีน้องนักศึกษาจากสถาบันแห่งหนึ่งมาฝึกงานที่บริษัทของเรา ขอบอกก่อนว่าบริษัทของเราเป็นบริษัทเกี่ยวกับบัญชี พูดถึงบัญชี ก็ต้องมีแต่ผู้หญิงเป็นส่วนใหญ่ใช่ไหมค่ะ ผู้ชายส่วนน้อยยยยยมากกกถึงจะทำงานด้านนี้ และก็มีพี่กระเทยน่ารักๆเท่านั้น 555 ซึ่งออฟฟิตเราก็มีครบค่ะ ป้าบัญชี ผู้ชายสายเรียบร้อยยยมากกก พี่กระเทยที่น่ารัก และ พี่ทอมสุดเท่ห์ และ ก็ตัวเรานิ่แหละ ที่พึ่งมาสับสนชีวิตตัวเอง เมื่อไปพบสบตากับน้องคนนั้น ก่อนหน้าเมื่อปลายปีเรารู้มาแล้วว่าจะมีน้องมาฝึกงาน เพราะป้าบัญชีบอกเราว่า ไอ้ไผ่หวาน เดี๋ยวมกรา จะมีน้องมาฝึกงานนะ แกเตรียมหาที่นอนไว้ให้นอนด้วย นั้นก็คือ หอ.ของไผ่หวานเองแหละจ้า เมื่อเดือนมกรามาถึง มีน้องประมาณ 7 - 8 คน มาพร้อมกับกระเป๋าสัมภาระที่จะมาออกฝึกงาน เมื่อทำความรู้จักกันพอจำชื่อได้ เราก็พาน้องๆไปดูหอ ช่วยน้องๆขนของไปไว้ที่ห้อง ตอนกำลังจะเดินกลับลงมาที่ห้องตัวเองก็มีน้อง 1 คนทักขึ้นมาว่า...
"พี่ๆเดี๋ยวค่ะ พี่เป็นทอมรึเปล่า" ก้มมองสภาพตัวเองและตอบน้องๆไปว่า
"พี่เหมือนทอมมากเหรอ" น้องๆเงียบและรอฟังคำตอบ "พี่ไม่ใช่ทอมค่ะ " ทันใดนั้นเองก็มีเสียงนึงตะโกนขึ้นมาว่า
"นั้นไง กูบอกพวกแล้ว ว่าพี่

ไม่ใช่ทอม ถึงพี่จะเหมือนมากๆก็ตาม ใช่ไหมพี่" ในขณะนั้นที่หันไปสบตา

หัวใจเต้นแรงว่ะ เป็นอะไรว่ะ ยิ้มให้หนึ่งครั้งและเดินกลับห้องทันที นั้นคือวันแรกที่ได้สบตากัน
และมันก็มีสถานะการณ์ที่ทำให้เราได้ใกล้ชิดกับน้องมากขึ้นเรื่อย ไม่ว่าจะด้วยสถานะการณ์จริง หรือ ที่เราสร้างขึ้นมาบางส่วน 55 (แอบมีสร้างขึ้นมาเองบ้าง) ยิ่นได้ใกล้ชิดมากขึ้นเท่าไร เรายิ่งรู้สึกดีมากขึ้นเท่านั้น แต่เราก็ไม่รู้หรอกว่ามันคืออะไร แต่ร็ว่ารู้สึกดี จนกระทั่ง 1 เดือนผ่านไป ก็ยังไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง และเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อเราต้องมาใช้ชีวิตอยู่กับน้องๆตลอดระยะเวลา 3 เดือน ต้องมานอนหมอนใบเดียวกัน ต้องมาใกล้ชิดกันมากขึ้น และนั้นแหละที่ทำให้เรามั่นใจความรู้สึกตัวเอง เมื่อเริ่มจะเข้าใจความรู้สึกตัวเอง มันก็มีไอ้เด็กผู้ชายคนหนึ่งโผล่ขึ้นมา แล้วมาทำตัวสนิทสนมกับเด็กน้อยของเรา(คนเดียว) ยิ่งน้องใจดีและพูดเล่นกัลบมันมากเท่าไร เรายิ่งหงุดหงิด บางทีก็อยากจะเตะไอ้เด็กผู้ชายคนนั้นด้วยความมั่นไส้ แต่ก็ทำไม่ได้หรอก เพราะเรารู้สึกอยู่คนเดียว ใช้ม๊ะ ? ยิ่งวันเวลาผ่านไปนานเท่าไร ยิ่งทำให้เรารู้ตัวเองมากขึ้น และเราก็พยายามจะตีตัวออกมาเพื่อรักษาระยะห่างจากน้อง เพราะเรารู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ ยิ่งเราออกห่างมากเท่าไร น้องกับยิ่งเข้ามาใกล้เรามากเท่านั้น จนใครๆในออฟฟิตก็แซวว่าเราเป็นคู่จิ้นกัน ตัวติดกันตลอดเวลา ไปไหนไปด้วยกัน มันจะดีมากถ้าเราไม่ใช่ผู้หญิงกันทั้งคู่ และน้อง ไม่เคยพูดคำนี้ออกมา "หนูไม่ชอบผู้หญิงหรอก หนูชอบผ็ชาย" เราจะคิดเข้าข้างตัวเองว่าน้องก็แอบคิดอะไรกับเรา ทุกอย่างผ่านไปอย่างรวดเร็ว ร่วมถึงเวลาที่น้องจะฝึกงานเสร็จด้วย และวันสุดท้ายก็มาถึง คือวันที่น้องฝึกงานจบ หลังจากพาน้องไปเลี้ยงส่งกลับมาเราก็มาช่วยน้องขนของและรอส่งขึ้น ตอนนั้นเรากอดน้องๆทุกคน จนมาถึงคนสุดท้ายคือน้องที่เราแอบชอบ "กอดแฟนก่อนเดี๋ยวแฟนน้อยใจ"ทุกคนเอ่ยปากแซว แต่ความรู้สึกของเราไม่ขำไปด้วย เพราะน้องร้องไห้ตรงไหล่ของเรา เมื่อรู้สึกถึงความเปียกจากน้ำตาน้องเราก็ถอนกอดออก และไม่ได้พูดอะไร ความสัมพันธ์ของเราสองคนก็ยังค้างคากันอยู่ และเราก็ปล่อยให้มันเป็นแบบนี้ จนกระทั่งน้องนั่งรถและหายไปจากเรา เราคิดว่าให้เป็นแบบนี้แหละดีแล้ว เราไม่อยากบอกออกไปเพราะกลัวว่าทุกอย่างดีๆมันจะหายไปพร้อมกับความรู้สึกของน้องถ้าน้องรู้ว่าเราคิดอะไรด้วย
หลักจากนั้นเราก็ไม่ได้ติดต่อน้องอีกเลย และเราก็คิดว่ามันคงจบแค่นี้จริงๆ และความรู้สึกที่มันเกิดขึ้นมา คงเป็นเพราะความใกล้ชิด เพราะเราก็ไม่เคยชอบผู้หญิงมาก่อน และก็ไม่เคยชอบผู้หญิงคนไหน น้องจากน้องคนนี้จริงๆ เดี๋ยวสักพักมันคงจะหายไป เวลาผ่านไปเดือนกว่า .....
และน้องก็กลับมาพร้อมกับคำว่า "พี่ไผ่ ไปดูหนังกันไหม" ตอบตกลงโดยไม่ต้องคิดเลยค่ะเรา 555 ยิ่งได้มาเจอหน้าอีกครั้งเรายิ่งมั่นใจว่าเราไม่ใช่แค่ชอบน้องแน่ๆ แต่เราก็ไม่ได้บอกความรู้สึกกับน้องไปหรอกนะ เพราะเรากลัวจริงๆว่าถ้าน้องรู้น้องอาจจะหายไปจากชีวิตเราจริงๆและไม่กลับมาเลยก็ได้ เป็นแบบนี้ก็ดีแล้ว ถึงเราจะมองตาน้องออกว่าน้องก็อาจจะคิดอะไรกับเรา แต่เราก็ไม่อยากเสี่ยง
เนี้ยแหละค่ะ ความสับสนทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับเรา เมื่อช่วงครึ่งปีแลกที่ผ่านมา แค่อยากมาเล่าให้ทุกคนฟังเฉยๆ เพื่อมีใครที่เคยเป็นแบบเรา 55
ขอบคุณสำหรับนักอ่านที่อาจจะผ่านเข้ามาอ่านนะคะ
ถ้าเขียนผิดประการใด ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ
อยู่ดีๆก็ดันเผลอแอบหลงรักน้องฝึกงาน ที่สำคัญ น้องเขาเป็นผู้หญิง และ อันตัวเรานี้ก็ผู้หญิง (ที่แอบแมนเล็กน้อย)
เราชื่อ ไผ่หวาน (แต่ไม่หวานเหมือนชื่อ 55 ) อายุอานามก็ 22 - 23 ค่ะ เป็นผู้หญิงแมนๆ เล่นบาส เอ๊ะ ? เกี่ยวอะไร เป็นผู้หญิงผมซอนสั้น แต่งตัวแมนๆ โดยส่วนใหญ่ทุกคนมองว่าเราเป็นทอม ด้วยเนื่องจากบุคคลิกต่างๆที่ผสมปนเปกันในตัวเรา
กระทู้นี้เป็นกระทู้ที่ 2 ที่เราตั้งขึ้นมา อยากมาเล่าความรู้สึกแปลกๆที่มันเกิดขึ้นในจิตใจของเรา เมื่อต้นปี ที่ผ่านมา จนถึงตอนนี้ที่พึ่งจะรู้ตัว
เข้าเรื่องกันเถอะ
ตามหัวกระทู้เลยค่ะ แอบหลงรักน้องฝึกงาน เรื่องมันเริ่มมาจาก.........
เมื่อช่วงกลางเดือนมกราคมที่ผ่านมามีน้องนักศึกษาจากสถาบันแห่งหนึ่งมาฝึกงานที่บริษัทของเรา ขอบอกก่อนว่าบริษัทของเราเป็นบริษัทเกี่ยวกับบัญชี พูดถึงบัญชี ก็ต้องมีแต่ผู้หญิงเป็นส่วนใหญ่ใช่ไหมค่ะ ผู้ชายส่วนน้อยยยยยมากกกถึงจะทำงานด้านนี้ และก็มีพี่กระเทยน่ารักๆเท่านั้น 555 ซึ่งออฟฟิตเราก็มีครบค่ะ ป้าบัญชี ผู้ชายสายเรียบร้อยยยมากกก พี่กระเทยที่น่ารัก และ พี่ทอมสุดเท่ห์ และ ก็ตัวเรานิ่แหละ ที่พึ่งมาสับสนชีวิตตัวเอง เมื่อไปพบสบตากับน้องคนนั้น ก่อนหน้าเมื่อปลายปีเรารู้มาแล้วว่าจะมีน้องมาฝึกงาน เพราะป้าบัญชีบอกเราว่า ไอ้ไผ่หวาน เดี๋ยวมกรา จะมีน้องมาฝึกงานนะ แกเตรียมหาที่นอนไว้ให้นอนด้วย นั้นก็คือ หอ.ของไผ่หวานเองแหละจ้า เมื่อเดือนมกรามาถึง มีน้องประมาณ 7 - 8 คน มาพร้อมกับกระเป๋าสัมภาระที่จะมาออกฝึกงาน เมื่อทำความรู้จักกันพอจำชื่อได้ เราก็พาน้องๆไปดูหอ ช่วยน้องๆขนของไปไว้ที่ห้อง ตอนกำลังจะเดินกลับลงมาที่ห้องตัวเองก็มีน้อง 1 คนทักขึ้นมาว่า...
"พี่ๆเดี๋ยวค่ะ พี่เป็นทอมรึเปล่า" ก้มมองสภาพตัวเองและตอบน้องๆไปว่า
"พี่เหมือนทอมมากเหรอ" น้องๆเงียบและรอฟังคำตอบ "พี่ไม่ใช่ทอมค่ะ " ทันใดนั้นเองก็มีเสียงนึงตะโกนขึ้นมาว่า
"นั้นไง กูบอกพวกแล้ว ว่าพี่
และมันก็มีสถานะการณ์ที่ทำให้เราได้ใกล้ชิดกับน้องมากขึ้นเรื่อย ไม่ว่าจะด้วยสถานะการณ์จริง หรือ ที่เราสร้างขึ้นมาบางส่วน 55 (แอบมีสร้างขึ้นมาเองบ้าง) ยิ่นได้ใกล้ชิดมากขึ้นเท่าไร เรายิ่งรู้สึกดีมากขึ้นเท่านั้น แต่เราก็ไม่รู้หรอกว่ามันคืออะไร แต่ร็ว่ารู้สึกดี จนกระทั่ง 1 เดือนผ่านไป ก็ยังไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง และเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อเราต้องมาใช้ชีวิตอยู่กับน้องๆตลอดระยะเวลา 3 เดือน ต้องมานอนหมอนใบเดียวกัน ต้องมาใกล้ชิดกันมากขึ้น และนั้นแหละที่ทำให้เรามั่นใจความรู้สึกตัวเอง เมื่อเริ่มจะเข้าใจความรู้สึกตัวเอง มันก็มีไอ้เด็กผู้ชายคนหนึ่งโผล่ขึ้นมา แล้วมาทำตัวสนิทสนมกับเด็กน้อยของเรา(คนเดียว) ยิ่งน้องใจดีและพูดเล่นกัลบมันมากเท่าไร เรายิ่งหงุดหงิด บางทีก็อยากจะเตะไอ้เด็กผู้ชายคนนั้นด้วยความมั่นไส้ แต่ก็ทำไม่ได้หรอก เพราะเรารู้สึกอยู่คนเดียว ใช้ม๊ะ ? ยิ่งวันเวลาผ่านไปนานเท่าไร ยิ่งทำให้เรารู้ตัวเองมากขึ้น และเราก็พยายามจะตีตัวออกมาเพื่อรักษาระยะห่างจากน้อง เพราะเรารู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ ยิ่งเราออกห่างมากเท่าไร น้องกับยิ่งเข้ามาใกล้เรามากเท่านั้น จนใครๆในออฟฟิตก็แซวว่าเราเป็นคู่จิ้นกัน ตัวติดกันตลอดเวลา ไปไหนไปด้วยกัน มันจะดีมากถ้าเราไม่ใช่ผู้หญิงกันทั้งคู่ และน้อง ไม่เคยพูดคำนี้ออกมา "หนูไม่ชอบผู้หญิงหรอก หนูชอบผ็ชาย" เราจะคิดเข้าข้างตัวเองว่าน้องก็แอบคิดอะไรกับเรา ทุกอย่างผ่านไปอย่างรวดเร็ว ร่วมถึงเวลาที่น้องจะฝึกงานเสร็จด้วย และวันสุดท้ายก็มาถึง คือวันที่น้องฝึกงานจบ หลังจากพาน้องไปเลี้ยงส่งกลับมาเราก็มาช่วยน้องขนของและรอส่งขึ้น ตอนนั้นเรากอดน้องๆทุกคน จนมาถึงคนสุดท้ายคือน้องที่เราแอบชอบ "กอดแฟนก่อนเดี๋ยวแฟนน้อยใจ"ทุกคนเอ่ยปากแซว แต่ความรู้สึกของเราไม่ขำไปด้วย เพราะน้องร้องไห้ตรงไหล่ของเรา เมื่อรู้สึกถึงความเปียกจากน้ำตาน้องเราก็ถอนกอดออก และไม่ได้พูดอะไร ความสัมพันธ์ของเราสองคนก็ยังค้างคากันอยู่ และเราก็ปล่อยให้มันเป็นแบบนี้ จนกระทั่งน้องนั่งรถและหายไปจากเรา เราคิดว่าให้เป็นแบบนี้แหละดีแล้ว เราไม่อยากบอกออกไปเพราะกลัวว่าทุกอย่างดีๆมันจะหายไปพร้อมกับความรู้สึกของน้องถ้าน้องรู้ว่าเราคิดอะไรด้วย
หลักจากนั้นเราก็ไม่ได้ติดต่อน้องอีกเลย และเราก็คิดว่ามันคงจบแค่นี้จริงๆ และความรู้สึกที่มันเกิดขึ้นมา คงเป็นเพราะความใกล้ชิด เพราะเราก็ไม่เคยชอบผู้หญิงมาก่อน และก็ไม่เคยชอบผู้หญิงคนไหน น้องจากน้องคนนี้จริงๆ เดี๋ยวสักพักมันคงจะหายไป เวลาผ่านไปเดือนกว่า .....
และน้องก็กลับมาพร้อมกับคำว่า "พี่ไผ่ ไปดูหนังกันไหม" ตอบตกลงโดยไม่ต้องคิดเลยค่ะเรา 555 ยิ่งได้มาเจอหน้าอีกครั้งเรายิ่งมั่นใจว่าเราไม่ใช่แค่ชอบน้องแน่ๆ แต่เราก็ไม่ได้บอกความรู้สึกกับน้องไปหรอกนะ เพราะเรากลัวจริงๆว่าถ้าน้องรู้น้องอาจจะหายไปจากชีวิตเราจริงๆและไม่กลับมาเลยก็ได้ เป็นแบบนี้ก็ดีแล้ว ถึงเราจะมองตาน้องออกว่าน้องก็อาจจะคิดอะไรกับเรา แต่เราก็ไม่อยากเสี่ยง
เนี้ยแหละค่ะ ความสับสนทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับเรา เมื่อช่วงครึ่งปีแลกที่ผ่านมา แค่อยากมาเล่าให้ทุกคนฟังเฉยๆ เพื่อมีใครที่เคยเป็นแบบเรา 55
ขอบคุณสำหรับนักอ่านที่อาจจะผ่านเข้ามาอ่านนะคะ
ถ้าเขียนผิดประการใด ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ