ธรรมะจากพระผู้รู้ โดย พระ ปราโมทย์ ปา โมชฺโช ค่ะ จาก หนังสือธรรมะใกล้ตัว ฉบับที่ 133 ค่ะ

ดอกไม้ดอกไม้ดอกไม้  ธรรมะจากพระผู้รู้ โดย พระ ปราโมทย์ ปา โมชฺโช ค่ะ  ดอกไม้ดอกไม้ดอกไม้

หัวใจ จาก หนังสือธรรมะใกล้ตัว ฉบับที่ 133 ค่ะ
หัวใจ


ตอนนี้ก็ลำบากกันทั่วๆนะ รู้จักคำว่าเพื่อนร่วมทุกข์หรือยัง
เพื่อนร่วมทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น
เห็นไหมทำท่าจะตายด้วยกันหมดสิ้นแล้วเนี่ย

..โดยธรรมชาตินะทุกคนก็กลัวความทุกข์ เกลียดความทุกข์นะ งั้นเราอย่าไปทำความทุกข์ให้คนอื่น
เรามีชีวิตที่ไม่เป็นหนี้ สะอาดหมดจด ชีวิตที่เบียดเบียนคนอื่น หาความสุขไม่ได้จริงหรอก
รวยแค่ไหนก็ไม่ความสุข มีอำนาจก็ไม่มีความสุข จริงๆคนมีอำนาจ,คนรวยไม่มีความสุข
ตอนนี้คนรวยๆกลุ้มใจเยอะแยะเลย โรงงานจมน้ำไปก็มี ทำท่าจะจมไปก็มี ลำบาก
ลูกจ้างคนยากคนจนก็ทุกข์อีกนะ ตกงาน
มันเป็นภาวะที่ทุกคนมีความทุกข์
ทีนี้บางคนไม่ฉลาดนะ เห็นเพื่อนน้ำไม่ท่วมก็ไปรื้อเขื่อนให้น้ำท่วมเหมือนๆกัน
ถ้าน้ำท่วมเหมือนๆกันแล้วใครจะช่วยใคร ตัวเองก็จะไม่มีใครเข้าไปช่วย
ถ้าบางพื้นที่ยังเหลืออยู่ ยังมีกำลังไปช่วยพวกที่ลำบากได้
ไม่ใช่เฉลี่ยความทุกข์กันแบบนั้นนะ มันไม่ใช่วิธีของชาวพุทธในการแก้ปัญหา

..โลกมันพยายามปรับสมดุลของมัน ที่สูงก็เตี้ยลง ที่ลึกลงไปก็ตื้นขึ้นมา
โดยธรรมชาติแล้วสิ่งทั้งหลายมันก็พยายามปรับสมดุลของมันเอง
จิตใจของเราก็คอยดูแลให้ดี อย่าไปยุ่งกับมันมาก แต่ตามเรียนรู้มันไป มันจะค่อยปรับสมดุลของมัน
จิตหนีไปคิดเราคอยรู้ทันนะ จิตจะได้ค่อยเป็นกลางขึ้นมา ไม่หลงไป
แต่เดิมหลงแรง เพ่งก็เพ่งแรง หลงก็หลงแรง สุดโต่งแรง

ค่อยรู้สึก ค่อยรู้สึกนะ ใจค่อยเป็นกลาง
ช่วงห่าง,ค่าความเบี่ยงเบนแคบลงเรื่อยๆ ความเหวี่ยงของมันแคบลงเรื่อยๆ
ใจไม่หวือหวา ยิ่งภาวนาไปใจลดความหวือหวาลงไปเรื่อยๆรู้สึกไหม ไม่ค่อยหวือหวานะ
ไม่ใช่เหวี่ยงแรง รักก็แรง หลงก็แรงงี้ นี้ชาวโลก แรงมากขึ้นเรื่อยๆ
ของเรามันค่อยๆเข้าหาจุดสมดุล จุดที่เป็นกลางมากขึ้นเรื่อยๆ
ในความเป็นจริงแล้วจิตที่มันเหวี่ยงไปเหวี่ยงมาเพราะเราไปเหวี่ยงมันเข้า
ให้เรามีสติรู้ทันมันไปเรื่อย เราไม่ไปเติมแรงเหวี่ยงให้มัน
มันจะเข้าสู่จุดสมดุลของมันเอง จะหยุด จะหยุดอยู่กับที่ หยุดอยู่กับฐานของมัน
งั้นถ้าเราไม่ไปยุ่งกับจิตมากนะ มีสติไว้เท่านั้น ไม่หลงตามแรงกระทบกระทั่งทั้งฝ่ายดีฝ่ายชั่ว
อารมณ์ที่ดีมากระทบจิตหลงยินดี นี่แกว่งแล้ว
อารมณ์ร้ายมากระทบ อารมณ์ที่ไม่ดีมากระทบ จิตก็หลงยินร้าย นี่จิตแกว่ง
วันหนึ่งๆจิตเราหลงอยู่ในความยินดี หลงอยู่ในความยินร้ายนับครั้งไม่ถ้วน
งั้นจิตนี่แกว่งอยู่ตลอดเวลาเลย ให้เรารู้ทันสิ่งที่มากระทบ
เป็นความสุขมากระทบ เรารู้ทัน ใจไม่หลงยินดี
ความทุกข์มากระทบ เรารู้ทัน ใจไม่หลงยินร้าย
พอใจไม่ยินดี ใจไม่ยินร้าย ใจเข้าสู่ความเป็นกลาง

การเข้าสู่ความเป็นกลางของจิตทำได้หลายแบบ
ทำด้วยสมาธิก็ได้ น้อมใจให้นิ่งอยู่กับอารมณ์อันเดียว มันก็ไม่หลงยินดียินร้ายกับอารมณ์อื่นๆ
แต่มันมักจะหลงยินดีอยู่ในความสุขความสงบของสมาธิเองนั่นแหละยังติดอยู่ตรงนี้อีกทีต้องคอยระวัง
เราคอยเรียนรู้นะ อย่าไปแทรกแซงเค้า
เคยเห็นลูกตุ้มนาฬิกาไหม นาฬิกาโบราณแกว่งอย่างเนี้ย เวลาลานมันหมดใช่ไหม ค่อยๆแคบลงเรื่อยๆ ในที่สุดมันก็หยุด มันไม่แกว่งเพราะไม่มีแรงผลักให้มันแกว่ง
แรงที่ผลักให้จิตเราแกว่งก็คือความยินดียินร้ายนั่นเอง
ทีนี้ถ้าทำสมาธิ จิตไม่ยินดียินร้ายก็ดีเหมือนกัน
แต่มันยังมีวิธีอย่างอื่นอีกที่ทำให้จิตเป็นกลาง วิธีนั้นคือการเจริญปัญญา

นานาของขวัญนานาแต่งตัวนานามาลัยนานาเล่นน้ำนานาก่อทรายนานาเดินทาง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่