ถ้าพูดถึง ลากูน่า ภูเก็ตมาราธอนแล้ว นักวิ่งส่วนใหญ่ยกให้เป็นหนึ่งในสนามที่หินและโหดที่สุดสนามหนึ่งของประเทศไทยอย่างแน่นอน มีเนินเขาวัดใจหลายจุด มาดักจับความเร็วนักวิ่งทั้งหลายให้สะดุด กันเป็นแถว ๆ สำหรับความร้อนที่เป็นขาประจำทุกปี ๆ และก็เช่นกันปีนี้มันไม่ทำให้เราต้องผิดหวังสักนิดเลยจริง ๆ แผดเผาทุกส่วนของร่างกายและกำลังใจที่มีอยู่ล้นเปี่ยมจนเกือบจะหมดสิ้นไป
เริ่มกันเลยดีกว่า
ผมถึงสนามประมาณ 4:00 น. ซึ่งหมายถึงอีก 30 นาทีจะปล่อยสตาร์ท คือเวลา 4:30 น. สิ่งแรกที่ทำหลังจากลงจากรถคือ อัดข้าวที่แวะซื้อมาจาก 7-11 อาหารที่กินคือ ข้าวผัดหมูและข้าวผัดปู 2 กล่องเลยคือมันอิ่มแทบอ้วกเลยครับ เพราะส่วนตัวผมไม่กินเจลให้พลังงานใด ๆ มาแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว เลยต้องอัดตั้งแต่ก่อนสตาร์ท
เอาล่ะ (นี่ยังไม่เข้าเรื่องวิ่งเลยนะ ฮาๆๆๆ)
หลังจากที่อัดข้าวเต็มกำลัง ต่อมาก็เริ่มวอร์มโดยการขยับทุกส่วนของร่างกายและวิ่งเยาะ ๆ ไปกับเจ้าเดียร์ ประมาณ 1 กิโล ซึ่งขณะนั้นเหงื่อนี่เริ่มท้วมแล้ว และเข้าไปรอสัญญาณปล่อยอยู่รั้งท้ายสุดของจุดปล่อยตัวกับพวกพี่ ๆ น้อง ๆ ชาวชมรม "คนวิ่งยาว ขอนแก่น" (เป็นชมรมที่ จขทก. สังกัด) และถ่ายรูปกันอย่างสนุกสนาน

Cr.ReFill
สัญญาณปล่อยตัวดังขึ้นในเวลา 4:30 น. พอดีแป๊ะ นักวิ่งมาราธอนกว่า 1,400 คน เริ่มขยับ ทำให้ขนาดของถนนช่วงปล่อยตัวดูแคบไปถนัดตา ทุกคนก็เริ่มตะเกียดตะกายพาตัวเองออกจากความแคบและความแออัดยัดเยียดให้ได้เร็วที่สุด จขกท. ก็เช่นกัน ดูเวลาที่นาฬิกาวิ่งได้แค่เพซ 6-7 เท่านั้น ด้วยความที่มีความคาดหวังเรื่องเวลากับสนามนี้มาก ก็เริ่มกังวลนิดๆ พอวิ่งไปสักพักก็เริ่มทำความเร็วขึ้นขยับมาประมาณ เพซ 5.4 ยังถือว่ายังไม่เข้าเป้า แต่ก็ประคองไม่ให้ช้าไปกว่านี้
ผ่านไปสักระยะ ถนนก็เริ่มโล่งผู้คนเริ่มน้อยลง ๆ บอกตัวเองคือต้องรีบปั่นความเร็วในช่วงที่เป็นทางเรียบและยังไม่แดด ประคองความเร็วให้ได้เพซเฉลี่ย 5.00 ไปเรื่อยๆ แวะจิบน้ำระหว่างทางครั้งแรกที่ กม. ที่ 8 และวิ่งต่อ
และแล้วกลิ่นอายของความเป็นธรรมชาติก็เริ่มปรากฎอย่างชัดเจน สวนยางพาราที่มาพร้อมกับเนินเล็กๆ มาเรียกน้ำย่อย สักพักพอเลี้ยวออกถนนใหญ่เท่านั้นแหละครับท่านผู้ช๊ม เนิน 2 เนิน 3 เนิน 4 เนิน 5 เรียงกันมาเป็นแถวๆ สวยงาม ฮาๆๆ แต่สุดท้ายก็เอาตัวรอดมาได้ด้วยการประคองเพซ 5 นิดๆ (อย่าลืมเราต้องกลับตัวผ่านมาทางนี้อีก ฮาๆ บันเทิงละครับ)
วิ่งประคองเพซไปเรื่อย ๆ สภาพร่างกายตอนนี้ยังสบาย ๆ อยู่ แล้วก็เลี้ยวเข้าซอยไปกลับตัวที่หาดในยาง ใน กม. ที่ 19 พอดิบพอดี ได้สวนกับพี่อุ้งขาแรงคนสวยได้ยกมือไหว้ทักทายอย่างเป็นกันเอง และวิ่งวนกลับรูทเดิมที่เราวิ่งผ่านมา เจอพี่ตุ้มสาวสวยแห่ง คนวิ่งยาว ทักทายด้วยการสัมผัสมือ และปรมมือให้กำลังใจ เจอและทักทายหม่อมแม่ แห่งคนวิ่งยาว เช่นกัน (หม่อมแม่ฟิตมาก ในอายุหกสิบกว่าๆ ผมนี่นับถือเลยครับ) เจอน้องแป้งส่งเสียงให้กำลังใจ ว่าสู้ๆ นะพี่แพท ร่างกายตอนนั้นมันเหมือนได้รับพลังบวกมาเต็ม ๆ เพซการวิ่งลดลงประมาณ 4:55 จนมาถึงเนินทั้งหลายที่เราเคยผ่านมา ก็พยายามประคองให้ได้เพซ 5:00 เช่นเดิม แวะจิบน้ำทุก ๆ 4 กิโล และแดดเริ่มมา
ร่างกายเริ่มไม่เหมือนเดิมในช่วงที่เลี้ยวขวาไปยังทางสวนยางพารา สวนผลไม้ ของชาวบ้านซึ่งบรรยากาสดีมาก เริ่มมีตากล้องมาดักยิงเป็นระยะ ๆ แต่ก็พยายามประคองเพซ 5.00

Cr.ReFill
ผ่าน 30 กิโล ที่เวลา 2.30 hr. ยังใจชื้นอยู่ แต่จนแล้วจนรอดมาถึงประมาณ กม. ที่ 32 แดดแรงแบบจัดเต็ม ความเร็วเริ่มแกว่ง ความเร็วตกลงมาเรื่อยๆ ประมาณเพซ 6-9 ช่วงเวลานั้นแวะสถานีน้ำทุกจุด เริ่มมีการเดินบ้าง แวะหยุดกินน้ำนานขึ้น หยุดยืดกล้ามเนื้อบ่อยมาก จนพูดกับตัวเองว่า ถ้าอย่างนั้น พักเดิน 20 วินาที และวิ่งเพซ 5.3 ให้ได้ 1 กิโล (ณ ตอนนั้นสงสารตัวเองมากจริงๆ ไม่เคยเจออาการแบบนี้) ถ้าไม่อย่างนั้นเวลาที่เราตั้งเป้าไว้จะพังทันที
จนมาถึงกิโลที่ 39 หรือ อีก 3 กิโล จะถึงเส้นชัยและจะได้พักแล้ว ตั้งใจหยุดพักเพื่อยืดกล้ามเนื้อเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะตั้งใจกัดฟันวิ่งให้ได้เร็วที่สุดเท่าที่แรงยังเหลือ ตั้งหลักและวิ่งออกไปด้วยเฮือกสุดท้ายจริง ๆ มองดูนาฬิกาเพซลดลงเหลือ 4 กว่าๆ ยาวจนถึงเส้นชัย
ผลปรากฎว่า เราติดอันดับ 3 และเป็นคนไทยคนแรกที่เข้าในกลุ่มอายุ 19-29 ปี ตกใจ!! เพราะไม่ได้หวังเลยกับรายการนี้ขอแค่วิ่งตามเป้าก็ดีใจที่สุดแล้ว
---------------------------------------------------------------------
ชมรมคนวิ่งยาว ขอนแก่น ที่แสนอบอุ่น

หม่อมแม่ผู้แข็งแกร่ง แห่งคนวิ่งยาว
ขอบคุณที่ติดตามครับ
[CR] ลากูน่า ภูเก็ตมาราธอน คุณค่าที่นักวิ่งคู่ควร
เริ่มกันเลยดีกว่า
ผมถึงสนามประมาณ 4:00 น. ซึ่งหมายถึงอีก 30 นาทีจะปล่อยสตาร์ท คือเวลา 4:30 น. สิ่งแรกที่ทำหลังจากลงจากรถคือ อัดข้าวที่แวะซื้อมาจาก 7-11 อาหารที่กินคือ ข้าวผัดหมูและข้าวผัดปู 2 กล่องเลยคือมันอิ่มแทบอ้วกเลยครับ เพราะส่วนตัวผมไม่กินเจลให้พลังงานใด ๆ มาแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว เลยต้องอัดตั้งแต่ก่อนสตาร์ท
เอาล่ะ (นี่ยังไม่เข้าเรื่องวิ่งเลยนะ ฮาๆๆๆ)
หลังจากที่อัดข้าวเต็มกำลัง ต่อมาก็เริ่มวอร์มโดยการขยับทุกส่วนของร่างกายและวิ่งเยาะ ๆ ไปกับเจ้าเดียร์ ประมาณ 1 กิโล ซึ่งขณะนั้นเหงื่อนี่เริ่มท้วมแล้ว และเข้าไปรอสัญญาณปล่อยอยู่รั้งท้ายสุดของจุดปล่อยตัวกับพวกพี่ ๆ น้อง ๆ ชาวชมรม "คนวิ่งยาว ขอนแก่น" (เป็นชมรมที่ จขทก. สังกัด) และถ่ายรูปกันอย่างสนุกสนาน
Cr.ReFill
สัญญาณปล่อยตัวดังขึ้นในเวลา 4:30 น. พอดีแป๊ะ นักวิ่งมาราธอนกว่า 1,400 คน เริ่มขยับ ทำให้ขนาดของถนนช่วงปล่อยตัวดูแคบไปถนัดตา ทุกคนก็เริ่มตะเกียดตะกายพาตัวเองออกจากความแคบและความแออัดยัดเยียดให้ได้เร็วที่สุด จขกท. ก็เช่นกัน ดูเวลาที่นาฬิกาวิ่งได้แค่เพซ 6-7 เท่านั้น ด้วยความที่มีความคาดหวังเรื่องเวลากับสนามนี้มาก ก็เริ่มกังวลนิดๆ พอวิ่งไปสักพักก็เริ่มทำความเร็วขึ้นขยับมาประมาณ เพซ 5.4 ยังถือว่ายังไม่เข้าเป้า แต่ก็ประคองไม่ให้ช้าไปกว่านี้
ผ่านไปสักระยะ ถนนก็เริ่มโล่งผู้คนเริ่มน้อยลง ๆ บอกตัวเองคือต้องรีบปั่นความเร็วในช่วงที่เป็นทางเรียบและยังไม่แดด ประคองความเร็วให้ได้เพซเฉลี่ย 5.00 ไปเรื่อยๆ แวะจิบน้ำระหว่างทางครั้งแรกที่ กม. ที่ 8 และวิ่งต่อ
และแล้วกลิ่นอายของความเป็นธรรมชาติก็เริ่มปรากฎอย่างชัดเจน สวนยางพาราที่มาพร้อมกับเนินเล็กๆ มาเรียกน้ำย่อย สักพักพอเลี้ยวออกถนนใหญ่เท่านั้นแหละครับท่านผู้ช๊ม เนิน 2 เนิน 3 เนิน 4 เนิน 5 เรียงกันมาเป็นแถวๆ สวยงาม ฮาๆๆ แต่สุดท้ายก็เอาตัวรอดมาได้ด้วยการประคองเพซ 5 นิดๆ (อย่าลืมเราต้องกลับตัวผ่านมาทางนี้อีก ฮาๆ บันเทิงละครับ)
วิ่งประคองเพซไปเรื่อย ๆ สภาพร่างกายตอนนี้ยังสบาย ๆ อยู่ แล้วก็เลี้ยวเข้าซอยไปกลับตัวที่หาดในยาง ใน กม. ที่ 19 พอดิบพอดี ได้สวนกับพี่อุ้งขาแรงคนสวยได้ยกมือไหว้ทักทายอย่างเป็นกันเอง และวิ่งวนกลับรูทเดิมที่เราวิ่งผ่านมา เจอพี่ตุ้มสาวสวยแห่ง คนวิ่งยาว ทักทายด้วยการสัมผัสมือ และปรมมือให้กำลังใจ เจอและทักทายหม่อมแม่ แห่งคนวิ่งยาว เช่นกัน (หม่อมแม่ฟิตมาก ในอายุหกสิบกว่าๆ ผมนี่นับถือเลยครับ) เจอน้องแป้งส่งเสียงให้กำลังใจ ว่าสู้ๆ นะพี่แพท ร่างกายตอนนั้นมันเหมือนได้รับพลังบวกมาเต็ม ๆ เพซการวิ่งลดลงประมาณ 4:55 จนมาถึงเนินทั้งหลายที่เราเคยผ่านมา ก็พยายามประคองให้ได้เพซ 5:00 เช่นเดิม แวะจิบน้ำทุก ๆ 4 กิโล และแดดเริ่มมา
ร่างกายเริ่มไม่เหมือนเดิมในช่วงที่เลี้ยวขวาไปยังทางสวนยางพารา สวนผลไม้ ของชาวบ้านซึ่งบรรยากาสดีมาก เริ่มมีตากล้องมาดักยิงเป็นระยะ ๆ แต่ก็พยายามประคองเพซ 5.00
Cr.ReFill
ผ่าน 30 กิโล ที่เวลา 2.30 hr. ยังใจชื้นอยู่ แต่จนแล้วจนรอดมาถึงประมาณ กม. ที่ 32 แดดแรงแบบจัดเต็ม ความเร็วเริ่มแกว่ง ความเร็วตกลงมาเรื่อยๆ ประมาณเพซ 6-9 ช่วงเวลานั้นแวะสถานีน้ำทุกจุด เริ่มมีการเดินบ้าง แวะหยุดกินน้ำนานขึ้น หยุดยืดกล้ามเนื้อบ่อยมาก จนพูดกับตัวเองว่า ถ้าอย่างนั้น พักเดิน 20 วินาที และวิ่งเพซ 5.3 ให้ได้ 1 กิโล (ณ ตอนนั้นสงสารตัวเองมากจริงๆ ไม่เคยเจออาการแบบนี้) ถ้าไม่อย่างนั้นเวลาที่เราตั้งเป้าไว้จะพังทันที
จนมาถึงกิโลที่ 39 หรือ อีก 3 กิโล จะถึงเส้นชัยและจะได้พักแล้ว ตั้งใจหยุดพักเพื่อยืดกล้ามเนื้อเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะตั้งใจกัดฟันวิ่งให้ได้เร็วที่สุดเท่าที่แรงยังเหลือ ตั้งหลักและวิ่งออกไปด้วยเฮือกสุดท้ายจริง ๆ มองดูนาฬิกาเพซลดลงเหลือ 4 กว่าๆ ยาวจนถึงเส้นชัย
ผลปรากฎว่า เราติดอันดับ 3 และเป็นคนไทยคนแรกที่เข้าในกลุ่มอายุ 19-29 ปี ตกใจ!! เพราะไม่ได้หวังเลยกับรายการนี้ขอแค่วิ่งตามเป้าก็ดีใจที่สุดแล้ว
---------------------------------------------------------------------
ชมรมคนวิ่งยาว ขอนแก่น ที่แสนอบอุ่น
หม่อมแม่ผู้แข็งแกร่ง แห่งคนวิ่งยาว
ขอบคุณที่ติดตามครับ