ตอนที่ 1: ใครกำลังแพลนจะไปขึ้นเขาฟูจิ ตามมากัน
ตอนที่ 2 ถึงยอดเขาฟูจิที่รอคอย
ตอนที่ 3: มาดูบทสรุปเดินขึ้นเขาฟูจิ ใครกำลังเล็งอยู่มาดูกันเลย
เราเป็นคนหนึ่งที่ชอบภูเขามากๆ และเมื่อมีโอกาสได้ไปญี่ปุ่นบ่อยๆ ภูเขาลูกนึงที่ได้มีโอกาสแวะไปบ่อยที่สุดเมื่อไปญี่ปุ่นก็คือภูเขาไฟฟูจิ แม้ว่าจะเป็นภูเขาไฟที่ยัง Active แต่อัตราการเกิดการปะทุก็มีน้อยมากและในหลายๆร้อยปีก็ยังไม่มีการปะทุ ความสวยงามของฟูจิจึงทำให้ฟูจิกลายเป็นภูเขายอดฮิตของทั้งคนญี่ปุ่นและคนทั่วโลกและเราด้วย
ในแต่ละปีนั้นก็ได้แค่มีโอกาสในการดูระยะไกลๆ ใกล้สุดก็จะอยู่แถวๆ Kawaguchiko เท่านั้นแม้ว่าอัตราการเห็นฟูจิของเราจะอยู่ในอัตราที่ต่ำมาก เพราะไป 10 ครั้งจะเห็นเต็มๆอยู่ประมาณแค่ 3-4 ครั้งเท่านั้นเอง จึงจะอย่างนั้นมันก็ยังเป็นภูเขาที่เราชอบมากๆที่นึงอยู่ดี
แต่เมื่อไปบ่อยๆแล้วก็อยากลองของใหม่ๆมุมใหม่ๆบ้าง เมื่อหน้าร้อนที่ผ่านมาซึ่งเป็นฤดูการปีนเขาของญี่ปุ่นกัน ซึ่งฟูจิเองก็เป็นหนึ่งในเป้าหมายของใครหลายคนโดยที่จะขึ้นปีนฟูจิได้ช่วง กค-สค เท่านั้น เพราะว่า จะเป็นช่วงหน้าร้อนที่ฟูจิไม่มีหิมะสะสมอยู่บนยอดหรือฟูจิใส่หมวกขาว นั่งคิดซักแป้ปว่าน่าสนแต่เอาจริงๆประสบการณ์การปีนเขา Trekking ก็ไม่ได้เยอะเท่าไร แต่ช่วงกลางๆปีแบบนี้ก็ไม่รู้จะไปไหน พร้อมกับตั๋วโปรที่ราคายั่วยวนมาก เลยตัดสินใจไม่ยากในการไปปีนฟูจิรอบนี้แถมไม่ต้องรอใครตัดสินใจด้วย เลยสามารถตัดสินใจได้เลยทันที
ก่อนไปสองเดือน ได้นัดคุยกับกลุ่มเพื่อนที่แพลนว่าจะไปทรานไซบีเรียด้วยกันเลยนัดกันกินข้าว แต่เหมือนจะไม่มีอะไรสุดท้ายก็ได้เล่าให้เพื่อนฟังว่าจะไปปีนฟูจิ พอมันฟังปุ้ปมันก็รีบจองตามทันทีคือไม่ได้ชวนแต่จองแล้ว 55 เออ สองหัวก็ดีกว่าหัวเดียว เอาเป็นว่าเผื่อไม่รอดก็ยังมีคนแบกกลับลงมา
ช่วงก่อนไปก็พยายามออกกำลังกายปั่นจักรยาน วิ่ง พยายามฟิตหลายๆอย่างเพื่อให้อยู่ในสภาพที่พอจะพร้อมกับการปีนเขา แต่แล้วสองอาทิตย์ก่อนไปรู้สึกเจ็บหัวเข่าแต่คิดว่าก็เจ็บเข่าเจ็บกล้ามเนื้อปกติเลยไปหาหมอเพื่อตรวจ ในใจก็แอบหวั่นว่าจะเป็นอะไรมั้ย เพราะใกล้เวลามามาก หมอตรวจๆก็ทำหน้าไม่สบายใจ เลย x-ray ผลปรากฏว่าหัวเข่าปกติ แต่ให้ MRI ด้วยเลย เราก็ตกใจว่าดูจะไม่น่าใช่เรื่องใหญ่แต่การ MRI เหมือนกับหมอเอะใจกับอะไรบางอย่าง เอ้า แต่เอาละ MRI ก็ได้และรอผลวันนึงอีกวันไปฟังผล หมอก็อึ้ง เราก็อึ้งไปเพราะหมออึ้ง หมอบอกว่า เส้นเอ็นไขว้หน้าขาด หรือที่นักบอลนักกีฬานิยมกันเป็น ศัพท์ทางการคือ ACL แต่โชคดีหน่อยขาดแค่ 95% ยังไม่ขาดหมด...... เหลืออีก 5% ไว้ เอ็นเล็กๆที่มีพืนที่5% เหลือเอาไว้ แล้วคุณหมอยังย้ำว่า อย่าพยายามใช้มันเยอะนะเพราะมันอาจจะขาดหมดแล้วไม่เหลือทางเลือกคือต้องผ่าตัด แต่ถ้ามันยังไม่ขาดหมด มันยังเคยมีเคสว่ามันค่อยๆฟื้นตัวกลับมาได้อาจไม่100% แต่ก็ไม่ต้องผ่าตัด
แล้วเอาไงดีเวลาใกล้เข้ามา ปีนก็อยากปีน เลยปรึกษาเพื่อนที่จะไปปีนด้วยกัน ก็เลยเบาใจได้หน่อยเพราะไม่ได้เป็นคนเดียว ก็พึ่งรู้ว่ามันเป็นโรคหลอดเลือดในสมองตีบ..... ดีจังไม่ได้เป็นคนเดียว
เอาไงดีละตอนนี้......
Program Highlight
Day 1: กรุงเทพ - Tokyo / วันแรกจากกรุงเทพไป Tokyo พักที่โตเกียวแถวชินจุกุ
Day 2: Tokyo - Kawaguchiko 5th Station - Fuji Hut 8th Station / วันที่สองนั่งบัสจากชินจุกุไปที่ Kawaguchiko ชั้น 5 และเดินขึ้นไปยัง Fuji Hut ชั้นที่ 8
Day 3: Fuji Hut 8th Station - Summit - Tokyo / วันที่สามจาก Fuji Hut ชั้น8 ขึ้นสู่ยอดเขาฟูจิและเดินลงกลับมายังชั้น 5 และขึ้นรถกลับมาพักแถวชินจุกุ
Day 4: Tokyo - กรุงเทพ / วันที่สี่เดินทางกลับไทย หรือหากใครที่ยังอยากเที่ยวต่อก็สามารถอยู่เที่ยวต่อได้นะ
ติดตามตอนอื่นๆกันน้าเดี๋ยวมาอัพเดทต่อพรุ่งนี้นะ
หรือว่าอยากเข้าไปอ่านกันที่บันทึกการเดินทางก่อนก็ได้ ->
บันทึกการเดินทางพร้อมเรื่องเล่าเกี่ยวกับการเดินทาง
หรือไปคุยเล่นกันได้ที่ ->
I Walk l เดินเท้า
ใครกำลังแพลนจะไปขึ้นเขาฟูจิ ตามมากัน
ตอนที่ 1: ใครกำลังแพลนจะไปขึ้นเขาฟูจิ ตามมากัน
ตอนที่ 2 ถึงยอดเขาฟูจิที่รอคอย
ตอนที่ 3: มาดูบทสรุปเดินขึ้นเขาฟูจิ ใครกำลังเล็งอยู่มาดูกันเลย
เราเป็นคนหนึ่งที่ชอบภูเขามากๆ และเมื่อมีโอกาสได้ไปญี่ปุ่นบ่อยๆ ภูเขาลูกนึงที่ได้มีโอกาสแวะไปบ่อยที่สุดเมื่อไปญี่ปุ่นก็คือภูเขาไฟฟูจิ แม้ว่าจะเป็นภูเขาไฟที่ยัง Active แต่อัตราการเกิดการปะทุก็มีน้อยมากและในหลายๆร้อยปีก็ยังไม่มีการปะทุ ความสวยงามของฟูจิจึงทำให้ฟูจิกลายเป็นภูเขายอดฮิตของทั้งคนญี่ปุ่นและคนทั่วโลกและเราด้วย
ในแต่ละปีนั้นก็ได้แค่มีโอกาสในการดูระยะไกลๆ ใกล้สุดก็จะอยู่แถวๆ Kawaguchiko เท่านั้นแม้ว่าอัตราการเห็นฟูจิของเราจะอยู่ในอัตราที่ต่ำมาก เพราะไป 10 ครั้งจะเห็นเต็มๆอยู่ประมาณแค่ 3-4 ครั้งเท่านั้นเอง จึงจะอย่างนั้นมันก็ยังเป็นภูเขาที่เราชอบมากๆที่นึงอยู่ดี
แต่เมื่อไปบ่อยๆแล้วก็อยากลองของใหม่ๆมุมใหม่ๆบ้าง เมื่อหน้าร้อนที่ผ่านมาซึ่งเป็นฤดูการปีนเขาของญี่ปุ่นกัน ซึ่งฟูจิเองก็เป็นหนึ่งในเป้าหมายของใครหลายคนโดยที่จะขึ้นปีนฟูจิได้ช่วง กค-สค เท่านั้น เพราะว่า จะเป็นช่วงหน้าร้อนที่ฟูจิไม่มีหิมะสะสมอยู่บนยอดหรือฟูจิใส่หมวกขาว นั่งคิดซักแป้ปว่าน่าสนแต่เอาจริงๆประสบการณ์การปีนเขา Trekking ก็ไม่ได้เยอะเท่าไร แต่ช่วงกลางๆปีแบบนี้ก็ไม่รู้จะไปไหน พร้อมกับตั๋วโปรที่ราคายั่วยวนมาก เลยตัดสินใจไม่ยากในการไปปีนฟูจิรอบนี้แถมไม่ต้องรอใครตัดสินใจด้วย เลยสามารถตัดสินใจได้เลยทันที
ก่อนไปสองเดือน ได้นัดคุยกับกลุ่มเพื่อนที่แพลนว่าจะไปทรานไซบีเรียด้วยกันเลยนัดกันกินข้าว แต่เหมือนจะไม่มีอะไรสุดท้ายก็ได้เล่าให้เพื่อนฟังว่าจะไปปีนฟูจิ พอมันฟังปุ้ปมันก็รีบจองตามทันทีคือไม่ได้ชวนแต่จองแล้ว 55 เออ สองหัวก็ดีกว่าหัวเดียว เอาเป็นว่าเผื่อไม่รอดก็ยังมีคนแบกกลับลงมา
ช่วงก่อนไปก็พยายามออกกำลังกายปั่นจักรยาน วิ่ง พยายามฟิตหลายๆอย่างเพื่อให้อยู่ในสภาพที่พอจะพร้อมกับการปีนเขา แต่แล้วสองอาทิตย์ก่อนไปรู้สึกเจ็บหัวเข่าแต่คิดว่าก็เจ็บเข่าเจ็บกล้ามเนื้อปกติเลยไปหาหมอเพื่อตรวจ ในใจก็แอบหวั่นว่าจะเป็นอะไรมั้ย เพราะใกล้เวลามามาก หมอตรวจๆก็ทำหน้าไม่สบายใจ เลย x-ray ผลปรากฏว่าหัวเข่าปกติ แต่ให้ MRI ด้วยเลย เราก็ตกใจว่าดูจะไม่น่าใช่เรื่องใหญ่แต่การ MRI เหมือนกับหมอเอะใจกับอะไรบางอย่าง เอ้า แต่เอาละ MRI ก็ได้และรอผลวันนึงอีกวันไปฟังผล หมอก็อึ้ง เราก็อึ้งไปเพราะหมออึ้ง หมอบอกว่า เส้นเอ็นไขว้หน้าขาด หรือที่นักบอลนักกีฬานิยมกันเป็น ศัพท์ทางการคือ ACL แต่โชคดีหน่อยขาดแค่ 95% ยังไม่ขาดหมด...... เหลืออีก 5% ไว้ เอ็นเล็กๆที่มีพืนที่5% เหลือเอาไว้ แล้วคุณหมอยังย้ำว่า อย่าพยายามใช้มันเยอะนะเพราะมันอาจจะขาดหมดแล้วไม่เหลือทางเลือกคือต้องผ่าตัด แต่ถ้ามันยังไม่ขาดหมด มันยังเคยมีเคสว่ามันค่อยๆฟื้นตัวกลับมาได้อาจไม่100% แต่ก็ไม่ต้องผ่าตัด
แล้วเอาไงดีเวลาใกล้เข้ามา ปีนก็อยากปีน เลยปรึกษาเพื่อนที่จะไปปีนด้วยกัน ก็เลยเบาใจได้หน่อยเพราะไม่ได้เป็นคนเดียว ก็พึ่งรู้ว่ามันเป็นโรคหลอดเลือดในสมองตีบ..... ดีจังไม่ได้เป็นคนเดียว
เอาไงดีละตอนนี้......
Program Highlight
Day 1: กรุงเทพ - Tokyo / วันแรกจากกรุงเทพไป Tokyo พักที่โตเกียวแถวชินจุกุ
Day 2: Tokyo - Kawaguchiko 5th Station - Fuji Hut 8th Station / วันที่สองนั่งบัสจากชินจุกุไปที่ Kawaguchiko ชั้น 5 และเดินขึ้นไปยัง Fuji Hut ชั้นที่ 8
Day 3: Fuji Hut 8th Station - Summit - Tokyo / วันที่สามจาก Fuji Hut ชั้น8 ขึ้นสู่ยอดเขาฟูจิและเดินลงกลับมายังชั้น 5 และขึ้นรถกลับมาพักแถวชินจุกุ
Day 4: Tokyo - กรุงเทพ / วันที่สี่เดินทางกลับไทย หรือหากใครที่ยังอยากเที่ยวต่อก็สามารถอยู่เที่ยวต่อได้นะ
ติดตามตอนอื่นๆกันน้าเดี๋ยวมาอัพเดทต่อพรุ่งนี้นะ
หรือว่าอยากเข้าไปอ่านกันที่บันทึกการเดินทางก่อนก็ได้ -> บันทึกการเดินทางพร้อมเรื่องเล่าเกี่ยวกับการเดินทาง
หรือไปคุยเล่นกันได้ที่ -> I Walk l เดินเท้า