[CR] รีวิวท่องเที่ยวโตเกียวด้วยตัวเอง 8 วัน 7 คืน : Part Tokyo and Oak Hotel


สวัสดีครับเพื่อนๆ ชาวพันทิป ครั้งนี้ผมจะมารีวิวการไปเที่ยวญี่ปุ่นในช่วงเดือนเมษายน 2559 ที่ผ่านมานะครับ โดยในทริปครั้งนี้ผมไปกับภรรยา 2 คนครับ ซึ่งเรามีเป้าหมายว่า อยากเที่ยวสถานที่สำคัญของโตเกียว อยากเห็นซากุระ ภูเขาไฟฟูจิ และ Tokyo Disneyland ครับ เนื่องจากมีงบประมาณไม่มาก เลยต้องวางแผนดีดีหน่อยครับ เผื่อจะไม่ได้มาอีก 555 โดยผมจะแบ่งออกเป็น 3 part ครับ
1.    Part : Tokyo and Oak Hotel ซึ่งก็คือ part นี้ครับ
2.    Past : Tokyo Disneyland (http://pantip.com/topic/35294924)
3.    Part Kawaguchiko และ Mizuno Hotel (http://pantip.com/topic/35260004)
โดย part 2 และ 3 ผมได้ทำการรีวิวแยกไปแล้ว ไม่งั้นถ้ารวมทุก Part เข้าด้วยกันรายละเอียดและรูปจะเยอะเกินไปครับ

    ขั้นแรกก็ทำการกำหนดวันที่จะไป และจองตั๋วเครื่องบินครับ ซึ่งผมต้องเลือกระหว่างวันที่ลาได้ กับตั๋วถูกครับ โดยมันจะคนละช่วงเวลากัน แต่ในที่สุดก็ต้องเลือกวันที่ลาไปได้โดยที่ติดวันหยุดหน่อยครับ ไม่งั้นวันลาจะหายไปเป็นจำนวนมาก ซึ่งราคาตั๋วก็จะแรงขึ้นครับ ต่อมาต้องเลือกระหว่าง Low Cost + น้ำหนัก หรือ Full Service ครับ ผมดูราคาแล้วมันไม่ได้ต่างกันมากนัก ก็เลยเลือกแบบ Full Service ไปครับ ซึ่งในตอนนั้น ANA ถูกสุดเท่าที่หาได้ละครับ แล้วก็เป็นเครื่องบินของประเทศญี่ปุ่นด้วย ผมจึงค่อนข้างมั่นใจในคุณภาพครับ จึงได้ทำการจองผ่าน Website : https://www.ana.co.jp/asw/wws/th/t/
    
    ขั้นต่อมาทำการจองที่พักครับ ผมก็ลองอ่านจากหนังสือ และกระทู้ของหลายๆ คน ก็มีโรงแรมที่น่าสนใจมากมายครับ ด้วยผมไปกับภรรยากัน 2 คนครับ เลยว่าจะเลือกห้องพักที่ส่วนตัวหน่อย และก็ต้องราคาไม่แพงด้วย  ซึ่งโรงแรมดังๆ ที่คนนิยมไปกันเต็มหมดแล้วครับ (ผมเริ่มจองต้นเดือนมกราคมครับ) แล้วบังเอิญมี Oak Hotel โผล่มาพอดี  ก็เลยทำการลองเช็คดูว่ามีอะไรอยู่ใกล้กับโรงแรมบ้าง ก็พบว่า โรงแรมอยู่ในย่าน Ueno ใกล้กับสถานีใต้ดิน Inaricho แล้วแถวนั้นก็มีร้านสะดวกซื้อมากมายครับ และราคาอยู่ประมาณ 10,000 เยน ซึ่งช่วงเวลาที่ผมไปโรงแรมจะแพงอยู่แล้ว ผมว่าผมพอรับได้กับราคานี้ครับ ส่วนการจองนะครับ ผมเข้าไปใน website : http://www.oakhotel.co.jp/ ซึ่งเมื่อเราทำการจอง มันจะให้เราไปจองผ่าน HostelWorld.com ครับ โดยเมื่อทำการจองเสร็จแล้วให้ทำการ save หรือ print เอกสารยืนยันเลยนะครับ เพราะเมื่อไปเช็คอีกครั้งใน E-Mail หรือ ใน web ของ HostelWorld ตัวรายละเอียดมันจะน้อยกว่านิดนึงครับ แต่จริงๆก็ใช้ได้นะครับ ไม่มีปัญหาอะไร ถึงตรงนี้คงมีคนถามผมว่า ทำไมไม่จองผ่าน Agoda หรือ Booking ละ ผมอยากจะบอกว่า ช่วงเวลานั้นที่ผมจอง Oak Hotel ไม่มีอยู่ใน Agoda และ Booking เลยครับ ผมก็พึ่งมาเห็นว่ามันมีก็ตอนที่มานั่งรีวิวนี่ละครับ T___T

    ขั้นต่อมา ก็ลองทำการวางแผนดูครับว่าช่วงเวลาที่ไปเราสามารถไปไหนได้บ้าง โดยทำการเลือกสถานที่ที่อยากไปก่อนครับ แล้วมาดูว่าแต่ละที่อยู่ใกล้หรือไกลกันแค่ไหน โดยในแต่ละวันจะจัดสถานที่ที่จะไปให้อยู่ใกล้ๆ กันครับ จะได้ไม่เสียเวลาเดินทาง ซึ่งแผนของผมก็เป็นดังนี้ครับ
    Day 1 : สนามบิน Narita -> Check in Oak Hotel -> Tokyo Skytree -> Oak Hotel
    Day 2 : Oak Hotel -> SensoJi -> Ueno Park -> Kiyomizu Kannono -> Benten-do -> Ameyoko
    Day 3 : Oak Hotel -> Disneyland -> Oak Hotel
    Day 4 : Oak Hotel -> ตลาดปลา Tsukiji -> สวน Shinjuku Gyoen -> Harajuku -> ศาลเจ้า Meiji -> ย่าน Shibuya -> รูปปั้น Hachiko -> Oak Hotel
    Day 5 : Oak Hotel -> Shibuya mark city -> สถานี Kawaguchiko -> Kawaguchiko Music Forest -> Mt. Kachi Kachi Ropeway -> Mizuno Hotel
    Day 6 : Check-Out Mizuno Hotel -> สถานี Kawaguchiko -> เจดีย์แดง Chureito Pagoda -> สถานี Kawaguchiko -> Shibuya mark city -> Oak Hotel
    Day 7 : Oak Hotel -> Tokyo Imperial Palace -> Tokyo Tower -> Odaiba  -> Oak Hotel
    Day 8 : Oak Hotel -> สนามบิน Haneda
    เนื่องจากวันแรกที่ผมไป ถึงประมาณบ่าย 3 ครับ เลยคิดว่าสถานที่ท่องเที่ยงที่น่าจะไปได้ต้องเปิดถึงดึกหน่อย สามารถชมในเวลากลางคืนได้ ผมจึงเลือก Tokyo Skytree เพราะถ้าได้ชมเมือง Tokyo ในเวลากลางคืนก็น่าจะสวยดี ส่วนวันสุดท้ายเครื่องบินออก 10 โมงครับ ไม่ต้องคิดมากไปไหนไม่ได้อยู่แล้ว 555

     ขั้นต่อมาก็ต้องศึกษาการเดินทางใน Tokyo ครับ ซึ่งก็พบว่า มีรถไฟ JR และรถไฟใต้ดินหลายสายมากครับ มันเยอะจนงงไปหมดละครับ และบัตรที่ใช้ในการเดินทางก็มีหลายแบบ ซึ่งผมเน้นเดินทางอยู่ใน Tokyo และไม่ได้ขึ้นรถไฟไปไหนไกลๆ บัตรที่เป็นบัตรเหมารายวันของรถไฟ JR และใต้ดิน มันน่าจะไม่คุ้มสำหรับผมครับ ผมเลยเลือกที่ไม่ซื้อบัตรเหมา แต่ไปใช้บัตรเติมเงินแทนมากกว่า เพราะผมก็ไม่มั่นใจเวลาไปซื้อตั๋วตามแต่ละสถานี และผมว่าเป็นการประหยัดเวลาเดินทางด้วยครับ ผมก็เลยเล็งว่าจะซื้อบัตร Suica หรือ Pasmo ครับ ซึ่งผมก็ลองเช็คคุณสมบัติของทั้ง 2 บัตรก็ไม่ได้ต่างอะไรกันมากครับ แต่มันจะมีเงื่อนไขที่สำคัญที่ควรทราบ
     -    บัตรจะมีค่ามัดจำ 500 เยน ถ้าเราทำการซื้อบัตร 2,000 เยน เงินในบัตรที่เราใช้ได้จะเหลือ 1,500 เยนครับ
     -    การซื้อบัตรหรือเติมเงินสามารถทำได้ที่ตู้ที่มีสัญลักษณ์ Suica หรือ Pasmo ในแต่ละสถานีของทั้งรถไฟ JR และรถไฟใต้ดินครับ
     -    ในการคืนบัตร สามารถทำได้ที่สนามบินครับ โดยตอนที่เราไปคืนจะมีค่าเซอร์วิสชาร์ต 210 เยนครับ ซึ่งการหักเงินส่วนนี้ไม่เกี่ยวกับค่ามัดนะครับ ตัวอย่าง ถ้าเหลือเงินในบัตร 1,000 เยน พอเอาไปคืนเราจะได้กลับมา 500 + 790 เยน ครับ แต่หากเงินในบัตรไม่เหลือเลยหรือเหลือน้อยกว่า 210 เยน ก็จะยังได้รับเงินมัดจำคืน 500 เยนอยู่นะครับ

สรุปการเดินทางใน Tokyo ผมเช็คผ่าน website : https://www.google.co.th/maps และ http://www.hyperdia.com/en/ นะครับ ซึ่งรถไฟ JR และรถไฟใต้ดินของ Tokyo จะมีหลายสายมากครับ ผมแนะนำให้จำชื่อ line และสี ของสายรถไฟที่เรานั่งด้วยนะครับ เพราะจะมีประโยชน์มากในตอนขึ้นรถไฟหรือตอนเปลี่ยนขบวน



ก่อนไปผมได้ไปเดินงานท่องเที่ยงต่างประเทศ และได้เจอเข้ากับ Sim ตัวนี้ครับ ราคา 600 บาท ใช้ได้ 3.5 GB สำหรับ 7 วันครับ ซึ่งถูกกว่าเปิด Roaming และเช่า wifi มากครับ เพราะยังไงก็ไปไหนกับ 2 คนอยู่แล้ว และที่ญี่ปุ่นก็มี wifi ฟรีหลายจุดมากเลยครับ


มาเริ่มเดินทางกันเลยดีครับ
Day 1
ผมออกเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิเวลา 06.50 น. ถึงสนามบินนาริตะ 15.00 น. ตอนเช้ารีบมากเลยไม่ได้ถ่ายรูปช่วงเดินทางขาไปครับ ซึ่งการเดินทางกับ ANA นั้น ผมบอกเลยว่า ที่นั่ง อาหาร และการบริการดีมากครับ แล้วก็มาถึงสนามบินนาริตะละครับ ซึ่งมองไปไกลๆ เห็นต้นซากุระด้วย ดีใจมากเลยครับ


เดินทางออกมาจากสนามบินเพื่อไป Oak Hotel โดยผมได้เลือก keisei skyliner ครับ เพราะเป็นรถไฟที่วิ่งตรงจากสนามบินถึงสถานี Ueno เลย จอดไม่กี่ป้ายเองครับ ซึ่งใช้เวลาเดินทางประมาณ 41 นาทีครับ โดย Oak Hotel จะอยู่ใกล้กับสถานี Inaricho ถัดจากสถานี Ueno เพียงสถานีเดียวครับ


ถึงแล้วครับ Oak Hotel หาไม่ยากเลยครับ เรามาดูบรรยากาศภายในโรงแรมนะครับ มีห้องรับรองที่จะต้มน้ำร้อนไว้ให้ด้วย พนักงานบริการดีมากครับ คุยภาษาอังกฤษรู้เรื่อง ผมจึงก็ได้สอบถามเกี่ยวกับการฝากกระเป๋าครับ เพราะจะมีอยู่ช่วงนึงที่ผมไป Kawaguchiko 2 วัน 1 คืน แล้วจึงกลับมานอนที่โรงแรมอีกครั้ง ซึ่งพนักงานก็บอกว่าฝากกระเป๋าไว้ได้ครับ แต่สามารถฝากได้เพียงห้องละ 1 ใบ ส่วนอีกใบต้องจ่าย 500 เยนครับ โดยผมกับภรรยาใช้กระเป๋าคนละใบครับ เลยจำเป็นต้องเสียเงินเพิ่ม 500 เยนครับ







ห้องนอนครับ ห้องเล็กตามสไตล์ญี่ปุ่นแหละครับ ห้องน้ำนี้ไม่สามารถเดินเข้าไปพร้อมกัน 2 คนได้ครับ แต่อุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบถ้วนครับ ซึ่งโรงแรมนี้ทุกห้องห้ามสูบบุหรี่นะครับ




ทางเดินระหว่างสถานี Inaricho กับ Oak hotel



ชอบกาแฟ กับขาเขียวร้านนี้มากครับ กินเกือบทุกวันเลย


เดินทางการ Oak hotel ไป Tokyo Skytree เริ่มจากเดิน 300 เมตร ไปสถานี Inaricho -> นั่งรถไฟใต้ดิน Ginza Line ไปสถานี Asakusa -> เปลี่ยนรถไฟเป็น Tobu Skytree Line ไปลง Tokyo Skytree




พอถึงสถานี Tokyo Skytree แล้วเดินออกมาก็เจอกับร้าน Tokyo Banana เลยครับ แล้วผมก็เดินต่อไปเรื่อยๆ ซึ่งตรงนี้ผมก็แอบหลงเหมือนกันครับ ยังดีที่เดินไปเดินมาไปเจอกับ Fastfood พอดีเลยแวะทานอาหารเย็นหน่อยครับ





มีร้าน JUMP ด้วยนะครับ


ร้าน Rilakkuma ครับ มีของหลายแบบที่ไม่มีในเมืองไทยเยอะเลยครับ


เจอแล้วครับ ที่ซื้อตั๋วของ Tokyo Skytree เห็นในรูปเหมือนคนน้อย แต่จริงๆเยอะอยู่นะครับ รอประมาณ 30 นาที แต่ถ้าใครรีบจะมีช่องพิเศษครับ รู้สึกว่าต้องเสียเงินเพิ่มอีกพอสมควรครับ


บรรยากาศบน Tokyo Skytree ครับ มีการแสดงด้วยนะครับ









วันแรกก็หมดแล้วครับ การเดินทางกลับก็ทำเหมือนขามาเลยครับ ส่วนวันที่ 2 เดียวมาอัพต่อนะครับ
ชื่อสินค้า:   tokyo
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่