ถึงยอดเขาฟูจิที่รอคอย


ตอนที่ 1 ใครกำลังแพลนจะไปขึ้นเขาฟูจิ ตามมากัน
ตอนที่ 2 ถึงยอดเขาฟูจิที่รอคอย
ตอนที่ 3 มาดูบทสรุปเดินขึ้นเขาฟูจิ ใครกำลังเล็งอยู่มาดูกันเลย
 

ในชีวิตเรามีทางเลือกเสมอ แต่บางทีทางเลือกที่มีก็เหมือนไม่มี ในขณะที่ก่อนไปก็พยายามเตรียมตัวเต็มที่แต่บอกตรงๆว่าใจไม่กล้า ได้คุยกับเพื่อนหลายคนส่วนใหญ่ก็บอกว่าพอเห้อะ ไปปีนปีอื่นก็ได้ ถ้าตอบจริงๆมันก็ได้แหละ แต่ด้วยที่เป็นคนค่อนข้างดื้อและตั้งใจจะทำแล้วก็คิดว่าคงไม่เปลี่ยนใจ แต่แอบวงเล็บไว้ในใจนิดๆว่าถ้าไม่ไหวจริงๆก็พร้อมจะยกธงขาวยอมแพ้ ให้มันสุดจริงๆก่อนละกันนะ ไว้เป็นตัวเลือกสุดท้ายจริงๆ แต่เอาจริงๆ ตอนมันปีนไปแล้วถ้าลงกลางคันนี่นึกไม่ออกจะลงสวนกับชาวบ้านเค้ายังไง แต่เอาน่ะ ก็ยังพอมีทางเลือกไว้หน่อยๆ



สองสามวันก่อนไป ได้ข่าวดีมานิดนึง คิดว่าวันที่จะขึ้นปีนและ summit ฟูจิซังได้ ฟ้าน่าจะใส น่าจะมีแค่ฝนตกนิดหน่อยช่วงเย็นๆของวันซึ่งน่าจะไม่มีปัญหาเพราะว่าแพลนว่าจะขึ้นไปถึง Hut ที่จองไว้ช่วงบ่ายๆ ถ้าตกเย็นๆถือว่า perfect เพราะเข้าที่พักจัดการตัวเองเรียบร้อย อย่างน้อยก็ลดความยากลงไปได้อีกเรื่องนึง...ถ้ามันเป็นแบบนั้นนะ

ถึงวันจริงๆโดยที่แพลนเราไม่ซับซ้อนเลยเป็นการไปญี่ปุ่นครั้งแรกที่สั้นมาก 4 วัน ไปวันนึง ขึ้นฟูจิวันนึง ลงวันนึง และอีกวันกลับ สบายมาก หน้าร้อนแบบนี้คิดไม่ออกจะไปเดินเล่นที่ไหนดี จริงๆแล้วนี่ก็เป็นการเที่ยวญี่ปุ่นหน้าร้อนเป็นครั้งแรกและน่าจะมีอีกถ้าครั้งนี้ไหว 

และก็เหมือนกับทุกคน (เกือบทุกคน) ที่เริ่มต้นการปีนจากชั้น 5 ส่วนเส้นทางมีให้เลือก 4 ทาง ไม่ต้องคิดมากเลย เราเลือกเส้นที่ง่ายสุด ชันน้อยสุด และมีน้ำมีของขาย มีห้องน้ำเยอะสุด นั่นก็คือเส้น Yoshida และน่าจะเป็นเส้นที่คนนิยมไปมากที่สุดด้วย อย่างน้อยคนเยอะๆ ก็ยังพออุ่นใจได้นิดหน่อย เพิ่มเติมการปีนขึ้นเขาฟูจินั้น ทั้งหมดจะมี 10 level โดยเริ่มจากชั้น 5 ขึ้นไปนอนที่กระท่อม (hut) ที่ตั้งแต่ระดับ 7,8,8.5 แล้วแต่ว่าจะจองชั้นไหนที่ไหนไป ไปถึงก็เข้า hut ที่ตัวเองจองไว้ได้เลย ไม่ต้องกลัวหลง เพราะว่ามันเดินผ่านทุก hut แน่นอน ส่วนตัวตอนแรกจองชั้นสูงสุดไปเลยที่ชั้น 8.5 เพราะเช้าอีกวันที่จะต้อง summit อยากจะใช้เวลาให้น้อยที่สุดเพื่อขึ้น summit แต่จองไปจองมาก็จองผิดเปลี่ยนวันไปมา สุดท้ายที่เดิมเต็มอย่างเร็ว เลยต้องไปที่ชั้น 8 แทน แต่ชั้น 8 ก็ไม่ได้แย่ห่างกันนิดหน่อยตามแผนที่



รถจาก Shinjuku มาลงที่ 5th station และก็เห็นคนเต็มไปหมด ดูครึกครื้น ความกังวลก็หายไปบางส่วน แต่ในใจลึกๆก็ยังกังวล ในใจก็มีคำถามตัวเองตลอดจะไหวมั้ย ตอนนี้ยังเปลี่ยนใจได้ตลอดก่อนจะขึ้นนะ ไม่มีใครว่าอะไร ไม่มีใครดูถูกด้วย อีกใจก็บอกว่าพร้อมลองดูซักทีน่ะ จะได้จบๆไป สุดท้ายสมองฝั่งสู้ก็ชนะนิดๆไม่เป็นเอกฉันท์ และมื้อแรกก่อนลุยขึ้นฟูจิก็เลือกอาหารที่พลังงานเยอะที่สุดก่อนเลย...... ข้าวแกงกระหรี่ทงคัตสึ อร่อยมาก



ระยะทางค่อยๆยากขึ้นเรื่อยๆ จากทางราบๆไม่ชัน ความชันเริ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เจอหินก้อนใหญ่ให้ต้องปีนบ้างประปราย แผนการเดินวันนี้ไม่มีอะไรมาก คือเดินไปให้ถึง hut ที่จองไว้นั่นแหละ และก็พักที่ hut กินข้าวเย็น นอนเอาแรงและตื่นเที่ยงคืนเพื่อขึ้น summit นี่คือแผนที่คิดไว้
จริงๆการเดินขึ้นถือว่าโอเคในระดับนึงเลยละค่อยๆเดินไปเรื่อยๆ ดูขาตัวเองไปเรื่อยๆ ดูคนอื่นๆไม่ว่าคนที่เดินแซงเราไป หรือคนที่เราเดินแซงไป แต่การปีนเขาญี่ปุ่นก็สนุกตรงที่ เวลาเดินผ่านกัน เดินสวนกัน เดินแซงกัน จะทักทายกันตลอด อาจจะเป็นคำให้กำลังใจกันด้วยแต่เสียดายที่ฟังไม่ออก เราก็ได้แต่ say hello ไปเรื่อยๆ สำหรับที่ญี่ปุ่นเอง การปีนเขาเป็นเรื่องปกติของคนทุกเพศทุกวัย ดังนั้นจะเจอตั้งแต่เด็กเล็กขึ้นมาปีน จนกระทั่งคนมีอายุเยอะก็ยังมาเดินกันเป็นเรื่องปกติ

หลังจากจุดเริ่มมาจำไม่ได้ว่ากี่ชม กี่กิโลแล้ว แต่ทุกครั้งที่เจอป้ายบอกทาง ยอมรับว่าดีใจมากเพราะว่าทุกๆป้าย ระยะทางจะร่นเข้ามาเรื่อยๆ กับความสูงที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และเช่นกันฝนยังตกหนักเรื่อยๆ ตอนนี้กล้องและมือถือไม่จำเป็นต้องใช้อีกแล้ว เพราะฝนตกหนักมาก หนักจนมองเห็นระยะทางใกล้ๆแค่ 1-2 เมตรเท่านั้น ดีที่ว่าเป็นเส้นทางเดินที่คนเดินเยอะ จึงมีการกั้นเส้นที่ชัดเจนเอาไว้ และทำทางไว้ค่อนข้างปลอดภัยเลยทำให้วิสัยทัศน์ต่อให้ไม่ดี เพราะมองทางไม่เห็น แต่ก็ยังพอเดินได้เรื่อยๆ ฝนไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ตก เราเดินจากชั้น 5 สู่ชั้น 6 ชั้น 7 อย่างไม่มีปัญหา และยังไม่รู้สึกเหนื่อยมากเท่าไร แต่หลังกจากชั้น 7 ไปถึงชั้น 8 จะเริ่มชัน จะเริ่มยาก เริ่มใช้แรงเยอะขึ้นเรื่อยๆ อาจจะเป็นเพราะความเหนื่อยล้าที่สะสมมากขึ้นรวมกับทางที่เริ่มชันมากขึ้นและฝนที่ตกอย่างหนักต่อเนื่องทำให้ในระยะไม่กี่เมตรนั้นดูเป็นเวลาที่ยาวนานมาก รู้สึกถึงความเหนื่อยล้าที่มากขึ้นเรื่อยๆ เราเดินผ่านกระท่อมแล้วกระท่อมเล่า ก็ยังไม่ถึงที่ตัวเองจองไว้ซักที แม้รู้ว่าไม่ได้จองเอาไว้สูงอะไรมากมาย แต่ทำไมมันไม่ถึงซักที 


แต่จุดที่ถึงหน้ากระท่อมตัวเองแล้ว รู้สึกดีใจมากเพราะว่า จะเรียกได้ว่าครึ่งทางแล้วก็ยังพูดได้ แม้จะรู้ว่าจะมีงานหนักอีกครึ่งทางที่หนักมากๆรออยู่ แต่ว่ามาถึงตรงนี้ก็ไกลละ อย่างน้อยก็ไม่ต้องเดินกลับ (ณ ตอนนี้นะ) พอเข้ามาถึงทาง hut ก็จัดการเช็ดกระเป๋า ให้เราเช็ดตัวให้แห้ง เช็ดของทุกอย่างให้แห้งก่อนเข้าไป ซึ่งดี เพราะทุกคนเข้ามาจะได้ทำให้พื้นที่ด้านในเป็นพื้นที่แห้ง รองเท้าวางไว้ข้างนอก ส่วนกระเป๋าพอแห้งแล้วเราก็เอาเข้าไปได้ 
สบายละ ถือว่าทำเวลาได้เร็วกว่าที่คิดเยอะ แม้ฝนจะตกหนักมาก แต่การที่ฝนตกหนัก ทำให้ไม่มีเวลาถ่ายรูป หรือ ชมภาพความสวยงาม ไม่มีเลย มีแต่ฝนตกหนัก หมอกลงจัด กะทางเดินข้างหน้าในระยะ 1-2 เมตร 


วันนี้ไม่รู้ทำไม อาจเพราะช่วงกลางสัปดาห์ อาจไม่ใช่วันหยุด หรืออาจเพราะฝนตกหนัก ทาง hut เหมือนคนจองเข้าพักไม่เต็ม เค้าเลยไม่ต้องให้นอนเบียดกัน ถือว่ามีพื้นที่สบายๆให้นอนขยับตัวไปมาโดยไม่ต้องหันไปเจอหน้าคนอื่นตอนหลับได้ สุดท้ายมื้อเย็นก็ผ่านไป วันนี้ถือว่าทำได้ดี และสุดท้ายโปรแกรมของวันนี้คือเข้านอน เพราะด้วยความที่มาเร็วเลยมีเวลาเยอะมาก จัดการตัวเอง จัดการของต่างๆ กินข้าว บ้วนปากเตรียมพร้อมในการนอน และสุดท้ายก็เจออีกปัญหานึงจนได้......นอนไม่หลับ

การนอนพักผ่อนสามารถฟื้นฟูแรงและร่างกายกลับมาให้มีแรงได้แต่นอนไม่หลับเลย ไม่หลับแบบหลับไม่ได้เลย พยายามฝืนนอนก็นอนไม่หลับ รู้เรื่องตลอด จริงๆปกติก็เป็นคนนอนยากอยู่แล้วแต่การมาแบบนี้ก็ยิ่งยาก แม้ว่าจะเหน็บเหนื่อยมากๆก็ไม่สามารถนอนได้ อยากบอกว่าเป็นจุดที่ทรมานมาก จนสุดท้ายก็ล้มเลิกการนอน ไหนๆฝนก็หยุดตกพอดี ก็ออกไปดูความสวยงามของฟูจิด้านบนกันบ้าง ทีนี้จากแผนที่จะออกตีหนึ่ง พอมาดูพยากรณ์อีกทีก็คิดว่าฝนจะเริ่มหนักขึ้นอีกซักประมาณ ตี 2 ทำให้เปลี่ยนแผนออกเร็วขึ้นเลยเพราะไหนๆก็นอนไม่หลับแล้ว ออกมานั่งเล่นๆก็เจอคนนอนไม่หลับกันเยอะเหมือนกัน ไม่รู้ว่าเป็นเพราะแปลกที่ หรือว่าความสูงผิดปกติ หรือว่าออกแรงมากเกินไปจนร่างกายตื่นตัว แต่ไม่ว่าเหตุผลอะไรก็ทำให้นอนไม่หลับ เลยได้มีเวลามานั่งดูคนอื่นเค้านอนไม่หลับกันเหมือนกัน หลายคนเป็น blogger เป็น youtuber ก็ live อะไรต่างๆนานาไปเรื่อย 

พอเริ่มใกล้เที่ยงคืน หลายคนก็คิดถึงแผนเดียวกันก็คือออกจาก hut ตั้งแต่เที่ยงคืนนี้เลย โดยเฉพาะกลุ่มผู้นอนไม่หลับตรงนี้ดูจะตื่นตัวกันเร็วพิเศษ จากจุดนี้ เราจะไม่กลับมา hut เดิมอีกแล้วเพราะว่าทางขึ้นและลงของฟูจิจะอยู่คนละเส้นทาง เส้นไหนขึ้นก็คือสำหรับขึ้นทางลงก็จะเป็นอีกทาง ซึ่งดีจะได้ไม่ต้องเดินสวนกันไม่ต้องคอยหลบ

ตอนนี้ฝนเริ่มตกหนักอีกแล้ว แต่ว่าดูจะไม่เป็นปัญหาแล้ว เพราะว่าชินแล้ว ส่วนตอนนี้เรามีเวลาหยิบอุปกรณ์กันฝนทุกอย่างออกมาเตรียมตัว ไม่เหมือนตอนระหว่างทางที่ตกตอนแรก ตอนนั้นเตรียมตัวไม่ทันก็เปียกไปพอสมควร ตอนนี้ก่อนออกจาก hut ก็คือใส่เต็ม max เลยทางจาก hut ขึ้นไปชั้น 10 เพื่อ summit ยอ ดฟูจินั้นก็เป็นทางชันและยากอยู่แล้ว และยิ่งฝนตกหนักมองไม่เห็นทางเลยต่อให้มีไฟฉายส่องกบคาดหัวไว้ แต่จากกลางวันมามองไม่เห็นทางยังไง กลางคืนไม่ต้องคิดว่าจะดีกว่าเลยต่อให้มีไฟ ทำได้แค่เดินตามไฟที่ยาวๆตามๆกันไปเท่านั้น

ก้อนหินและทางที่ชั้นขึ้นเรื่อยๆ ร่างกายที่ล้าเพราะไม่ได้พัก ขาที่เริ่มเจ็บ เพราะทุกครั้งที่ก้าวจะพยายามใช้กล้ามเนื้อรอบๆเข่าให้มากที่สุดเพื่อให้รบกวนกับหัวเข่ามากให้น้อยที่สุด แต่ก็นะ กล้ามเนื้อรอบๆหัวเข่าเราก็ไม่ได้เยอะแบบนั้น ถึงจุดนึงมันก็เต็มที่ แต่ก็เหมือนขาขึ้นมาที่ฝนตกหนักและฟ้าก็มืดมากทำให้ไม่เสียเวลาวอกแวกมากเท่าไร มีแค่เวลาที่ยืนหายใจพัก ตอนนี้ทะลุ 3000 เมตรขึ้นมาแล้ว อากาศเบาบางลง ได้แต่เดินๆพักๆ อย่างน้อยข้อดีอย่างนึงของฝนตกก็คือมันเย็นดีที่เหลือเป็นข้อเสียหมด 55 บ้าเอ้ย เดินลำบากมากหยุดตกได้แล้ว

ด้วยวิธีเดิมตอนขึ้นมาก็คือ เดินมองขา และก็หายใจไปเรื่อยๆ ไม่ต้องมองอะไรทั้งนั้นจากชั้น 8 แทนที่จะไปถึง 9 ดันมี 8.5 มาคั่นไว้ จนกว่าจะถึงชั้น9 และในที่สุดหลังจากเดินมา 6 ชมก็ถึงชั้น 10 จนได้ ทันพระอาทิตย์ขึ้น แต่พระอาทิตย์ไม่ขึ้นหมอกหนามากและฝนก็ตกหนักมากเช่นเดิม ไม่รู้จะทำยังไง เลยไปซดอุด้งร้อนๆดีกว่าแต่ละร้านข้างบนนั้นแน่นไปด้วยคนที่ขึ้นมาถึงยอดได้สำเร็จ และหนาว และหิว อุด้งแบบเส้นกะน้ำเฉยๆนี่อร่อยมากเวลานี้ ร่างกายที่ล้าๆก็เริ่มกลับมามีแรงขึ้นบ้าง จนกระทั่งกินเสร็จก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะเห็นพระอาทิตย์เลย แต่จริงๆแค่ขึ้นมาถึงนี่ก็ดีใจมากแล้ว ตอนนี้ที่เหลือไม่สนใจละ ไว้ค่อยแข็งแรงกว่านี้แล้วค่อยกลับมาใหม่

บางทีปลายทางมันก็ไม่ได้สำคัญมากกว่าระหว่างทางเลย ระหว่างทางที่ปีนขึ้นมานั้นไม่รู้ว่าใช้แรงใจหรือแรงกายอะไรมากกว่ากัน ขาที่อ่อนล้า ก็ได้ใจมาให้กำลังใจ ขณะที่ใจท้อๆ ขาก็ได้เดินก้าวขึ้นไปไม่หยุดจนในที่สุดก็ถึง จนถึงประมาณ 8 โมงเช้าแล้วท่าทีของฝนก็ไม่ได้หยุดลง แต่มีบางลงบ้างเป็นบางจังหวะและฟ้าเปิดเป็นช่วงสั้นๆไม่กี่นาทีให้ชื่นใจ พร้อมเสียง สุโค่ย ที่ดังมาจากหลายคนทำให้ต้องรีบหันมามองและหยิบมือถือมาถ่ายรูปได้บ้าง หลังจากเก็บไว้ในกระเป๋าตลอด


ได้เวลาลงแล้ว จากที่เข้าใจคือทางลงจะง่ายกว่าขึ้นเยอะ แต่เราว่าไม่ อย่างน้อยก็สำหรับเราอะนะ 
เพราะทางลงต้องเกร็งขามาก กว่าจะก้าวลงได้เวลาพับขาเราเจ็บมาก ไม่รู้ว่าเป็นเพราะตอนลง หรือว่าเพราะขามันล้าไปหมดตั้งแต่ตอนขึ้นมาแล้วแต่เห็นคนอื่นเค้าลงกันตัวปลิวๆ เราได้แต่เดินกระดึ้บๆตากฝนกค่อยๆลงด้วยสปีดที่ช้ามาก จากที่คนอื่นเค้าลงกัน 2-3 ชมถึง เราลงไป 4 ชมและก็เป็นหินกรวดๆเยอะระหว่างทางลงมา

แต่อาจเพราะรู้ว่ามันใกล้ถึงแล้วมันเลยมีแรงฮึดขึ้นมาเป็นระยะเพราะยังไงเรารู้แล้วว่าต่อให้ช้าแต่เราจะต้องลงได้แน่ๆและสุดท้ายก็ลงมาถึงชั้น 5 จนได้ รู้สึกเหนื่อย หนัก แต่รู้สึกดีมาก อย่างน้อยก็ไม่ได้ชนะใคร ชนะแค่ตัวเองได้ในวันที่แย่ที่สุด นี่ก็พอแล้ว
ฟูจิซัง เราต้องเจอกันอีกแน่ๆ และวันนั้นเราจะพร้อมกว่าวันนี้ 

สำหรับก
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่