สวัสดีครับ
ผมนำทีมชนะรางวัลออกแบบระดับชาติมาอีกชิ้นครับ กับงานประกวดวิจัยอีกชิ้น
ซึ่งตอนที่ได้รับรางวัลก็ดีใจมากๆ ดีใจแบบสุดๆ อยู่สองนาที
แต่หลังจากนั้นก็เคว้ง เพราะไม่รู้จะแชร์กับใคร
เพื่อนที่แข่งด้วยกันก็แยกย้ายไปทำงานของตัวเอง
เพื่อนที่สนิทที่สุดก็ดูๆ อาการอยู่ว่ามันจะเป็นโรคซึมเศร้า ผมกลัวว่าถ้าผมแชร์ว่าผมประสบความสำเร็จ มันจะรู้สึกน้อยด้อยค่าไปอีก (ทั้งๆ ที่งานตัวเองเงินเดือนมากกว่าผมตั้งเยอะ)
ยิ่งตอนนี้ข่าวยิงครั้งใหญ่ที่อเมริกาเสี้ยมให้คนเกลียดมุสลิมอีกแล้ว เพื่อนยิ่งเครียดหนักขึ้น ไม่มีอารมณ์ฉลองอะไร ตอนนี้พ่อแม่เขามาอยู่ด้วยที่คอนโดฯ เพราะเรื่องที่เพื่อนดูมีอาการซึมเศร้า ยิ่งทำให้ห่างๆ กันไป
พ่อเขาก็ไม่ค่อยชอบที่ผมชวนลูกชายเล่นเกมเรื่อย บอกว่าไปชวนให้ลูกเขาเถลไถล ไม่ยอมหาแฟนหรือลงทุนทางธุรกิจ
เพื่อนๆ คนอื่นๆ ก็งานยุ่งกัน บางคนเตรียมย้ายทำงาน บางคนทำวิจัยหัวหมุน ผมไม่อยากไปรบกวนพวกเขาเลย
จะแชร์ทางโซเชียลมีเดียแบบเปิดเผยตัวตน ก็กลัวคนจะหมั่นไส้เหมือนคราวก่อนๆ
(ครั้งที่แล้วคนหมั่นไส้ หาว่าผมใช้เพื่อนร่วมงานผู้หญิงเก่งๆ หลายคนเป็นบันไดไต่เต้า...
มันนินทาไม่ได้ดูหนังหน้าเนื้อนมผมเลย ว่าช่างงด[ความ]งามประหนึ่งหลินจื้ออิง
ถ้าหลินจื้ออิงตากแดด กทม. สามวันติดกันตอนท้องหกเดือนเศษ
ฟังดูแล้วน่าใช้เสน่ห์หลอกล่อมัดใจนางได้ไหมนั่น)
แฟนก็ไม่มี
ผมไม่มีเหตุผลที่ต้องรู้สึกเหงาอย่างนี้เลย ถึงจะประสบความสำเร็จมากมาย แต่สุดท้ายก็อยู่คนเดียว ผมเปิดประตูเข้าบ้าน ก็มีแค่ห้องเหลี่ยมๆ ที่ว่างเปล่า
รางวัลที่แข่งแทบตายกว่าจะได้มา กลายเป็นกระดาษสองแผ่น เพราะไม่มีใครชื่นชมยินดีด้วย
ผมรู้ว่ามีคนโชคร้ายกว่าผมเยอะ มีคนหิวโหย บาดเจ็บ เหงา บางคนพยายามแทบตายก็ไม่เคยได้รางวัลอะไรเลย ผมเข้าใจว่าผมโชคดีแค่ไหน
แต่ความเข้าใจไม่ได้ทำให้หายเหงานี่ครับ
ใครเคยมีช่วงเวลาแบบนี้บ้างครับ และผ่านมันไปได้ยังไงกันบ้าง รบกวนตอบทีครับ
เคยไหมครับ ที่มีข่าวดีแล้วไม่รู้จะแชร์กับใคร ผ่านมันไปยังไงครับ
ผมนำทีมชนะรางวัลออกแบบระดับชาติมาอีกชิ้นครับ กับงานประกวดวิจัยอีกชิ้น
ซึ่งตอนที่ได้รับรางวัลก็ดีใจมากๆ ดีใจแบบสุดๆ อยู่สองนาที
แต่หลังจากนั้นก็เคว้ง เพราะไม่รู้จะแชร์กับใคร
เพื่อนที่แข่งด้วยกันก็แยกย้ายไปทำงานของตัวเอง
เพื่อนที่สนิทที่สุดก็ดูๆ อาการอยู่ว่ามันจะเป็นโรคซึมเศร้า ผมกลัวว่าถ้าผมแชร์ว่าผมประสบความสำเร็จ มันจะรู้สึกน้อยด้อยค่าไปอีก (ทั้งๆ ที่งานตัวเองเงินเดือนมากกว่าผมตั้งเยอะ)
ยิ่งตอนนี้ข่าวยิงครั้งใหญ่ที่อเมริกาเสี้ยมให้คนเกลียดมุสลิมอีกแล้ว เพื่อนยิ่งเครียดหนักขึ้น ไม่มีอารมณ์ฉลองอะไร ตอนนี้พ่อแม่เขามาอยู่ด้วยที่คอนโดฯ เพราะเรื่องที่เพื่อนดูมีอาการซึมเศร้า ยิ่งทำให้ห่างๆ กันไป
พ่อเขาก็ไม่ค่อยชอบที่ผมชวนลูกชายเล่นเกมเรื่อย บอกว่าไปชวนให้ลูกเขาเถลไถล ไม่ยอมหาแฟนหรือลงทุนทางธุรกิจ
เพื่อนๆ คนอื่นๆ ก็งานยุ่งกัน บางคนเตรียมย้ายทำงาน บางคนทำวิจัยหัวหมุน ผมไม่อยากไปรบกวนพวกเขาเลย
จะแชร์ทางโซเชียลมีเดียแบบเปิดเผยตัวตน ก็กลัวคนจะหมั่นไส้เหมือนคราวก่อนๆ
(ครั้งที่แล้วคนหมั่นไส้ หาว่าผมใช้เพื่อนร่วมงานผู้หญิงเก่งๆ หลายคนเป็นบันไดไต่เต้า...
มันนินทาไม่ได้ดูหนังหน้าเนื้อนมผมเลย ว่าช่างงด[ความ]งามประหนึ่งหลินจื้ออิง
ถ้าหลินจื้ออิงตากแดด กทม. สามวันติดกันตอนท้องหกเดือนเศษ
ฟังดูแล้วน่าใช้เสน่ห์หลอกล่อมัดใจนางได้ไหมนั่น)
แฟนก็ไม่มี
ผมไม่มีเหตุผลที่ต้องรู้สึกเหงาอย่างนี้เลย ถึงจะประสบความสำเร็จมากมาย แต่สุดท้ายก็อยู่คนเดียว ผมเปิดประตูเข้าบ้าน ก็มีแค่ห้องเหลี่ยมๆ ที่ว่างเปล่า
รางวัลที่แข่งแทบตายกว่าจะได้มา กลายเป็นกระดาษสองแผ่น เพราะไม่มีใครชื่นชมยินดีด้วย
ผมรู้ว่ามีคนโชคร้ายกว่าผมเยอะ มีคนหิวโหย บาดเจ็บ เหงา บางคนพยายามแทบตายก็ไม่เคยได้รางวัลอะไรเลย ผมเข้าใจว่าผมโชคดีแค่ไหน
แต่ความเข้าใจไม่ได้ทำให้หายเหงานี่ครับ
ใครเคยมีช่วงเวลาแบบนี้บ้างครับ และผ่านมันไปได้ยังไงกันบ้าง รบกวนตอบทีครับ