Marathon สุดท้าย ก่อนย้ายรุ่น ใส่หมดไม่มียั้ง

**จากกระทู้ก่อนที่ว่าปวดฟันก่อนจะแข่งทำไงดี ไปหาหมอมาแล้ว หมอยังไม่ให้ถอน แต่ได้ยาแก้ปวดมากิน ก็เลยบรรเทาอาการปวดแล้วไปลงวิ่งระยะ 42 กิโลเมตรตามที่ตั้งเป้าไว้จนจบมาได้ **

** ปีนี้ผมอายุ 29 แล้ว และอย่างที่ทราบกันว่าปีหน้าถ้าจะสมัครงานวิ่งก็ต้องลงรุ่น 30+ เท่านั้น (ปีนี้ยังลงรุ่น 18-29 อยู่) ก็เลยอยากทิ้งทวนก่อนจะต้องขยับรุ่นตัวเองสูงขึ้นไปอีก 1 รุ่น ซึ่งในรุ่นนี้ก็จะเจอนักวิ่งที่ทั้งแข็งและเหนียว **

** วันอาทิตย์ที่ 26 พฤศจิกายน 2560 ออกเดินทางจากสมุทรปราการ เวลา 00.20 น. ไปกับพวกพี่ๆชมรม นางนวลบางปู รวมทั้งหมด 10 คน ลง ระยะ 42 กิโลเมตร จำนวน 3 คน (รวมผมด้วย) ระยะฮาล์ฟ 6 คน และ มินิ 1 คน งานนี้มีเงินรางวัลเป็นที่ล่อใจ นักวิ่งส่วนใหญ่ก็หวังจะไปลุ้นในระยะ 21 กิโลกันทั้งนั้น ส่วนผมไม่ได้หวังเงินหรืออะไรเลย แค่อยากไปพิสูจน์ตัวเองก่อนจะหมดรุ่น 29 เท่านั้นเอง แต่ก็ตั้งใจว่าจะวิ่งให้สุดความสามารถ คือมีเท่าไหร่ก็จะใส่ไม่ยั้ง วัดพลังใจไปในตัว ระหว่างเดินทางก็กินขนมปัง ยูโร่ 2 ชิ้น ขนมปังไร้ขอบ 2 แผ่น ดื่มน้ำตามปกติ (ตั้งแต่ประมาณ 01.00) เพื่อไม่ให้หิวระหว่างวิ่ง **

** เวลาประมาณ 02.50 น. เดินทางถึงหน้างานระยอง งานวิ่ง PTTGC ระยองมาราธอน 2017 ก็พากันเดินไปที่โต๊ะรับสมัคร ก็เขียนใบสมัครตามระยะที่ตัวเองตั้งเป้ากันไว้ แล้วก็เปลี่ยนชุดพร้อมที่จะแข่งขันในเวลา 03.30 น. ระหว่างนี้ก็เดินดูงานไปทั่ว แล้วก็ซื้อ เจลให้พลังงานมา 3 ซองในราคา 200 บาท (ยี่ห้อจำไม่ได้ ซื้อแบบรวมๆกัน) แล้วก็มีวอร์มและยืดเหยียดแบบไดนามิค (วอร์มและยืดเหยียดแบบเคลื่อนไหวร่างกาย) แล้วก็มีการยืดเหยียดแบบสแตติคเล็กน้อย (ยืดเหยียดค้างไว้) เนื่องจากอากาศเย็นมาก ทำให้ไม่ยืดค้างไว้นาน แต่ใช้วิธียืดเหยียดแบบเคลื่อนไหวร่างกายไปเรื่อยๆแทน **

** เวลา 03.15 ก็ไปรวมตัวกันที่จุดสตาร์ท พร้อมปล่อยตัว ก็ฟังโฆษกงานประกาศและให้ประธานในพิธีมาปล่อยตัวนักวิ่ง **

** 03.30 ก็ปล่อยตัวนักวิ่งก็วิ่งตรงจาก พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำระยอง ไปทางหาดสวนสน แล้วก็ย้อนกลับมา ซึ่งผมก็ไม่คุ้นระยะทางอะไรเลย วิ่งตามคนข้างหน้าไปเรื่อยๆ เพราะมางานนี้เป็นครั้งแรก
ระยะทางที่ผู้จัดประกาศในเว็บ

วิ่งกลับมาจากหาดสวนสนแล้วก็มาเลี้ยวขวาก่อนกลับเข้า พิพิธภัณฑ์ แล้วก็เลี้ยวซ้ายไปทางภูเขา ผ่านรีสอร์ท แล้วก็กลับมาวิ่งริมทะเล อากาศดีมาก เย็นมาก เหงื่อออกปุ๊บ ลมพัดมาเหงื่อก็แห้งเกือบจะทันที ทำให้เหงื่อไม่ท่วมร่างกายมาก แต่ขี้เกลือเต็มตัวไปหมด
- ตามแผนคือ ผมจะกิน สนีกเกอร์ ในช่วง 10 กิโลแรก และ จะกินเจล 3 ซอง ใน ระยะ 18 กิโล 27 กิโล และ 34 กิโล
- ผมวิ่งไปพร้อมกับน้องในชมรมคนนึง ส่วนพี่แกนำไปก่อนแล้ว น้องตามผมมาได้ 6 กิโลก็ชะลอความเร็วลงไป (มาราธอนแรกของน้องเขา) ผมก็วิ่งสเต็ปตัวเองไปเรื่อย แล้วก็เห็นที่พื้นเขียน 10 KM ก็เข้าใจว่าเป็น 10 กิโลแล้วก็จัด สนีกเกอร์ตามแผน แต่ก็พลาดเพราะเพิ่งจะ 9 กิโลเอง (ที่พื้นนั้นเป็นระยะเก่าในปีก่อนๆ)
- วิ่งไปเรื่อยๆ กิโลเมตรที่ 18 มีป้ายกับจุดให้น้ำก็กินเจลตามแผน
- 20 กิโลแรก ก็พยายามคุมเพซตัวเองไม่ให้ลงไปต่ำกว่า 5 นาทีต่อกิโลเมตร แต่ก็ควบคุมค่อนข้างยากเพราะไม่มีเครื่องมืออะไรที่ใช้จับระยะทางได้เลย ผมใส่แค่นาฬิกาข้อมือ G-SHOCK แค่นั้นเอง แถมลืมกดเวลาไปตั้ง 5 นาทีกว่า (วิ่งออกมาแล้ว 5 นาทีกว่าเพิ่งรู้ตัวว่าลืมกดจับเวลา) ก็เลยคิดว่าวิ่งไปตามความรู้สึก ถ้าเหนื่อยมากก็ผ่อนลง ถ้าสบายเกินไปก็เร่งขึ้นไปหน่อย
- วิ่งไปได้ กิโลที่ 24 เจอพี่ที่ชมรมที่วิ่งนำผมไปก่อนหน้านี้ ก็เลยวิ่งกับแกอยู่ 1 กิโล แกก็บอกว่าแกนับตัวได้ประมาณ 50 กว่าคน ข้างหน้าแก (แกนับตอนกลับตัวที่หาดสวนสนตอนนั้นแกอยู่คนที่ 30 กว่า แต่แกเริ่มแผ่วและโดนคนอื่นแซงไปอีก) ผมก็นึกขึ้นได้ว่า ระยะ 42 กิโล มีเงินรางวัลเป็น ผู้ชาย 40 คนแรก และ ผู้หญิง 10 คนแรก (ไม่แบ่งอายุ) ในตอนนั้นก็เช็คร่างกายตัวเองว่ายังไหวไหม พอรู้สึกว่าไหวก็เลยขอตัวนำไปก่อน
- ประมาณกิโลที่ 27 แถวกรมอุตุ ผมก็จัดเจลอีก 1 ซองตามแผน ตั้งแต่วิ่งผ่านจากพี่ที่ชมรมก็วิ่งแซงมาได้อีกประมาณ 4 คนก็คิดว่ายังห่างไกลจากเงินรางวัลอีกมากอยู่ เพราะตอนนั้น ที่ 1 ที่ 2 และ ที่ 3 ก็เริ่มวิ่งผ่านผมไปแล้ว (กลับตัวมาแล้ว) ผมก็เริ่มนับคนละว่าตอนนี้ก่อนถึงจุดกลับตัวผมจะอยู่ที่เท่าไหร่
- วิ่งต่อจากกิโลที่ 27 ไปยังจุดกลับตัวผมนับได้ 50 คนพอดีเลย ผมเป็นคนที่ 51 ก็คิดในใจว่าอาจจะมีลุ้นก็เร่งฝีเท้าขึ้นไปอีกนิด
- จากนั้นตลอดทางไปเรื่อยๆก็เร่งขึ้นบ้างแผ่วลงบ้าง ยิ่งผ่าน กิโลที่ 30 กว่าๆไปแล้วบอกเลยว่ามันเร่งไม่ค่อยออกแล้ว แต่ก็พยายามคงความเร็วเอาไว้ เจอคนที่ช้ากว่าก็แซงขึ้นไป ก็แซงไปได้อีกแค่ 3 คนเท่านั้น จากนั้นก็ไปวิ่งคู่กับพี่ท่านนึง ที่ฝีเท้าตอนนั้นใกล้เคียงกัน

ขอวิ่งเกาะไปกับพี่เขาด้วย ผมคนทางซ้าย เสื้อชมรม นางนวลบางปู สีแดง ตอนนั้นหน้าตาเริ่มเหยเกละ 5555 สักพักพี่แกก็หายไป

- ณ ตอนนั้นไม่สนใจเรื่องเงินรางวัลอะไรแล้วขอแค่วิ่งให้เข้าเส้นชัยได้ก็พอ วิ่งไปสักพักก่อนถึงจุดกลับตัวของระยะ 21 กิโล จะมีทีมซัพพอร์ท ก็ขอแวะไปพ่นยานิดนึงครับ

ขอพ่นยาสักนิด ก่อนชีวิตจะหาไม่ (มันล้าได้ยามากระตุ้นก็พอมีแรงฮึดสู้ไปต่อได้)

- วิ่งต่อไป ฮึบๆ กิโลที่เท่าไหร่ไม่รู้แล้ว น่าจะ 30 กว่า ตามแผนต้องกินเจลที่ 34 แต่คิดว่า 36 ดีกว่า อีก 6 โลน่าจะทรมาณน้อยลง (ถ้ากิน 34 ก็จะทรมาณ 8 กิโล) ช่วงนี้จะค่อนข้างวุ่นวายและสับสนครับ เพราะเจอจุดกลับตัว 21 กิโลที่เริ่มวิ่งกันมากลุ่มใหญ่แล้ว สักพัก เจอจุดกลับตัวของระยะ 10 กิโลอีก ฝูงชนเริ่มกลุ่มใหญ่ขึ้น ทำให้เริ่มกังวลแล้วว่าจะฝ่าไปไหวไหม ก็เริ่มหยิบเจลซองสุดท้ายมากินก่อนจะหมดแรง
- วิ่งมาสักพักเจอกลุ่มไมโคร (5 กิโล) อีก คนเดินกันเต็มแน่นเอี้ยดมาก ก็ต้องอาศัยแรงที่เหลือนิดหน่อย ตะโกนเสียงเบาๆว่าขอโทษครับ หลีกทางหน่อยครับ จะไม่ไหวแล้วครับ (55555) จนวิ่งไปทางขึ้นเขา เจอน้องๆ ที่วิ่ง 21 กิโลจากที่ไหนไม่ทราบ แต่เห็นใส่นาฬิกาจับระยะทางได้ ก็เลยเข้าไปสอบถามว่า ระยะของน้องๆกับของผมนั้น วิ่งกลับไปทางเดียวกันหรือเปล่า น้องบอกว่าใช่ก็เลยถามไปว่า เหลืออีกกี่กิโลครับ ตอนแรกน้องตอบว่า 5 กิโล ผมนี่หน้าเหวอเลย สักพักน้องบอก โทษทีพี่ เหลืออีก 2 กิโล จากนั้นผมก็บอกให้น้องๆนำไปก่อนเลย ไม่ต้องลากผม ผมม่ายหวายแล้ว
- วิ่งไปสักพักก็เจอพี่คนเดิมเสื้อฟ้าที่วิ่งตามแกมาช่วงนึง ก็ขอวิ่งประกบไปกับพี่เขาอีกรอบ ตอนนั้นก็ถามพี่เขาว่าเหลืออีกกี่โลครับ พี่บอก ประมาณ 500 เมตร ก็เลยหันไปมองเห็นป้ายพอดี 500 เมตรสุดท้าย โอ้สวรรค์มาโปรดตอนนั้นเหมือนมีแรงฮึดสุดท้าย มันเหมือนเทียนที่ใกล้จะดับ วิ่งฝ่าไปพร้อมกับพี่ 2 คน ฝ่าฝูงชนทุกระยะที่ตอนนี้เดินๆวิ่งๆกันเต็มทางเข้าเส้นชัยกันไปหมด
- วิ่งฝ่าฝูงชนมาถึงหน้าเส้นชัยได้ ผมก็บอกให้พี่แกวิ่งเข้าไปก่อนเลย ผมจะวิ่งตามหลังเข้าทีหลัง ก็เร่งฝีเท้ากันเข้าเส้นชัยไป

** และแล้วเวลาแห่งความภาคภูมิใจก็มาถึง ผมแหงนหน้ามองเวลาด้านบนตรงจุดเข้าเส้นชัย เป็นเวลา 3:31:38 ( 3 ชั่วโมง 31 นาที 38 วินาที ) ตอนนั้นวิ่งเข้าเส้นชัยแล้วน้องๆก็ลุกขึ้นมาเอาป้ายมายื่นให้ เป็นช่วงเวลาที่มันสุดๆเลย ครั้งแรกของผมเลย กับ new pb และ ถ้วยรางวัล ที่ 4 ในรุ่นอายุ 18-29 ปี ถึงจะไม่ได้เงินรางวัล (เพราะเข้าประมาณอันดับ 46-47 ไม่ทัน 40 คนแรก)  แต่มันก็ภูมิใจสุด

ถ่ายรูปคู่กับพี่ๆ คนเสื้อดำจากชมรมเดียวกัน แกลง 21 โลไม่ติดถ้วยแต่ได้เงินรางวัล คนเสื้อน้ำเงินเป็นเพื่อพี่เสื้อดำ

ครั้งแรกกับการขึ้นรับถ้วยรางวัล ถึงตอนนี้ยังไม่หายเหนื่อยและเริ่มจะทะเลาะกับบันไดแล้ว(ล้าจนก้าวขาแทบไม่ไหว) แต่ก็ยังนิ่งๆอยู่


** กลับมาถึงบ้านนี่แบบว่าสลบเหมือดกันไปข้าง แต่ก็กลับมาด้วยความภูมิใจ เพราะเป็นครั้งแรกที่มีรางวัลติดมือกลับมาบ้าน ดีใจสุดๆ **

ทั้งนี้ก็ต้องขอบคุณเจ้าเพื่อนยากด้วยที่ร่วมทุกข์ ร่วมสุขกันมากว่า 3 ปี ผมมีคู่นี้ คู่เดียว ทั้งซ้อม และ แข่ง จนการแข่งนี้ เป็นการแข่งระยะ 42 สุดท้ายของมันแล้ว มันก็ทำหน้าที่ของมันได้ดีที่สุด ขอขอบคุณจริงๆ
แต่ก็ยังจะได้แข่งด้วยกันอีกงานใน งานเดิน-วิ่ง รามาธิบดี มินิ-ฮาล์ฟมาราธอน เพื่อสถาบันการแพทย์จักรีนฤบดินทร์ แถวคลองส่งน้ำ สมุทรปราการ งานนี้ก็ลงระยะ 21 กิโล ก็ไม่รู้จะใส่ได้สุดแค่ไหน วันที่ 10 ธันวาคม 2560 นี้เจอกันครับ แล้วก็คงได้ปลดระวางเจ้าคู่นี้สักที
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่